ตอนที่ 1001 ยืนหยัดนานสุด
ภายใต้การต่อต้าน ซูหมิงรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง มันเกิดจากร่างกายถูกบีบอัดจวนจะระเบิด นั่นคือความเจ็บปวดไร้รูปที่แม้แต่วิญญาณก็ยังต้องถูกบดขยี้จนแหลกสลาย
ทว่าบางครั้ง ความเจ็บปวดคือแหล่งต้นกำเนิดความบ้าคลั่ง
ซูหมิงในยามนี้ก็เป็นแบบนั้น ยิ่งเขาเจ็บปวดมากเท่าไร ยิ่งดวงตาสองข้างแดงก่ำมากเท่าไร น้ำหวานดอกผนึกจิตในร่างกายจะหลอมรวมสู่สายเลือดมากเท่านั้น
“เอ้อชาง!” ยามนี้ซูหมิงแทบจะไม่สนเรื่องการเปิดเผยฐานะอีก เขาสัญญากับย่วนเว่ยเอาไว้ก็ต้องทำให้ได้!
สิ้นเสียงซูหมิง ร่างแยกเอ้อชางเกิดเงาสะท้อนขึ้นพร้อมกับเสียงอึกทึก ภายใต้ เงาสะท้อน ซูหมิงพุ่งไปข้างหน้าแล้วเข้าปะทะกับแรงกดดัน
เสียงโครมดังขึ้น ซูหมิงกระอักเลือด เงาสะท้อนเอ้อชางข้างหลังแหลกสลายไปทันควัน ทว่าการแหลกสลายนี้กลับทำให้ร่างแยกเอ้อชางลงมาอย่างสมบูรณ์ เมื่อหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายแล้ว ซูหมิงจึงระเบิดกำลังรบที่แกร่งที่สุดออกมา ก่อนเดินหน้าอีกหนึ่งก้าว
หนึ่งก้าวนี้ ทั่วร่างเขาเกิดเค้าลางปริแตก โลหิตไหลไปทั่วร่าง แต่เขากลับเงยหน้าหัวเราะเสียงลากยาวโดยไม่เช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก แต่เรียกร่างแยกกลืนนภาออกมา!
การหลอมรวมของร่างแยกกลืนนภาทำให้พละกำลังของเขาบรรลุถึงจุดที่แกร่งที่สุด ตอนที่เดินหน้าอีกก้าว ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น เขากระอักโลหิตกองใหญ่ ตรงหน้าเกิดการเลือนราง ตัวเขากลายเป็นมนุษย์โลหิตคนหนึ่ง
ขณะที่กลิ่นหอมของน้ำหวานดอกผนึกจิตเข้มข้นกระจายไปข้างนอก ภายใต้การกระตุ้นของน้ำหวานในร่างกาย ร่างกายที่เสียหายของเขาเกิดการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว พลังชีวิตเปี่ยมล้นเติมเต็มร่างกาย ราวกับว่าต่อให้เขาเป็นคนตาย แต่ก็ไม่มีวันตายจากไปเพราะพลังชีวิตนี้
น้ำหวานดอกผนึกจิต ร่างแยกเอ้อชาง ร่างแยกกลืนนภา ทุกอย่างเหล่านี้ทำให้ ซูหมิงเดินเป็นก้าวที่สี่ ทุกอย่างกล่าวเหมือนยาว แต่ความจริงหลังจากซูหมิงปรากฏตัวจนเดินก้าวที่สี่ ทั้งหมดเกิดขึ้นในไม่กี่ลมหายใจ ตอนนี้ก้าวที่สี่เหยียบลง ร่างเงาซูหมิงในสภาพเหนื่อยล้ายิ่งพลันมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าย่วนเว่ยที่ใกล้จะตายแล้ว!
ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยโลหิตอาบทั่วร่าง เขาในตอนนี้ราวกับกลายเป็นดวงตะวันของที่นี่ ทำให้สายตาของทุกคนอดมองมามิได้
บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเบิกตากว้างอ้าปากค้าง ในความคิดขาวโพลน เขามองซูหมิง มองใบหน้าแปลกตา ก่อนมองร่างกายสมบัติโดยจิตใต้สำนึก เขาเหมือนจะเข้าใจแล้ว
ทว่าเพิ่งจะเกิดความเข้าใจ ก็ถูกกลิ่นอายพลังเอ้อชางจากตัวซูหมิงกับน้ำหวานดอกผนึกจิตกระตุ้นทันที มันทำให้เขาหายใจกระชั้นและยังดูเหลือเชื่อ
มิหนำซ้ำยังเป็นเพราะซูหมิงต่อต้านแรงกดดันดังกล่าว เหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ในใจบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเกิดลมพายุปะทะจิตใจ
ส่วนทุกคนในร่างสมบัติล้ำค่ายามนี้ต่างหวาดกลัวเช่นกัน ในนั้นสวี่ฮุ่ยสงบนิ่งที่สุด แต่พวกเสวียนซางสี่คนกลับมีสีหน้าว้าวุ่น เดิมทีพวกเขาคิดว่าซูหมิงแกร่งมากแล้ว แต่ตอนนี้กลับลบล้างอารมณ์ความคิดในใจตอนนั้นไป
โดยเฉพาะบรรพบุรุษหลงไห่ ดวงตาเขาขยับประกายอย่างเร็วไวอยู่หลายที ถึงเขาจะมองร่างสมบัติล้ำค่าออก แต่กลับมองไม่ออกว่าในตัวซูหมิงซ่อนความลับเอาไว้เยอะขนาดนี้
ส่วนน้ำหวานดอกผนึกจิต ต่อให้เป็นเขาก็ยังกระหาย
ซูหมิงยืนอยู่ตรงหน้าย่วนเว่ย เงยหน้ามองดาบทองที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวฟันลงอย่างยากลำบากบนฟ้า เขาไม่รู้ว่าย่วนเว่ยในตอนนี้กำลังมองเงาแผ่นหลังเขาอย่างเงียบๆ
ก่อนหน้านี้ สายตานั้นที่มันมองซูหมิง ทำให้เขานึกถึงคำสัญญาของตน
ตอนนี้ย่วนเว่ยมองเขาและก็นึกถึงเขาในตอนแรก นึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับมัน ตอนนี้ ซูหมิงใช้การกระทำมาทำตามสัญญา ถึงราคาต้องจ่ายจะสูงยิ่งก็ตาม
การปรากฏตัวของซูหมิงยังทำให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวที่ดวงตากลายเป็นสีทองหรี่ตาลง แต่ดาบทองที่ฟันลงกลับไม่หยุด ยังคงพุ่งไปหาซูหมิง หลังจากฟันลงในพริบตาแล้ว ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงลากยาว ถึงร่างกายจะแตกละเอียด แต่ก็ยังยกมือซ้ายขึ้น ทำสัญลักษณ์มือชี้ไปยังดาบทองที่เข้ามา
การชี้ครั้งนี้คืออภินิหารที่แกร่งที่สุดของเขา หนาว ใบไม้ร่วง ร้อน ใบไม้ผลิ!
วิชารูปแบบชะตาของเขา ความร้อนอบอ้าวจากความหมายฤดูร้อน ทะเลเพลิงร้อนแรงพลันระเบิดมาจากสายโลหิตในตัวเขา หลอมรวมเข้าสู่ในนิ้วชี้มือซ้าย กลายเป็นดรรชนีเพลิงกดไปยังดาบทองที่เข้ามา
หนึ่งดัชนีมีความยึดมั่นของซูหมิง มีคำสัญญาของเขา และก็มีการระเบิดของจิตใจแน่วแน่ในตอนนี้ทั้งหมด ชั่วขณะที่ปะทะกับดาบทอง ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่น!
เสียงดังสนั่นกึกก้องสะเทือนฟ้าดิน กลายเป็นแรงปะทะถาโถมไปรอบๆ ซูหมิง กระอักเลือด ตัวเขาถอยไป แต่กลับฝืนหยุดอยู่ตรงหน้าย่วนเว่ย ใบหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นเทา แต่แสงจากดาบทองก็อ่อนลงเล็กน้อย ทว่าก็ยังพุ่งตรงเข้ามาอย่างซึ่งหน้าอีก
ตอนนี้ซูหมิงบาดเจ็บสาหัสแล้ว หากไม่มีน้ำหวานดอกผนึกจิต ด้วยดาบเมื่อครู่นี้ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องยืนไม่ไหวอย่างแน่นอน
ทว่าตอนนี้ พลังที่ทำให้เขายืนอยู่ได้คือน้ำหวานดอกผนึกจิตในร่างกาย ความบ้าอำนาจของมันคือความแกร่งที่ไม่ว่าอย่างไรก็ทำให้คนมีพลังชีวิตอยู่ได้
กระทั่งเห็นได้ชัดว่าน้ำหวานดอกผนึกจิตเหมือนกลายเป็นเส้นถี่หลายเส้นในตัวซูหมิง พวกมันเชื่อมทั่วร่างเข้าด้วยกัน หากเห็นในร่างกายเขาได้ ก็จะเห็นว่าจุดที่เสียหายมากเหลือคณานับในอวัยวะภายในไปจนถึงวิญญาณมีพลังจากน้ำหวานดอกผนึกจิตฉุดดึงอยู่
นี่…ก็คือน้ำหวานดอกผนึกจิต!
