ตอนที่ ๑๑
สิ่งที่ต้องการ
โสมเบิกตากว้าง ตัวแข็งด้วยความตื่นตระหนก สัมผัสที่กดอยู่บนริมฝีปากทำให้ร่างกายร้อนวูบ
นี่มันอะไรกัน!
“ทำหน้าอย่างกับจะตาย ท่านคิดว่าข้าจะฝืนใจทำได้จริงๆ หรือ” ราชันไพรสัณฑ์รับสั่งขณะพระดัชนีแกล้งกดย้ำลงไปแรงๆ บนริมฝีปากนุ่มละมุน “หากท่านเป็นสตรีแล้วละก็ ข้าคงต้องขอจุมพิตท่านสักคราอยู่หรอก อย่าน้อยใจไป”
รับสั่งจบก็ทรงพระสรวลทั้ง ที่พระพักตร์ยังลอยอยู่ใกล้ดวงหน้าแดงระเรื่อ พระดัชนีก็ยังกดย้ำอย่างหยอกเย้า พระองค์คงจะสนุกสนานต่อไปหากไม่เห็นดวงตาสีน้ำเงินคู่สวยมีแววประหม่าซึ่งปลุกความรู้สึกวาบหวามของพระองค์ให้ตื่นขึ้น อย่างยากที่จะควบคุม
ราชันไพรสัณฑ์อยากละสายพระเนตรจากโสมแต่ก็ทำไม่ได้ ละม้ายถูกดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นสะกดให้ลุ่มหลง พระดัชนีเลื่อนจากริมฝีปากลูบไล้ผิวแก้มนุ่มอย่างเลื่อนลอย เกินกว่าจะห้ามพระทัยอีกต่อไป เมื่อทรงก้มลงหมายสัมผัสความนุ่มนวลประดุจดอกไม้แรกแย้มที่เชิญชวนอยู่เบื้องหน้า
“ราชองครักษ์หิรัญขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” เสียงของมหาดเล็กปลุกให้ทั้งคู่ตื่นจากภวังค์
โสมผละออกจากอ้อมพระพาหาไปยืนจ้องมองราชันหนุ่มด้วยความตื่นตระหนก
“ฉัน… ฉันจะไม่อยู่สักระยะ จะไปหาธรรม์” หญิงสาวในคราบราชองครักษ์หนุ่มพูดเสียงรัวด้วยสติที่ยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วรีบออกจากห้องผ่านหน้ามหาดเล็กและราชองครักษ์หิรัญที่มองตามหลังด้วยความสงสัย
“ราชัน” มหาดเล็กทูลเรียกพระสติเบาๆ แต่ก็ไม่อาจทำให้ราชันหนุ่มรู้สึกพระองค์สักนิด
ที่ผ่านมาข้าพึงใจในสตรีมาตลอด ไม่เคยหวั่นไหวกับเพศเดียวกัน แต่ไฉนกับคนผู้นั้นแล้วละม้ายมีมนตร์สะกดบางอย่างทำให้ข้าลุ่มหลงมัวเมาลืมตนจนถึงขั้นพลั้งเผลอไปได้ รึข้าจะผิดปกติไปเสียแล้ว!
