Skip to content

สะดุดรักยัยกะล่อน 23

ตอนที่ 23

แผนกำจัดอนุภรรยา

(กลืนกินภรรยาตัวดี)

ค่ำคืนแห่งความทรมานของหลี่เซียวเหยาและเจินเจินก็ผ่านไปอีกหนึ่งคืนกับอีกหนึ่งวัน…

ยามอิ่ว(17.00น.-18.59น.)ของวันนี้ ในช่วงเวลาของอาหารมื้อเย็นภายในห้องอาหารของโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เจินเจินยังคงนั่งส่งสายตาออดอ้อนอย่างรู้สึกผิดไปทางหลี่เซียวเหยาที่ยังคงนั่งหน้าตึงมืดครึ้มอยู่ตรงหัวโต๊ะอาหาร

ใยเจ้าไม่รีบเรียกบรรดาอนุภรรยาของสามีมาทานข้าวเสียด้วยกันหลี่เซียวเหยาเอ่ยขึ้นกับเจินเจินด้วยน้ำเสียงเนิบนาบแต่ดวงตาวาวโรจน์

เจินเจินมองสบตาของหลี่เซียวเหยาอย่างไม่อยากเชื่อหูของตนก่อนเอ่ยเสียงเบา ท่านไม่โกรธพวกนางแล้วรึ

ไม่!เขาตอบสั้นๆห้วนๆแค่นั้น

…..

ท่านพี่…บรรดาอนุภรรยาพลันส่งเสียงมาอย่างพร้อมเพรียงคล้ายกับว่าใครจุดธูปอัญเชิญ

มากันแล้วรึประโยคนี้เป็นเสียงของหลี่เซียวเหยา เขากำลังรอให้เหล่าอนุภรรยาตัวปลอมของเขาโผล่หน้าออกมาอยู่เป็นนาน

สามสาวถึงกับชะงักเท้ากึกเมื่อมองมาทางหลี่เซียวเหยาที่นั่งกอดอกด้วยมาดทรงพลังแผ่รังสีทรมานคนมองอยู่ตรงโต๊ะอาหาร ก่อนจะกระซิบกระซาบอย่างระแวดระวังใส่กันและกันอยู่ตรงระหว่างทางเดินก่อนจะถึงโต๊ะอาหาร

พี่เสี่ยวเหมย บุรุษท่านนั้นเขาเป็นองค์ชายปลอมตัวมาจริงๆรึดรุณีน้อยคนที่หนึ่งเอ่ยขึ้นกับเสี่ยวเหมย

นั่นสิ ข้าว่าเขาคล้ายกับเป็นจอมมารปลอมตัวมาเสียมากกว่านะดรุณีน้อยคนที่สองเอ่ยตาม

บางทีเขาอาจจะเป็นจอมมารมากเล่ห์ปลอมตัวเป็นองค์ชายแล้วปลอมตัวซ้ำซ้อนมาอยู่ข้างกายเจินเจินของเราเสี่ยวเหมยคาดการณ์ด้วยสีหน้าจริงจัง เช่นนั้นแล้ว เราต้องช่วยกันคอยระแวดระวังภัยให้กับเจินเจินนะ

อืม…เจ้าค่ะสองสาวน้อยก้มหน้าหงึกหงักรับคาอย่างมุ่งมั่น พวกนางต้องตอบแทนบุญคุณของเจินเจินที่ช่วยชีวิตเอาไว้อย่างถึงที่สุด นั่นคือคาสัตย์ปฏิญาณตั้งแต่เจินเจินได้ช่วยเหลือพวกนางเอาไว้

พวกเจ้า…มาเร็วเจินเจินส่งเสียงใสเรียกพวกของเสี่ยวเหมยให้มานั่งทานอาหารด้วยกันอย่างกระตือรือร้น

ทั้งหมดจึงมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร สักพักเสี่ยวเอ้อก็นาอาหารมาจัดวางเอาไว้บนโต๊ะอย่างสวยงาม อาหารแต่ละอย่างคล้ายกับว่าสั่งปรุงขึ้นมาอย่างพิเศษ โดยมีอาหารสามจานที่ดูแล้วน่าตาน่ากินอย่าบอกใคร

