ตอนที่ ๑๐
เมียของท่านโสม
เช้าวันรุ่งขึ้น โสมต้องนอนปวดเมื่อยเนื้อตัวพร้อมปัญหาสำหรับผู้หญิงก็คือ การมีประจำเดือน หญิงสาวนึกดีใจที่สวมชุดดำทั้งชุดเพราะมันช่วยอำพรางรอยเปื้อนได้ เธอฉวยโอกาสแสร้งโกรธราชันหน้ากากภูตด้วยการกลับไปนอนที่บ้านพักเพื่อที่จะได้ไม่ต้องคอยระวังมากเกินไปและเพื่อตัดปัญหา เธอจึงฝากไปกราบทูลราชันว่าจะลางานเป็นเวลาเจ็ดวัน ห้ามให้ใครมายุ่งวุ่นวายด้วยเด็ดขาด
แต่ภายในไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มีทหารภูตมาหาเธออีกครั้งพร้อมถ่ายทอดโองการจากราชันว่าอนุญาตให้เธอลา
งานได้เจ็ดวัน แต่เจ็ดวันนี้ให้ท่านราชองครักษ์โสมนอนหลับพักผ่อนอยู่แต่ในบ้านพักอย่างสงบและจะจัดอาหารทั้ง คาวหวานมาให้ถึงบ้านพักอย่างเป็นเวลา เรียกได้ว่าอำนวยความสะดวกทุกอย่างจนเธอไม่ต้องเหยียบลงมาจากบ้านพักและเมื่อครบเจ็ดวันลา เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ในเวลาของอาหารค่ำทำให้โสมต้องบิดตัวอย่างเกียจคร้านแล้วลุกขึ้น จากแท่นไปดึงฉากบังตาเพื่อเร้นร่างของตัวเองอยู่หลังฉากแล้วอนุญาตให้คนส่งข้าวส่งนำเข้ามาได้
“ทำไมต้องใช้ฉากบังตา”
โสมหัวใจแทบหลุดลงมากองที่ตาตุ่มเมื่อได้ยินสุรเสียงคุ้นหูดังขึ้น พร้อมเงาตะคุ่มนอกฉากบังตา หญิงสาวตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่ง ก่อนก้มลงมองตัวเองที่ใส่เสื้อสีตุ่นตัวบางจนเห็นรูปทรงหน้าอกอยู่ชัดเจน และก่อนที่เธอจะคิดได้ว่าควรใช้มนต์แปลงกาย เงาพระวรกายสูงใหญ่ก็เคลื่อนมาจนถึงฉากบังตาเสียแล้ว เธอจึงลุกลี้ลุกลนด้วยความแตกตื่นหันไปดึงผ้าม่านหน้าต่างมาคลุมศีรษะแล้วนั่งหันหลังให้ฉากบังตาก่อนดัดเสียงหวานแล้วพูด “รอก่อนเถิดท่าน อย่าล่วงเข้ามาหลังฉากนี้เลย”
โสมใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ภาวนาขอให้ราชันไพรสัณฑ์ทำตามที่ขอร้องด้วยเถอะ
“สตรีรึ เจ้าเข้ามาทำอะไรที่นี่ เข้ามาได้อย่างไร” สุรเสียงห้าวเข้มขึ้น แต่ก็ไม่ล่วงเข้ามาหลังฉากตามที่ถูกขอร้อง พระเนตรคมโตภายใต้หน้ากากภูตหรี่ลงมองไปยังหลังฉากเห็นภาพร่างอรชรมีผ้าคลุมศีรษะนั่งหันหลังให้ ลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาทางหน้าต่างโชยกลิ่นหอมระรื่นละม้ายกลิ่นเครื่องหอมสตรีมาต้องนาสิกจนพระทัยหวิวหวามอย่างไม่อาจห้ามได้
“เราไม่ใช่คนที่นี่ แต่เพราะคิดถึงจึงมาเยี่ยมโสม” หญิงสาวกลืนน้ำลายดังเอื๊อก รู้สึกถึงสายตาทิ่มแทงมาจากข้างหลังจนร้อนๆ หนาวๆชอบกล “หากท่านต้องการพบโสม เราจะไปปลุกเขาให้ ขอเพียงแต่ท่านอย่าตามดูเรา”
