Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 187

บทที่ 187

เด็กน้อย เจ้าช่างตั้งใจเรียนเสียจริง

เธอพยามเพ่งมองอย่างหนักก็ยังมองเส้นขีดไม่ออกเหมือนเดิม อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้ หากรู้เช่นนี้แต่แรก เธอคงจะถ่ายไว้ก่อนแล้วค่อยทำความสะอาด

‘เสี่ยวชาง เจ้ายังจำรูปร่างแบบสมบูรณ์ของมันได้ไหม?’

‘…จำไม่ได้แล้ว เจ้านาย ท่านอยากเรียนสิ่งนี้จริงๆ หรือ จะวาดสิ่งนี้ต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งมากนะ’

‘ข้าจะมีพลังวิญญาณในอีกไม่ช้าก็เร็วนี้ ตอนนี้พอเรียนรู้ได้บ้าง’

“เด็กน้อย เจ้าช่างตั้งใจเรียนเสียจริง! เป็นเด็กดี…” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ชัดเจนว่าเสียงนี้ไพเราะยิ่งนัก แต่ในหูกู้ซีจิ่วราวกับได้ยินเสียง ปีศาจ!

เสียงนั้นอยู่ใกล้เธอมาก ใกล้จนเธอแทบจะรู้สึกถึงลมหายใจแผ่วเบาของอีกฝ่ายได้…

ร่างกายเธอแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง เธอถอดเสื้อผ้าออกแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งหนึ่งยังอยู่บนร่างกาย

เธอหันไปอย่างไม่รีบร้อน สวมเสื้อผ้ากลับคืนอย่างรวดเร็ว ผูกสาบเสื้อให้เรียบร้อยแล้วถึงหันหลังกลับมามองไปที่ด้านหลัง

เสื้อคลุมม่วง ผมดำ แถบแพรนัยน์ตาจิ้งจอก เป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจอมสารเลวผู้นั้น!

ขถเะนี้เขายืนอยู่บนผิวนํ้า ฝ่าเท้าเหยียบระลอกคลื่น ทว่าแม้แต่พื้นรองเท้าของเขากลับไม่เปียก

กลีบดอกเถาสุคนธารอบๆ ลอยวนอยู่รอบกายเขาไม่ไกล กลายเป็นวงกลมรางๆ วงหนึ่ง เรียงตัวสวยงามยิ่งนัก วิชาเช่นนี้…

ยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?!

เขาคือเจ้าเห่าฟ้าสุนัขของเทพเอ้อร์หลางกลับชาติมาเกิดใช่ไหม?

เธอล้างยันต์บอกตำแหน่งนั้นทิ้งแล้วชัดๆ แต่เขาก็ยังหาเจออยู่!

กู้ซีจิ่วลอบกำหมัด

เขาอมยิ้มมองเธอ ในดวงตาเรียวยาวดูราวกับมีแสงดาวพร่างพราวอยู่ “เด็กน้อย เจ้าอยากเรียนจริงๆ หรีอ? ข้ายังมีวิธีวาดยันต์นี้อีก 6 วิธี อยากให้ข้าสอนเจ้าภายในหนึ่งลมหายใจหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วเม้มปากมองเขา จู่ๆ ก็แย้มยิ้ม ตอบเขาเพียงหนึ่งคำว่า “อยาก!”

ตี้ฝูอี มองดูเธอ “ไม่หนีแล้วหรีอ?”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า “เรียนเสร็จค่อยหนีต่อก็ยังไม่สาย”

ตี้ฝูอี ตะลึงงัน เขาถูกเธอทำให้กระอักกระอ่วนอย่างหาได้ยากนัก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ถอนหายใจ “วิชาของข้าไม่สอนให้คนนอกง่ายๆ อาศัยอะไรมาให้ข้าสอนเจ้า?”

“อาศัยวาจาของท่านเมื่อครู่ ท่านถามว่าอยากให้ท่านสอนข้าภายในหนึ่งลมหายใจหรือไม่ สิทธิ์ในการเลือกของประโยคนี้อยู่ในมือข้า ไม่ใช่อยู่ในมือท่าน ตอนนี้ข้าตอบแล้วว่าจะเรียน นี่ท่านจะกลับคำหรือ? ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สง่าผ่าเผยก็สามารถพูดจากลับไปกลัมมาได้ใช่ไหม?”

ตี้ฝูอี ถอนหายใจอีกครา “เหมือนเจ้าจะถามข้าอยู่จริงๆ…”

ไม่รู่ว่าเขาหอบเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาจากที่ใด วางลงไปบนผิวนํ้า จากนั้นก็นั่งลง เอามือหนึ่งเท้าคาง มองเธออย่างจริงจัง “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สง่าผ่าเผยจะต้องวาจาหนักแน่น พูดแล้วไม่คืนคำหรือ? หากช้ากลืนคำพูดแล้วมันจะทำไม?”

อย่างไรกู้ซีจิ่วก็คิดไม่ถึงว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ดูซื่อสัตย์ใจกว้างจะกล่าววาจาไร้ยางอายเช่นนี้ออกมาได้!

เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ท่านคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจริงๆ หรือ?”

“ของแท้แน่นอน” กู้ซีจิ่วไม่พูดไม่จา หันกายว่ายไปทางริมฝั่ง…

แต่หลังจากว่ายอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ยอมแพ้ ริมฝั่งนั้นดูแล้วห่างจากเธอเพียงหนึ่งจั้ง ยามปกติระยะทางแค่นี้ว่ายแค่ไม่กี่วินาทีก็ถึงแล้ว แต่เธอว่ายมาหนึ่งนาทียังไม่เฉียดใกล้เลย ราวกับเจอผีบังตาเข้า!

ไม่ต้องถามเลย เป็นฝีมือของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายโรคจิตผู้นี้แน่นอน!

ตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงนั้น ลมทะเลสาบพัดเสื้อคลุมเขาปลิวสะบัดเสียงดังพึ่บพั่บ เขามองเธออย่างเพลิดเพลิน ดูมีนํ้าอดน้ำทนอย่างยิ่ง

เป็นบุคคลที่เห็นได้ชัดว่าดูสง่างามดุจเทพเซียนยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะกระทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร้จิตสำนึก! กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนได้เรียนรู้อีกแล้ว!

หนีไม่พ้น สู้ไม่ชนะ หน้าก็หนาสู้ผู้อื่นไม่ได้

แถมคนผู้นี้ยังดูว่างมาก เหมือนปั่นหัวคนเพื่อความสนุกตน…

เธอเม้มริมฝีปาก หลับตาลงแล้วนั่งสมาธิอยู่กลางนํ้า ไม่มองเขาอีก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!