ตอนที่ 27
ไม่คาดคิด 3
“ท่านพี่…” พลันเสียงใสๆของสองดรุณีก็ดังขึ้นอยู่ทางด้านหลังของหลี่เซียวเหยาที่กำลังเดินตามหาเจินเจินอยู่
“ซิงซิง จิงเยว่ เจ้ายังคิดว่าเป็นอนุภรรยาปลอมตัวอยู่อีกเรอะ เดี๋ยวก็ได้หัวหลุดออกจากบ่าหรอก มานี่” เสี่ยวเหมยที่รู้งานรู้การกว่าสองนางน้อยรีบเดินเข้ามาห้ามปราม เกรงว่าจะเป็นการหมิ่นเบื้องสูงของแคว้นต้าหลี่ เพราะยามนี้หญิงสาวตระหนักดีแล้วว่าหลี่เซียวเหยาเป็นถึงองค์ชายสี่แห่งแคว้นต้าหลี่
ซิงซิง และจิงเยว่จึงทำหน้าย่นถอยหลังสองก้าวหดหัวแทบไม่ทัน พวกนางแค่อยากทักทายตามประสาเพียงเท่านั้นเอง
หลี่เซียวเหยามิได้ใส่ใจกับความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆนี่แต่อย่างใด พลางเอ่ยถาม “พวกเจ้าเห็นเจินเจินบ้างหรือไม่”
“ท่านพี่เจินเจินหรือเพคะ…” เสี่ยวเหมยเป็นคนตอบ
“หม่อมฉันเองก็กำลังตามหาอยู่เหมือนกันเพคะ ท่านพี่เจินเจินต้องดื่มยานี่” หญิงสาวกล่าวพลางยกถ้วยยาที่มีฝาปิดมิดชิดอย่างดีขึ้นให้หลี่เซียวเหยามองตาม
เสี่ยวเหมยมักจะคอยดูแลต้มยาตามมาให้เจินเจินได้ดื่มกินอยู่ทุกที่ทุกเวลาไม่ขาดสาย
เสี่ยวเหมยยังคงเอ่ยต่อ “ยานี่บำรุงครรภ์ได้เป็นอย่างดี ท่านหมอเทวดาให้กับข้ามาเองกับมือเพคะ” จบคำก็ทำหน้ากรุ้มกริ่มอย่างภาคภูมิใจ
ถ้าเจินเจินคลอดลูกออกมานางจะเป็นพี่เลี้ยงให้ด้วย เรียกได้ว่าดูแลกันตลอดไปเลยทีเดียว
“….”
เงียบ…
ไม่มีเสียงใดๆอีกแล้ว
ซิงซิง และจิงเยว่ ยืนมองหลี่เซียวเหยาตาแป๋ว
เสี่ยวเหมยมองหลี่เซียวเหยาตาปริบๆ
ข้าพูดผิดอันใด???
หลี่เซียวเหยาที่ยืนตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว เมื่อได้ยินประโยคนั้นของเสี่ยวเหมย
ทำเอาสามสามถึงกับพากันงุนงงพักใหญ่
“เจ้า…” หลี่เซียวเหยาพยายามหาเสียงของตนเองจนเจอ
“เจ้าว่าอย่างไรนะ…” เขาถามเสียงเบาตาคมจ้องเขม็ง
เสี่ยวหมยนึกทบทวนคำ เมื่อครู่นี้ว่านางพูดอะไรไปบ้าง
“อืม…” หญิงสาวเอานิ้วจิ้มขมับนึกคำพูดออกมาอีกคราด้วยความระมัดระวังเมื่อเห็นท่าทางของหลี่เซียวเหยาคล้ายกับจะเข้ามาจับขย้ำคอของนางอยู่ก็ไม่ปาน
“หมอเทวดา…” นางเอ่ยเสียงเบา “แล้วก็ยา…”
เสี่ยวเหมยเหล่ตามองหลี่เซียวเหยาอย่างระแวง นางไม่ค่อยไว้ใจบุรุษสักเท่าไหร่โดยเฉพาะกับหลี่เซียวเหยาที่มักจะทำสายตาดุดันท่าทางน่ายำเกรง
นางยังคงพยายามเอ่ยต่ออย่างละมุนละม่อม
“เอ่อ… หม่อมฉันแค่อยากดูแลท่านพี่เจินเจินให้ได้เป็นอย่างดี แล้วก็อยากจะช่วยเลี้ยงลูกให้นางเมื่อนางคลอดออกมาในอีกไม่นานนี่ ได้หรือไม่เพคะ” เขาจะนึกรังเกียจหญิงคณิกาอย่างนางหรือไม่กันหนอ ที่บังอาจอยากเป็นพี่เลี้ยงให้กับลูกของเขา เสี่ยวเหมยคิดอย่างไม่มั่นใจในตัวเองขึ้นมา
