Skip to content

สะดุดรักยัยกะล่อน 20

ตอนที่ 20

สตรีต่ำต้อย

เมื่อเจินเจินอยู่ในรูปลักษณ์ของหญิงคณิกาแล้วจึงทำท่าทางคล้ายเดินหลงทางในค่ายทหารเพื่อไม่ให้เหล่าทหารที่พบเจอนางผิดสังเกตจนเกินไป

เจ้า!เสียงทหารคนหนึ่งเอ่ยทักเจินเจินเมื่อเห็นนางเดินไปมาคล้ายหลงทิศ มาเดินทำอะไรตรงนี้ ใยไม่ไปปรนนิบัติเจ้านาย

ข้าไปมาแล้ว กำลังจะกลับที่พัก แต่เกิดหลงทางเจ้าค่ะเจินเจินตอบกลับไปอย่างแนบเนียน

นั่น! ทางนั้น… รีบไปเลยทหารคนเดิมชี้นิ้วไปตามทิศทางให้เจินเจิน หญิงสาวจึงทำความเคารพอย่างอ่อนน้อมพร้อมส่งยิ้มหวานอย่างมีจริตก่อนจะรีบเดินไปตามทิศทางนั้นแต่โดยดี

นางต้องการเข้าไปรวมกลุ่มกับบรรดาสตรีคณิกาด้วยกันเสียก่อนเพื่อหาข้อมูลจากพวกนางว่าใครเป็นใคร ผู้ใดคือองค์ชายหรือข้าราชบริพาร ใครยิ่งใหญ่พอที่จะเรียกร้องความสนใจจากคนในวังหลวงของแคว้นต้าไห่ให้ออกมาจากพระราชวังได้

เมื่อเดินเข้ามาในห้องที่น่าจะเป็นห้องพักของบรรดาสตรีคณิกาประจำค่ายทหาร เจินเจินสังเกตเห็นหญิงสาวที่เป็นเพียงดรุณีในวัยแรกแย้มอยู่สองนาง

ทั้งสองนางนั้นกำลังนั่งตัวติดกันอยู่ตรงมุมห้องคล้ายกับกลัวใครมาจับแยกกระนั้น

อ่ะ! มาแล้ว มาแล้วเสียงหนึ่งในดรุณีน้อยนางหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อมองเห็นสตรีผู้มาใหม่เดินนวยนาดเข้ามาในห้องแห่งนี้

แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น

นางจึงเอ่ยออกมาอีก อ้าว! ไม่ใช่พี่เสี่ยวเหมยนี่ ท่านเป็นใครกันสาวน้อยนางนั้นถามมาทางเจินเจินซึ่งเป็นสตรีผู้มาใหม่ที่กำลังเดินกรีดกรายเข้ามาอย่างสวยงาม

เดี๋ยวพี่เสี่ยวเหมยก็มา เจ้าใจเย็นนะหนึ่งในดรุณีน้อยเอ่ยขึ้นกับอีกหนึ่งดรุณีที่นั่งอยู่ด้วยกันโดยไม่สนใจเจินเจินอีกต่อไป

ข้ามีนามว่าเจินเจิน เป็นหญิงคณิกาคนใหม่เจ้าค่ะ

เจินเจินตอบกลับไปทั้งๆที่ไม่ได้มีใครสนใจนางแล้ว

เจินเจินทำท่าจะเอ่ยถามที่มาที่ไปของเหล่าหญิงคณิกาพวกนี้ด้วยเห็นว่าสาวน้อยทั้งสองดูจะเด็กเกินไปสำหรับภารกิจสุดระห่ำอย่างเช่นค่ายทหารนี่

แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคาใดอย่างใจคิด เสียงสตรีอีกนางหนึ่งพลันดังแทรกเข้ามา

ข้ามาแล้ว มีใครเรียกใช้บริการอีก บอกมาหญิงสาวผู้มาใหม่เอ่ยออกมาเช่นนั้นอย่างเป็นธรรมชาติ