มันมีเพียงสามจานเท่านั้นขอรับเสียงของเสี่ยวเอ้อเอ่ยขึ้นเมื่อนำอาหารสั่งทำพิเศษวางลงบนโต๊ะ

หลี่เซียวเหยาสังเกตเห็นว่าพวกของสาวน้อยกำลังมองอาหารที่นามาวางด้วยดวงตาแวววาวเป็นประกายจึงแอบยกยิ้มมุมปากครู่หนึ่ง ครู่หนึ่งเท่านั้น แค่เพียงพริบตา จนไม่มีใครทันสังเกต

มีแค่สามจาน ฮูหยินควรจะเสียสละให้พวกนางดีหรือไม่หลี่เซียวเหยาเอ่ยกับเจินเจินอย่างใจดี

ย่อมได้ พวกเจ้า…ตามสบายเลยเจินเจินยิ้มแย้มจัดการยื่นส่งจานอาหารให้แต่ละนาง

เหล่าอนุภรรยาตัวปลอมถึงกับทำหน้าพิศวงงุนงงพลางคิด พวกนางคงคิดมากจนเกินไปกระมัง กับบุรุษผู้นี้

กินเลย กินเลยเจินเจินรีบดูแลทั้งสามสาวเป็นอย่างดี นางกำลังดีใจที่หลี่เซียวเหยาหายโกรธเคืองพวกของเสี่ยวเหมยแล้ว

หลี่เซียวเหยาเพียงมองบรรดาสตรีตรงหน้า ด้วยสายตาพิฆาตความคิดโหดเหี้ยม เขาต้องกาจัดเหล่าอนุภรรยาตัวปลอมให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยเผด็จศึกกับฮูหยินของเขา ฮึ!

ยามไฮ่(21.00น.-22.59น.)…

เจินเจินเดินเข้ามายังห้องของหลี่เซียวเหยาด้วยอาการมึนงงไม่สร่างซา

หญิงสาวเดินเข้ามาด้วยสายตาที่ยังคงทอดมองออกไปยังห้องฝั่งตรงกันข้ามที่มีพวกของเสี่ยวเหมยอาศัยอยู่

คืนนี้ช่างแปลกยิ่งนักที่พวกของเสี่ยวเหมยคล้ายกับว่าไม่นำพาใดๆกับนางเอาเสียเลย เมื่อทานอาหารกันเสร็จสรรพก็พากันกลับเข้าที่พักแล้วปิดห้องหับหลับเป็นตายโดยไม่คิดจะเรียกให้เจินเจินไปอยู่เป็นเพื่อนดั่งเช่นคืนก่อนๆ

เดิมทีพวกนางไม่คิดจะหลับจะนอนกันเลยนะ

ด้วยเพราะเกรงกลัวว่าจะมีผู้ใดเข้ามาจับตัวไปขณะหลับใหล แต่คืนนี้ ทำไม…

เจินเจินยืนทำท่างุนงงอยู่ตรงหน้าประตูห้องอยู่อย่างนั้น นางกำลังลังเลอยู่ว่าจะกลับเข้าไปคอยเฝ้าดูพวกเสี่ยวเหมยดีหรือไม่ ท่าทางพวกนางผิดปกติเสียจริงเชียว

หลี่เซียวเหยาที่ยืนกอดอกเอนหลังพิงอยู่ตรงขอบหน้าต่างห้องกำลังมองเจินเจินอยู่เช่นเดียวกัน

เขาสั่งให้เสี่ยวเอ้อประจำโรงเตี๊ยมเตรียมอาหารชุดพิเศษสามจานนั้นให้ แล้วสั่งให้พวกสมุนแอบเอายานอนหลับใส่ลงไปเพื่อให้พวกเสี่ยวเหมยได้หลับอย่างสงบไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับเขาและเจินเจินอีก

เขาอยากใช้เวลากับเจินเจิน

หลายวันมาแล้วตั้งแต่แอบติดตามเจินเจินมา

หลายวันมาแล้วที่อยู่ท้ายขบวน แอบสังเกตการกระทำและภารกิจของเจินเจิน

แอบคุ้มครองนางมาตลอดทาง จนถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้