“เจินเจินตั้งครรภ์” หลี่เซียวเหยาเอ่ยขึ้นมาเพียงเบาๆ
ยามนี้ ใจของเขาเต้นระส่าไม่เป็นจังหวะ
“เจ้าหมายความว่า เจินเจินของข้ากำลังตั้งครรภ์” เขาถามย้ำ
เสี่ยวเหมยถึงกับงุนงง อย่าบอกนะว่าเขายังไม่รู้ ไม่รู้ได้อย่างไร ทำไมถึงไม่รู้ เป็นไปได้อย่างไร หญิงสาวยังคงสงสัย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองเป็นสาเหตุ
แต่ยังไม่ทันเอ่ยคำใดร่างสูงโปร่งงามสง่าของหลี่เซียวเหยาก็หายวับไปเสียแล้ว
สามสาวถึงกับมองหน้ากันไปมาอย่างไม่เข้าใจในชีวิต….
ตรงทางเดินลาดยาวระหว่างทางบริเวณริมสระบัวปรากฏต้นพลับตั้งตระหง่านอยู่ตรงขอบสระบัวอยู่ต้นหนึ่ง
บนต้นพลับต้นนั้นกำลังออกลูกออกผลสีเหลืองสีส้มผสมปนเปกันอย่างสวยงามอร่ามตา เจินเจินที่กำลังเดินทอดน่องมาอย่างใจเย็นถึงกับสะดุดตาพาลน้ำลายไหล หญิงสาวนึกอยากกินลูกพลับขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามใจ นางรีบสาวเท้าเดินปรี่ตรงไปยังต้นพลับในทันที
นางเมียงมองอย่างหมายมาดจะเก็บกินลูกพลับบนต้นจนลืมไปเลยว่าตนเองนั้นกำลังต้องการจะเดินทางไปหาหมอหลวงให้ตรวจจับชีพจรหาสาเหตุของอาการผิดปกติภายในร่างกาย
หญิงสาวเดินมาหยุดอยู่ตรงโคนต้นพลับ นางพยายามจะปีนขึ้นไปบนต้นพลับอย่างสวยงาม แต่คล้ายกับว่าไม่มีเรี่ยวแรงเช่นกาลก่อน
นางจึงทำได้เพียงยืนกอดต้นพลับเอาไว้แน่น
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมนางถึงอยากกินลูกพลับขึ้นมา
ไม่รู้ทำไมจึงอยากกินอะไรกันนักกันหนา
อยากกินจนต้องร่ำไห้ออกมา…
ฮือ…
อยากกิน…
และภาพนั้น
ภาพที่ใครบางคนกำลังยืนกอดต้นพลับเอาไว้ราวกับจะขาดใจพลันปรากฏอยู่ในสายตาของบุรุษสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง บุรุษผู้นั้นจึงไม่รอช้า เขาเข้าใจในตัวภรรยาของเขาในทันที
วูบ
พลันเสียงลมผ่านใบหูของเจินเจินพร้อมกับร่างบางถูกโอบอุ้มเอาไว้แนบอกก่อนจะถูกจับยกให้นั่งบนไหล่แข็งแกร่งบึกบึนจนความสูงได้ระดับสามารถเอื้อมมือเก็บลูกพลับเอาไว้ได้
หญิงสาวไม่รอช้ารีบเก็บเกี่ยวเอาผลไม้ตรงหน้ามาก่อนจะสนใจว่าใครเข้ามาอุ้มเอาไว้ ความอยากกินมันมีมากเสียจนไม่คิดจะสนใจสิ่งอื่นใด เมื่อเก็บได้จนพอใจจึงก้มหน้าสั่งเจ้าของช่วงไหล่กว้างให้เอาตัวของนางลง
“ใยเจ้าไม่สั่งให้บ่าวไพร่หามาให้เล่า” หลี่เซียวเหยาที่ค่อยๆอุ้มร่างของเจินเจินให้นั่งลงกับพื้นเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัยแม้จะช่วยนางเก็บจนพอใจแล้วเสร็จ
