ตอนที่ 12
ฝันหวาน
หลังจากเวลาแห่งการถูกทำโทษได้ผ่านพ้นไปอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่ไหวแล้ว….” เจินเจินตะโกนออกมาอย่างสุดจะกลั้นอยู่ตรงโต๊ะตัวเดิมท่ามกลางหนังสือสวดมนต์และบทสวดมนต์ต่างๆมากมาย
หลังจากที่หลี่เซียวเหยาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินให้ออกไปพบที่พระตำหนักส่วนพระองค์ หญิงสาวจึงถือโอกาสตอนอยู่คนเดียวในห้องหนังสือแห่งนี้ปลดปล่อยอารมณ์อย่างเต็มที่
“ทำอะไรก็ผิดไปหมด เป็นสตรีนี่ช่างยากแท้ เฮ่อ! ง่วงก็ง่วง ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้นอนเลยนะเนี่ย” เจินเจินยังคงนั่งบ่นออกมาอย่างต่อเนื่องก่อนจะตัดสินใจวางพู่กันในมือลง แล้วเมียงมองไปทางประตูเพื่อให้แน่ใจว่าหลี่เซียวเหยายังไม่กลับเข้ามา
อา…
นางจะขอไปงีบเสียหน่อย เรื่องเมื่อวานทานางตาค้างจนนอนไม่หลับเลยทั้งคืน
เมื่อคิดได้แล้วหญิงสาวจึงมองไปทางห้องนอนที่อยู่ถัดไปจากห้องหนังสือแห่งนี้
ห้องนอนห้องนั้นเป็นห้องที่นางกับเขา…เมื่อคืน…คิกคิก
ขอไปนอนระลึกความหลังที่ยังตราตรึงหน่อยเป็นไร
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเจินเจินจึงไม่รอช้ารีบกระโดดตัวลอยเข้าห้องนอนแห่งนั้นไปอย่างถือวิสาสะในทันที
อืม…
สบายจริง…
หญิงสาวคิดในใจพลางนอนกลิ้งตัวไปมาบนเตียงนอนที่ซึ่งมีกลิ่นอายของความเร่าร้อนจากเหตุการณ์ของเมื่อวานอยู่อย่างนั้น
อา…
เมื่อคืนเขาทำอย่างไรบ้างนะ
เขาจูบใช่หรือไม่
เขาจูบนาง…
เจินเจินนอนหลับตาพริ้มคิดถึงภาพวาบหวิวเมื่อวานยามที่หลี่เซียวเหยากำลังอารมณ์พลุ่งพล่านเพราะฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัด
ภาพที่เขาจูบนางตรงริมฝีปาก
ภาพที่เขาจูบนางตรงแก้มนวล
ภาพที่เขาใช้ริมฝีปากและจมูกคมสันของเขาลากไล้ไปเรื่อยๆตรงซอกคอของนาง
อืม…
ยังรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่เลย…
เจินเจินคิดไปยิ้มไปขณะหลับตาพริ้มก่อนจะหลับไปอย่างฝันหวาน
ภายในความฝันของนางนั้น ยังคงเป็นภาพที่นางกำลังคลอเคลียอยู่กับหลี่เซียวเหยาของนางอย่างหวานชื่น
หญิงสาวนอนหลับตาอมยิ้มพริ้มเพรากลิ้งตัวไปกลิ้งตัวมาอยู่บนเตียงนอนผืนใหญ่คล้ายคนละเมอเพ้อพกดั่งสาวน้อยก็ไม่ปาน
และภาพนั้นก็หาได้รอดพ้นจากสายตาคมของใครบางคนไม่!
