ตอนที่ 29
ว่าที่สะใภ้สุดที่รัก
ภายในห้องนอนหรูหราอลังการของตำหนักหลี่เซียวเหยา
“ทรงดื่มยาบำรุงก่อนนะเพคะ” เสียงอ่อนหวานของ หลิงอวิ๋นเอ่ยกับเซียงหวงกุ้ยเฟยอย่างมีจริตแสดงออกว่าห่วงใยพระวรกายของพระนางมากมายแนบเนียน
เซียงหวงกุ้ยเฟยรับยาบารุงที่หลิงอวิ๋นยื่นส่งให้มาดื่มอย่างไม่รีรอ
หลิงอวิ๋นเพียงนั่งมองเซียงหวงกุ้ยเฟยดื่มยาจนหมดถ้วยก่อนจะยื่นมือมารับถ้วยยามาวางไว้ตรงโต๊ะดังเดิม
“รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างเพคะ” หลิงอวิ๋นกล่าวอย่างนอบน้อมไปทางเซียงหวงกุ้ยเฟย
“อืม…” เซียงหวงกุ้ยเฟยเอ่ยได้แค่นั้น นางรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นยิ่ง ที่ว่าที่สะใภ้ของนางช่างดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี หลิงอวิ๋นคอยวนเวียนดูแลนางอยู่ไม่ห่าง ทั้งยังนำยามาให้นางได้ดื่มกินอยู่หลายถ้วย
แต่เพียงไม่นาน…
เวลาเพียงไม่ถึงเค่อ(15นาที) เซียงหวงกุ้ยเฟยจึงมีอาการคล้ายวิงเวียนศีรษะหนักมากกว่าเดิม จึงเอ่ยกับหลิงอวิ๋น “เปิ่นกงเริ่มวิงเวียนอีกแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์ช่วยพาเปิ่นกงไปนอนที่เตียงหน่อยเถิด”
“ได้เลยเพคะ” หลิงอวิ๋นกล่าวเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลุกขึ้นพยุงร่างของเซียงหวงกุ้ยเฟยให้ลุกขึ้นเพื่อจะพาเดินไปยังเตียงนอนที่อยู่ไม่ไกล
อืม…นางช่างหนังเหนียวเสียนี่กระไร ให้ดื่มยาสลายกำลังไปแล้ว ยังไม่เป็นอันใดไปอีก หลิงอวิ๋นคิดอย่างชั่วร้ายขณะกำลังประคองร่างของเซียงหวงกุ้ยเฟยเพื่อหมายจะไปยังเตียงนอน
อืม…นางต้องรีบรวบรัดให้หลิงอวิ๋นได้แต่งงานกับหลี่เซียวเหยาเสียที สะใภ้ที่น่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้ นางต้องจัดการให้เป็นเมียของบุตรชายโดยไว
ก่อนอื่น…นางต้องกาจัดสตรีนามว่าเจินเจินให้ออกไปจากบุตรชายเสียก่อน
นางควรทำอย่างไรดี
หากสั่งคนให้ไปจับตัวนางมาลงโทษมันอาจจะเป็นการกระทำที่อุกอาจไปหน่อย ทั้งยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
มิได้ มิได้
เช่นนั้นแล้ว ส่งขนมผสมยาพิษไปให้นางได้กินน่าจะง่ายกว่า
เซียงหวงกุ้ยคิดอย่างชั่วร้ายขณะกำลังไอค่อกแค่กจนตัวโยนตามด้วยหลิงอวิ๋นกุมแขนเพื่อเดินไปยังเตียงนอน
ยามนี้บ่าวไพร่หรือนางกำนัลมิได้อยู่ภายในห้องแห่งนี้ เนื่องจากเซียงหวงกุ้ยเฟยสั่งให้อยู่แต่ด้านนอกมิให้ใครได้เข้ามายุ่มย่ามกวนใจ หลิงอวิ๋นถือโอกาสนี้แอบปล่อยมือจากแขนของเซียงหวงกุ้ยเฟยเพื่อหวังจะให้พระนางล้มหัวฟาดพื้น
ทันใดนั้นเซียงหวงกุ้ยเฟยที่กำลังค่อยๆเดินทอดน่องอย่างอ่อนแรงทั้งยังวิงเวียนศีรษะอยู่พลันหลุดออกจากการเกาะกุมจนร่างของเซียงหวงกุ้ยเฟยถึงกับเซถลาล้มลงบนพื้นเสียงดัง