“ก็ข้านึกอยากกินตอนนี้นี่ ตรงนี้ไม่มีบ่าวไพร่” เจินเจินตอบคำขณะอมยิ้มกรุ้มกริ่มกับผลไม้ตรงหน้าโดยไม่สนใจหลี่เซียวเหยาแต่อย่างใด
ชายหนุ่มเดินตามหาเจินเจินจนเจอด้วยใจที่เต้นระส่าไม่เป็นจังหวะเมื่อรู้ว่าหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์จึงไม่คิดจะต่อความยาวสาวความยืดหรือขัดใจแต่อย่างใด เขาย่อมตามใจนางไม่ว่านางต้องการสิ่งใด
“เจ้าอยากได้อีกหรือไม่” หลี่เซียวเหยาเอ่ยถามเสียงนุ่มพลางประคองร่างบางให้นั่งอยู่ใกล้กันกับเขา
“พอก่อน” เจินเจินกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดีขณะกินผลไม้อย่างสบายอารมณ์ ไม่รู้ทำไมผลไม้ในมือน่าสนใจมากกว่าหลี่เซียวเหยาของนาง
หลี่เซียวเหยาเพียงนั่งนิ่งๆมองเจินเจินกินผลไม้ตรงหน้าอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน ยามนี้เขารู้สึกสบายอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก
สองหนุ่มสาวจึงนั่งเคียงกันใต้ต้นพลับโดยไม่คิดจะไปทางใดต่อ
พวกเขายังคงนั่งอยู่ตรงนั้นจนเวลาล่วงเลย
เจินเจินเพียงชี้นิ้วบอกหลี่เซียวเหยาว่าอยากกินลูกพลับลูกใด หลี่เซียวเหยาก็เก็บลงมาให้อย่างไม่รีรอ
บรรยากาศของทั้งสองเป็นไปอย่างชื่นมื่นลืมเรื่องราวก่อนหน้าไปโดยปริยาย
เจินเจินนั่งกินลูกพลับอย่างพออกพอใจจนลืมไปเลยว่าตนเองนั้นกำลังต้องการไปหาหมอ
หลี่เซียวเหยาเองก็เช่นเดียวกัน เขาต้องการมาสอบถามเจินเจินถึงเหตุการณ์ของมารดาของเขา แต่เมื่อรับรู้ได้ว่าเจินเจินของเขากำลังตั้งครรภ์เขาจึงคิดสิ่งอื่นใดไม่ออกอีกเลย…
ภายในตำหนักของหลี่เซียวเหยา เซียงหวงกุ้ยเฟยยังคงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงนอนขนาดใหญ่ภายในห้องหรูหราอลังการโดยมีหลิงอวิ๋นคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
นางไม่ต้องการไปพานักพักพิงที่ตำหนักอื่นตามที่ทางพระราชวังได้จัดสรรให้เพราะต้องการอยู่ภายในตำหนักเดียวกันกับหลี่เซียวเหยาโดยให้หลิงอวิ๋นอยู่ใกล้ๆเสียด้วยกันจะได้เป็นการเปิดโอกาสให้บุตรชายของตนกับสตรีที่ตนหมายมั่นได้ใกล้ชิดสนิทสนมกัน แต่…
แต่จนแล้วจนรอดเจ้าลูกชายตัวดีก็ยังไม่ยอมอยู่ภายในตำหนักตามประสงค์ที่ตนได้ตั้งใจเอาไว้
จนแล้วจนรอดเจ้าลูกชายตัวดีก็ยังไม่มีทีท่าสนใจใยดีในตัวของหลิงอวิ๋นแต่อย่างใด
จนแล้วจนรอดเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ยังคงสนใจแต่สตรีนามว่าเจินเจินนั่น
น่าเจ็บใจยิ่งนัก….