ไม่มีสุรเสียงตอบกลับมาให้อุ่นใจแต่วรกายสูงใหญ่ที่ปักหลักอยู่ที่เดิมพอจะเป็นคำตอบให้ได้ หญิงสาวจึงค่อยๆ ลุกขึ้น เดินเลียบออกไปอีกห้องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างกันเพียงม่านผ้ากั้น รีบเข้าไปห้องนอนซึ่งอยู่ลึกสุดแล้วเร่งร่ายมนต์แปลงกายอย่างชำนิชำนาญก่อนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนาขึ้น ยีหัวตัวเองให้ยุ่งๆ ทำหน้าเหมือนคนที่ถูกปลุกขึ้น จากเตียงใหม่ๆ แล้วเดินอาดๆ อ้อมม่านผ้าหนากั้นห้องไปหลังฉากกั้น แล้วพับฉากเก็บ
“นางไปปลุกฉันตื่นบอกว่ามีภูตมาหา ที่แท้ก็ราชันหน้ากากภูตนี่เอง” โสมดัดเสียงห้าวดังเดิม แกล้งหาว ทำท่าง่วงงุน “ท่านมีธุระอะไรหรือ วันนี้ฉันยังลางานอยู่นะ”
“นางเมื่อครู่บอกข้าว่านางเป็นชาวฟ้า คิดถึงท่านจึงมาหา” ราชันหน้ากากภูตรับสั่งก่อนประทับที่แท่น
“จะถามงั้น หรือว่านางเป็นใคร” โสมตีทำหน้าง่วงงุน ขณะที่สมองเร่งหาคำพูดมาอธิบายให้ราชันเชื่อให้ได้ “นางเป็นเมียของฉันชื่อตมิสา เพราะฉันอยู่ในช่วงพักผ่อนอยู่ นางจึงมาปรนนิบัติ”
“เมียของท่าน?!” ราชันหนุ่มรับสั่งเสียงสูงคล้ายไม่อยากจะเชื่อ “ท่านมีเมียแล้วรึ”
“แปลกรึไง ฉันเองก็รูปงามอยู่ จะมีเมียสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก” โสมแกล้งทำเสียงโอ่ “ว่าแต่ท่านมาถามเรื่องเมียของฉัน ต้องการให้ฉันเข้าใจว่าท่านกำลังคิดยุ่มย่ามหรือเปล่า”
“ข้าเพียงแปลกใจที่เมียของท่านเพิ่งจะมาเอาป่านนี้” ราชันหนุ่มลูบพระหนุช้าๆ
ทำเอาหญิงสาวร้อนจนเหงื่อซึมหน้าผากต้องรีบยกแขนเสื้อขึ้นเช็ด
“อีกอย่าง… ท่านมีเมียแล้ว ทำไมยังเที่ยวหว่านเสน่ห์ไปทั่ว”
“เอ้อ… แหม เกิดเป็นชายทั้งที ทำไมถึงจะรักถนอมสตรีหลายคนไม่ได้” เธอตอบหน้าตาระรื่นอย่างสมจริง
“ข้าเคยคิดเช่นท่าน สมัยเป็นหนุ่มน้อยข้าเองก็ชื่นชมสตรีมากหน้าหลายตา แต่เมื่อข้าก้าวขึ้นตำแหน่งราชันแล้ว… เรื่องที่ทูลกระหม่อมพ่อเล่าให้ฟังทำให้ข้ากลับตัวกลับใจ” ราชันหนุ่มรับสั่งเสียงเรียบ
“แต่ก่อนทูลกระหม่อมพ่อมีสตรีมากมาย ครั้นทรงรักทูลกระหม่อมแม่แล้ว ก็ทรงทุ่มเทความรักและทรงซื่อสัตย์ต่อทูลกระหม่อมแม่เพียงพระองค์เดียวเพราะทรงรู้ว่าทูลกระหม่อมแม่ไม่สบายพระทัยเรื่องสตรีของพระองค์มากเพียงไร พอทูลกระหม่อมแม่กลับสู่สวรรค์ก็ทรงครองพระองค์ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสตรีใดไปตลอดชั่วชีวิต ข้าเองก็จะยึดมั่นครองคู่กับสตรีที่รักเพียงคนเดียวเหมือนพระองค์ท่าน”
โสมปากอ้าตาค้างมองราชันไพรสัณฑ์ หากคิดไม่ผิดเธอกำลังถูกตำหนิว่าที่เป็นชายมากชู้ ในสภาพสังคมที่ผู้หญิงเป็นเหมือนทรัพย์สมบัติเช่นนี้ จะหาผู้ชายที่คิดจะครองรักกับผู้หญิงเพียงคนเดียวได้ยากยิ่ง แต่ชายผู้ทรงอำนาจที่สุดในกณวรรธน์นครซึ่งสตรีทั้งแผ่นดินยินดีจะถวายตัวให้กลับรับสั่งออกมาเต็มคำว่าจะรักเดียวใจเดียว!