“อา…พระองค์” หลิงอวิ๋นแสร้งทำตกใจสีหน้าตระหนกสุดขีด
“เป็นอย่างไรหรือไม่เพคะ หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันสมควรตายเพคะ” หลิงอวิ๋นทุ่มร่างของตนลงกับพื้นพร้อมโขก
ศีรษะเสียงดังก่อนจะลนลานเข้าประคองเซียงหวงกุ้ยเฟยที่นอนหายใจรวยรินอย่างสิ้นเรี่ยวแรง
หลิงอวิ๋นประคับประคองร่างอ่อนปวกเปียกของเซียงหวงกุ้ยเฟยขึ้นไปนอนพักบนเตียงนอนอย่างยากลำบาก แต่นางก็ยังคงพยายามเป็นอย่างดี
ยามนี้เซียงหวงกุ้ยเฟยคล้ายคนเจ็บป่วยปางตายอย่างใจของหลิงอวิ๋นที่คาดหวังเอาไว้แล้ว แค่เพียงดื่มยาเข้าไปยังไม่เท่าไหร่ แต่ทำให้ล้มทั้งยืนแบบนี้ คล้ายกับจับเขย่าให้ยาเข้ากันอย่างนี้ เลือดลมผสมผสานกับยาสลายกำลังจนซึมลึกเยี่ยงนี้ มีหรือสตรีอายุมากนางนี้จะทนรับได้ไหว
หลิงอวิ๋นก้มหน้ามองสตรีที่กำลังนอนยาวเหยียดอยู่บนเตียงนอนพลางยกยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจโดยไม่รู้ตัว จนเซียงหวงกุ้ยเฟยที่ยังมิได้หลับตาถึงกับสะดุดใจ แต่พอจะเอ่ยปากถามออกไป กลับรู้สึกตัวได้ว่าไม่สามารถว่ากล่าวสิ่งใดออกไปได้
นางไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะปริปากเอื้อนเอ่ยสิ่งใด จึงได้แต่นอนขมวดคิ้วมองหลิงอวิ๋นตาปริบๆ
“อา…อยากกล่าวสิ่งใดหรือเพคะ” หลิงอวิ๋นยังคงส่งเสียงออดอ้อนไปทางเซียงหวงกุ้ยเฟยที่นอนอ้าปากพะงาบพะงาบอยู่บนเตียงนอน
หญิงสาวเลือกนั่งลงบนขอบเตียงแทนที่จะนั่งอยู่ข้างๆเตียงด้านล่างอย่างที่ควรทำ
นางยังคงเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “พระองค์ทรงทนอีกไม่นานหรอกเพคะ ถ้าหากว่าองค์ชายสี่เสด็จเข้ามาแล้วพระองค์ต้องทรงสั่งเสียให้หม่อมฉันได้อภิเษกกับองค์ชายสี่นะเพคะ”
แม้น้ำเสียงจะฟังดูรื่นหูแต่ประโยคที่เอื้อยเอ่ยกลับสวนทางกัน อย่าง…แปลกๆ
เซียงหวงกุ้ยเฟยเริ่มรับรู้ได้แล้วว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่าง เมื่อเวลาก่อนหน้านี้เพียงไม่นานนางยังพอจะพูดคุยได้บ้าง
แต่เมื่อครู่หลังจากดื่มยาที่หลิงอวิ๋นนามาให้นางก็เริ่มวิงเวียนศีรษะมากกว่าเดิม แล้วจู่ๆนางก็ล้มลงกับพื้นอย่างไม่มีเหตุผล หนำซ้ำยามนี้ยังไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะกล่าวสิ่งใดเสียอย่างนั้น
“ถ้าหากว่าองค์ชายสี่รับปากว่าจะอภิเษก หม่อมฉันจะให้ยาถอนพิษแก่พระองค์นะเพคะ” หลิงอวิ๋นเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหยอดหวานไม่เปลี่ยนแปลงขณะจัดท่านอนให้เซียงหวงกุ้ยเฟยและห่มผ้าให้พระนางอย่างดีพลางส่งยิ้มหวานประจบพร้อมเอ่ยด้วยประโยคที่สวนทางกับรอยยิ้ม
“แต่ว่าถ้าหากพระองค์ไม่ทำการสั่งเสียอย่างที่หม่อมฉันต้องการ ยาถอนพิษก็อย่าหวังว่าจะได้ นะเพคะ…”
เซียงหวงกุ้ยเฟยถึงกับชะงักงัน กับคำว่า ยาถอนพิษ
ยาถอนพิษ???
