ตอนที่ 1012 กฎของเจ้า
“โชควาสนาอะไร” ซูหมิงมองหมอกใต้เท้ากระจายออกไปรอบๆ เผยเป็นประตูสู่ปฐพีที่ว่า ดวงตาจึงขยับประกายแวบหนึ่ง ก่อนถามขึ้นเรียบๆ
“โชควาสนาที่ทำให้ขั้นพลังร่างแยกนี้ของเจ้าก้าวสู่ขั้นกุม!” ประกายความประหลาดใจวูบผ่านสีหน้าชายชรา เขาตอบออกไปพร้อมกับหัวเราะลากยาว พอ ซูหมิงได้ยินแล้ว นัยน์ตาแวววาวขึ้นมาทันที
เขาไม่ถามอีก แต่เดินไปอยู่ตรงปากทางเข้าหมอกนั้น ก่อนเดินเข้าไปในประตูสู่ปฐพี
พอเข้ามา ฟ้าดินหมุนกลับ ตรงหน้าซูหมิงพลันถูกแสงสว่างบดบัง ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียงโครมคราม อีกทั้งยังมีความรู้สึกเหมือนข้ามผ่านอยู่กลางน้ำ
ผ่านไปครู่หนึ่งตอนที่ความรู้สึกทุกอย่างหายไป ตอนที่แสงสว่างตรงหน้าหายไป หลังจากทุกอย่างกลับมาชัดเจนอีกครั้ง เขามายืนอยู่…กลางยอดเขากลับด้าน
เป็นจุดที่สูงสุด แต่กลับเป็นตีนเขา
เขาเห็นในแวบแรกว่าวิญญาณร้ายจากผู้ฝึกฌานสิบตนกลางยอดเขากำลัง ห้อเหยียดอยู่ เป้าหมายคือยอดเขาที่อยู่ล่างสุด!
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายเย็นชา เขาในตอนนี้ถึงภายนอกจะดูดุร้าย แต่ขั้นพลังฟื้นฟูกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาขยับวูบไหวตัวพุ่งไปข้างล่าง ด้วยความเร็วของเขา แม้จะอยู่รั้งท้าย แต่ก็ไล่ตามมาอย่างว่องไว
เพียงสิบกว่าลมหายใจ ทันใดนั้นภูเขาสั่นโคลงเคลง ระดับการสั่นนี้หากซูหมิงไม่มีขั้นพลังก็คงต้องให้ความสนใจอย่างมาก ทว่าตอนนี้สำหรับเขาแล้วเล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
เขากระโดดเดินหน้าไปเหมือนกับกำลังร่วงลงไปข้างล่าง
ทว่าหลังจากภูเขาโคลงเคลงได้ราวหลายลมหายใจ ทันใดนั้นตรงกลางยอดเขามีอยู่เก้าตำแหน่งเกิดวงแสงขึ้น มีเก้าตำแหน่ง แต่วิญญาณร้ายจากผู้ฝึกฌานมีสิบตน
ซูหมิงอยู่รั้งท้าย เขาเห็นในแวบแรกว่าวิญญาณร้ายจากผู้ฝึกฌานสิบตนข้างล่างนั้น ในวินาทีที่เกิดวงแสงเก้าวง พวกมันต่างคลุ้มคลั่งขึ้นมา ก่อนแยกกันมุ่งหน้าไปยังวงแสงเก้าวงอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีวิญญาณร้ายที่ค่อนข้างแกร่งอยู่บ้าง มันยึดวงแสง วงหนึ่งได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าตัวที่อ่อนแอกลับถูกแย่งชิงอย่างบ้าคลั่ง
เสียงโครมครามดังกึกก้อง ขณะซูหมิงห้อเหยียดลงไปก็เห็นวิญญาณร้ายจากผู้ฝึกฌานเหนียนอิ๋นกำลังแย่งวงแสงอยู่ พร้อมกันนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงพลันเกิดขึ้นในใจเขา
ประหนึ่งว่ายอดเขาที่เขาอยู่ตอนนี้ส่งกระแสจิตอันตรายมาให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ทั้งหมด ภายใต้กระแสจิตนี้ แสงจากวงแสงเก้าวงอ่อนแสงลงอย่างเร็วไว มิหนำซ้ำ ซูหมิงยังเกิดความเข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าเมื่อวงแสงอ่อนแสงลงอย่างสมบูรณ์แล้ว คนที่ไม่ได้เข้าไปข้างในจะ…..ถูกยึดสิทธิ์ในครั้งนี้ไป จะถูกสูบความทรงจำ กลายเป็นราคาต้องจ่ายในการรับมรดก
แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงเข้าใกล้วงแสง วิญญาณร้ายแปลงจากเหนียนอิ๋นส่งเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็ก เขาถูกวิญญาณร้ายร่างแปลงจากผู้ฝึกฌานอีกตน กัดศีรษะ ตอนที่เคี้ยวอยู่ในปาก มันยืนอยู่กลางวงแสงพลางร้องคำราม
วงแสงเก้าวงกำลังอ่อนแสงลงอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกถึงอันตรายในใจซูหมิงเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ทันได้ตรึกตรองมากนักก็เดินเข้าไปใกล้วงแสงที่อยู่ใกล้ตนที่สุด
ภายในวงแสงเป็นวิญญาณร้ายขนาดสิบจั้ง ตุ่มหนองทั่วร่างแตกออกหลายครั้ง มีไม่น้อยที่แห้งไปแล้ว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ อีกทั้งยังมีความสับสนและคลุ้มคลั่ง เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เคยล้มเหลวไปหลายครั้ง ถูกสูบความทรงจำไปไม่รู้เท่าไรแล้ว
แต่ไม่ว่าจะเหลือความทรงจำเท่าไร จิตสำนึกอ่อนแอกลางวิญญาณยังคงอยู่ มันรู้ว่าจะให้คนอื่นมาแย่งวงแสงของตนไม่ได้ จะถูกบีบออกไปนอกวงแสงไม่ได้ มิเช่นนั้นจะต้องเจอกับความเจ็บปวดจากการถูกสูบความทรงจำรวมถึงเจ็ดอารมณ์หกความปราถนา ไม่ว่าสำหรับใครก็ตาม มันคือฝันร้ายที่ไม่อาจจินตนาการ
ทันทีที่ซูหมิงเข้าไปใกล้ วิญญาณร้ายตนนี้ร้องตะโกนเสียงดัง มันยกมือขวาพองบวมขึ้นทำปางมือชี้ไปยังซูหมิง ฟ้าดินพลันเกิดเสียงโครมคราม เกิดสายลมรุนแรงขึ้นกลางอากาศ สายลมหมุนวนไปรอบๆ แล้วรวมไปที่นิ้วมือวิญญาณร้ายตนนั้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นสายรุ้งยาวที่คลับคล้ายว่าสามารถฉีกมวลอากาศพุ่งไปหา ซูหมิงอย่างเร็วไว
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายจิตสังหาร เขาไม่ถอย แต่กลับรวดเร็วยิ่งขึ้น เขากระโดดลอยขึ้น ก้าวเดินลงไปข้างล่างพร้อมยกมือขวา แหวนสีม่วงอมดำตรงนิ้วโป้งพลันขยับแสง ทวนสิ้นสูญโผล่ออกมาในมือโดยพลัน ช่วงที่แสงจากวงแสงใกล้จะมอดดับนั้น ทั้งตัวเขากลายเป็นเศษเงาเข้าปะทะกับสายรุ้งยาวที่ตรงเข้ามา
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นกึกก้อง ซูหมิงข้ามผ่านสายรุ้งยาวนั้นเข้าไปอยู่ในวงแสง ความเร็วของเขาสุดจะบรรยายแล้ว จังหวะที่วิญญาณร้ายตัวอื่นรอบๆ มองมา ก็เห็นเพียงแสงสว่างจ้าแสบตากับเสียงดังสนั่นข้างหู
เมื่อแสงสว่างหายไปและเสียงโครมครามเงียบลง สิ่งที่เผยชัดในสายตาวิญญาณร้าย ตัวอื่นคือซูหมิงยืนอยู่ในวงแสง ข้างนอกมีศพที่ยังชักกระตุกอยู่หนึ่งร่าง ในดวงตาขวาบนหัวของศพนั้นมีทวนยาวทะลวงเข้าไป!
ซูหมิงมีสีหน้าเฉยชา หลังจากดึงทวนยาวออกช้าๆ แล้วก็มองไปรอบๆ อย่างเย็นชา
และเป็นตอนนี้เองวงแสงใต้เท้าเขาหายไป จากนั้นข้างล่างห่างไปอีกเล็กน้อยเกิดวงแสงขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่เก้าวงอีก แต่เป็นเจ็ดวง!