หลี่เซียวเหยาที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้หลี่ซื่อหมิน ด้วยเรื่องการคัดเลือกองค์หญิงจากต่างแคว้นให้เข้าเป็นสนมของเขา เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการถ่วงดุลอำนาจในการจัดการระบบแว่นแคว้น
เดิมทีเขาไม่คิดที่จะรับสนมนางใด ด้วยใจไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับอิสตรี แต่ด้วยสายตาอันหนักใจอย่างปิดไม่มิดของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินพระเชษฐาของเขา เขาจึงจำต้องยอมอย่างจำใจรับแบ่งเอาสนมเหล่านั้นเข้ามาเป็นอนุชายาของเขา
เขาเพียงนึกห่วงใครบางคนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ทั้งๆที่เขาขัดเคืองนางในหลายๆเรื่อง แต่เขาก็ยังนึกห่วงนางอย่างแปลกใจ
เขารีบกลับมาหวังจะแจ้งข่าวนี้แก่นาง ซึ่งไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงอยากทำอย่างนั้น แต่ดูนาง…
นอกจากไม่ยอมคัดหนังสือสวดมนต์ตามคำสั่งแล้วยังจะมาแอบนอนยิ้มปล่อยตัวยาวเหยียดอยู่บนเตียงนอนของเขาอีก
มันออกจะเกินไปใช่หรือไม่?
ดู…
ดูท่านอนคล้ายกำลังฝันหวานนั่นอีก…
นั่นนางกำลังฝันถึงใคร!?
หลี่เซียวเหยาเพียงยืนกอดอกหรี่ตามองเจินเจินที่กำลังนอนหลับตาพริ้มยกริมฝีปากยิ้มกริ่มอยู่บนเตียงนอนของเขานั้นอย่างขัดใจ
เขาต้องจัดการบางอย่างกับนาง…
อุ้มนางเอาไปถ่วงน้ำดีหรือไม่!?
หลี่เซียวเหยาคิดได้ดังนั้นจึงเดินเข้าไปทางเตียงนอนเพื่อหวังจะอุ้มเจินเจินไปทำมิดีมิร้ายดังใจคิด
เจินเจินซึ่งไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังสร้างความเข้าใจผิดให้แก่บุรุษผู้หนึ่งอยู่ นางยังคงนอนหลับตาพริ้มอมยิ้มตามภาพฝันอยู่อย่างนั้น
ซักพักเมื่อหญิงสาวที่มักมีความรู้สึกตัวว่องไวต่อสิ่งเร้ารอบตัวแม้ยามหลับใหลจึงสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในขณะที่หลี่เซียวเหยากำลังก้มตัวลงทำท่าจะอุ้มนาง
อา….
หลุดออกมาจากความฝันหรืออย่างไร?
เจินเจินคิดในใจขณะปรือตาเหม่อมองหลี่เซียวเหยาที่กำลังโน้มตัวลงมา
“เซียวเหยาของข้า…” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างกรุ้มกริ่มคล้ายคนละเมอพลางเอื้อมมือขึ้นโอบรอบคอของชายหนุ่ม
กริยานั้น คาพูดนั้น ทำหลี่เซียวเหยาถึงกับนิ่งอึ้งไป
นางกำลังฝันหวานถึงเขารึ?
“มาให้ข้ากินเสียดีดี” เจินเจินละเมอออกมา
“หือ!” หลี่เซียวเหยาอุทานเบาๆ
แต่ยังไม่ทันที่หลี่เซียวเหยาจะขัดขืนหรือขยับกายออกห่าง เจินเจินก็รวบร่างของเขาก่อนออกแรงม้วนตัวของเขาให้กลิ้งไปบนเตียงนอนจนอยู่ใต้ร่างของหญิงสาวเสียอย่างนั้น
และยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยสิ่งใดออกมาอีกเช่นกัน ริมฝีปากของเขาก็ถูกริมฝีปากของนางครอบครอง