หลายวันมานี้ที่เขาไม่ได้ใช้เวลาอันมีค่ากับเจินเจินของเขาเลย เพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดการตามแผนการขององค์ชายน้อยหลี่หงจินหยางเพื่อเข้ายึดครองแผ่นดินของแคว้นต้าไห่

อันที่จริงมันมิใช่เวลาหลายวัน

แต่มันเป็นเวลาเกินเดือนมาแล้วที่เขายังมิได้แตะต้องว่าที่ชายาของเขา

ใช่แล้ว!

ว่าที่ชายา

เขาอยากจะแต่งงานกับเจินเจินให้ถูกต้องเสียที

แต่ดูเหมือนกับว่า เจินเจินช่างใจเย็นเหลือเกิน

ห่วงงาน ห่วงภารกิจ ห่วงคนนั้น ห่วงคนนี้ ไปเสียหมด

ถ้าเป็นสตรีนางอื่นคงจะรีบแต่งงานโดยไม่คิดห่วงสิ่งใดและคงไม่ให้เขาได้คิดไตร่ตรอง

และถ้าหากว่าเจินเจินของเขา

ตั้งครรภ์

ใช่!

ถ้าหากว่านางตั้งครรภ์ให้เขา

ดูทีเถอะว่า

นางยังจะใจเย็นอยู่หรือไม่!

เมื่อหลี่เซียวเหยาคิดได้ดังนั้น เขาจึงเดินเข้าไปหาเจินเจินจากทางด้านหลังและเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปปิดประตูลงกลอนเสียเองโดยไม่ให้เวลาเจินเจินได้ยืนคิดไตร่ตรองสิ่งใด

เจินเจินถึงกับสะดุ้งเฮือกหลุดออกจากภวังค์ของตนเมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากชุ่มชื้นลมหายใจกรุ่นร้อนเป่ารดต้นคอจากด้านหลังก่อนจะก้มลงประทับกดลึกอยู่ตรงซอกคอพร้อมด้วยฝ่ามือร้อนระอุกำลังเคลื่อนอ้อมจากด้านหลังเข้ามาพัวพันปัดป่ายอยู่ตามลำตัวของนาง

อ๊ะ…ท่านเจินเจินถึงกับหลุดอุทานเมื่อฝ่ามือของหลี่เซียวเหยาข้างหนึ่งกำลังล้วงเข้ามาในสาบเสื้อก่อนจะลูบคลำเค้นคลึงตรงเนินอกอวบอิ่มของนาง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของเขากำลังเลื่อนลงไปลูบไล้ช่วงกลางลำตัวของนางก่อนจะกระตุกสายคาดเอวออกอย่างเร็ว

อืม…เจินเจินเริ่มครวญครางขณะยืนหันหลังให้หลี่เซียวเหยาประกบอยู่อย่างนั้น

หลี่เซียวเหยายังคงกระทำการบางอย่างอยู่กับเรือนร่างงดงามของเจินเจิน จนหญิงสาวเริ่มจะทรงตัวเอาไว้ไม่อยู่จึงเอื้อมมือขึ้นเกาะกุมอยู่ตรงประตู

คืนนี้…หลี่เซียวเหยาเอ่ยเสียงเบาพร้อมพ่นลมหายใจกรุ่นร้อนรดต้นคอของเจินเจิน เจ้าอย่าหวังว่าจะหลุดมือข้า เจินเจินจบคำชายหนุ่มจึงจับเจินเจินให้หันหน้าเข้าหาเขา หญิงสาวถึงกับเซถอยหลังชนกับประตูโดยมีชายหนุ่มก้มหน้าฝังลงมาอย่างจมเขี้ยวอยู่ตรงซอกคอ เขาเริ่มต้นได้รวดเร็วและรวบรัด

