ตอนที่ 1019 สาม ภูเขา!
ขณะเดียวกัน เสียงกึกๆ ดังก้อง เสียงนี้มาจากน้ำเต้าด้านหลังชายร่างกำยำหวงเหมย บนน้ำเต้าเกิดรอยร้าวขึ้นและขยายออกอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็เกิดเสียงดังโครม น้ำเต้าข้างหลังชายร่างกำยำหวงเหมย…แตกเป็นเสี่ยงๆ
“ขออภัย ข้าก็มีน้ำเต้าล้ำค่าเหมือนกัน” ซูหมิงกระแอมทีหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววเย็นเยือก เขายกมือขวาชี้ชายร่างกำยำหวงเหมย คนเล็กน้ำเต้ารวมถึง ‘คนรัก’ ของมันก้มหน้าลงมองหวงเหมยอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนจะพุ่งไปข้างหน้าอย่างว่องไว
ชายร่างกำยำหวงเหมยกระอักเลือดกับคำพูดนี้อีกครั้ง สีหน้าคับอกคับใจถึงที่สุด เขาเงยหน้าร้องขึ้นฟ้า สีหน้าสิ้นหวัง
เสียงคำรามแหลมเล็ก เหมือนไม่ว่าจะร้องอย่างไรก็ไม่อาจระบายความโมโหและอึดอัดถึงขีดสุดในใจได้
เห็นคนเล็กน้ำเต้าสองตนกำลังเข้ามาใกล้ ช่วงที่ดาบกำลังจะลากผ่านคอชาย ร่างกำยำหวงเหมย ชายร่างกำยำหวงเหมยพลันปล่อยมือขวาที่จับหินเอาไว้ ร่างจึงดิ่งลงสู่เหวลึก
ขณะที่คนเล็กน้ำเต้าสองตนไล่ตามต่อ มวลอากาศข้างชายร่างกำยำหวงเหมยที่กำลังตกลงไปปรากฏมือใหญ่ข้างหนึ่งคว้าตัวเขาเอาไว้ แล้วใช้หลังมือปะทะกับคนเล็กทั้งสอง
เสียงอึกทึกดังขึ้น คนเล็กน้ำเต้าสองตนกระเด็นถอยมา ระหว่างนั้นก็มีสีหน้าทะมึนพร้อมกัน โดยเฉพาะคนเล็กจากน้ำเต้าของซูหมิง ดวงตามันมีประกายจิตสังหารเด่นชัดวาบผ่าน ร่างขยับวูบไหว กลับมาอยู่ข้างกายซูหมิงทันที
ส่วนคนเล็กน้ำเต้าที่เดิมทีเป็นของชายร่างกำยำหวงเหมยและตอนนี้ติดตามซูหมิง ก็กลับมาอยู่ข้างซูหมิงเช่นกัน ดวงตามีความรักใคร่ชื่นชม เพ่งมองคนเล็กน้ำเต้าซูหมิงเหมือนขอเพียงอีกฝ่ายมองมา มันยอมจ่ายได้ทุกอย่าง
ซูหมิงเงยหน้าขึ้นช้าๆ มองหมอกข้างบน จิตสังหารในแววตาเข้มข้นขึ้น มือขวาจับน้ำเต้าพลางเขย่า คนเล็กน้ำเต้าพลันบินกลับเข้าไปด้านใน คนเล็กเพศหญิงที่เดิมทีเป็นของชายร่างกำยำหวงเหมยก็ตามไปด้วย…เข้าไปในน้ำเต้าพร้อมกัน
ดีที่ตอนนี้ชายร่างกำยำหวงเหมยถูกฝ่ามือคว้าเอาไว้ตอนตกเหวลึกไป มิเช่นนั้นหากเห็นภาพนี้เข้า จะต้องกระอักเลือดกองใหญ่เป็นแน่
“เจ้าอยากช่วยเขา?” ซูหมิงมองหมอกข้างบนพลางกล่าวราบเรียบ
“เขายินยอมเข้าสู่ปฐพี เส้นทางของข้า เข้าสู่ปฐพีมีประตู ข้าย่อมอยากช่วยเขา” มีเสียงแก่ชราดังแว่วมาจากในอากาศ นั่นคือเสียงของชายชรามู่หยา
ครั้งนี้ เสียงเขาดังก้อง ทุกคนต่างได้ยินกันทั่ว
ซูหมิงไม่กล่าวอะไร แต่จ้องมวลอากาศบนฟ้าอย่างเย็นชา ชายร่างกำยำหวงเหมยจะเป็นหรือตาย ถึงจะสำคัญในมุมมองซูหมิง แต่เทียบกับอารมณ์ความคิดในใจตอนนี้แล้ว กลับเล็กน้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
ก่อนหน้านี้ซูหมิงกำลังคาดเดา เห็นๆ อยู่ว่าชายชรามู่หยาพูดกับเขา แต่ไม่ว่าฟังอย่างไรก็เหมือนอธิบายให้อีกคนฟัง
เรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้ หากอยู่ที่อื่นเขาคงไม่ใคร่ครวญมากนัก แต่ที่นี่คือ เตาหลอมลำดับห้า ดังนั้นเขาจึงอดคิดมากมิได้