พี่เสี่ยวเหมยดรุณีน้อยทั้งสองเรียกนามสตรีนางนั้นอย่างพร้อมเพรียง

อ่ะ! เจ้า…สตรีผู้ที่มีนามว่าเสี่ยวเหมยเอ่ยถามขึ้นกับเจินเจินเมื่อมองเห็นเจินเจินเพิ่มเข้ามาให้ห้องแห่งนี้ที่เดิมทีมีเพียงสาวน้อยอยู่แค่สองนาง

เสี่ยวเหม่ยเอ่ยต่อเนื่องไปทางเจินเจิน เจ้าถูกซื้อตัวมาเพิ่มหรือ

อืม..ใช่แล้วเจินเจินตอบออกไปในทันทีอย่างรู้งาน

สาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงตั่งรีบลุกพรวดพราดขึ้นมาหาและเอ่ยขึ้นกับเสี่ยวเหมย พี่เสี่ยวเหมย เมื่อครู่มีนายทหารเข้ามาแจ้ง

พวกเราว่าให้เตรียมตัวไปปรนนิบัติรองแม่ทัพอะไรซักอย่างเจ้าค่ะ

พี่เสี่ยวเหมย ข้าได้ข่าวว่ารองแม่ทัพอะไรนี่น่ากลัวยิ่งนักสตรีน้อยอีกนางเอ่ยตามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เสี่ยวเหมยรับเองสตรีนามว่าเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปหลังฉากเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เพียงครู่และเดินออกมาด้วยชุดใหม่สวยงาม ก่อนจะมานั่งที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อแต่งหน้าทาปากเพิ่มเติม

เจินเจินเพียงมองและสังเกตการณ์นิ่งๆไม่ได้เอ่ยคำใด

พี่เสี่ยวเหมย มีนายทหารอีกคนหนึ่งมาแจ้งว่า ท่านแม่ทัพอะไรซักอย่างเรียกหาด้วยนะเจ้าคะสาวน้อยอีกนางเอ่ยขึ้น

ได้เลย พี่เสี่ยวเหมยขอเหมาทั้งหมดเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้านขณะลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้งตรงหน้า

เจินเจินได้แต่มองตามตาปริบๆพลางคิดในใจ สตรีนางนี้ช่างเก่งกาจยิ่งแล้ว

เมื่อเสี่ยวเหมยเดินออกมาจากในห้องพักของเหล่าคณิกา เจินเจินจึงรีบเดินตามออกมา

เจ้าควรอยู่เป็นเพื่อนกับสองคนนั่นเสี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นกับเจินเจินด้วยรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตา

เจินเจินสังเกตความเหนื่อยล้าในแววตานั่นของเสี่ยวเหมย เห็นได้ชัดว่าก่อนเข้ามาในห้องแห่งนี้ ตัวสตรีนางนี้คงปรนนิบัติบุรุษคนใดคนหนึ่งมาเพียงไม่นาน รอยขบกัดที่ลำคอระหงของเสี่ยวเหมยบ่งบอกได้เป็นอย่างดี

เจ้ากำลังปกป้องสาวน้อยสองนางนั่นนั่นคือสิ่งที่เจินเจินเอ่ยออกไปอย่างรู้เท่าทันสตรีนามว่าเสี่ยวเหมย

หือ!เสี่ยวเหมยอุทานเบาๆก่อนหรี่ตามองเจินเจิน

สองสาวต่างจ้องมองหน้ากันและกันอยู่อึดใจหนึ่ง

ซักพักเสี่ยวเหมยเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ข้ามีปัญญาปกป้องพวกนางได้เท่านี้ล่ะ เจ้าก็เห็นว่าพวกนางยังเด็กนัก พวกทหารเหล่านี้ช่างกักขฬะยิ่ง การต้องอยู่ใต้ร่างบุรุษโดยที่ร่างกายและจิตใจยังไม่พร้อม เจ้าคิดว่าพวกนางจะทรมานมากเพียงใดกัน

เจินเจินนิ่งฟังและคิดตาม สตรีน้อยสองนางที่นั่งกันอยู่ในห้องนั้น นางพิศมองอย่างไรก็ไม่พ้นวัยสิบห้าปีอย่างแน่นอน

สองนางนั้นถูกขายเข้ามาในหอนางโลมเพียงไม่นานก็ถูกคนของค่ายทหารแห่งนี้ซื้อตัวมา พวกนางยังไม่เคยได้ขึ้นเตียงกับใคร นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีคณิกาคนใดคิดยื่นมือช่วย เจ้าคิดว่าอย่างไรจบคำเสี่ยวเหมยก็เดินกรีดกรายจากไปทิ้งเจินเจินที่กำลังยืนอึ้งอยู่กับที่อย่างไม่ใยดี

ภายในที่พักของรองแม่ทัพ….