เจินเจินถึงกับแหงนหงายใบหน้าหายใจติดขัดอย่างไม่ทันตั้งตัว มือเรียวสวยของนางจับขยุ้มอยู่กับสาบเสื้อตรงแผงอกของชายหนุ่มเอาไว้แน่น เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางหลุดลุ่ยจนเสียทรงร่นติดอยู่ตรงช่วงแขนเปิดเผยอออกตรงส่วนของหน้าอกอวบนูนโดยที่เอี๊ยมตัวบางได้หลุดออกไปเสียตั้งแต่ทีแรก

อา…ท่านเจินเจินส่งเสียงครางออกมาก่อนเมื่อพยายามจะเอื้อนเอ่ย ข้า…จะไปดูพวก…เสี่ยวเหมย

ไม่ต้องห่วงหรอกน่าชายหนุ่มขู่เสียงต่ำแหบพร่าก่อนเคลื่อนใบหน้าขึ้นมาเพียงนิดแล้วกดริมฝีปากของเขาประกบจูบริมฝีปากของเจินเจินเพื่อไม่ให้นางได้กล่าวทัดทานสิ่งใดอีกต่อไป

อือ…อื้อ…เจินเจินถึงกับหายใจไม่ออกเมื่อหลี่เซียวเหยาโหมกระหน่ำจูบนางไม่ยั้ง

ซักพักหลี่เซียวเหยาจึงถอนริมฝีปากชุ่มชื้นของเขาออกมาเพื่อให้เจินเจินได้หายใจ เขาก้มหน้ามองนางที่กำลังหายใจหอบเหนื่อยอยู่ตรงหน้าในระยะประชิดด้วยแววตาร้อนแรง ชายหนุ่มกางแขนทั้งสองข้างออกเพื่อเอาฝ่ามือยันเอาไว้ที่ประตูในท่ายืนคร่อมเจินเจินอยู่ เขาจะไม่ให้นางได้มีหนทางบ่ายเบี่ยงแต่อย่างใด

เจินเจินเหม่อมองสายตาพราวเสน่ห์ของเขาและรับรู้ได้ว่ายามนี้หลี่เซียวเหยาของนางต้องการนางมากเพียงใด

นางเองก็เช่นเดียวกัน

หญิงสาวยกตัวขึ้นพร้อมกับเอื้อมวงแขนขึ้นโอบรอบลำคอของชายหนุ่มก่อนจะเป็นฝ่ายโน้มตัวขึ้นจูบเขาอย่างเร่าร้อนเริ่มต้นใหม่อย่างเร่งเร้า

หลี่เซียวเหยารับรู้ได้ถึงการเริ่มต้นใหม่ครานี้ของเจินเจินจึงรีบประคองกอดร่างระหงตรงหน้าให้หมุนตัวไปตามทิศทางยังเตียงนอนในขณะที่ริมฝีปากของทั้งสองยังคงล้วงลึกเข้าหากันอย่างนัวเนียแนบแน่น

ลำแขนแข็งแกร่งของเขายกตัวของนางจนลอยขึ้นจากพื้นก่อนจะพากันไปจนถึงเตียงนอน

ชายหนุ่มค่อยๆวางร่างของหญิงสาวลงบนเตียงนอนในขณะที่ริมฝีปากยังคงพรมจูบไปทั่วใบหน้านวลเนียนที่บัดนี้เปลี่ยนจากสีชมพูระเรื่อเป็นสีแดงเปล่งปลั่ง

เขายังคงใช้ปลายลิ้นไล้เลียไปทั่วจนลงไปเรื่อยๆตามลำคอระหงขาวผ่อง ฝ่ามือร้อนลวกโลมไล้ไปทั่วทุกอณูของเรือนร่างผิวกายนาง อาภรณ์ที่ก่อนหน้าแค่เพียงหลุดลุ่ยบัดนี้ค่อยๆเปิดออกทั้งหมดจนเปิดเผยผิวขาวนวลเนียนสว่างแก่สายตา

