ตอนที่ 21-1
พบฉางเล่อครั้งแรก เปิดตำนานการจีบสาว
มู่เกอที่เดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร หันหลังไปมองประตูใหญ่ข้างหลังตัวเธอที่ค่อยๆ ปิดลง แล้วปัดเสื้อเบาๆ ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ได้มีฝุ่นเกาะอยู่เลยแม้แต่น้อย แล้วเดินตามขันทีน้อยไปที่ตำหนักของไทเฮา พอเธอเข้าวังมา ก็เข้าไปรออยู่ในห้องทรงพระอักษรไม่คิดว่ายังไม่ทันที่จะได้พบฮ่องเต้ กลับมีขันทีของไทเฮามาหาแทน บอกว่า หลังจากที่เธอคุยกับฮ่องเต้เสร็จแล้ว ให้ไปพบไทเฮาเพื่อถวายพระพร
สุดท้ายฮ่องเต้ที่ยังไม่ปรากฏตัวไม่รู้ว่าทรงทราบข่าวนี้ได้อย่างไร ไล่เธอออกมาเหมือนไล่ขอทาน แล้วยังบอกอย่างใจกว้างว่า ถ้าไทเฮาทรงอยากพบก็ไม่กล้าที่จะให้พระองค์ต้องรอนาน ให้เธอรีบไปก่อน วันหลังค่อยเรียกเธอเข้าวัง
ฮ่องเต้เฮงซวย เอาแต่ใจอย่างนี้เลยรึ?
มู่เกอสายตาเย็นเยียบ ระหว่างทาง ก็สังเกตบรรยากาศของพระราชวังไปด้วย และคาดเดาจุดมุ่งหมายของการกระทำของฮ่องเต้ไปด้วย อยากจะให้คนอื่นๆ เห็นว่าเขายังคงปลาบปลื้มตระกูลมู่อยู่ แต่ก็ขี้เกียจที่จะเสวนากับจอมเสเพลอย่างเธอ ดังนั้น จึงไล่เธอออกไปซึ่งๆหน้าอย่างนี้ หรือว่าที่เรียกเธอ เข้าวังในวันนี้ ก็เพื่อที่จะทำให้เธออับอายขายขี้หน้า
เหอๆ! จิตใจของฮ่องเต้นั้น ยากที่จะเข้าใจจริงๆ
มู่เกอแอบด่าในใจแล้วส่ายหน้า ไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับฮ่องเต้ของฉินเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าตอนนี้ตระกูลมู่กำลังจะแย่ คงจะให้เธอเกิดความประทับใจที่ดีกับหัวหน้าผู้ร้ายแบบนี้ไม่ได้หรอก มู่เกอยังจำได้แม่นว่าคืนแรกที่เธอกลับมาถึงจวนตระกูลมู่ คำพูดที่ท่านอามู่เหลียนหรงพูดกับเธอ ‘อุบัติเหตุ’ ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าและพรากชีวิตของหนุ่มสาวตระกูลมู่ไปนั่น ท่านอาไม่เชื่อว่านั่นเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ดูจากประสบการณ์เมื่อชาติที่แล้วของเธอแล้ว เธอเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน
ถ้าอย่างนั้น คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังเป็นใครกันแน่นะ?
ราวกับว่า ขอเพียงหาผู้ที่ไม่ต้องการให้ตระกูลมู่สืบทอดตระกูลต่อไปได้จนเจอ ก็จะสามารถรู้ได้ว่าผู้ต้องสงสัย เป็นใคร
คนๆ นั้นคือใครกันนะ?
ตอนนี้ มู่เกอออกห่างจากห้องทรงพระอักษรมามากแล้ว มองไปข้างหน้า เห็นเพียงชายคาทรงแหลม แววตาอันกระจ่างใส พลันมีความมืดครึ้มวาบผ่าน เธอเก็บซ่อนอารมณ์บนใบหน้า เดินตามคนของตำหนักฉือเสียงไป ข้างหน้าเรื่อยๆ
มู่ชิงเกอคนก่อนเคยมาตำหนักฉือเสียงของไทเฮาหรือเปล่านั้น มู่เกอไม่ทราบ อย่างไรก็ตามสำหรับเธอแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เข้าไปยังห้องนอนของผู้ที่สูงส่งที่สุดในแคว้นฉิน
สายตาไม่หยุดที่จะมองไปรอบๆ สุดท้ายก็มาหยุดที่หญิงชราผู้สูงส่งเจ้าของตำหนักฉือเสียง
มู่เกอก้มหน้าลงทำความเคารพตามแบบทหาร “มู่ชิงเกอถวายพระพรองค์ไทเฮา ทรงพระเจริญ พันปี พันปี พันพันปี”
ไทเฮายิ้มและพยักหน้าเบาๆ ตอบรับ