อา…เสียงของบุรุษคนหนึ่งดังมาจากในห้องพักของรองแม่ทัพผู้ซึ่งเรียกใช้บริการจากหญิงคณิกา จะหนีไปไหน

อ๊ะ! ท่านเสียงที่ดังตามมาเป็นเสียงของเสี่ยวเหมยนั่นเอง ข้า…เจ็บ…

เจินเจินที่แอบตามเสี่ยวเหมยมากำลังมองดูทั้งสองอยู่จากตรงมุมมืดภายในที่พักแห่งนี้

หญิงสาวเห็นได้ชัดเจนว่าบุรุษผู้นี้ช่างเป็นบุคคลที่ไม่คิดจะถนอมบุปผาแต่อย่างใด

ด้วยสีหน้าของเสี่ยวเหมยนั้นแสดงออกชัดเจนว่ากำลังเจ็บปวดจากการปรนนิบัติชายผู้นี้ นางกำลังหลับตาข่มความทรมานจากการถูกชายผู้นี้ขบกัดอย่างไม่ปราณีขณะร่วมอภิรมย์ด้วยท่าทางโลดโผนเร่าร้อนรุนแรง

เจินเจินหรี่ตามองอย่างนึกรังเกียจ

นางรังเกียจบุรุษประเภทนี้เป็นที่สุด

แล้วอย่างไร เจ็บก็ต้องทน อา…เสียงของบุรุษผู้นั้นยังคงคำรามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าน่าขยะแขยง เป็นแค่สตรีชั้นต่ำ ทำเป็นสำออย อา… อา…

ประโยคนั้นทำเจินเจินสติหลุดทันที

นางกระโจนเข้าไปหมายขย้ำชายผู้นี้ให้จมเขี้ยว

หญิงสาวพุ่งตัวออกมาจากมุมมือเพื่อประชิดถึงขอบเตียงอย่างรวดเร็วเพียงพริบตาเดียวก่อนจะจับกระชากร่างไร้อาภรณ์ของบุรุษที่กำลังกระทำการอุกอาจอยู่บนเรือนร่างของเสี่ยวเหมยอย่างไร้ความปราณี

ฉับ!

สิ้นเสียงดาบ

ชายผู้นั้นถึงกับตัวกระตุกชักเกร็ง ลำคอมีบาดแผลฉกรรจ์จากดาบสั้นในมือจนศีรษะเกือบจะหลุดออกจากบ่านอนตายตาเหลือกอย่างไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนได้หมดลมหายใจไปแล้ว ส่วนกลางของลำตัวยังคงพองออกบ่งบอกว่าเป็นอาวุธชนิดเดียวที่ติดตัวอยู่ขณะโดนปลิดชีพอย่างไม่ทันตั้งตัว

เจินเจินยืนมองภาพของศพบุรุษเพศผู้ ที่นอนจมกองเลือดสีแดงฉาดด้วยดวงตาจับนิ่ง สีหน้าเย็นยะเยือก

ไม่ว่าบุรุษผู้นี้จะมีฝีมือการต่อสู้ที่ร้ายกาจเพียงใด

แต่เมื่อยามที่สติสัมปชัญญะของพวกมันกำลังดำดิ่งอยู่กับอารมณ์เพศขณะทำกิจกรรม พวกมันย่อมจัดการได้โดยง่าย

และด้วยความรวดเร็วฉับไวของเจินเจินที่แม้กระทั่งโลหิตยังไม่ทันได้ไหลออกมาเมื่อดาบเฉือนเข้าไปในเนื้อ มันจึงเป็นเรื่องง่ายต่อการสังหารอย่างโหดเหี้ยมนี้