ในเมื่อตอนนี้ชายชรามู่หยายึดมั่นอยากจะช่วยชายร่างกำยำหวงเหมย เขาจึงตัดสินใจได้ทันทีว่าจะใช้เรื่องนี้หยั่งเชิง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเงียบ สีหน้าไม่มีความประนีประนอมแม้แต่น้อย สายตาจ้องฟ้า ยืนอยู่บนยอดเขาเงียบๆ
‘หากชายชรามู่หยาอ่อนข้อให้ นั่นก็หมายความว่าการคาดเดาเป็นจริง ในเตาหลอมลำดับห้า ตอนที่ข้าสู้อย่างดุเดือดตอนปีนเขา ชายชรามู่หยาเจอกับใครบางคน
เป็นคนนี้เองที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนเอ่ยคำพูดที่เหมือนอธิบายให้กับอีกคนฟังอย่างเมื่อครู่ แต่หากเขาไม่อ่อนข้อให้ ก็มีโอกาสที่การคาดเดาจะผิดพลาด’ ซูหมิงตรึกตรองในหัวอย่างหนัก แต่กลับไม่เผยมาทางสีหน้าแม้แต่น้อย
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หลายสิบลมหายใจต่อมา ก็มีเสียงถอนหายใจดังมาจากในหมอกข้างบน
“เอาละ ข้าอยู่ที่นี่มาหลายปี ตอนนี้หากจะออกไปก็ต้องมีร่างภาชนะ ข้าว่า เจ้าหนูเมื่อครู่นี้ก็ไม่เลว ใช้สักหน่อยแล้วกัน รอข้าออกไปแล้ว เขาก็จะไม่ใช่เขาอีก
เจ้ายังต้องรีบตระหนักรู้วิชาเคลื่อนย้ายภูผาของข้าไม่ใช่รึ?” เสียงในหมอกข้างบนทำให้ซูหมิงใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เขาก้มหน้าเงียบลง มองม้วนคัมภีร์บนแท่นหินแวบหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นยกสองมือขึ้น ขณะกำลังจะกดลงไปอีกครั้ง เขาไม่เงยหน้ามอง แต่กล่าวเรียบๆ เหมือนพูดตามอำเภอใจ
“เมื่อครู่ตอนที่ผู้เยาว์สู้กับวิญญาณร้าย ผู้อาวุโสเจอกับร่างแยกที่เท่าไรของบิดาข้า?”
“ที่สาม…หืม?” ชายชรามู่หยาเอ่ยโดยจิตใต้สำนึก แต่กล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย
“ร่างแยกที่สามหรือ” ซูหมิงกล่าวเบาๆ เขาเกิดความรู้สึกเด่นชัดว่ามู่หยา บนหมอกกำลังเพ่งมองตน ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยนสีจนเคยชิน มันฝังลึกเข้ากระดูกเขาไปแล้ว และก็ไม่กังวลด้วยว่าจะถูกมองอะไรออก
คำพูดประโยคเมื่อครู่มีเพื่อลวงให้มู่หยาเอ่ยขึ้นโดยเฉพาะ เขาจงใจกล่าวขึ้น ต่อให้พูดผิดก็ไม่เป็นไร สิ่งที่เขาต้องการคือดูปฏิกิริยาโต้ตอบของมู่หยาแล้วนำมาคาดการณ์
ทว่าแม้แต่ซูหมิงก็นึกไม่ถึงว่าคำพูดของตน…จะลวงได้คำตอบที่ทำให้ใจเขาสั่นสะท้านมา
“เจ้าหนูนี่เจ้าเล่ห์จริง แต่ข้าชอบความเจ้าเล่ห์ของเจ้า ส่วนเรื่องระหว่างบิดากับเจ้า ข้าไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย” ชายชรามู่หยากลางหมอกส่งเสียงหัวเราะ แล้วไม่กล่าวสิ่งใดอีก
ซูหมิงใจสั่น เขาหลับตาลงพลางกดสองมือบนหินภูเขาสองลูก ท่ามกลางเสียงโครมคราม ทุกอย่างในความคิดถูกฝืนกดเอาไว้ ภูเขามายาหลายต่อหลายลูกเข้ามาแทนที่ทั้งหมด
เมื่อยอดเขาข้างบนพังลง ยอดเขาด้านล่างก็โคลงเคลงและเกิดรอยร้าวขึ้นเช่นกัน
