บทที่ 1329 หรือว่าจะมุดลงดินไปแล้ว?
จากนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าปลาตัวนั้นที่เขามอบให้ตนเป็นปลาพิเศษชนิดหนึ่ง ตุ๋นนํ้าแกงแล้วอร่อยนัก มีส่วนช่วยในการบรรเทาความเจ็บปวดที่แขนเขาได้ ดังนั้นเธอจึงกลับไปตุ๋นปลาตัวนั้นเสีย แล้วนำมามอบให้เขา ให้เขาวางไว้จนเย็นแล้วค่อยดื่มลงไป ขาเขาบาดเจ็บเช่นนี้ง่ายต่อการปรากฏอาการเส้นประสาทตายยิ่งนัก จำเป็นต้องรักษาด้วยยาลูกกลอนชนิดหนึ่งถึงจะมีหวังให้หายขาดได้ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงออกไปเก็บสมุนไพร ความเร็วของเธอว่องไว ไปกลับครั้งหนึ่งก็ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วยาม กลับนึกไม่ถึงเลยว่า…
สถานที่แห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ ยามที่เขาเข้ามาก็เข้ามาตามกฎเกณฑ์ เช่นนั้นเขาคงวิ่งออกไปแบบนี้ไม่ได้กระมัง?!
ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนกันแน่?
ในใจกู้ซีจิ่วคล้ายมีเพลิงกองหนึ่งสุมอยู่ หันหลังวิ่งเข้าไปในเรือนตน คิดจะเตะเจ้าหอยยักษ์ให้ลุกมาตามหาคน กลับพบว่าเจ้าหอยยักษ์ไม่อยู่ และบนโต๊ะมีจดหมายเพิ่มขึ้นมาฉบับหนึ่ง เธอใจเต้นแวบหนึ่ง ปลายนิ้วเย็นเฉียบเล็กน้อย นี่เป็นจดหมายบอกลาที่เขาทิ้งไว้หรือ?
เปิดจดหมายฉบับนั้นออก บนจดหมายเป็นลายมือดุจหงส์ร่อนมังกรรำของเขาจริงๆ ‘ข้าต้องการกักตนฝึกวรยุทธ์ขอยืมเจ้าหอยยักษ์ไปใช้ ไม่ต้องตามหา อีกเก้าวันให้หลังจะออกมาเอง’
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่แท้เขาก็ไปกักตนแล้ว…
ในสถานที่เช่นนี้เขาจะไปกักตนอยู่ที่ไหนกัน?
การกักตนต้องการสถานที่ที่สงบเงียบปลอดภัยยิ่งนัก และจำเป็นต้องได้รับการอารักขาด้วย แต่เขาพาแค่เจ้าหอยยักษ์ที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ไปด้วย…
ถ้ารู้เช่นนี้แต่แรก เธอจะไปเยี่ยมเขาก่อน!
บางทีเขาคงไม่ต้องพาแค่เจ้าหอยยักษ์ไปกักตนด้วย และอาจบอกสถานที่กักตนกับเธอให้ชัดเจน จากนั้นก็ให้เธอไปอารักขาเขา เป็นตนใช่ไหมที่ทำร้ายเขา?
ในใจกู้ซีจิ่วค่อนข้างกลัดกลุ้มกระวนกระวาย เกรงว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจความกังวลที่ตี้ฝูอีมีต่อเธอในกาลก่อนขึ้นมาบ้างแล้ว…
ยามที่ฝ่ายหนึ่งอ่อนแอและง่ายต่อการถูกรังแก เมื่อออกไปอีกฝ่ายหนึ่งจึงพะว้าพะวงสารพัด เมื่อก่อนเขาเคยพูดว่าให้เธออยู่สงบๆ หน่อยได้หรือไม่ ตอนนี้เธอก็นึกถึงประโยคนี้ยิ่งนักแล้วเช่นกัน มีเพียงการใส่ใจผู้อื่นอย่างแท้จริง ถึงจะเก็บกวาดอุปสรรคต่างๆ ให้พลางปรารถนาให้เขา(หรือเธอ) อยู่อย่างสงบๆ บ้าง
ครั้งนี้ตี้ฝูอีบาดเจ็บไม่เบาเลย และดูเหมือนเขาจะติดนิสัยที่พอบาดเจ็บก็ต้องกักตน ดังนั้นพอความสามารถในการเคลื่อนไหวฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว จึงตรงไปกักตัวเลย
ถึงแม้ในจดหมายเขาจะบอกไว้ชัดเจนว่าอีกเก้าวันให้หลัง จะปรากฏตัว แต่อย่างไรกู้ซีจิ่วก็ยังไม่วางใจ ออกมาสอบถามหลัวจั่นอวี่ ถามว่าในบริเวณนี้มีที่ไหนเหมาะสมกับการกักตนฝึกฝนที่สุด
หลัวจั่นอวี่ขมวดคิ้ว “ที่นี่สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดก็คือในหมู่บ้าน รอบนอกไม่ว่าจะภูเขาด้านหลัง หรือว่าบนต้นไม้ยักษ์ล้วนอันตรายอย่างยิ่ง แต่ทุกซอกทุกมุมในหมูบ้านข้าตามหาจนทั่วแล้ว ไม่มีร่องรอยของเขาเลย และไม่มีผู้ใดเห็นเขากับเจ้าหอยตัวนั้นออกไป…”
จู่ๆ เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้คล้ายจะมีคนเห็นเจ้าหอยตัวนั้นปรากฏตัวที่ใต้ต้นถันภังคี จากนั้นก็ไม่เห็นเงาของมันอีกเลย”
ใต้ต้นถันภังคี?
กู้ซีจิ่วหันหลัง วิ่งไปที่ใต้ต้นถันภังคี
ต้นไม้นี้เธอเคยปีนขึ้นปีนลงนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว สภาพแวดล้อมรอบข้างก็นับว่ากระจ่างแจ้งแล้ว สถานที่ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ซ่อนตัวได้ในละแวกนี้เธอล้วนหาจนทั่วแล้ว ผลคือไม่พบอะไรเลย เขาน่าจะไม่อยู่บนต้นไม้ อย่างไรการกักตนก็ต้องการสถานที่ที่เงียบสงบยิ่งนัก และฝูงลิงบนต้น ไม้ยักษ์ก็โหวกเหวกมากนัก อย่าว่าแต่กักตนเลย แค่นั่งสมาธิอยู่บนนั้นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แล้ว บนต้นไม้ไม่มี หรือว่าจะมุดลงดินไปแล้ว?
เธอสะกิดใจขึ้นมาทันที!
เจ้าหอยยักษ์เป็นวิชาดำดิน และเจ้าหอยยักษ์บอกไว้ว่าในรากของต้นถันภังคีนี้มีอากาศอยู่มากมาย แถมยังมีพลังวิญญาณที่น่าตะลึง…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาให้เจ้าหอยยักษ์ดำดินพาเขาลงไปอยู่ใต้รากไม้?
กู้ซีจิ่วแทบอยากจะขุดดินรอบๆ เพื่อตามหาดู โชคดีที่ความคิดไม่เข้าท่านี้ถูกเธอซัดปลิวไปแล้ว ได้ยินเจ้าหอยยักษ์บอกว่ารากของต้นไม้นั้นอยู่ลึกยิ่ง ตอนนั้นกว่ามันมุดจากด้านล่างขึ้นสู่ผิวดินต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งเค่อถึงจะโผล่ออกมาได้