!!!???
เพียงไม่นานหลี่เซียวเหยาก็พาร่างสูงโปร่งงามสง่าเดินเข้ามายังห้องบรรทมของเซียงหวงกุ้ยเฟยผู้เป็นมารดาอย่างเร็วรี่หลังจากที่นางกำนัลวิ่งกระหืดกระหอบไปแจ้งพระอาการของเซียงหวงกุ้ยเฟยแก่เขา
เมื่อหลี่เซียวเหยามาถึงก็พบว่าเซียงหวงกุ้ยเฟยคล้ายกับอาการป่วยหนักหนายากเกินเยียวยา หมอหลวงที่เดินตามมาด้วยไม่รอช้ารีบเข้ามารุมล้อมดูอาการในทันที
หลี่เซียวเหยาถึงกับชะงันกับอาการของมารดาด้วยเพราะคาดไม่ถึงว่าเสด็จแม่ของเขาจะอาการหนักถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มทำได้เพียงยืนเบี่ยงตัวหลบให้หมอหลวงเข้าไปดูอาการโดยสะดวก
หลิงอวิ๋นถึงกับถลึงตาเขียวใส่นางกำนัลที่ให้คาบข่าวไปบอกแก่หลี่เซียวเหยาว่าเซียงหวงกุ้ยเฟยอาการหนักนั้น นางทั้งสั่งกาชับกับนางกำนัลแล้วว่าให้แจ้งแก่องค์ชายสี่เพียงพระองค์เดียว
แล้ว…
บรรดาหมอหลวงทั้งหลายคืออันใด?
หญิงสาวทำได้เพียงยืนกำมือเอาไว้แน่นพลางส่งสายตาจิกกัดไปทางนางกำนัลอย่างคาดโทษจนนางกำนัลต้องนั่งลงก้มหัวแนบพื้นอย่างสั่นสะท้าน
นางกำนัลพวกนี้เป็นนางกำนัลประจำตำหนักของหลี่เซียวเหยามาเนิ่นนาน พวกนางนึกไม่ชอบสตรีนามว่าหลิงอวิ๋นซักเท่าไหร่
ตั้งแต่สตรีนางนี้เข้ามาพานักพักพิงที่ตำหนักหลี่เซียวเหยานั้น พวกนางหาได้มีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนเช่นกาลก่อนไม่
สตรีนางนี้วางมาดวางท่าทางหยิ่งผยองวางมาดใหญ่โตค้าฟ้าใช้อำนาจข่มแหงพวกนางไม่เว้นแต่ละวัน
หนำซ้ำยังเรียกใช้งานพวกนางได้อย่างหนักหนาสาหัส พวกนางยืนอยู่เสียไกลเวลาเรียกใช้ก็เรียกให้มาประเดี๋ยวนี้จนพวกนางต้องวิ่งวุ่นล้มลุกคลุกคลานกับเพียงแค่เพื่อมายกถ้วยชาที่อยู่แค่มือเอื้อมของสตรีนางนี้
เวลานี้สตรีนามว่าหลิงอวิ๋นเป็นแค่อาคันตุกะยังทำถึงเพียงนี้ ถ้าหากได้เป็นชายาเอกขององค์ชายสี่พวกนางคงไม่เหลือชีวิตน้อยๆเอาไว้เพื่อส่งเบี้ยหวัดกลับบ้านกระมัง
นางกำนัลนั่งก้มหน้าครุ่นคิดค่อนขอดอยู่ในใจพลางส่งสายตาให้กับเพื่อนร่วมชะตากรรมที่นั่งก้มหัวอยู่ข้างๆก่อนจะอาศัยช่วงวุ่นวายพากันหลบเร้นซ่อนกายหายตัวออกไปจากในห้องแห่งนี้อย่างเงียบเชียบ
หลังจากหมอหลวงพากันรุมล้อมตรวจอาการและสรุปอาการว่าเซียงหวงกุ้ยเฟยนั้นแค่เพียงอ่อนแรงตามกำลังที่เหลืออยู่น้อยนิดตามอายุอานามที่เพิ่มมากขึ้น จึงเพียงจัดยาบำรุงร่างกายให้เซียงหวงกุ้ยเฟยก่อนจะพากันเดินทางกลับไป
หลิงอวิ๋นยังคงลอบมองตามอย่างนึกขัดใจ
สิ่งที่นางตั้งใจคือให้เซียงหวงกุ้ยเฟยมีอาการป่วยปางตายพร้อมสั่งเสีย มิใช่ว่าแค่อ่อนแรงกำลังเยี่ยงนี้
ฮึ!