แทบเป็นทันทีที่ข้างล่างเกิดวงแสงเจ็ดวง วิญญาณร้ายแปดตัวนอกจากซูหมิงต่างพุ่งไปอย่างเร็วรี่ พวกมันใช้ความเร็วทั้งหมดเพื่อไปแย่งตำแหน่งของพวกมันจาก วงแสงเจ็ดวงนั้น
ซูหมิงไม่กล่าวใดๆ เขาไม่ตรึกตรองว่าจะแย่งวงแสงของวิญญาณร้ายตนใด แต่เพ่งสายตาเลือกวงแสงหนึ่งวง ใครแย่งกับเขา เขาก็จะสังหารคนนั้น!
บางทีตอนที่วิญญาณเหล่านี้เป็นผู้ฝึกฌานอาจไม่มีใครอ่อนแอ ทว่ายามนี้อยู่ที่นี่มาหลายปี ล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งจึงสูญเสียความทรงจำไป สูญเสียเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา หรือบางทีพวกมันอาจคลุ้มคลั่งกว่านี้ แต่ก็ยังเทียบกับอดีตไม่ได้
‘สำหรับมู่หยาแล้ว นี่คือการแข่งขันที่ผ่านหลายปีมาแล้วคนเหล่านี้ก็ยังไม่สำเร็จ มันอธิบายได้ว่ามู่หยาไม่อยากให้มีใครสำเร็จ ดังนั้นการแย่งชิงในช่วงสุดท้ายจะต้องมีอะไรอย่างอื่นมาขวางแน่ๆ’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ขณะก้าวเดิน สายตาก็จ้อง วงแสงแรกในวงแสงเจ็ดวง
‘เป็นมันแล้วกัน’
ท่ามกลางเสียงคำรามดังกังวาน วิญญาณร้ายบนยอดเขาต่างแยกย้ายกันพุ่งไปยังวงแสงเจ็ดวง ครู่ต่อมา เมื่อซูหมิงไปถึงวงแสงแรกแล้ว ก็ยังมีวิญญาณร้ายอีกตนเลือกวงแสงนี้เช่นกัน
วิญญาณร้ายตนนี้มีขนาดเกือบยี่สิบจั้ง มันห้อเหยียดเข้าไปในวงแสงแทบจะพร้อมกับซูหมิง จากนั้นมันก็ร้องคำราม กำหมัดขวาท่ามกลางเสียงดังเปรี้ยงปร้าง ชกหมัดไปทางซูหมิง
ซูหมิงยกมือขวากวาดทวนสิ้นสูญไปข้างหน้า ขณะกวาดไปยังเกิดเสียงดังสนั่น ระหว่างนั้นเขาพลันกดมือซ้ายบนมือขวาแล้วผลักไปข้างหน้า
เสียงโครมดังขึ้น ซูหมิงถอยไปสามก้าวมาอยู่ตรงขอบวงแสง แต่วิญญาณร้ายตนนั้นกลับเซถอยไปสี่ก้าว เมื่อก้าวออกจากวงแสง ช่วงที่มันอ้าปากกว้างหมายจะคำรามใส่ซูหมิง นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายจิตสังหาร ก่อนคำรามใส่วิญญาณร้ายที่กำลังอ้าปาก
นี่คือการคำรามครั้งแรกหลังกลายเป็นสภาพน่ากลัวแบบนี้ กลิ่นอายแห่งมารเหลือล้นปะทุขึ้นในร่างกายตามเสียงคำราม ม้วนมวลอากาศรอบๆ จนบิดเบี้ยว ระหว่างนั้นวิญญาณร้ายตนนั้นก็ถอยหลังไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก มันตรึงดวงตาสองข้าง ร่างขยับไหวเลี่ยงออกจากวงแสงของซูหมิง มุ่งหน้าไปวงแสงอีกวง
การแย่งชิงวงแสงเจ็ดวงที่มีการเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหดพลันบรรลุถึงระดับที่ดุเดือดที่สุด ชั่วครู่เดียวก็มีวิญญาณร้ายสองตนตายตกไปเป็นราคาต้องจ่าย ในวงแสงเจ็ดวงต่างมีวิญญาณร้ายยืนอยู่