โสม พยัคฆ์ดำรงเผ่นออกจากวัง ในสมองของเธอครุ่นคิดแต่เรื่องเมื่อครู่ ราชันไพรสัณฑ์ทรงจะจุมพิตเธอหรือ ที่สำคัญกว่านั้น คือเธอเองก็เคลิ้มตามไป หากราชองครักษ์หิรัญไม่มาเข้าเฝ้าราชันตอนนั้น เห็นทีเธอคงยอมให้พระองค์จุมพิตเอาง่ายๆ
นี่เธอเป็นอะไรไป! หน้าตาราชันไพรสัณฑ์เป็นยังไงเธอยังไม่เคยเห็น กลับไปโอนอ่อนผ่อนตามพระองค์ได้ถึงเพียงนี้ น่าตกใจกว่าเรื่องไหนก็คือพระองค์มีพระดำริจะจุมพิตเธอทั้งที่เธอปลอมตัวเป็นผู้ชายและพระองค์ก็ยังไม่ทรงทราบความจริงนี้
โสมเดินดุ่มๆ เข้าป่า ปลดเสื้อคลุมออกพับเป็นห่อผ้าแล้วถอดหน้ากากใส่ห่อผ้าสะพายหลังเอาไว้ จึงเหลือเพียงเสื้ ผ้าฝ้ายสีดำและโจงกระเบนสีดำพร้อมอาวุธที่คาดอยู่บนเอว หญิงสาวคิดว่าราชันไพรสัณฑ์ชักจะยังไงเสียแล้ว เพราะฉะนั้นพระองค์ต้องถูกขึ้นบัญชีเป็น ‘บุคคลอันตรายต่อความบริสุทธิ์ผุดผ่อง’ ของเธอไปโดยปริยาย
ใครเล่าจะเชื่อว่าราชันหนุ่มที่เคยเจ้าสำราญกับเหล่าสตรีหลายนางมาในเก่าก่อนจะทรงโปรดปราน ‘ความแข็งแกร่งที่อ่อนแอ’ แบบนี้ด้วยเช่นกัน
โสมถอนหายใจ ทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นใต้ต้นไม้ใหญ่พลางปลุกปลอบตัวเองว่า ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจึงรอดปลอดภัย’ เธอกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีเพราะถึงแม้จะกราบทูลราชันไปว่าจะไปหาธรรม์ แต่เธอไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ตามนัดแล้วกว่าจะได้เจอเขาก็อีกหลายวันเสียด้วย แต่ก่อนที่โสมจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น ก็ต้องสะดุ้งโหยง ตาเบิกโพลง เมื่อ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือคนที่กำลังนึกถึงอยู่ ธรรม์เดินก้าวออกมาจากรอยแหวกของหลุมมืดเบื้องหน้าราวกับเป็นวิญญาณ ธรรมเองก็ตกใจเช่นกันก่อนร้องทัก “แม่หญิงมานั่งทำอะไรที่นี่”
ชายหนุ่มก้าวเข้านั่งตรงหน้าเธอ มองเธออย่างสำรวจ “ข้าเหยียบโดนแม่หญิงหรือไม่”
หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ “ฉันเพิ่งคิดถึงท่านอยู่เมื่อครู่นี่เองแล้วท่านก็มาอยู่ตรงหน้า ก็เลยแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ”
ธรรม์เลิกคิ้วอย่างครุ่นคิดก่อนจะเผยยิ้มบางอย่างที่ทำให้โสมรู้สึกร้อนตัวขึ้นมา
หญิงสาวหรี่ตามองประกายตาระยิบระยับของชายหนุ่ม ขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่อชายหนุ่มถือวิสาสะขยับเข้ามานั่งอย่างใกล้ชิด
“ความ ‘คิดถึง’ ของแม่หญิงแรงกล้านัก ข้าจึงได้ปรากฏตัวต่อหน้าแม่หญิงทันทีอย่างไรเล่า”
โสมส่ายหน้าให้กับคำหวานของธรรม์ด้วยความระอา ในใจนึกประหวัดถึงสิ่งที่ราชันหน้ากากภูตพูดย้ำมา ราชันอยากให้เธอเกลี้ยกล่อมเขาให้ออกจากเมืองลับแลมาใช้ชีวิตในเมืองตามปกติ ฟังดูแล้วก็เป็นเรื่องดี แต่ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบางอย่างแอบแฝงหรือเปล่า แน่ล่ะเธอไม่อยากเป็นเครื่องมือให้กับใคร
“แม่หญิงคิดถึงข้า ต้องการอะไรหรือไม่” ธรรม์ที่เอ่ยถามเสียงระรื่น เมื่ออยู่ใกล้สตรีนางนี้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นอิสระและผ่อนคลายเหลือเกิน เขาเริ่มรู้สึกอยากจะเก็บนางไว้ข้างตัวเช่นนี้ตลอดไป
“ท่านยังไงล่ะ” โสมโพล่งออกมาดื้อ ๆ อยากจะลองเสี่ยงเดิมพันว่าเขาจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการจริงหรือไม่ หากเขายอมให้ เรื่องก็จะง่ายขึ้น แต่ถ้าไม่ยอมก็ต้องใช้ไม้แข็ง
“แม่หญิงบอกว่าต้องการข้าอย่างนั้น หรือ” ธรรม์ทวนสิ่งที่หญิงสาวต้องการ ดวงหน้าหล่อเหลาปานเทพบุตรขึ้น สีระเรื่อเล็กน้อย ดวงตาพราวระยับฉายรอยกรุ้มกริ่ม ริมฝีปากรูปสวยแย้มเป็นรอยยิ้ม ที่ชวนให้หัวใจหยุดเต้น หญิงสาวเห็นชายหนุ่มมีท่าทางเช่นนั้น ก็รีบแก้ความเข้าใจผิดของชายหนุ่มเป็นพัลวัน
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ต้องการท่านเช่นนั้น โธ่เอ๊ย!”
“ที่แท้… แม่หญิงต้องการข้า” ธรรม์ยิ้ม นัยน์ตาพราว ทอดเสียงอ่อนพอๆ กับความอ่อนหวานที่ฉายอยู่บนใบหน้า “ข้าก็ต้องการแม่หญิง”
โสมสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เธอสื่อสารกับเขาพลาดไปไกลเลยทีเดียว และได้แต่ย้ำท่องอยู่ในใจว่าไม่รู้สึกอ่อนแรงเมื่อมือใหญ่ประคองมือของเธอขึ้นจุมพิตปลายนิ้ว ไม่ได้สะเทิ้นสะท้านเมื่อลมหายใจอุ่นพร่างพรมลงบนผิวบาง ไม่ได้หัวใจเต้นแรงยามดวงตาพราวระยับงามจับตาช้อนขึ้นมองเธอ ไม่ได้… ไม่ได้หวั่นไหวสักนิด… ไม่เลย…
“นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะ” โสมรวบรวมแรงกายแรงใจดึงมือออกจากมือใหญ่แล้วพูดด้วยเสียงที่แอบซ่อนความรู้สึก
“ข้าก็ไม่ได้ล้อเล่นสักนิด” ธรรม์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“บางทีท่านควรฟังให้แน่ใจก่อนว่าฉันต้องการอะไรจากท่าน” โสมพูดเสียงติดเย็นชาเพื่อรักษาระยะห่างทั้งทางกายและจิตใจ “เป็นเพราะท่านไม่ยอมเลือกฝ่ายให้ชัดเจนจึงทำให้เรื่องวุ่นวาย ฉันขอเสนอให้ท่านออกมาประกาศตนสักที ว่าท่านจะเอาอย่างไรกันแน่”
ธรรม์มีท่าทางเคร่งขรึมลงไปนิดหนึ่ง “หากข้าไม่ตกลงล่ะแม่หญิง”
“อย่าเพิ่งปฏิเสธสิ ท่านคงไม่คิดให้คนของท่านอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆแบบนี้ต่อไปชั่วลูกชั่วหลานหรอกนะ” โสมหาเหตุผลมาหว่านล้อม “ตอนนี้แม้ว่าสถานการณ์จะไม่ปกติอยู่บ้างแต่ก็เป็นโอกาสที่พวกท่านจะได้ใช้ชีวิตอย่างปกติด้วยความชอบธรรม ท่านเป็นผู้นำย่อมต้องคิดถึงคนหมู่มากไม่ใช่หรือ ลองเอาไปตรองดูหน่อยเถอะ”
“แม่หญิงพูดเก่งเหลือเกิน” ชายหนุ่มยิ้มชืดแล้วถอนใจ “เรื่องนี้ขอข้าคิดอีกสักนิด ไม่สามารถบุ่มบ่ามลงมือทำอะไรลงไปได้จริงๆ”
“ฉันเข้าใจ ขอแค่ท่านเก็บเรื่องนี้ไปตรองดูให้หลายเที่ยวแล้วตัดสินใจอย่างฉลาดก็เป็นพอ”
“มีนิสัยห้าวหาญไม่ยอมแพ้เสียจริง” คราวนี้เขายิ้ม ให้อย่างจริงใจก่อนจะทำตาเจ้าเล่ห์ “ข้าอาจจะต้องเก็บเรื่องนี้ไปตรองนานเสียหน่อย แต่ถ้าได้รับความพอใจบางอย่างก็อาจทำให้ตัดสินใจได้เร็วขึ้น ”