ยาสลายกำลังที่เซียงอวี๋ส่งมาให้ช่างอ่อนยิ่ง
นางจะต้องไปหายาที่รุนแรงกว่าเดิมมาเพิ่มเองเสียแล้ว
ในขณะที่หลิงอวิ๋นกำลังคิดการณ์อันชั่วร้ายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มละไม เซียงหวงกุ้ยเฟยก็กำลังพยายามยกมือขึ้นเพื่อเรียกตัวบุตรชายให้เข้าไปใกล้ๆ
เมื่อหลิงอวิ๋นสังเกตเห็นดังนั้นนางจึงไม่รอช้ารีบเดินนวยนาดเข้าไปหาเซียงหวงกุ้ยเฟยในทันทีพร้อมๆกับหลี่เซียวเหยาเลยก็ว่าได้
หลิงอวิ๋นเลือกนั่งลงข้างล่างข้างๆเตียงนอนฝั่งศีรษะของเซียงหวงกุ้ยเฟยเพื่อส่งสายตาอย่างมีความนัยไปทางเซียงหวงกุ้ยเฟยในระยะประชิด
ในขณะที่หลี่เซียวเหยาเพียงนั่งลงบนขอบเตียงนอนของมารดา
“แต่ง…งาน…” เซียงหวงกุ้ยเฟยมองตาของหลิงอวิ๋นก่อนเอ่ยออกมาอย่างใช้ความพยายามไปทางหลี่เซียวเหยา “แต่ง…งาน”
หลิงอวิ๋นไม่รอช้ารีบเสริมประโยคนั้นในทันที “พระองค์ทรงต้องการให้องค์ชายสี่แต่งงานกับหม่อมฉันน่ะเพคะ พระนางทรงต้องการที่จะจัดการเรื่องระหว่างเราให้เสร็จสิ้นโดยเร็วก่อนที่อาจจะ…เอ่อ…องค์ชายสี่…”
จบคำหญิงสาวรีบยกมือขึ้นซับน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้ากลิ่นหอมกรุ่นที่เตรียมเอาไว้เป็นอย่างดี
นางพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือให้ตะกุกตะกักพร้อมกับน้ำตาคลอจนล้นออกมา
นางกำลังร่ำไห้อย่างสวยงามเปี่ยมสง่าราศีไม่มีตกหล่น
หลี่เซียวเหยาถึงกับนิ่งงันมองมารดาสลับกับสตรีตรงหน้าอย่างงุนงง ก่อนจะยกมือขึ้นจับกุมมือมารดาของตนเอาไว้นิ่งๆ ใช้สายตาจับจ้องมองมารดาอย่างเงียบงันไร้วาจาใดๆ
มารดาของเขากำลังป่วยถึงเพียงนี้ เช่นนั้นแล้วเขาจะทำการใดๆคงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ
หลิงอวิ๋นเห็นหลี่เซียวเหยานิ่งเงียบไม่ว่ากล่าวสิ่งใดแม้จะไม่ตอบรับแต่ก็มิได้ปฏิเสธ นางจึงรีบสานต่ออย่างรวดเร็ว
“องค์ชายสี่เพคะ” หลิงอวิ๋นลุกขึ้นนั่งในท่าคุกเข่าก่อนจะยื่นมือเรียวงามของตนออกมาทางมือของเซียงหวงกุ้ยเฟยแล้วถือวิสาสะจับกุมมือของเซียงหวงกุ้ยเฟยก่อนจะเปลี่ยนมาจับมือของหลี่เซียวเหยาที่กำลังจับกุมมือของเซียงหวงกุ้ยเฟยอยู่
พลางเอ่ยออดอ้อนไปทางหลี่เซียวเหยา “เพื่อเสด็จแม่ขององค์ชาย นะเพคะ…”
“แต่งงานกันนะเพคะ องค์ชาย…” หลิงอวิ๋นเอ่ยขึ้นขณะจับกุมมือของหลี่เซียวเหยาเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน
หลี่เซียวเหยาเพียงนั่งนิ่งๆปรายตาคมกริบมองหลิงอวิ๋นไม่ได้กล่าวทัดทานแต่อย่างใด
และภาพของหลี่เซียวเหยากับหลิงอวิ๋นที่กำลังจับกุมมือกันอยู่ตรงเตียงนอนของเซียงหวงกุ้ยเฟยนั้น ก็ได้ปรากฏแก่สายตาของใครบางคนเข้าอย่างพอดิบพอดี
เจินเจินที่ถูกนางกำนัลสองนางที่ไปฟ้องนางต่างๆนานาเกี่ยวกับความน้อยเนื้อต่ำใจก่อนจะพยายามพาตัวนางมายังที่แห่งนี้ได้เห็นภาพนั้นของหลี่เซียวเหยาอย่างได้จังหวะพอดิบพอดี
วันก่อนนางถูกเหล่าอนุชายาลากไปลากมาวันนี้ยังถูกนางกำนัลไปลากตัวมาอีก ชีวิตน้อยๆของเจินเจินช่างมีเสน่ห์ต่อทุกเพศทุกวัยเสียจริงเชียว เจินเจินคิดในใจขณะกำลังทอดมองไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ที่กำลังปรากฏภาพชายหญิงกำลังนั่งจับกุมมือกันพร้อมด้วยประโยคขอแต่งงาน
พลันน้ำตาจากไหนก็ไม่รู้ของเจินเจินก็เอ่อล้นออกมาจนอาบอยู่บนสองแก้มนวล ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอันใด ร้องไห้ได้ดั่งใจสั่ง เจินเจินคิดอย่างนั้นขณะยืนร้องไห้อยู่ตรงทางเดินไม่ไกลกันจากเตียงบรรทมของเซียงหวงกุ้ยเฟย
หญิงสาวยืนร่ำไห้อยู่อย่างนั้นมิได้กล่าวสิ่งใดออกมา นางเพียงยืนนิ่งๆร้องไห้อยู่เงียบๆปล่อยน้ำตาให้ไหลรินหยดลงเป็นทางโดยไม่คิดจะทำสิ่งใดมากไปกว่านี้
หลิงอวิ๋นรีบหันหน้ามามองทางเจินเจินทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าเหมือนมีใครมายืนร้องไห้อยู่ หญิงสาวถึงกับลอบยิ้มด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่กำลังพยายามบีบให้ไหลออกมา
ช่างดียิ่ง ดีจริงๆ หลิงอวิ๋นคิดในใจ
หลี่เซียวเหยาหันหน้าไปมองทางเจินเจินเช่นเดียวกัน เขาเพียงมองเจินเจินนิ่งๆไม่เปลี่ยนแปลงสีหน้าจากเดิมแต่อย่างใด สายตาคมกริบดำดิ่งไร้ก้นบึ้งไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดของเขาได้ในขณะนี้
นางกำนัลสองนางถึงกับรู้สึกผิดอย่างมหันต์ พวกนางเพียงต้องการให้เจินเจินมาช่วยจัดการกับสตรีนามว่าหลิงอวิ๋นให้ระเห็จออกไปจากตำหนักเพื่อที่พวกนางจะได้มีเจ้านายที่เป็นชายาเอกขององค์ชายสี่เช่นเจินเจิน มิคาดว่าจะกลับกลายเป็นพาเจินเจินมาให้เห็นภาพบาดตาบาดใจเยี่ยงนี้
เซียงหวงกุ้ยเฟยเองก็ไม่ต่างกัน นางกำลังรู้สึกผิดอย่างมหันต์ พลางเหล่ตามองนางกำนัลที่กำลังจับประคับประคองเจินเจินอยู่ตรงทางเดินหน้าประตูไม่ไกลจากเตียงนอนที่นางกำลังนอนอยู่
ทั้งเหล่าอนุชายาทั้งเหล่านางกำนัลล้วนแล้วแต่เป็นคนของสตรีนามว่าเจินเจินทั้งสิ้น มิรู้ได้ว่าทำไม แต่หากนางรอดพ้นเงื้อมมือของว่าที่สะใภ้อันเป็นที่รักของนางได้แล้ว นางคงต้องหันกลับมาพิจารณาสตรีของหลี่เซียวเหยาเสียใหม่
เจินเจินเพียงยืนนิ่งๆจ้องมองเข้าไปในดวงตาของหลี่เซียวเหยาอย่างค้นหาความจริง แม้ว่าสายตาของนางยามนี้จะพร่าเลือนไปด้วยม่านน้ำตาพร่างพราวแต่นางก็ค่อนข้างแน่ใจว่านางเข้าใจไม่ผิด หญิงสาวเพียงก้มหน้าน้อยๆปล่อยให้น้ำตาร่วงรินอย่างน่าเห็นใจก่อนจะพาร่างอันอ่อนเปลี้ยเพลียแรงให้เดินจากไปอย่างเงียบเชียบด้วยการถูกจับประคับประคองจากนางกำนัล