แค่ก แค่ก
เซียงหวงกุ้ยเฟยนึกฮึดฮัดอยู่ในใจจนไอออกมาด้วยอาการเจ็บป่วยประจำตัวตามอายุขัย นางรึอุตส่าห์ทุ่มทุนเล่นงิ้ว
สุดตัวล้มร่างลงอย่างเสียเกียรติต่อหน้าธารกำนัล เจ้าลูกชายตัวดีถามอย่างห่วงใยอยู่เพียงไม่นานก็ตามหมอหลวงมารุมล้อมจนหายใจหายคอไม่ออกก่อนจะเดินหายตัวออกไป
ช่างน่าเจ็บใจเสียจริง…
“พระองค์ทรงพยายามเต็มที่แล้ว” เสียงของหลิงอวิ๋นเอ่ยอย่างตัดพ้อน้ำตาคลอ
“แต่…แต่องค์ชาย…” หลิงอวิ๋นบีบน้ำตาด้วยใจของตนนั้นนึกสนใจแต่เรื่องของตัวเองโดยมิได้สนใจอาการของเซียงหวงกุ้ยเฟยที่กำลังไอค่อกแค่กแต่อย่างใด
นางน่าจะปล่อยให้เซียงหวงกุ้ยเฟยล้มหัวฟาดพื้นไปเลยจะได้อาการหนักมากกว่านี้อีกหน่อย องค์ชายสี่จะได้ไม่หายตัวไปที่ใด ถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่ ตำแหน่งชายาเอกในองค์ชายสี่ของแคว้นหลี่เมื่อไหร่จะได้เป็นกัน ฮึ! หลิงอวิ๋นฮึดฮัดอยู่ในใจเช่นเดียวกัน
หึ! ถ้าเป็นอย่างนี้เห็นทีจะต้องใช้ไม้แข็งกับนางเจินเจินนั่นเสียแล้ว นางจะใช้อำนาจที่เป็นหวงกุ้ยเฟยสั่งลงโทษนางนั่นที่บังอาจล่วงเกินนาง
แค่ก แค่ก
นางควรต้องคิดการให้รอบคอบจะได้ไม่เหนื่อยเปล่าเช่นครานี้
เซียงหวงกุ้ยเฟยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงใหญ่อยู่อย่างสง่างามในท่วงท่ากิริยาเดิมพลางคิดฮึดฮัดอยู่ในใจ
ฮึ! อาการป่วยของเซียงหวงกุ้ยเฟยแค่นี้คงยังเรียกร้องความสนใจจากบุตรชายได้ไม่มากพอ พระองค์ควรจะป่วยให้หนักกว่านี้อีก
อา… เห็นทีจะต้องให้เซียงอวี๋เพื่อนรักช่วยอีกแรงเสียแล้ว
หลิงอวิ๋นนั่งหมอบอยู่ข้างเตียงนอนขนาดใหญ่ของเซียงหวงกุ้ยเฟยอย่างนอบน้อมต่อพระนาง ด้วยน้ำตานองหน้าแววตาหวานหยดพลางคิดฮึดฮัดอยู่ในใจ
เมื่อยามค่ำคืนมาถึง…
ณ ตำหนักส่วนตัวของเจินเจิน ภายในห้องนอนอันอบอุ่นบนเตียงนอนหนานุ่มเตียงหนึ่ง
หลี่เซียวเหยาได้สั่งการเสียงเข้มว่าห้ามให้ใครเข้ามารบกวนเขากับเจินเจินเป็นอันขาดโดยเฉพาะพวกของเสี่ยวเหมย
ด้วยเพราะว่าหลายวันที่ผ่านมานั้นเขาต้องอยู่ห่างจากเจินเจินก็เพราะพวกของเสี่ยวเหมยคอยดูแลเจินเจินดีจนเกินไป
ภายในตำหนักของเจินเจินบนเตียงนอนขนาดใหญ่นั้น หลี่เซียวเหยายังคงนอนประคองกอดเจินเจินอยู่ไม่ห่างโดยไม่คิดจะรังแกนางแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะกำลังต้องการนางอย่างมากมายจนสุดจะกลั้นก็ตามที
แต่ด้วยเกรงว่าจะเป็นการกระทบกระเทือนต่อเด็กในครรภ์เขาจึงทำได้แค่เพียงโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของเขา
เจินเจินได้แต่นอนมองหลี่เซียวเหยาตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจ
นางไม่เข้าใจว่าทำไมคืนนี้หลี่เซียวเหยาของนางถึงทำกับนางเพียงแค่กอดจูบลูบคลำแต่ไม่ยอมเผด็จศึกนางเสียที