หลี่เซียวเหยาต้องยอมรับว่าเจินเจินเป็นสตรีที่สวยสดงดงามมากคนหนึ่ง ใบหน้าของนางได้รูปเรียวเล็ก คิ้วโก่งเรียวสวยรับกับดวงตาหงส์ ปากได้รูป จมูกจิ้มลิ้ม ผิวเนียนละเอียดสะอาดสะอ้านงามตา ยามสัมผัสช่างนุ่มลื่นสบายมือ เนินอกของนางกลมกลึงอวบอิ่มเต่งตึง ช่วงเอวเล็กคอดรับกับสะโพกโค้งเว้างามงอน หน้าท้องแบนราบ ช่วงขาเรียวสวย

เขายอมรับว่านางมีเสน่ห์ของสตรีเพศอยู่เต็มเปี่ยม เดิมทีเขายังนึกแปลกใจตนเองว่าทำไมเขาถึงนิยมชมชอบร่วมรักกับนางทั้งๆที่เขามิได้นึกนิยมชมชอบเรื่องอุ่นเตียงกับสตรีนางใด แต่กับเจินเจิน เขามักจะมีความต้องการ

เขาต้องการนาง…

หลี่เซียวเหยาถอยใบหน้าถอนริมฝีปากออกจากหน้าอกหยุ่นนุ่มเพื่อพิศมองสตรีใต้ร่างที่กำลังเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสของเขา ยามนี้ใบหน้าของนางแสดงออกถึงอารมณ์เพศเช่นเดียวกับเขา ดวงตาของนางหยาดเยิ้มทอประกายเย้ายวนเว้าวอนเมื่อมองขึ้นมาที่เขา ริมฝีปากได้รูปกำลังขบเม้มน้อยๆอย่างมีอารมณ์ ชายหนุ่มก้มหน้าลงอีกครั้งเพื่อจุมพิตเบาๆที่เปลือกตาของหญิงสาวที่กำลังทอประกายร้อนแรงเรียกร้องจากเขา

สัมผัสนั้นทำเจินเจินถึงกับรู้สึกอุ่นซ่านขึ้นมา ริมฝีปากอุ่นชื้นของเขาที่แตะต้องนางในทุกๆที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้กับเมื่อครู่นี้ตรงเปลือกตา มันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวคลี่ยิ้มอ่อนหวานโดยไม่รู้ตัวใส่หน้าของหลี่เซียวเหยาที่ถอยออกเพื่อพิศมองนางอย่างสำรวจ

ชายหนุ่มพิศมองรอยยิ้มหวานล้ำนั้นของหญิงสาวจึงหลุดยิ้มอ่อนโยนตอบกลับ ก่อนก้มหน้าลงจุมพิตละมุนมอบให้ตรงริมฝีปาก

เขาค่อยๆเปลี่ยนจุมพิตนุ่มนวลเป็นดูดดื่มเพิ่มเป็นหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะพรมจูบหญิงสาวไปทั่วผิวพรรณนวลเนียน

ละเอียดลออของนาง ฝ่ามือกรุ่นร้อนของเขายังคงลูบคลำเลื่อนไล้ไปทั่วตั้งแต่เนินอกจนถึงหน้าท้องแบนราบก่อนจะเกี่ยวเอาชั้นในตัวบางออกไป เขาใช้เวลาเพียงครู่เพื่อปลดอาภรณ์ของตัวเองออกในขณะที่ริมฝีปากอุ่นร้อนยังคงแต่งแต้มไปตามเรือนกายของนาง

ซักพักหลี่เซียวเหยาก็ถอนริมฝีปากออกมาอีกคราก่อนก้มหน้ามองเจินเจินอย่างลึกซึ้ง

เจินเจิน…ชายหนุ่มเรียกนางเสียงเบา เราแต่งงานกันนะ…

ประโยคนั้น น้ำเสียงนั้น ทำเจินเจินถึงกับใจกระตุกสั่นไหวรุนแรง

นางเอ่ยเสียงเบาแผ่ว เซียวเหยา…

แต่ยังมิได้ตอบคาใด หญิงสาวเพียงเม้มริมฝีปากอมยิ้มส่งให้พร้อมแววตาซาบซึ้งสุดหัวใจ

เจินเจินแอบคิดเอาไว้ว่า นางอยากจะสร้างอาณาจักรให้ได้เสียก่อน อาณาจักรที่มีเพียงหลี่เซียวเหยาและนางครองคู่กันปกครอง โดยไม่ต้องสนใจฐานะฐานันดรใดๆ เขามิใช่องค์ชาย