“หากท่านยังมีแม่หญิงตมิสาเป็นเมียเพียงคนเดียวอยู่ ก็ยังพอที่จะแก้ไขได้ ท่านควรทำดีกับนางให้มาก สตรีย่อมต้องชอกช้ำ เมื่อบุรุษผู้เป็นสามีไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อนาง ถึงแม้นางจะไม่พูดออกมาก็ตามแต่เราย่อมต้องรู้ เราจะอาศัยความเห็นแก่ตัวสร้างวัฒนธรรมที่สามีรักสตรีได้หลายคนแต่ภรรยาต้องซื่อสัตย์กับสามีคนเดียวอย่างนั้นหรือ นั่นเป็นการรังแกและย่ำยีหัวใจสตรีผู้อ่อนแอโดยแท้ เป็นเช่นนั้น เราสามารถเรียกตนว่าเป็นบุรุษผู้ห้าวหาญได้หรือ”
โสมได้แต่จ้องพระองค์ตาค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าวันนี้เธอจะได้เจอผู้ชายที่เป็นเฟมินิสต์ตัวจริง!
“ในเมื่อเมียท่านคิดถึงและมาเยี่ยมดูแลปรนนิบัติท่านเช่นนี้ ข้าก็จะไม่กวนท่าน” รับสั่งเสร็จก็ตบพระหัตถ์สองทีให้ทหารภูตยกสำรับเข้ามา
“สำรับนี้น้อยเกินไปสำหรับสองคนรึไม่ ให้ข้าจัดหาให้ท่านอีกสำรับไหม ที่แล้วมาทำไมท่านไม่สั่งสำรับเพิ่มนะ”
“อ้อ… ความจริงแล้วเราสองก็ไม่ค่อยได้มีเวลากินกันเท่าไร” โสมใจเกือบหล่นหายเพราะนึกไม่ถึงเรื่องสำรับอาหาร แต่ยังดีที่ไหวพริบสั่งว่าให้พูดออกนอกเรื่องที่ราชันจะถามไม่ได้เสีย ซึ่งคงมีแต่เรื่องของ ‘สามีภรรยา’
เท่านั้น ที่จะทำให้พระองค์ไม่ตั้งคำถามได้
“แล้วนางจะมาอยู่กับท่านที่นี่เลยรึไม่” ราชันหน้ากากภูตรับสั่งถาม
“ไม่ล่ะ พอต้องทำงานก็จะให้นางกลับไป ไม่อยากมีห่วง” โสมรีบปฏิเสธ แต่เธอมองเห็นช่องทางบางอย่างแล้ว “จะว่าไป… ฉันคงต้องขอหยุดงานเดือนละเจ็ดวันติดต่อกันทุกเดือน ฉันกำลังทำตามที่ท่านสอนเลยนะ ทำให้เมียของฉันมีความสุข ดีกับนางมากๆ ไงล่ะ”
“หากเป็นเพราะเหตุผลนี้ล่ะก็ ย่อมได้” ราชันประทานอนุญาตอย่างพระทัยกว้าง “เพราะทุกวันนี้ข้าก็ใช้งานท่านทำงานทุกวันไม่ว่างเว้น ได้กำไรไปมากแล้ว”
“เป็นพระกรุณายิ่งแล้วพระเจ้าค่ะ!” โสมประชดเข้าให้
แต่ราชันหน้ากากภูตกลับทรงแสร้งทำเป็นไม่รู้
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ”
ราชันไพรสัณฑ์ทรงพระดำเนินกลับ
โสมลุกขึ้น แล้วเดินตามไปส่งเสด็จจนถึงหน้าบ้านพักที่เหล่าทหารภูตยืนตรึงกำลังอารักขาอยู่
เมื่อราชันเสด็จกลับไปแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่สามารถเอาตัวรอดไปได้อีกครั้งหนึ่ง!