อืม…
นางไม่เข้าใจ…
หญิงสาวยังคงไม่รู้ตัวอยู่ดีว่าตนเองนั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ เพราะวันนี้ทั้งวันนางยังไปไม่ถึงตำหนักหมอหลวงแต่อย่างใด
เพราะมัวแต่นั่งกินลูกพลับอยู่กระทั่งเย็นจนเผลอหลับไป และสุดท้ายก็ถูกหลี่เซียวเหยาอุ้มกลับมายังตำหนักของตนเองเสียอย่างนั้น
“เสด็จแม่ของท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เจินเจินนึกขึ้นได้ถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เกิดขึ้นตรงด้านหน้าตำหนักของหลี่เซียวเหยา หญิงสาวจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างห่วงใยจากใจจริง
“เสด็จแม่ของข้าไม่เป็นอะไรมากหรอก เหล่าหมอหลวงพากันตรวจดูและจัดการเรียบร้อยดีแล้ว แต่…เรื่องนั้น ข้าเองก็อยากจะถามเจ้าอยู่เหมือนกัน” หลีเซียวเหยานึกขึ้นได้เช่นเดียวกันเมื่อเจินเจินเอ่ยถามขึ้นจึงถือโอกาสถามหญิงสาว
“มันเกิดอะไรขึ้น”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่สังเกตเห็นสตรีนามว่าหลิงอวิ๋นนั่น ย่อตัวลงเพื่อเตรียมรับร่างของพระนางก่อนที่พระนางจะล้มตัวลงไปเสียอีก” เจินเจินตอบตามจริงพลางเอื้อมมือขึ้นล้วงเข้าไปในสาบเสื้อแล้วลูบๆคลำๆแผงอกบึกบึนของหลี่เซียวเหยา
“……..”
เงียบ
สองหนุ่มสาวถึงกับมองหน้ากัน
หลี่เซียวเหยาจึงได้เข้าใจ เขาคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเสด็จแม่ของเขากับสตรีนางนั้นต้องกำลังเล่นไม่ซื่อ เพราะเจินเจินไม่มีทางทำร้ายเสด็จแม่ของเขา
และพวกบ่าวไพร่พวกนั้น…
คงเป็นคนของเสด็จแม่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ถ้าเช่นนั้น…” หลีเซียวเหยาหรี่ตามองเจินเจินที่กำลังลูบๆคลำๆแผงอกของเขาอยู่
“เราคงต้องเล่นตามงิ้วของพวกนางไปก่อน” เขากล่าวพลางเอื้อมมือของตนขึ้นจับมือเรียวของใครบางคนที่กำลังเลื้อยลงต่ำกว่าแผงอกของเขาไปทางหน้าท้อง
นางกำลังทำเขาอารมณ์ขึ้น
“ย่อมได้…” เจินเจินตอบคำขณะกำลังพยายามลวนลามหลี่เซี่ยวเหยา
“ข้าต้องทำอย่างไร” หญิงสาวถามออกไปอย่างให้ความร่วมมือแม้จะถูกบุรุษตรงหน้ากำลังจับนางพลิกหมุนตัวหันหลังให้เขา
“เจ้าไม่ต้องเหนื่อย เจินเจิน” หลี่เซียวเหยาตอบคำขณะหมุนพลิกร่างของเจินเจินให้หันหลังชนกับแผงอกของเขาแล้วกอดเอาไว้อย่างแน่นหนา
“เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า” จบคำหลี่เซียวเหยาเพียงข่มตาให้หลับลงอย่างยากเย็นด้วยเพราะสตรีในอ้อมแขนกำลังทำเขาปวดหนึบไปทั้งตัว
เจินเจินได้แต่นอนทำตาปริบๆอย่างไม่เข้าใจอยู่ดี
ทำไมหลี่เซียวเหยาของนาง ไม่เผด็จศึกนางเล่า
เจินเจินนอนเกาที่นอนดัง แกรก แกรก อย่างไม่เข้าใจ
ฮือ….
ไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจจริงๆ