บทที่ 1326 กลั้นมันเอาไว้ไม่ดีกระมัง?!
หลัวจั่นอวี่มองเขาด้วยความสงสัย เรื่องนี้ไม่ใช่กระโถนจัดการได้ด้วย?
เขากลั้นมันกลับไปแล้วหรือ?
กลั้นมันเอาไว้ไม่ดีกระมัง?!
“ท่านแน่ใจหรือว่าจะไม่ใช้? อย่าไปยึดติดเลย ท่านคงไม่ให้ข้าทำอันชั่วคราวให้หรอกกระมัง? นั่นก็ไม่ทันหรอก”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ “ข้าไม่อาจยอมรับได้ อีกอย่าง ความจริงข้ายังไม่รีบร้อน เพียงแต่ให้เจ้าตระเตรียมไว้ ทำให้ใหม่อีกอันก็แล้วกัน ใช้ไม้ซุงม่วงที่อยู่บนเขา เอาแบบที่มีกลิ่นหอม”
หลัวจั่นอวี่นิ่งอึ้ง สามมุมมองของเขาพังทลายแล้ว!
ผู้ชายขี้จุกจิกเยี่ยงนี้ น้องสาวตัวน้อยของเขาทนไปได้อย่างไร?!
……
ตี้ฝูอีไม่เจอกู้ซีจิ่วมานานแล้ว เด็กคนนี้บอกว่าจะไปล้างหน้าล้างตาก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงา กลับเป็นหลัวจั่นอวี่ที่คอยดูแลอยู่ในห้องมาตลอด เขาไม่ได้ออกจากห้องนี้เลยยกเว้นไปทำกิจวัตรประจำวัน
“ซีจิ่วเล่า?” ตี้ฝูอีอดถามถึงไม่ได้
หลัวจั่นอวี่นํ้าเสียงเรียบเฉย “นางช่วยชีวิตท่านไว้ได้ก็ดีมากแล้ว ท่านยังคาดหวังให้นางมาดูแลข้างกายตลอดเลยรี?”
ตี้ฝูอีปรับลมปราณตอนเช้ากับกลางวันแล้ว ฟื้นฟูพลังได้ไม่น้อย ได้ยินหลัวจั่นอวี่กล่าวเช่นนี้ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย นางคงไม่ได้หนีไปอีกกระมัง?!
เขาหลับตาทั้งคู่ลงปรับลมปราณ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่ได้โต้เถียงอะไรกับหลัวจั่นอวี่
หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาลืมตา ลุกขึ้นลงจากเตียงในทันที
หลัวจั่นอวี่ตกใจ “ท่านทำอะไร?!”
“ข้าจะไปดูนาง!” เหตุที่เขาเข้ามาครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อให้นางรักษาบาดแผลให้เขา เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องอธิบายกันซึ่งหน้า
หลัวจั่นอวี่ปวดหัว “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ท่านหยุดก่อนเป็นอย่างไร? ท่านให้นางนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบได้หรือไม่? เพื่อรักษาให้ท่าน นางไม่ได้นอนมาสี่วันสี่คืนแล้ว! ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะนอนหลับไป…”
การเคลื่อนไหวของตี้ฝูอีชะงักลง ในที่สุดก็ไม่ลงจากเตียงแล้ว “ก็ได้”
เขาไม่ได้นอนลง แต่นั่งสมาธิฟื้นฟูอยู่ตรงนั้น การนั่งสมาธิยังคงเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการฟื้นฟูพลังวิญญาณที่แท้จริง
หลัวจั่นอวี่เห็นเขาไม่ได้เป็นอะไร จึงไม่สนใจเขาแล้ว เขายังมีเรื่องที่ต้องสะสางอีกมากมาย ดังนั้นจึงกลับห้องของตัวเอง
เมื่อตี้ฝูอีตื่นขึ้นจากนั่งสมาธิ ฟ้าด้านนอกมืดลงแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นตอนกลางคืนแล้ว
กู้ซีจิ่วยังคงไม่มา ตี้ฝูอีลุกขึ้นลงจากเตียง ถึงแม้บาดแผลของเขาสาหัส ทว่าเขาเป็นถึงร่างเทพ และด้วยการช่วยเหลือของยาวิญญาณจึงทำให้เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ยามนี้สามารถลงจากเตียงได้แล้ว หลังจากลงจากเตียงเขาขยับแขนขาเล็กน้อย รู้สึกว่าพละกำลังกลับมาไม่น้อย ถึงแม้พลัง วิญญาณยังไม่ฟื้นฟู แต่เดินเล่นไปรอบๆ ได้
ภายในห้องเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของตัว เขาเองแน่นอนว่าหูของเขาดี ยังได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของห้องข้างๆ หัวใจเขาพลัน สั่นไหว เดินออกไปดู
เรือนพันสมานของกู้ซีจิ่วถึงแม้จะอยู่ติดกับเรือนร้อยสมานของหลัวจั่นอวี่ ทว่าผนังกั้นห้องทั้งสองทำออกมาได้ดีมาก ดีตรงที่ต่อให้ภายในห้องใดห้องหนึ่งมีผู้บาดเจ็บร้องโอดครวญโหยหวน ก็ไม่มีทางเสียงดังไปรบกวนผู้บาดเจ็บอีกห้องหนึ่ง
แขนข้างหนึ่งของไป๋หลี่เช่อถูกดึงขาดทั้งที่ยังมีชีวิต ความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทนรับไหว ต่อมาถึงแม้กู้ซีจิ่วจะต่อแขนให้เขา แต่เนื่องจากการผ่าตัดดำเนินไปเพียงแค่กึ่งหนึ่ง ไม่ได้เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นแขนที่บาดเจ็บของเขายังคงมีอาการที่ตามมาหลงเหลืออยู่ ขยับเพียงเล็กน้อยก็เจ็บปวดปางตาย…
ถึงแม้จะพักฟื้นมาห้าวันแล้ว แขนที่บาดเจ็บของเขายังคงบวมดังถังนํ้าโยง
ตอนที่ตี้ฝูอีเดินเข้าไป เขากำลังโอดครวญอยู่บนเตียงเพียงลำพัง หยาดเหงื่อบนใบหน้าราวกับเม็ดถั่วเหลือง พอตี้ฝูอีเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจ “ท่าน…เป็นใคร?”
พลันนึกขึ้นมาได้ “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?!”
เขาเพียงได้ยินเรื่องราวการมาถึงของตี้ฝูอี นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบหน้ากัน