เช้าวันต่อมา โสม พยัคฆ์ดำรงก็ลงจากบ้านพักเพื่อไปรายงานตัวกับราชันไพรสัณฑ์ แต่ผู้ที่รออยู่หน้าเรือนชานกลับเป็นหญิงสาวโฉมสะคราญนางหนึ่งซึ่งดูจากเครื่องแต่งกายแล้วนางคงเป็นนางกำนัล ครั้นนางเห็นเจ้าของเรือนก็รีบเร่งเดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าร้อนอกร้อนใจจนโสมคิดว่าคงมีเรื่องร้ายใหญ่โตบางอย่างเกิดขึ้น
“แม่หญิงมีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยรึ” โสมเอ่ยถาม
“ได้ยินข่าวมาว่า คุณท่านมี… เอ่อ… ภรรยาแล้ว จริงหรือเจ้าคะ”
นางกำนัลที่โสมจำไม่ได้แม้แต่ชื่อเอ่ยถามทันที หญิงสาวได้แต่กระพริบตาปริบๆ แปลกใจว่าทำไมถึงมีคนรู้ข่าวเรื่องนี้เร็วนัก
“จริง” เธอตอบสั้น ๆ นวลนางหน้าง้ำงอต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว “แม่หญิงทราบข่าวเรื่องนี้ได้ยังไง”
“เขาลือกันทั่วตั้งแต่เช้ามืดแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลสาวตอบหงอยๆ
“ทำไมพวกเราไม่เคยเห็นภรรยาของคุณท่านเลย” นางกำนัลเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“นางจะมาพบฉันได้แค่เดือนละเจ็ดวันเท่านั้น ” โสมตอบอย่างขอไปที
“เช่นนั้น แล้วคุณท่านไม่เหงาหรือเจ้าคะ” นางรีบถาม ในขณะที่โสมกำลังคิดว่าจะตอบยังไง ดวงตาของนางก็พลันเป็นประกายความหวัง ดวงหน้าขึ้น สีระเรื่อด้วยท่าทางเอียงอายอย่างที่ทำให้โสมสังหรณ์ใจบางอย่าง
“อิฉันเต็มใจที่จะปรนนิบัติคุณท่านนะเจ้าคะ ขอเพียงคุณท่านเรียกหาเท่านั้น ”
“ขอบใจแม่หญิงมาก” โสมฝืนตอบเสียงนุ่ม หากจะสังเกตสักนิดจะเห็นว่าหญิงสาวในคราบชายหนุ่มถอยหลังออกห่างจากร่างแน่งน้อยเสียสองถึงสามก้าว
“คุณท่านโปรดรับสิ่งนี้ไป” นางดึงถุงผ้าขนาดเล็กที่เหน็บไว้ในผ้าแถบบริเวณร่องอกออกมาต่อหน้าต่อตาโสมมาส่งให้อย่างขัดเขิน “มันเป็นถุงหอมที่อิฉันพกติดตัว แต่วันนีอิ้ฉันขอมอบให้คุณท่าน”
“อ่า… ขอบใจ” เธอยื่นมือไปรับถุงหอมแล้วจะด้วยบังเอิญหรือจงใจไม่ทราบทั้ง ที่เธอพยายามจะไม่สัมผัสโดนมือนางแล้วแต่ก็โดนนิ้วเรียวนั้นลูบบนฝ่ามือจนทำให้ขนลุกซู่
“อิฉันไม่รบกวนคุณท่านแล้วเจ้าค่ะ” นางกำนัลสาวที่โสมไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อชม้ายตาให้อย่างอ้อยอิ่งก่อนจะปล่อยมือโสมอย่างอิดออดเสียดาย
ในที่สุดโสมก็มาถึงพระตำหนักสุริยัน เธอรีบเข้าไปในพระตำหนักสุริยันที่เวลานี้เป็นสถานที่หลบภัยจากอิสตรีได้ดีที่สุด เพราะไม่มีนางกำนัลนางไหนสามารถเหยียบเข้ามาที่นี่ได้หากไม่ใช่พระประสงค์ของราชัน
“ท่านมาสาย” สุรเสียงของราชันไพรสัณฑ์ซึ่งวันนี้ทรงหน้ากากภูตครึ่งหน้าดังขึ้น ทันทีที่สองเท้าของโสมก้าวเข้าไปในห้องทรงงาน
หญิงสาวไม่สนใจจะตอบ กลับทิ้งตัวนั่งบนแท่นของตัวเองด้วยอาการหัวเสีย ก่อนจะเล่าสั้น ๆ ถึงเหตุการณ์ที่พบมาเมื่อครู่
“เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ด้วยรึ” สุรเสียงของผู้ที่รับสั่งถามเจือความสนุกสนานไม่น้อย
“… เอาเป็นว่าระยะนี้เป็นตายอย่างไรฉันจะไม่ห่างจากท่านเด็ดขาด อย่างน้อยหากฉันอยู่กับท่านก็จะไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้ามาหาอีก” หญิงสาวกระชากเสียงหงุดหงิด
“จะอยู่กับข้าทั้ง วันทั้งคืนรึ” ทรงหยั่งสุรเสียงถาม “ท่านไม่กลัวใครครหาว่าท่านมีอะไรลึกซึ้งกับข้ารึ”
“ใครจะไปคิดอย่างนั้น ท่านนี่ก็แปลก” โสมหัวเราะอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน “ต่อให้ท่านมาจูบปากฉัน ก็ไม่มีใครกล้าคิดอะไรอย่างนั้นหรอก”
“จริงรึ”
“จริงสิ”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะลองดู” สุรเสียงดังขึ้นละม้ายอยู่ใกล้หู หญิงสาวเปิดตาขึ้น แล้วหันไปทางต้นเสียงจึงพบกับหน้ากากภูตครึ่งหน้าที่ทำให้เห็นพระโอษฐ์หยักลอยอยู่ตรงหน้า พระพาหาแข็งแกร่งรวบตวัดเข้าที่เอวของเธอแล้วรั้ง เข้าไปหาก่อนที่จะก้มพระพักตร์ลงมาสู่เป้าหมาย
หือ?!