สิ่งที่ซูหมิงสนใจเป็นพิเศษคือวิญญาณร้ายขนาดเจ็ดแปดสิบจั้งตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ในวงแสงที่เจ็ด ตุ่มหนองทั่วร่างมันแห้งหมดแล้ว ดวงตาห้อยลงมาเล็กน้อย บนหน้าผากมีขนสีขาวหนึ่งหย่อม
มันยืนอยู่ตรงนั้น บางครั้งมีกลิ่นอายผ่านโลกมานานแผ่มาจากร่างกาย ดวงตาคลับคล้ายแดงก่ำ แต่ซูหมิงสังเกตเห็นความใสที่ซ่อนอยู่ใต้ดวงตาแดงก่ำ
นี่เป็นวิญญาณร้ายที่มีสติปัญญาครบถ้วน
สิ่งที่ซูหมิงสนใจวิญญาณร้ายตนนี้คือ ขอเพียงมันยึดวงแสงได้ จะไม่มีวิญญาณร้าย ตนอื่นมาแย่ง หากนึกอย่างถี่ถ้วนก็จะมองเห็นเงื่อนงำ
กระทั่งตอนที่ซูหมิงมองไป มันยังเอียงศีรษะมองมาแวบหนึ่งเหมือนสังเกตเห็น
นอกยอดเขา บนหมอก มู่หยามองภาพนี้ด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาเปล่งประกาย
“ไม่เลว ไม่เลว กลิ่นอายมารในตัวเข้มข้นมาก ไม่ใช่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน หากเด็กคนนี้ได้รับมรดกของข้า ข้าจะไม่ตระหนี่เรื่องให้โชควาสนาเขาอย่างเด็ดขาด
ชาวเผ่ายมโลก ยึดร่างเอ้อชาง เรื่องนี้น่าสนใจ น่าสนใจ! ทว่า ต้องให้การแก่งแย่งดุเดือดกว่านี้อีกเล็กน้อย ถึงจะได้เห็นอะไรมากขึ้นอีก” ชายชราเลียริมฝีปาก รอยยิ้มบนใบหน้าสอดรับกับอารมณ์ทางสีหน้า ความรู้สึกชั่วร้ายเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ประกอบกับมีกลิ่นอายชั่วร้ายแผ่มาจากในตัวเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เขายกมือขวาขึ้นชี้ไปยังยอดเขาใต้หมอกที่อยู่ไกลๆ
ตอนนี้เอง วงแสงที่ซูหมิงอยู่รวมถึงวิญญาณร้ายตนอื่นบนยอดเขาพลันมอดดับลง เมื่อหายไปแล้ว บนยอดเขาด้านล่างลงไปอีกปรากฏ…วงแสงสองวง!
จากวงแสงเจ็ดวงลดเหลือสองในคราเดียว นี่แทบจะทำให้การแย่งชิงมรดกครั้งนี้บรรลุถึงระดับคลุ้มคลั่ง
ซูหมิงพลันเงยหน้าขึ้นมองหมอกข้างบน เขาเห็นร่างเงาของชายชรามู่หยารางๆ
ครั้นวงแสงสองวงโผล่ขึ้นมา วิญญาณร้ายหกตนนอกจากซูหมิงล้วนร้องคำรามด้วยเสียงดังสนั่น ดวงตาแดงก่ำพลางห้อเหยียดไปอย่างบ้าคลั่งด้วยความเร็วทั้งหมด
วงแสงสองสงหมายถึงว่าในพวกมันเจ็ดตนจะมีห้าตนที่ล้มเหลว!
‘นี่คือกฎที่เจ้ากำหนดไว้รึ?’ ซูหมิงไม่สนใจวิญญาณร้ายหกตนที่พุ่งออกไป แต่เงยหน้ามองชายร่างรางๆ กลางหมอกข้างบน นัยน์ตาเผยประกายเย็นชา
‘เลือกสองในเจ็ดคน จากนั้นก็เปิดฉากแย่งชิงที่เจ้าชื่นชอบอีกครั้ง คนสุดท้ายที่เหลือรอดจะได้มรดกหรือไม่ก็ต้องดูว่าอารมณ์เจ้าเป็นอย่างไร หากเจ้าไม่อยากก็จะทำให้ล้มเหลว หรืออาจจะให้รางวัลโดยการไม่สูบความทรงจำ
ดูท่าหลายปีมานี้ เจ้าคงจะทำแบบนี้มาตลอด
ทว่า นี่เป็นเพียงกฎของเจ้า ไม่ใช่ของข้า!” ซูหมิงหันหน้ากลับมามองวิญญาณร้ายหกตนที่กำลังห้อเหยียดไป จากนั้นหลับตาลง