“ท่านเองก็รู้ว่าหากสถานการณ์เปลี่ยนไปจากตอนนี้ข้อเสนอก็ต้องเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ท่านคงไม่คิดจะรั้งเหตุการณ์ให้ยืดเยื้อ ต่อไปอีกหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้น หากข้าขอร้องให้แม่หญิงไปเป็นเพื่อนข้าในวันนี้แม่หญิงจะกรุณาข้าหรือไม่”
“เห็นว่าขอร้องหรอกนะ” โสมลุกขึ้น แล้วแสร้งมองไปทางอื่นเพื่อที่จะไม่มองสีหน้าของธรรม์ให้ขัดเขินด้วย “แต่ฉันคงต้องเปลี่ยนตัวเองเสียหน่อย ออกไปสภาพนี้คงไม่ดีทั้งกับตัวฉันและตัวท่าน”
หญิงสาวกำหนดเจตจำนงถอนมนตร์แปลงกายในทันที ดังนั้นจึงรู้สึกโหวงหวิวที่หน้าอกเปลือยเปล่าไม่ได้ เธอยื่นมือไปหยิบฉวยเอาผ้าขาวม้าบนเอวของชายหนุ่มมาพาดปล่อยชายทั้งสองข้างมาปิดหน้าอก “ท่านไปหาชุดผู้หญิงมาให้ฉันสักชุดสิ ฉันไม่ได้เตรียมมาน่ะ เดี๋ยวรออยู่แถวนี้แหละ”
“อยู่คนเดียวอันตราย” เขาบอก แล้วก็ต้องลอบสูดหายใจเข้าลึกเมื่อเห็นเธอร่ายมนตร์ทำให้ผมยาวได้อย่างง่ายดาย
“ท่านคิดว่ากำลังคุยอยู่กับใคร” โสมเลิกคิ้วให้ สางผมยาวสลวยลื่นมือเล่น พลางร่ายมนตร์ประพรมทั่วทั้ง สรรพางค์ของตนให้หอมระรินราวกับดอกไม้เช่นสตรีที่มักพกถุงหอมติดกาย กฎของการปลอมตัวก็คือการทำให้กลมกลืนเธอจึงปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด “เห็นแก่ที่ท่านเป็นห่วง ฉันจะพรางกายเอาไว้แล้วกัน”
ธรรม์เห็นโสมหายไปต่อหน้าต่อตาทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มตกตะลึงเพราะไม่เคยพบเห็นสตรีที่เชี่ยวชาญอาคมมากเช่นนี้มาก่อน เห็นทีที่ประมือกันครั้งนั้น แม่หญิงโสมจะออมมือให้เขา
“แม่หญิงอยู่ตรงไหนล่ะนี่ อ้อ… ข้าจะหาเอง” ชายหนุ่มก้าวเข้าไปแล้วยื่นใบหน้าสูดดมหากลิ่นหอมระรินจนเจอ รอยยิ้มของเขาคงใกล้จะแตะเนื้อนวลเต็มทีเพราะกลิ่นกายสาวอยู่ใกล้จมูกมาก “ชื่นใจเสียจริงแม่เนื้อหอม”
เขารีบเผ่นด้วยการใช้วิชาย่อจักรวาลไปที่อื่นในทันทีเพราะรู้ว่าหญิงสาวผู้กำลังขัดเขินตอนนี้จะต้องลงมือลงไม้กับเขาอย่างแน่นอน กระนั้น ก็ยังได้ยินเสียงของเธอแว่วมาเป็นใจความที่ทำให้เขาร้อนใจจนแทบจะใช้วิชาย่อจักรวาลกลับไปซักเธอให้ขาว
“วันนี้เป็นวันวิปโยคของฉันรึไงนี่ รอดพ้นจากราชันมาได้หวุดหวิดก็เกือบไม่พ้นมือธรรม์!”