เสี่ยวเหมยที่กำลังหลับตาข่มความเจ็บปวดจากการย่ำยีของบุรุษผู้นี้ที่มอบให้ค่อยๆปรือตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกได้ว่าเรือนร่างของตนได้รับอิสระภาพจากการถูกขึ้นขย่มเมื่อครู่

นางถึงกับผงะกับภาพตรงหน้า

แต่หาได้กรีดร้องออกมาไม่

ด้วยเพราะกำลังตกตะลึงตัวแข็งทื่อจนลืมว่าตนเองมีปากเอาไว้ส่งเสียง

เจ้าปกป้องสตรีด้วยกันด้วยวิธีของเจ้าเจินเจินส่งเสียงเยียบเย็นไปทางเสี่ยวเหมย

ส่วนข้าก็จะปกป้องพวกเจ้าด้วยวิธีของข้า… เจ้าคิดว่าอย่างไรนางกล่าวพลางหันหน้าไปมองสบตาของเสี่ยวเหมยที่กำลังนั่งเปลือยเปล่าอยู่บนเตียง น้ำเสียงของเจินเจินจริงจังแม้เบาแผ่วเพียงเพื่อให้ได้ยินแค่พวกนาง

….

เงียบ…

ไม่มีคำตอบ

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ

มีเพียงเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยติดๆขัดๆของเสี่ยวเหมยที่ค่อยๆกลับมาเป็นปกติเพียงเท่านั้นก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยบนใบหน้างามของหญิงสาว

นางกำลังร่ำไห้

ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะเจ็บปวด ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่…

นานมากแล้ว

นานมาแล้ว

ที่นางอยากถูกปกป้อง

นางอยากจะถูกใครสักคน

ปกป้องนางบ้าง

ทุกครั้งที่นางถูกข่มเหงจากพวกบุรุษหน้าเนื้อใจเสือ

ตั้งแต่นางเกิดจากแม่ผู้เป็นคณิกาในหอโคมเขียว

ตั้งแต่ที่นางคิดหนีแต่ไม่สำเร็จ

ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อยังนางเป็นเพียงเด็กหญิงและได้ถูกบังคับให้ปรนนิบัติบุรุษ

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา

ไม่เคยมีใครคิดจะช่วยนาง

แม้นางจะก้มกราบกรานร้องขออ้อนวอนสารพัด

แต่ไม่เคยมีใครเลย ที่จะช่วยนาง

เจ้าเป็นอะไรเจินเจินสังเกตเห็นเสี่ยวเหมยนิ่งเงียบอยู่นานจึงถามขึ้นอย่างนึกห่วง “ร้องไห้ทำไม”

สงสัยนางคงกำลังอารมณ์ค้าง เจินเจินคิดอย่างไม่เข้าใจในตัวของเสี่ยวเหมยเลยสักนิด

ข้าเห็นเจ้าทำหน้าคล้ายกับว่ากำลังเจ็บปวดออกปานนั้น ข้าก็เลยอยากจะช่วยเจ้าเจินเจินพยายามแก้ตัวด้วยเพราะ

เข้าใจอารมณ์ยามเข้าได้เข้าเข็มตอนกำลังทำกิจกรรมหฤหรรษ์เป็นอย่างดี

นางก็เคยเป็นนะ ตอนที่กำลังร่วมรักกับหลี่เซียวเหยาของนาง

แต่… หลี่เซียวเหยาถนอมนางมากนะ ไม่ได้ป่าเถื่อนเยี่ยงนี้

ฮึกๆ…ฮือเสี่ยวเหมยร้องไห้ออกมาอีกด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้น

เจินเจินถึงกับหน้าเหรอหราทำอะไรไม่ถูก

จะจับคอของเจ้านี่ให้กลับเข้าที่แล้วปลุกวิญญาณมันขึ้นมาทำกิจต่อให้เสร็จดีหรือไม่! เจินเจินคิดในใจเมื่อหันหลังกลับไปมองศพของบุรุษที่นางสังหารไปเมื่อครู่