 

และนางมิใช่เพียงสตรีไร้สกุล แต่เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาณาจักรแห่งนั้น

ว่าอย่างไร…เขายังคงย้ำถามเสียงแหบต่ำขณะก้มหน้าลงตรงซอกคอระหงของนาง

อืม…เจินเจินพยักหน้าเบาๆยอมรับไปก่อนเพื่อมิให้เสียบรรยากาศ เพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ

สองหนุ่มสาวจึงเริ่มพัวพันคลอเคลียแนบชิดสนิทแนบแน่นกันยิ่งขึ้นเมื่อหลี่เซียวเหยาใช้ต้นขาของเขาดันต้นขาของเจินเจินออกห่างเพื่อเริ่มบทเพลงบรรเลงบทรักอันแสนรัญจวน

เจินเจินนอนแอ่นกายขึ้นรับสัมผัสของเขาพลางหลับตาพริ้มอย่างเป็นสุข

หลี่เซียวเหยาก้มหน้าซบซอกคอขณะโยกกระชับพร้อมขยับอย่างมีชั้นเชิง

เสียงครวญครางอ่อนหวานของเจินเจินที่ดังอยู่ข้างใบหูของเขายิ่งเพิ่มอารมณ์บุรุษเพศของเขาให้พร้อมสร้างความหฤหรรษ์อย่างต่อเนื่อง

ความรู้สึกเสียวสยิวที่กำลังเกิดขึ้นกับเจินเจิน ทำให้นางต้องยกแขนขึ้นโอบรอบไหล่และลำคอของหลี่เซียวเหยาเอาไว้แน่น เพื่อยกกายเบียดสะโพกเข้าหาสัมผัสจากเขาอย่างเต็มที่

เสียงเนื้อสัมผัสเนื้ออย่างเป็นจังหวะพร้อมเสียงครวญครางอย่างเสียวซ่านผสมผสานกับเสียงหายใจหนักหน่วงหอบถี่ร้อนกรุ่นเป่ารดซอกคอของกันและกันจนไม่ได้ยินเสียงอื่นใด แม้แต่เสียงของนกประหลาดตัวใหญ่สีดำทมิฬผู้มีหน้าที่คอยส่งข่าวสารที่กำลังเกาะอยู่ตรงขอบหน้าต่าง

เจ้านกขาประจำของพรรคฝ่ายมารตัวนี้มันบินมาเกาะอยู่ตรงริมระเบียงชั้นสองของโรงเตี๊ยมแห่งนี้ก่อนจะพยายามเบียดกายดันหน้าต่างห้องนี้จนเกิดเสียงดัง แกรก แกรก อยู่เป็นนาน ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาจนสำเร็จเพื่อทำหน้าที่ส่งสารตามความรับผิดชอบอันสูงส่ง มันพยายามส่งเสียงแล้วแต่ไม่สามารถดังไปกว่าเสียงบางอย่างบนเตียงอุ่นนั่น เสียงนั้นมีหลายเสียงผสมผสานกัน เสียงนั้นมันกำลังดังกันอยู่อย่างหลากหลายจนเจ้านกตัวเขื่องต้องหยุดฟัง

นานแล้วที่มันยืนฟังแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเสียงที่รบกวนการส่งสารของมันจะหยุดลงแต่อย่างใด แต่มันก็ยังคงทนฟังอยู่

อย่างใจเย็น นานเข้าจึงรู้สึกแปลกๆ มันจึงใช้เท้าจิกพื้นขอบหน้าต่างเอาไว้แน่น…

แน่นเสียจนเมื่อยขบ

นานเข้ามันจึงตัดสินใจส่งสัญญาณชีพของตนเองอีกครา

แคว่ก แคว่ก

อา…อา..

แคว๊ก แคว๊ก

อ๊า…อ๊า..”

แคว๊กก

อา…

…..

อา…อา…อ๊า..

มันจึงจิกเล็บลงตรงขอบหน้าต่าง

รอต่อไป….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!