เจินเจินยังคงหลับตาพริ้มขณะบรรจงจูบหลี่เซียวเหยาอย่างดูดดื่ม
อา…
สตรีนางนี้ เขาจะทำอย่างไรกับนางดี…
หลี่เซียวเหยาคิดในใจขณะยังคงปล่อยให้เจินเจินกระทำการอย่างตามใจก่อนจะเริ่มตอบสนองการกระทำของนาง
สองหนุ่มสาวจึงอยู่ในท่าคลอเคลียม้วนตัวพันกันนัวเนียอยู่บนเตียงนอนทั้งอย่างนั้น
เจินเจินยังคงละเมอหลับตาพริ้มอมยิ้มกรุ้มกริ่มขณะยังคงประกบปากจูบหลี่เซียวเหยาอยู่อย่างนุ่มนวล อ้อยอิ่ง เนิ่นนาน
หลี่เซียวเหยาก็เช่นเดียวกัน เขากำลังสนองตอบริมฝีปากและปลายลิ้นของเจินเจินเป็นอย่างดี
เวลาผ่านไปซักพักหลังจากที่หลี่เซียวเหยาเพียงเคลิ้บเคลิ้มไปกับสัมผัสของเจินเจิน เขาจึงเปลี่ยนเป็นฝ่ายรุกคืบหญิงสาวบ้าง
เขาใช้วงแขนของเขาโอบรอบลำตัวของนางก่อนจะออกแรงม้วนตัวดันร่างของนางให้กลิ้งกลับมาเพื่อให้อยู่ใต้ร่างของเขา
เจินเจินเริ่มรับรู้ได้ถึงร่างของตนที่ถูกม้วนตัวกลิ้งกลับไปมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ใต้ร่างของบุรุษผู้หนึ่งผู้ซึ่งจูบนางอย่างหนักหน่วงอยู่ในขณะนี้
เมื่อนางเริ่มมีสติจึงเอื้อมมือขึ้นยกใบหน้าของบุรุษผู้นี้ขึ้นเพื่อพิศมองใบหน้าของเขา
หญิงสาวเห็นเป็นหลี่เซียวเหยาของนางจึงทำได้แค่กระพริบตาปริบๆสองที
“อา… ท่าน หลุดออกมาจากความฝันของข้ารึ” นางเอ่ยเสียงแผ่ว
“ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ…” เขาตอบเสียงแหบพร่าก่อนก้มหน้าลงจัดการกับนางอย่างต่อเนื่อง
หลี่เซียวเหยาก้มหน้าลงฝังจมูกกับแก้มนวลแดงระเรื่อก่อนจะเคลื่อนไปเรื่อยๆตามลำคอระหง
ริมฝีปากชุ่มชื้นของเขาค่อยๆดูดดึงขบเม้ม จนสีผิวขาวผ่องของเจินเจินเริ่มปรากฎริ้วรอยสีแดงเป็นหย่อมๆตามรอยริมฝีปากของเขาที่เคลื่อนผ่าน
“อา… ท่าน…” หญิงสาวเริ่มส่งเสียงครวญครางอย่างรัญจวนเมื่อชายหนุ่มเริ่มปลดสาบเสื้อของนางออก
“ครานี้…ของจริง” หลี่เซียวเหยากระซิบพลางเคลื่อนใบหน้าลงต่ำเรื่อยไปตรงเนินอกอวบอั๋นของเจินเจิน
ฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาก็ช่วยกันอย่างรู้หน้าที่ หญิงสาวทำได้เพียงเอื้อมมือลงเกาะกุมอยู่บนไหล่กว้างใหญ่ของเขา ขณะหลับตายินยอมแต่โดยดี
เพียงไม่นานสาบเสื้อของหลี่เซียวเหยาก็ถูกปลดออกโดยนิ้วเรียวสวยของเจินเจินเช่นเดียวกัน
หญิงสาวเอื้อมมือขึ้นเพื่อจับกุมใบหน้าของหลี่เซียวเหยาให้ขึ้นมาหาใบหน้าของนาง ก่อนจะจับโน้มใบหน้านั้นให้ก้มลงประกบเข้ากับริมฝีปากของนางอย่างเว้าวอน
ชายหนุ่มก้มหน้าลงจุมพิตนางอย่างไม่ขัดขืนแต่อย่างใด เขายังคงกระทำการอย่างตามใจนางและตัวเขาเองเช่นกัน…
เวลาผ่านไปซักพักโดยไม่มีเสียงพูดคุยใดๆมีเพียงเสียงของเสื้อผ้าที่เสียดสีกันก็เท่านั้น จู่ๆ เสียงแปลกประหลาดเสียงหนึ่งพลันดังขึ้นอยู่ที่นอกหน้าต่างห้องนอน
“หือ!”