เขาถอยไม่ได้ เพราะด้านหลังคือย่วนเว่ยที่สัญญาไว้ว่าจะไม่ให้มันตาย ช่วงที่ ดาบทองเข้ามาใกล้ เขาหลับตาลงแล้วยกมือขวาชี้ฟ้า มือซ้ายกดลงพื้นดิน
“ระหว่างอดีตและอนาคต คือซู่มิ่ง!” นี่คืออภินิหารที่เขาไม่ได้ใช้มานานมากแล้ว เมื่อสิ้นเสียง เหนือตัวเขาปรากฏชายผมม่วงคนหนึ่ง ส่วนทางซ้ายมือด้านล่างปรากฏเด็กทารกหลับตาคนหนึ่ง
เมื่อสองร่างเงาซ้อนทับกับร่างซูหมิงอย่างรวดเร็วแล้ว ก็มีระลอกคลื่นแก่กล้าระเบิดมาจากตัวเขา ทำให้เส้นผมปลิวไสว เปลือกนอกเปลี่ยนไปในทันที กลายเป็นลักษณะเด็กชายอายุเจ็ดแปดขวบ ก่อนพุ่งตัวออกไปยังดาบทองที่เข้ามา
ร่างเด็กซูหมิงยกมือขวาทำปางมือชี้ไป ดาบทองที่เข้ามาราวกับหยุดชะงักกลางอากาศครู่หนึ่ง จากนั้นเกิดเสียงโครมดังสนั่นเหมือนแหวกมวลอากาศออกมา แล้วพุ่งไปหาซูหมิงต่อ
ท่ามกลางเสียงครึกโครม ร่างเด็กซูหมิงกระเด็นถอยไป เขากระอักเลือดอีกครั้ง อาการบาดเจ็บทั่วร่างหนักกว่าเดิม การลองเมื่อครู่ทำให้เขารู้ว่าไม่อาจปรับเปลี่ยนการโคจรเวลาของดาบทอง!
แต่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวก็กลายเป็นหนังหุ้มกระดูกนานแล้ว ร่างกายเปราะบาง ราวกับเพียงลมพัดก็จะตายตกไป ในตัวเขามีกลิ่นอายมรณะเข้มข้นถึงขีดสุด มันอบอวลอยู่รอบๆ ซึ่งยืนยันได้ว่าเขากำลังเดินสู่ความตายในเร็วๆ นี้ เขาจ้องซูหมิงเขม็ง ดาบในมือสั่นไหว เขาเองก็กัดฟันยืนหยัดเหมือนกัน
นี่คือการต่อสู้ที่ใครล้มก่อนคือตาย!
ช่วงที่ซูหมิงถอยไป ในเส้นเลือดฝอยที่อัดแน่นในดวงตามีความบ้าคลั่ง ร่างซู่มิ่งของเขาไม่ได้ผล เช่นนั้น…หากดำเนินการเปลี่ยนอีกครั้งในร่างซู่มิ่งจะเป็นอย่างไร!
เขาเคยใคร่ครวญถึงจุดนี้มาแล้ว แต่ก็ไม่เคยลองเลย ตอนนี้เขาอยากลองสักครั้ง
ตอนที่เขาถอยไปและยืนอยู่ตรงหน้าย่วนเว่ยอีกครั้ง เขาเงยหน้าขึ้น หลับตาลง มือขวายกขึ้นฟ้า มือซ้ายกดลงดิน ทั้วตัวดำเนินการเปลี่ยนแห่งซู่มิ่งอีกครั้ง!
“ระหว่างอดีตและอนาคตคือปัจจุบัน!” น้ำเสียงเขาติดแหบแห้ง แต่เมื่อกล่าวออกไปพร้อมดำเนินการเปลี่ยนแห่งซู่มิ่งอีกครั้งในร่างกาย ทันใดนั้น เขามีสีหน้าเจ็บปวดมากกว่าก่อนหน้านี้ ก่อนเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า
สิ้นเสียงคำราม ผิวหนังเขาฉีกเป็นวงใหญ่ โลหิตทะลักออกมา แต่ในเวลาเดียวกัน ในตัวเขากลับมีพลังที่ไม่เคยมีมาก่อนปะทุออกมา
การปะทุครั้งนี้มีผลให้เส้นผมเขากลายเป็นสีขาวในทันที ใบหน้าเปลี่ยนไป จากเด็กชายเจ็ดแปดขวบกลายเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบสามสิบสี่ปี แต่เมื่อพลังแกร่งกล้าในตัวเขาเกิดแรงปะทะต่อฟ้าดิน ในขณะที่เขาลืมตาขึ้น ดวงตาเขาเย็นชาแบบไม่มีที่สิ้นสุด
สามลมหายใจ!