หลิงอวิ๋นมองตามเจินเจินที่เดินจากไปด้วยสภาพน่าสมเพชเวทนาอย่างสาแก่ใจก่อนจะผินใบหน้ากลับมาหาหลี่เซียวเหยาพร้อมกับปรับสีหน้าให้ดูเศร้าสร้อยน้ำตาคลอหน่วยอย่างงดงามไม่สร่างซา
นางต้องสวยสดงดงามดูดีมีราคาทุกเวลาแม้ยามร่ำไห้ หลิงอวิ๋นคิด
หลี่เซียวเหยายังคงจ้องมองสตรีตรงหน้านิ่งๆด้วยสายตาคมกริบเหมือนเคย พลางก้มมองมารดาที่กำลังนอนร่ำไห้น้ำตาไหลพรากอยู่บนเตียงนอน
วันนี้เป็นวันอะไร สตรีทุกนางช่างสามัคคีกันร้องไห้ต่อหน้าเขา ชายหนุ่มสงสัยอยู่ในใจ
หลิงอวิ๋นพยายามประโคมข่าวออกไปเกี่ยวกับงานแต่งงานของนางกับหลี่เซียวเหยาที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างสุดความสามารถ
และข่าวของนางก็กระพือไปไกลทั่วทั้งเมืองหลวงได้อย่างสวยงามและสำเร็จได้ด้วยดี โดยไร้ผู้ใดออกมาปฏิเสธข่าวคราว สร้างความปิติยินดีได้ข้ามแคว้นอย่างเสียมิได้
หญิงสาวเพียงหวังในใจขณะพยายามทำให้เรื่องไม่จริงให้กลับกลายเป็นจริงด้วยข่าวลือ
ข่าวที่ออกไปอย่างนี้ ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายก็ต้องรับผิดชอบ เพราะว่านางเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่เสื่อมเสียชื่อเสียงก็เพราะเขา
นางเป็นถึงบุตรสาวของแม่ทัพที่เปรียบเสมือนมือขวาของฮ่องเต้แคว้นหลี่บิดาของฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินและองค์ชายสี่หลี่เซียวเหยา
เช่นนั้นแล้ว เขาต้องรับผิดชอบ ฮึฮึ!
หลิงอวิ๋นอมยิ้มกรุ้มกริ่มขณะคิดในใจ
ยามนี้หลี่เซียวเหยาอยู่เหย้าเฝ้าตำหนักไม่ห่างกายมารดา ทำให้นางได้มีโอกาสใกล้ชิดกับหลี่เซียวเหยามากยิ่งขึ้น ช่างรื่นเริงเบิกบานใจเสียนี่กระไร
หลิงอวิ๋นใช้ตัวเองอยู่เฝ้าอาการของเซียงหวงกุ้ยเฟยไม่ยอมห่างกายแต่อย่างใด อีกทั้งนางยังได้เป็นคนคอยป้อนยาให้พระนางอย่างไม่ขาดสาย ยามนี้เซียงหวงกุ้ยเฟยทำได้แค่เพียงพยักหน้ากับส่ายหน้าได้เพียงเท่านั้น
อีกทั้งในยามนี้หลี่เซียวเหยาต้องอยู่เฝ้าดูแลมารดาอันเป็นที่รักไม่ห่างกาย หลิงอวิ๋นมักจะใช้โอกาสนี้แสดงจริตมารยาที่มีติดตัวมาได้อย่างไร้ที่ติ ทั้งยังใช้โอกาสนี้ให้ได้ใกล้ชิดกับหลี่เซียวเหยาเพื่อสร้างความสนิทสนมแบบแนบแน่นให้มากยิ่งขึ้น
ชายหญิงได้อยู่ใกล้ได้เห็นหน้าได้ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอย่างนี้ จะไม่ให้รู้สึกอันใดต่อกันจะไปได้อย่างไร
ยิ่งได้แสดงงิ้วว่าเป็นสะใภ้ที่ดีที่คอยดูแลเอาใจใส่แม่สามีอย่างนี้แล้ว ดูทีเถอะว่านางจะได้แต่งงานกับองค์ชายสี่หรือไม่
หึหึหึ!