บทที่ 1000 หรือนี่จะเป็นจุดอ่อนของตน?
เดิมทีหลงซือเย่คล้ายจะมีเรื่องร้อนใจบางอย่างจึงรีบรุดมา แต่หลังจากได้พบทุกคนในที่นี้ เขาก็ระงับอารมณ์ไว้อีกครั้ง ดื่มสุรากินอาหารในงานเลี้ยงอย่างไม่รีบร้อน ดูแลเย่หงเฟิง บางครั้งก็พูดคุยกับกู้ซีจิ่วและหรงเช่อบ้างสองสามประโยค
ในงานเลี้ยงเจ้าภาพและแขกก็นับได้ว่าสนิทสนมกลมกลืน
กู้ซีจิ่วรู้สึกปลงอนิจจังอยู่บ้าง เมื่อก่อนหลงซือเย่รำคาญงานสังคมแบบนี้เป็นที่สุด เขาเป็นเซียนแพทย์ ผู้ที่คิดจะเชื้อเชิญเขาไปตรวจโรคย่อมมีไม่น้อย แต่ตัวเขานั้นคิดจะออกไปตรวจก็ออกไปตรวจเลย ไม่อยากไปตรวจก็บอกปัดไปตรงๆ เสมอมา ไม่เคยรับคำเชิญมากินดื่มสังสรรค์เช่นนี้เลย และรังเกียจคำเชิญเช่นนี้มาก ถ้าตกปากรับคำว่าจะตรวจอาการให้ผู้อื่นก็จะรีบไปทันที ไม่เหมือนกับยามนี้ เรื่องกินมาก่อนคนไข้ไว้ทีหลัง…
เขาเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ สินะ?
เธอพลางมองเย่หงเฟิงอีกแวบหนึ่ง เธอก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน…
ก็ถูกแล้วนี่ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างทำให้คนแตกต่างไปเช่นกัน อันที่จริงเขาก็ไม่ใช่หลงซีอีกแล้วจริงๆ นั่นแหละ ต่อให้มีความทรงจำของหลงซี เธอก็หาความรู้สึกเช่นนั้นที่มีต่อหลงซีไม่พบอยู่ดี ส่วนเย่หงเฟิงก็ไม่ใช่เย่หงเฟิงคนนั้นอีกแล้ว…
แบบนี้ก็ดีแล้ว!
เมื่อเห็นหลงซือเย่ดูแลเอาใจใส่เย่หงเฟิง ในใจเธอจะมีความรู้สึกปลาบปลื้มยินดีอย่างไม่น่าเชื่อ บางทีเย่หงเฟิงอาจเป็นรักแท้ของหลงซือเย่กระมัง?
ถ้าหลงซือเย่สามารถพบรักแท้กับผู้อื่นได้อีกครั้ง ความรู้สึกผิดในใจเธอก็จะลดลงไปบ้าง…
“ซีจิ่ว ข้าอยากกินปูเมาจานนั้น” อิงเหยียนนั่วที่อยู่ด้านข้างเขย่าแขนเสื้อเธออีกครั้ง กู้ซีจิ่วดึงแขนเสื้อออกมาจากมือน้อยๆ ของเขา ส่งกระแสเสียง
หาเขา ‘เจ้าเพลาๆ หน่อยเถอะ ตอนนี้ถึงแม้เจ้าจะอยู่ในสภาพเด็กน้อย แต่เจ้าไม่เด็กแล้วนี่? ทำตัวน่ารักฉอเลาะอยู่ได้ น่าละอายนัก!’
อิงเหยียนนั่วหลุบตาลง ไม่พูดอะไรแล้ว
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นเขาที่อยู่ในสภาพเด็กน้อยนั่งว่าง่ายอยู่ตรงนั้น ก็ใจอ่อนอีกครา ทำได้เพียงยื่นมือไปคีบปูเมาที่อยู่ไกลออกไปจานนั้น…
ในจานเหลือปูเมาอยู่เพียงสองตัว ตะเกียบคู่หนึ่งพลันยื่นออกมาจากด้านข้าง คีบปูเมาทั้งสองตัวไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
กู้ซีจิ่วเงยหน้าขึ้น เห็นหลงซือเย่คีบปูเมาทั้งสองตัววางไว้ในจานของเย่หงเฟิง “เจ้าชอบกินสิ่งนี้มิใช่หรือ? มอบให้เจ้าแล้วกัน”
ดวงตาเย่หงเฟิงพราวระยับ “ขอบคุณท่านอาจารย์”
ตะเกียบกู้ซีจิ่วที่ชะงักอยู่กลางอากาศ หักโค้งทันที คีบกุ้งเมาตัวหนึ่งวางลงในจานของอิงเหยียนนั่ว “มาเถอะ กินนี่สิ เสริมสร้างกระดูกเจริญเติบ โต”
อิงเหยียนนั่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม มองเปลือกกุ้งตัวใหญ่ตัวนั้น “เปลือกแข็งเกินไป…”
กู้ซีจิ่วจึงแกะเปลือกกุ้งให้เขา วางเนื้อกุ้งลงบนจานเขา “แบบนี้ได้คงได้แล้วกระมัง?”
“ได้แล้ว” อิงเหยียนนั่วเผยยิ้มกว้างออกมา ก้มหน้ากินเนื้อกุ้งชิ้นนั้น
กู้ซีจิ่วถูกรอยยิ้มของเขาสั่นคลอนสติไปครู่หนึ่ง จู่ๆ พลันรู้สึกว่าดูเหมือนเธอจะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสิ่งของน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ทราบอยู่ชัดเจนว่าเจ้า เด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เจ้าเล่ห์นัก แต่ยามที่เขาเผยรอยยิ้มออกมายัง คงทำให้เธออดไม่ได้ที่จะทุ่มเทจิตใจให้เขา…
หรือนี่จะเป็นจุดอ่อนของตน?
และอาจเป็นเพราะเขามีความเป็นไปได้ว่าจะเกี่ยวข้องกับตี้ฝูอีกระมัง?
สายตาของเธอกวาดมองสนับข้อมือบนข้อมือเขาแวบหนึ่ง หัวใจสั่นไหวเล็กน้อย คีบกุ้งเมาอีกหลายตัวให้เขาเงียบๆ ให้เขาแกะเปลือกเอง บอกว่าเขาต้องแกะกินเองถึงจะได้อรรถรส
อิงเหยียนนั่วคล้ายจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งต่อเรื่องที่เธอพูด แต่ก็ยังลงมือแกะด้วยตัวเอง แกะไปได้หลายตัวแล้ว เปลือกกุ้งนี้หนาแข็งแหลมคม นิ้วมือ
ของเขาบอบบาง จึงถูกบาดมือเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จนมีเลือดไหลออกมา
“ทำไมถึงไม่ระวังขนาดนี้?” กู้ซีจิ่วรีบคว้ามือเขามาจัดการแผลให้เขา มือน้อยๆ ทั้งสองข้างของเขาล้วนเปรอะไปด้วยนํ้าแกง เธอหยิบผ้าเช็ดมือออกมาเช็ดมือให้เขา มือรูดไปโดนข้อมือเขาราวกับไม่ได้ตั้งใจ!
อย่าดูถูกการรูดครั้งนี้ของเธอ นี่เป็นทักษะพิเศษอย่างหนึ่ง ต่อให้กำไลหรือสร้อยข้อมือที่สวมจะแน่นสักไหนล้วนถูกทักษะนี้ของเธอรูดออกมาได้ทั้งสิ้น