แต่ว่าเธอยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงแหลมสูงของเจียงกุ้ยเฟยก็ดังขึ้น “บังอาจ! ทำไมถึงทำความเคารพไทเฮาตามแบบทหารเช่นนี้? แล้วทำไมไม่คุกเข่าลง”
มู่เกอมองนางนิ่งๆ ขมวดคิ้วคิดในใจ ในวังช่างเป็นที่ๆ เต็มไปด้วยสีสันจริงๆ พี่สาวคนสวยคนนี้เป็นใครกัน? และยังมี~~~
มู่เกอมองไปข้างๆ เห็นสาวน้อยที่หน้าตาคล้ายคลึงกับผู้หญิงนางนี้ เป็นเด็กสาวที่เย็นชาจัง ใบหน้านั้นบึ้งตึงราวกับทุกคนติดค้างอะไรนางอยู่อย่างนั้นล่ะ
มู่เกอกระตุกมุมปาก ถอนสายตากลับมา เงยหน้ายืดอกพูดกับไทเฮา “ในตระกูลมู่ตั้งแต่ท่านปู่ลงมาก็เป็นทหารกันหมดถึง แม้ว่าชิงเกอจะไร้สามารถ แต่ก็คลุกคลีอยู่กับพวกม้าพวกทหาร คุ้นชินกับการทำสงคราม ชิงเกอคิดว่าการทำความเคารพไทเฮาตามแบบของทหารจึงจะเป็นการแสดงความเคารพนับถือที่สูงสุดพะยะค่ะ” แน่นอนว่าเธอจะไม่พูดว่าเธอไม่อยากคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงชราที่ไม่รู้จัก ก็เลยแกล้งทำแบบนั้น
“เจ้า ! เถียงคำไม่ตกฟาก” เจียงกุ้ยเฟยโกรธจนควันออกหู
ไอ้เจ้าเด็กบ้านี่ ยังคงอวดดีไม่เลิก ลูกสาวของนางจะคู่ควรกับคนแบบนี้ได้อย่างไร ทั้งหมดเป็นความผิดของไทเฮา เลือกคนมั่วซั่ว แล้วยังขอให้ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้อีก
คิดถึงตรงนี้ สายตาที่เจียงกุ้ยเฟยมองไทเฮานั้นก็แฝงไปด้วยความโกรธ
“ไม่เป็นไร พวกเจ้าทุกคนพอเจอข้าต่างก็คุกเข่าลง การทำความเคารพตามแบบทหารนี้ข้ายังไม่เคยได้รับ เจ้าหนุ่มตระกูลมู่ช่างรู้วิธีการมาทำให้ข้าเบิกบานใจเสียจริง”
เห็นได้ชัดว่าไทเฮาเข้าข้างมู่ชิงเกอ ตรงจุดนี้ไม่ใช่แค่เจียงกุ้ยเฟยที่ดูออก แต่มู่เกอก็สัมผัสได้
ดวงตาเธอสาดประกาย แอบคิดในใจว่า แปลกมาก แปลกจริงๆ ลูกชายไม่สนใจไยดีเธอ แต่องค์ไทเฮากลับลำเอียงเข้าข้างเธอแบบนี้ น่าสนุกนี่ จะมาไม้ไหนอีกล่ะทีนี้
“เจ้าหนุ่มตระกูลมู่ เจ้ายังไม่เคยเจอแม่ยายในอนาคต และว่าที่ภรรยาของตัวเองใช่ไหม?” จู่ๆ ไทเฮาก็ พูดกระเซ้าเธอ ขัดจังหวะความคิดและอารมณ์ของมู่เกอลง
เมื่อวาน เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีคู่หมั้นที่มีฐานะไม่ธรรมดา วันนี้ก็ต้องเจอทั้งเด็กทั้งแก่พร้อมกันเลยงั้นเหรอ
มู่เกอโค้งริมฝีปาก ฐานะของสองแม่ลูกที่ทำให้เธอสงสัยในตอนแรก เพราะ ‘คำชี้แนะ’ ของไทเฮา ตอนนี้เธอรู้แล้ว โชคร้ายอะไรของเธอต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้นะ
ว่าที่ภรรยา ว่าที่ภรรยา อี๊ๆ ชาติที่แล้วเธอไปทำกรรมอะไรไว้
มู่เกอสีหน้าเปลี่ยนไปมา หันหน้าไปหาเจียงกุ้ยเฟยและองค์หญิงฉางเล่อ ทำความเคารพ “ชิงเกอคาร วะกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงและองค์หญิง” หลังจากที่รู้ว่าตนเองมีคู่หมั้น มู่เกอได้ข้อมูลจากมู่ชิงเกอมาอีกมาก
เธอรู้ว่า มารดาขององค์หญิงฉางเล่อที่มีสัญญาแต่งงานกับเธอเป็นกุ้ยเฟยที่ฮ่องเต้รักมากที่สุดในตอนนี้แซ่เจียง ไม่เพียงเท่านั้นหญิงแซ่เจียงนี้ยังเป็นแม่แท้ๆ ของฉินจิ่นห้าวด้วย
นั่นก็หมายความว่า ถ้าเธอแต่งงานกับองค์หญิงฉางเล่อ รุ่ยอ๋องฉินจิ่นห้าวที่เจ้าของร่างคนเดิมรักก็จะกลายเป็นพี่ภรรยาของนางไป
ความสัมพันธ์บ้าบออะไรยุ่งวุ่นวายขนาดนี้เนี่ย! มู่เกอทำความเคารพไปด้วย พลางคำรามด้วยความโกรธในใจไปด้วย