ระหว่างที่ซูหมิงใช้เปลี่ยนซู่มิ่งครั้งที่สองก็เกิดการตระหนักรู้ขึ้น เขารู้ว่าตนอยู่ในสภาพการเปลี่ยนร่างครั้งที่สองได้เพียงสามลมหายใจ ทว่าในสามลมหายใจนี้ กำลังรบที่เขาใช้ได้คือ…
ไม่ใช่ต่ำกว่าขั้นกุมอีก แต่เป็น…พลังของขั้นกุม!
ขณะก้าวเดิน ซูหมิงเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวอย่างไม่ลังเล พลันเกิดเสียงโครมดังก้อง ผ่านไปสองลมหายใจ พวกเขาสองคนต่างกระเด็นถอย ซูหมิงกลับมายืนอยู่หน้าย่วนเว่ยอีกครั้ง ร่างกายเขาเผยกลิ่นอายเสื่อมโทรม รูปลักษณ์เปลี่ยนไปในทันที หลังกลับคืนร่างเดิม เขาตัวสั่นและกระอักเลือดดูเหมือนจะล้มลง
ด้านเด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ยามนี้ขณะถอยไปก็กระอักเลือดเช่นกัน แสงทองทั่วร่างหายไปด้วยความเร็วระดับสายตา ดาบทองในมือกลายเป็นแสงทอง ดูจากลักษณะแล้วคลับคล้ายจะสลายไปได้ทุกเมื่อ
เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าวพลางได้สติกลับมาเล็กน้อย สีทองในดวงตาจางลงจนเห็นบางๆ สายเลือดเผาไหม้มาจนถึงสุดทางแล้ว
“ข้า…ยังมีอีกท่าหนึ่ง…ผ่าปฐพี!” เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวพลันแกว่งดาบทองที่ใกล้จะสลายไป ทั่วร่างรวมออกมาเป็นพลังสุดท้าย ซูหมิงหรี่ตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกและเตรียมจะอัญเชิญบรรพบุรุษดินทรายออกมาแล้ว
ยังเหลือโอกาสในการอัญเชิญบรรพบุรุษดินทรายอีกสองครั้ง ซูหมิงไม่อยากใช้มันง่ายๆ หากไม่จำเป็นเขาจะไม่ใช้ แต่ยามนี้…หากเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวยังมีกำลังรบอยู่อีก เช่นนั้นก็ต้องเรียกบรรพบุรุษดินทรายมา
ทว่าช่วงที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวยกดาบในมือขึ้น ดาบทองกลับแตกสลายไปทันที แม้แต่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวยังมีสีหน้าสับสน ร่างกายสั่นเทา พลังทั่วร่างทั้งหมดหายไปในพริบตา ก่อนร่วงลงมาจากฟ้าสู่พื้นดิน
เขาเผาสายเลือดจนหมดแล้ว เมื่อตกถึงพื้นแสงทองทั่วร่างหายไปทั้งหมด แสงทองรอบตัวก็หายไปด้วย กระทั่งมองจากข้างนอก แสงทองในเตาหลอมลำดับห้าหายไปทั้งหมดเช่นกัน
ศึกครั้งนี้จบลงด้วยเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวเผาสายเลือดจนหมดสิ้น ซูหมิง…ชนะ ชัยชนะของเขาไม่ใช่เพราะเขาแกร่งกว่าอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะมีน้ำหวานดอกผนึกจิตเลยยืนหยัดมาได้นานขึ้น อีกทั้งศึกครั้งนี้ ใครยืนหยัดได้นานกว่ากันคนนั้นชนะ!
ทว่าช่วงที่เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวล่วงลงพื้น ซูหมิงก็ยังไม่ทันผ่อนคลาย แผ่นดินพลันเกิดเสียงดังสนั่น รอยแยกยักษ์สายหนึ่งถูกฉีกออกมา วิญญาณเพลิงนับไม่ถ้วนที่ถูกกดอัดในรอยแยกมานานต่างเฮโลกันออกมา พริบตาเดียวก็แน่นขนัดไปรอบๆ