บทที่ 293
กระจกร้าวหวนประสานก็เป็นแค่นิทานเรื่องหนึ่ง
สตรีชุดแดงน้ำเสียงเฉยเมย “ข้ากับเขาไม่จำเป็นต้องพบกันอีกแล้ว”
กระจกร้าวหวนประสาน[1]ก็เป็นแค่นิทานเรื่องหนึ่ง แต่มิใช่กระจกร้าวทุกบานล้วนหวนประสานได้ หลายสิ่งหลายอย่างเมื่อพลาดพลั้งแล้วไม่อาจหวนกลับไปได้อีก
“พอเห็นสตรีนางนั้นยึดครองตำแหน่งของท่านแล้วยังกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ ช่างชวนให้ไม่สบอารมณ์จริงๆ!” เด็กสาวชุดเขียว คับข้องขุ่นเคือง
สตรีชุดแดงนางนั้นราวกับเปล่งแสงจางๆ ไม่ตอบสนองต่อคำพูดของเด็กสาวชุดเขียวอีก
“หัวหน้าไม่แยแสตำแหน่งนั้นหรอก!” เด็กสาวอีกคนหยักยิ้มบางๆ “คนผู้นั้นไม่คู่ควรกับท่าน!”
“ก็ถูก หัวหน้าใส่ใจเพียงคุณหนูซีจิ่ว น่าเสียดายที่เมื่อก่อนหัวหน้าสูญเสียความจำ มิเช่นนั้นไหนเลยจะปล่อยให้คุณหนูซีจิ่วต้องทนทุกข์ทรมานเนิ่นนานปีเช่นนี้…”
สตรีชุดแดงยกมือขึ้น ยับยั้งเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กสาวทั้งสอง “เหตุใดพวกเจ้าพูดมากถึงเพียงนี้? เรื่องที่ข้าให้พวกเจ้าไปจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เรียบร้อยหมดแล้วเจ้าค่ะ”
สตรีชุดแดงนางนั้นพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันหลัง “เช่นนั้นพวกเราไปกันเถิด!”
เงาร่างทั้งสามแวบจากไปราวกับสายฟ้า
…………………………..
เพียงชั่วพริบตาก็ผ่านพ้นไปสามวันแล้ว ในสามวันมานี้มีผู้คนแห่แหนมาเยี่ยมเยือนจวนแม่ทัพไม่ขาดสาย เหล่าขุนนางและองค์ชายในรัชสมัยนี้เอย ครอบครัวตระกูลขุนนางเอย พระชายาเอย ล้วนพากันมาเยี่ยมเยือนที่นี่ จวนแม่ทัพคึกคักอย่างยิ่ง
คนเหล่านี้ย่อมมาเยี่ยมเยือนกู้ซีจิ่ว แต่กู้ซีจิ่วคร้านจะต้อนรับขับสู้คนเหล่านี้ จึงไม่ออกมาพบปะผู้ใดโดยอ้างเหตุผลว่าสุขภาพไม่สู้ดี
หลังจากเหลิ่งเซียงอวี้กลับถึงจวน กู้เซี่ยเทียนให้เหตุผลว่านางสั่งสอนอบรมบุตรสาวไม่ดี นำนางไปคุมขังกักบริเวณไว้ในเรือนเล็กที่เงียบเหงาวังเวงหลังหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่ได้ถอดถอนตำแหน่งฮูหยินด้วยเห็นแก่หน้าบุตรชาย แต่ก็ยึดสิทธิ์การดูแลจัดการเรื่องในบ้านของนางทั้งหมด แล้วเลื่อนให้อนุนางหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับกู้ซีจิ่วขึ้นมาดูแลจัดการ เรื่องเหล่านี้
เนื่องจากครอบครัวตระกูลขุนนางเหล่านั้นมาเยือนที่นี่ ย่อมไม่อาจให้ผู้ที่มีฐานะเป็นอนุภรรยามารับรองได้ กู้เซี่ยเทียนจึงเลื่อนขั้นให้อนุผู้นั้นมีฐานะฮูหยินเทียบเท่าเหลิ่งเซียงอวี้ ให้นางออกหน้าพูดคุย รับรองครอบครัวตระกูลขุนนางเหล่านั้นได้โดยไม่ผิดธรรมเนียม ถึงยามนี้ ในที่สุดเหล่าอนุของกู้เซี่ยเทียนก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ใครคือผู้ที่ควรประจบเอาใจที่สุดในจวนแม่ทัพ จึงมีนํ้าใจไมตรีจิตต่อกู้ซีจิ่วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
หากมิใช่กู้เซี่ยเทียนสั่งห้ามมิให้ผู้ใดไปรบกวนกู้ซีจิ่วโดยพลการ คนเหล่านี้คงทนรอแเทบไม่ไหวที่จะไปทักทายนางตั้งแต่เช้าตรู่
ถึงแม้เหลิ่งเซียงอวี้ยังครองตำแหน่งฮูหยินไว้ได้ แต่ก็ถูกหมางเมินโดยสิ้นเชิง ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในเรือนนั้น สาวใช้ข้างกายก็ไม่ใช่คนสนิทของนาง แต่เป็นสาวใช้อาวุโสนางหนึ่ง
ปีนั้นสาวใช้อาวุโสนางนี้ถูกเหลิ่งเซียงอวี้ส่งคนไปทุบตีจนขาเกือบหักเนื่องจากทำผิดพลาดเพียงเล็กน้อย จนถึงปัจจุบันแข้งขาก็ไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อนแล้ว ยามนี้ต้องมารับใช้นางย่อมไม่เต็มอก เต็มใจ ทำให้อาหารของเหลิ่งเซียงอวี้ร้อนจนแทบกินไม่ได้…
ตามทีสุภาษิตกล่าวเอาไว้ ปลามองหาปลา กุ้งมองหากุ้ง คางคกมองหากบ[2]
ปีนั้นหลังจากเหลิงเซียงอวี้ขึ้นเป็นฮูหยินก็เปลี่ยนคนดูแลในจวนทั้งหมดให้เป็นคนของนางเอง
ตัวนางก็เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกผู้หนึ่ง ผู้ดูแลที่นางเปลี่ยนเข้ามาเหล่านั้นก็นิสัยไม่ต่างกับนาง ต่อหน้าดีลับหลังร้าย บูชาผู้สูงส่ง เหยียบย่ำผู้ตกต่ำ ปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้เก่งกาจยิ่ง
ยามนางมีอำนาจคนเหล่านี้ก็ยำเกรงประจบสอพลออยู่ตลอด บัดนี้ พอนางสูญเสียอำนาจ คนเหล่านี้ก็เหยียบย่ำซ้ำเติมนางอย่างร้ายกาจยิ่ง สำรับอาหารที่เตรียมไว้ให้นางแย่ยิ่งกว่าข้ารับใช้ธรรมดาด้วยซ้ำ ถึงขั้นบูดเน่าเย็นชืด…
ปีนั้นยามที่หลัวซิงหลานถูกหมางเมินและถูกกักบริเวณ ถึงแม้เหลิ่งเซียงอวี้จะลอบสั่งให้ผู้ดูแลเหล่านั้นทารุณนาง แต่ก็ยังมีข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีบางส่วนแอบส่งเสื้อผ้าอาหารให้
แต่เหลิ่งเซียงอวี้ที่ถูกคุมขังในยามนี้ ไม่มีใครแอบมาเยี่ยมนางเลยสักคน อ้างว้างอย่างยิ่ง