Skip to content

ราชินีพลิกสวรรค์ 311

ตอนที่ 311 ลูกไก่ในกำมือ

“ทุกครั้งก็รู้จักแต่หลบหนี”

เจียงหลีลุกขึ้นจากเตียง มองไปยังที่ๆ ใครบางคนได้หายตัวไปและพึมพำด้วยนํ้าเสียงขุ่นเคืองเป็น อย่างยิ่ง

“การควบคุมตนของข้าดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนเป็นราชินีเจ้าสำราญที่ถูกความงาม ครอบงำทุกครั้งไป” เจียงหลีกัดฟันด้วยความรู้สึกปั่นปวนในใจ

เห็นได้ชัดว่านางก็รู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเขาด้วยเช่นกัน!

ช่างเถอะๆ ค่อยเป็นค่อยไป เรื่องนี้ไม่รีบร้อน แต่สิ่งที่ท่านทำให้ข้ารู้สึกเสียพลังงานในวันนี้ ข้าจะค่อยๆ เอาคืนในวันหน้าเอง เจียงหลียกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ร่วงหล่นลงมา ดวงตามีเสน่ห์และเต็มไปด้วยความ รักใคร่

ตอนนี้นางเป็นฝ่ายเริ่มและเขาไม่ต้องการมัน ถ้าเช่นนี้นก็รอจนกว่าเขาจะคิดได้ แล้วค่อยดูอารมณ์ของ นางก็แล้วกัน

“อวี้ซู” เจียงหลีเลิกม่านออกและเดินลงมาจากเตียง

ประตูใหญ่ของตำหนักที่ปิดสนิทถูกเปิดออกทันที อวี้ซูเดินนำเข้ามาและมองไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว อาหารที่เตรียมไว้แทบจะไม่ถูกแตะและฝ่าบาทก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

แต่ว่า…

แล้วหรงอวี้ล่ะ

อวี้ซูมองไปที่เจียงหลีด้วยความสงสัยแต่นางไม่ได้คิดจะอธิบายอะไร

“เอานี่ไป” เจียงหลีโบกมือ ระเบิดควันสีม่วงที่ร่วงหล่นลงบนพื้นลอยขึ้นสู่มือของอวี้ซู

อวี้ซูรับมันไว้และรอคำสั่งจากเจียงหลี

“ได้เวลาแล้ว ดึงระเบิดควันสีม่วงให้ดัง รายงานไปให้คนในตระกูลหรง” เจียงหลีกล่าว

“เพคะ ฝ่าบาท” อวี้ซูพยักหน้า

เจียงหลีถามต่อว่า “สิ่งที่ควรจัดประดับตกแต่งแล้วเสร็จหรือยัง”

อวี้ซูพยักหน้า “ทุกอย่างถูกจัดตามคำสั่งที่พระองค์ได้รับสั่งแล้ว”

พูดไปนางก็แค่นเสียงเย็นชาอย่างเหยียดหยาม “ตระกูลหรงผู้น่าขันผู้นั้นคิดว่าตนเองควบคุมทุกอย่างไว้ก่อน หารู้ไม่ว่าทหารเฝ้าวังที่ พวกเขาคิดว่าได้เป็นพวกแล้วล้วนเป็นคำสั่งของฝ่าบาท”

“อืม ในคราวนี้พวกเรามาจับลูกไก่ในมือดีกว่า เมื่อคนของตระกูลหรงตกหลุมพราง ตระกูลขุนนางที่มี ความสัมพันธ์กับตระกูลหรง ขุนนางชั้นสูงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็จับตัวไปพร้อมกันให้หมด” เจียงหลีกล่าวจบ ดวงตาที่สว่างไสวของนางก็ส่องแสงประกาย

“เพคะ!” อวี้ซูตอบ

แต่นางยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ฝ่าบาท เช่นนั้นคุณชายจิ่งผู้นั้นล่ะเพคะ”

“เขาหรือ” เจียงหลีหรี่ตาลงแล้วยิ้มที่คาดเดาได้ยากนัก “ในเมื่อเขาถูกตระกูลหรงกักบริเวณไว้เช่นนั้น ก็ยังไม่ต้องทำให้เขาตกใจ”

“เพคะ” หลังจากอวี้ซูได้รับคำสั่งแล้วก็ออกจากตำหนักไป

รอนางจากไป แววตาของเจียงหลีก็ฉายแววครุ่นคิด หรงจิ่งนะหรงจิ่ง เจ้าจะเดินตามกลที่ลู่เจี้ยวางไว้จริงๆ หรือ

ในความเป็นจริงเจียงหลีรู้สึกขัดแย้งในใจเล็กน้อย

อีกด้านหนึ่ง หากหรงจิ่งทำตามแผนการของลู่เจี้ยต่อไป นางเองก็มีความรู้สึกผิด แต่ในทางกลับกัน อย่างที่ลู่เจี้ยกล่าว เขาเพียงให้หรงจิ่งมีทางเลือก หรงจิ่งจะเป็นคนเลือกเองทุกอย่าง

ในจวนตระกูลหรง คืนนี้เงียบสงัดกว่าปกติ ราวกับว่าทุกคนไม่ได้อยู่ในจวน

สิ่งเดียวที่ไม่สะทกสะท้าน ก็คือลานบ้านที่หรงจิ่งอาศัยอยู่

อาเฉวียนยังคงปกป้องเคียงข้างเขาอย่างซื่อสัตย์และรายงานด้วยนํ้าเสียงทุ้มต่ำ “คุณชาย คืนนี้พวก เขาจะลงมือแล้ว ท่านว่า พวกเขาจะสำเร็จหรือไม่”

“ไม่หรอก” หรงจิ่งกล่าวโดยไม่ลังเล

นุมปากของอาเฉวียนโค้งขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองหรงจิ่งที่กำลังจัดวางดอกไม้อยู่ พลางคิดในใจ ใน เมื่อท่านรู้ว่าจะไม่สำเร็จแล้ว แต่ท่านกลับไม่ห้ามหรือ พวกเขาเป็นญาติที่เกี่ยวของกันทางสายโลหิต ของท่านเชียวนะ

“อาเฉวียน เจ้าโทษข้าที่ใจดำหรือ” หรงจิ่งไม่ได้เงยหน้าแล้วจัดแต่งกระถางตรงหน้าอย่างตั้งใจ ในใจของอาเฉวียนสั่นสะท้าน เขารีบคุกเข่าลงกับพื้น “คุณชาย อาเฉวียนไม่กล้าขอรับ”

หรงจิ่งยิ้มบางๆ “ลุกขึ้นเถอะ ข้าไม่ได้โทษเจ้า”

อาเฉวียนตอบรับ แต่ก็ยังรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ดี

หรงจิ่งตัดใบไม้ที่แห้งตายแล้วออกด้วยกรรไกรในมือพร้อมกล่าวช้าๆ ว่า “ความทะเยอทะยานของ มนุษย์ไม่มีที่สิ้นสุด ข้าได้พยายามหยุดยั้งอย่างเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่สามารถหยุดได้ ตระกูลหรงควร ได้รับหายนะนี้ หรือบางทีตระกูลหรงที่รุ่งเรืองเป็นเวลาหลายร้อยปีกำลังจะถึงจุดจบในวันนี้เสียแล้ว”

“คุณชาย ท่านไม่กลัวจะเสียใจหรอกหรือ” อาเฉวียนอดถามไม่ได้ คุณชายของเขาสงบนิ่งเกินไป ราว กับว่าสิ่งใดก็ไม่สามารถสั่นคลอนจิตใจของเขาได้

คนเช่นนี้เกิดมาอยู่ในตระกูลใหญ่มีทั้งโชคดีและโชคร้าย

หรงจิ่งนิ่งอึ้ง ส่ายหน้าช้าๆ “ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องแบกรับผลที่ตามมา ”

อาเฉวียนถอนหายใจเงียบๆ ความจริงแล้วเขาอยากจะถามว่าหากคุณชายของเขาต้องการจะจัดการกับ จักรพรรดินีจริงๆ ถ้าเช่นนั้นจักรพรรดินีสาวผู้นี้จะเป็นคู่ต่อสู้หรือไม่

น่าเสียดายที่เขาไม่กล้าถามคำถามดังกล่าว

และรู้ว่าหากถามไปก็เปล่าประโยชน์ ตั้งแต่วินาทีที่คุณชายของเขาวาดรูปจักรพรรดินีด้วยมือของตัวเอง เขาก็รู้แล้วว่าคุณชายของเขาจะไม่เป็นศัตรูกับจักรพรรดินีตลอดชีวิตของเขา

แม้ว่า…จะต้องเสียสละทั้งตระกูลไปก็ตาม

“เจ้าไปก่อนเถอะ” หรงจิ่งพูดกับอาเฉวียน

อาเฉวียนถอยออกไป

เมื่ออาเฉวียนจากไป หรงจิ่งจึงวางกรรไกรในมือลงบนโต๊ะอย่างเบามือ แล้วหุบยิ้มตรงมุมปากลง เขา เดินไปที่หน้าต่างและมองดูแสงจันทร์นอกหน้าต่าง

คืนนี้แสงจันทร์สลัว ราวกับว่ามีสีเลือดจางๆ แซมอยู่บางตา

รัตติกาลดำมืดเช่นนี้ ในสายตาของสำนักดาราศาสตร์ส่วนใหญ่ถือว่าไม่เป็นมงคล จะมีเรื่องนองเลือด เกิดขึ้น

เขาหลับตาลงแล้วดึงสายตากลับมา เขาเทสุราหนึ่งจอกแล้วราดลงบนพื้นเสียครึ่งจอก ดื่มอีกครึ่งที่เหลือ เมื่อสุราเข้าคอเขาก็เอ่ยพึมพำขึ้น “ลู่เจี้ย ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำอะไร เจ้าเก่งจริงๆ ก่อนตาย ก็ไม่ลืมที่จะวางกลกับข้า ในวันนี้ตระกูลหรงจะตกเป็นหินที่วางอยู่ใต้เท้าของนางที่จะใช่เป็น รากฐานที่มั่นคง แค้นนี้รอข้าพบเจ้าในใต้พิภพ แล้วค่อยคิดบัญชีกับเจ้า”

คนฉลาดเฉลียวอย่างเขา ในช่วงเวลาที่ถูกกักขังไว้ จะมองแผนการของลู่เจี้ยไม่ออกได้อย่างไร

แม้ว่า จะมองออกอย่างกระจ่าง ในการการตัดสินใจของเขาก็คือเลือกที่จะเดินตามทางที่ลู่เจี้ยวางไว้ เพียงเพราะนางดีงามยิ่งนักทำให้เขาอยากทำตามใจตนปกป้องอย่างเอาเป็นเอาตายสักครั้ง

เหมือนกับ…สิ่งที่ลู่เจี้ยทำเมื่อครั้งยังมีชีวิตทำเพื่อนางได้ทุกสิ่งโดยไม่สนใจอะไร!

ในค่ำคืนที่มืดมิด จากทิศทางของพระราชวัง ทันใดนั้นมีควันสีม่วงพวยพุ่งออกมา ซึ่งความมืดสลัวใน ท้องฟ้ายามค่ำคืน ยากที่มองเห็นได้ชัด

จากนั้นมีคนของตระกูลหรงที่แฝงตัวอยู่นอกวังแต่แรกแล้ว เมื่อเห็นควันสีม่วงลอยขึ้น ความรู้สึกตื่นเต้น ก็พุ่งเข้ามาในดวงตา

ในที่สุดก็ถึงเวลาสักที! ดวงตาของหรงเทียนเผิงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นนี้ไว้ได้

แม้ในขณะนี้ เขาก็ได้วาดฝันภาพที่ตนเองจะขึ้นสู่บัลลังก์ราชาเอาไว้แล้ว ฮ่าๆๆ! ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย ข้า จะต้องขอบคุณเจ้าที่ช่วยให้ตระกูลหรงของข้าได้ครอบครองแผ่นดินนี้!

“ท่านประมุข หรงอวี้สำเร็จแล้ว!” ผู้คนรอบข้างเขา กล่าวด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นเช่นกัน

หรงเทียนเผิงพยักหน้าและพูดด้วยนํ้าเสียงทุ้มต่ำ “ตามแผนก่อนหน้านี้ แม่ทัพเฉิงจะคอยเปิดประตูวัง หลังจากที่เราเข้าไปแล้ว ผู้อาวุโสในตระกูลจะถ่วงเวลาคนของตระกูลลู่ คนที่เหลือจะแยกออกจากกัน เพื่อควบคุมสถานที่ในวังอยางรวดเร็ว ข้าจะไปตัดหัวของจักรพรรดินี ถึงเวลานั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่ รุ่งโรจน์ของตระกูลหรงแล้วล่ะ!”

“นายท่านปราดเปรื่องยิ่งนัก”

คนของตระกูลหรงต่างแสดงความยินดีด้วยนํ้าเสียงทุ้มต่ำ

ในเวลานี้ ค่ำคืนที่มืดมิด ประตูวังที่ปิดสนิทค่อยๆ เปีดออก ชายวัยกลางคนสวมชุดเกราะของนายพล เดินออกมา

“แม่ทัพเฉิงออกมาแล้ว” หรงเทียนเผิงดีใจยิ่ง เร่งนำฝูงชนไปที่ประตูวังที่เปิดออก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!