ข้า…เสี่ยวเหมยพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆขณะเช็ดน้ำตาที่กำลังอาบแก้มของตนออก ข้าขอบคุณ…ขอบคุณเจ้า…ขอบคุณจริงๆ เจ้า…ดียิ่ง…ช่างดียิ่ง…นางกำลังพบทางสว่าง เสี่ยวเหมยคิดในใจขณะลุกออกจากเตียงเดินเข้ามาหาเจินเจินก่อนจะจับมือของเจินเจินขึ้นมากุมเอาไว้

เจินเจินมองหน้าของเสี่ยวเหมยเพียงนิดก่อนจะตัดสินใจเอ่ยความจริงออกไป อันที่จริง…เอ่อ…ข้าต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้า ข้าต้องการหาข้อมูลของบุคคลในค่ายทหารแห่งนี้ และต้องการให้เจ้าช่วยล่อลวงเจ้าพวกนั้นให้ข้าได้จัดการได้โดยสะดวก และเมื่อครู่…ข้าอยากช่วยเจ้าจากใจจริง

เสี่ยวเหมยรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกจากดวงหน้าพร้อมพยักหน้าหงึกๆอยู่ตรงด้านหน้าของเจินเจิน

นางพร้อมทำตามทุกอย่างเลย นางจะติดตามสตรีตรงหน้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ นางจะได้ไม่ต้องทนให้บุรุษข่มเหงอยู่เพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป เสี่ยวเหมยคิดในใจ

ข้ายินดีช่วยเจ้า…เสี่ยวเหมยตอบออกไปหลังจากเช็ดน้ำตาจนแห้งดีแล้ว ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการทุกอย่างเลย…

ดี…เจินเจินยิ้มแย้มออกมาอย่างโล่งอก เจ้าควรใส่เสื้อผ้าเสียก่อน

เสี่ยวเหมยรีบไปใส่เสื้อผ้าตามคำแต่โดยดี

หญิงสาวใช้เวลาในการจัดการกับตนเองเพียงครู่ก่อนจะเดินเข้าไปหาเจินเจินที่กำลังยืนกอดอกรออยู่

เจ้าต้องเลือกเข้าไปปรนนิบัติพวกบุรุษตำแหน่งสูงๆ ยิ่งถ้าเป็นองค์ชายยิ่งดี

เจินเจินเริ่มต้นแจ้งแผนการแก่เสี่ยวเหมย ในระหว่างที่พวกบุรุษกำลังมีสติอยู่แค่เพียงเจ้า ยามนั้นข้าจะเข้าไปกระทำการเช่นเดียวกันกับที่ทำไปเมื่อครู่

เสี่ยวเหมยพยักหน้าหงึกๆอย่างให้ความร่วมมือเต็มที่ ก่อนจะส่งยิ้มหวานหยดให้เจินเจิน

เจินเจินเพียงส่งยิ้มหวานหยดไม่ต่างกันส่งกลับให้เสี่ยวเหมย

ก่อนที่รอยยิ้มหวานหยดนั้นของทั้งสองจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นยะเยือกร้ายกาจอย่างรู้ใจกัน

การเข่นฆ่าบุรุษที่นิยมเอาเปรียบสตรีเป็นอะไรที่พวกนางกระหายยิ่งนัก

หึหึหึ!

และเหตุการณ์ทั้งหมดรวมทั้งรอยยิ้มอันน่ากลัวของสองสาวนั้นหาได้รอดพ้นสายตาคมเข้มของใครบางคนไม่!

หลี่เซียวเหยาที่ปลอมตัวเป็นทหารยามของค่ายทหารแห่งนี้ได้แอบตามเจินเจินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ เขาได้เห็นการ

กระทำทั้งหมดนั้นจากสตรีของเขา นางไม่ทำให้เขาได้ผิดหวังเลย เดิมทีเขาคิดว่านางจะใช้เรือนร่างของนางเข้าล่อหลอกบุรุษเพื่อให้แผนการสำเร็จลุล่วงด้วยดีโดยไม่สนใจสิ่งใด

นางทั้งเก่งกาจ ทั้งเฉลียวฉลาด แต่…

แต่รอยยิ้มนั้น รอยยิ้มนั้นของพวกนาง

มันช่างชวนขนหัวลุกยิ่งนัก

มันทำให้เขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ แปลกๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!