สองหนุ่มสาวชะงักงันการกระทำบางอย่างก่อนอุทานในลำคอพร้อมกัน
แต่…
อึดใจเดียวเท่านั้น
“อย่าสนใจเลย…” หลี่เซียวเหยาเอ่ยขึ้นเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงจัดการกับเจินเจินต่อ
“อืม…” เจินเจินเพียงตอบรับในลำคอก่อนจะตอบสนองชายหนุ่มเป็นอย่างดี
ทั้งสองยังคงดำเนินกิจกรรมเสียวสยิวเรียกเสียงครวญครางของกันและกันอย่างต่อเนื่อง…
แต่ก่อนที่กิจกรรมจะดำเนินจนถึงขั้นตอนสำคัญ
“แคว่ก! แคว่ก!” เสียงของนกประหลาดชนิดหนึ่งพลันดังขึ้นที่โต๊ะใกล้เตียงนอน
มันพยายามบินเข้ามาจากทางหน้าต่างจนสำเร็จก่อนจะมาหยุดอยู่บนโต๊ะตัวนั้นพร้อมส่งเสียงคล้ายหงุดหงิดที่ไม่มีใครสนใจมัน
กิจกรรมของสองชายหญิงจึงจำเป็นต้องหยุดลงอย่างเสียมิได้
แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์ แต่ด้วยรูปร่างใหญ่ยักษ์ดำทมิฬที่แปลกประหลาดและท่าทางกราดเกรี้ยวนั้น ทำให้มนุษย์ต้องเกรงใจอยู่ถึงสามส่วน
“แคว่ก แคว่ก” นกตัวนั้นยังคงส่งเสียงสะบัดใส่สองหนุ่มสาวบนเตียงนอนพร้อมทั้งยกเท้าที่มีกระดาษติดอยู่ตรงข้อเท้ายื่นไปทางเจินเจินอย่างรู้งานแบบมืออาชีพ
เจินเจินเห็นเป็นนกส่งสารประจำสำนักของตนจึงรีบดันตัวของหลี่เซียวเหยาให้ลุกขึ้นจากร่างของนาง
เมื่อหลี่เซียวเหยายอมลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยดีแล้วเจินเจินจึงเอื้อมมือไปจับสาบเสื้อของชายหนุ่มให้กลับเข้าที่อย่างรู้สึกผิด
เพราะหน้าตาอีกทั้งแววตาของชายหนุ่มยามนี้ทำให้นางรับรู้ได้ว่าเขาอาจจะเข้าไปฆ่าหักคออย่างโหดเหี้ยมกับนกประหลาดประจำตัวของนางก็เป็นได้
“ท่าน…ใจเย็น” เจินเจินเอ่ยเสียงเบาขณะมองใบหน้าที่กำลังเขียวครึ้มของหลี่เซียวเหยาพร้อมกับทำท่าปัดฝุ่นที่สาบเสื้อของเขาแถมให้ด้วย
หลี่เซียวเหยามิได้กล่าวคำใด เขาเพียงหรี่ตามองเจินเจินที่กำลังจัดระเบียบสาบเสื้อให้เขาอย่างขัดใจ พลางคิด
จะเป็นอย่างนี้อีกแล้วใช่หรือไม่!?
เจินเจินได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆตอบกลับใส่สายตาคมดำที่กำลังฉายแววห้ำหั่นพลางจับสาบเสื้อของตนแล้วจัดให้เข้าที่อย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียวหญิงสาวก็กระตุกร่างของนกแปลกประหลาดต้นเหตุของสงครามรอบใหม่พุ่งตัวออกไปจากห้องแห่งนี้ไปในทันที
หลี่เซียวเหยาทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่อด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านยากจะอธิบาย
ครานี้ เขาควรจะแค้นใครดี ระหว่างเจินเจินกับนกประหลาดตัวนั้น
ฮึ่ม!
บัดซบอีกแล้ว!