รอยร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ยอดเขาในความคิดก็มากขึ้น สุดท้ายเกิดเสียงระเบิด ทันทีที่ยอดเขาข้างบนแตกออกเป็นเสี่ยงโดยสมบูรณ์ เงามายากลางยอดเขานับไม่ถ้วนในความคิดซูหมิงพลันรวมเข้าด้วยกัน กลายเป็นลูกแสงสีดำ
ลูกแสงนี้อยู่ท่ามกลางภาพมายา ภายในมีภูเขาเหลือคณนานับขยับวูบวาบ ช่วงที่ซูหมิงสัมผัสได้ถึงแรงกดดันแก่กล้าอย่างชัดเจน มิหนำซ้ำยังแผ่กระจายมาจากในร่างกายนั้น คนที่สัมผัสถึงแรงกดดันจากร่างซูหมิงล้วนหน้าเปลี่ยนสีทุกคน พร้อมทั้งเกิดความรู้สึกคล้ายหมื่นภูเขากดทับ
เสียงโครมดังขึ้น ยอดเขาด้านล่างพังลงอีกครั้ง แตกออกทั้งหมดกลายเป็นหินภูเขา แม้แต่ทุกคนด้านบนยังถูกม้วนขึ้นมา ชั่วขณะที่พวกเขาถูกม้วนขึ้น ขั้นพลังของทุกคนพลันกลับมาอย่างสมบูรณ์
ขณะเดียวกับที่ขั้นพลังพวกเขากลับมา ลูกแสงสีดำในความคิดซูหมิงเปลี่ยนจากมายามาเป็นของจริงในพริบตา สุดท้ายก็กลายเป็นตราประทับลงกลางวิญญาณเขา
เครื่องหมายตราประทับนี้เป็นลักษณะจุดแสงสามจุดเชื่อมเข้าด้วยกัน ภายใน แฝงไว้ด้วยกลิ่นอายโบราณ ประหนึ่งสร้างขึ้นจากธรรมชาติในยุคสมัยฟ้าดินแรกเริ่ม
ทันทีที่ประทับตราลึกลงไป ซูหมิงรู้สึกว่าผืนฟ้าไกลโพ้นแปดทิศมีภูเขาอยู่!
นั่นคือภูเขาจำนวนมาก ภูเขากลางดวงดาวนับไม่ถ้วน ภูเขามายามากมาย รวมถึงภูเขาในความทรงจำของคนอีกมาก พวกมันรวมกันเป็นกฎที่ยังไม่มีใครค้นพบในมหาโลกสามรกร้างแห่งนี้
วิชาเคลื่อนย้ายภูผา ฝึกฝนกฎแห่งภูเขา!
“ภูเขาก็คือสาม[1]! สามจุดรวมเป็นหนึ่งภูผา จุดนี้เรียกว่าจุดกำเนิดแห่งฟ้าดิน เป็นต้นกำเนิดพลัง! คนนอกผู้สืบทอดแห่งมหาโลกเคลื่อนภูผา จงจำไว้…เคลื่อนย้าย ภูผาเป็นเพียงรูปแบบแรก
ตั้งแต่วิชานี้ถูกสร้างขึ้นจนถึงตอนนี้ก็มีเพียงรูปแบบเดียว หากนอกโลกมีผู้ต้องชะตาสร้างรูปแบบที่สองได้ ก็ให้มามหาโลกเคลื่อนภูผาของข้าแล้วฝากมันเอาไว้ เพราะโลกของข้าไม่ได้ต้องการการสืบทอดวิชาเคลื่อนย้ายภูผา มีแต่ต้องการสิ่งนี้เท่านั้น….” ช่วงที่ตราประทับเกิดขึ้นในใจซูหมิงก็มีเสียงแก่ชราดังก้อง เสียงนี้เหมือนส่งมาจากในกาลเวลา มีความจริงใจอบอวลอยู่ภายใน
ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขาลืมตาขึ้น กลางลูกตาสองข้างปรากฏเงาของยอดเขา ตอนนี้เอง เขาเกิดความรู้สึกเรนแรงเหมือนกับขอเพียงเขาคิด ก็จะควบคุม…ภูเขา นับหมื่นนับพันในจักรวาลได้!
ฟ้าดินพังทลายลงในยามนี้ หมอกรอบด้านหมุนตลบ ยอดเขาถล่มลง ซ้ำยังเกิดน้ำวนยักษ์ขึ้นข้างบนจุดหนึ่ง มันหมุนโคจรพร้อมด้วยเสียงดังสนั่น ก่อนจะเกิดแรงดูดรุนแรงขึ้น แล้วม้วนร่างทุกคนเข้าไปในน้ำวน
ตอนที่ซูหมิงลืมตา เขาเห็นร่างสวี่ฮุ่ยอยู่ไกลๆ ตอนนี้เข้าไปใกล้น้ำวนแล้ว ข้างกายยังมีเสวียนซาง เหมือนว่าจะถูกสวี่ฮุ่ยคว้าแขนเอาไว้ สีหน้าเขาตื่นตระหนก ส่ายศีรษะไม่หยุดด้วยความกลัว สุดท้ายก็กลายเป็นความขมขื่น
ซูหมิงไม่ได้มองโดยละเอียด เพียงวูบไหวกายเดินไปหนึ่งก้าว ตอนที่หนึ่งก้าวเหยียบลงก็เกิดจุดหนึ่งขึ้น
หลังจากซูหมิงเดินก้าวที่สอง ก็เกิดจุดที่สองขึ้นเช่นกัน
เขากระโดดขึ้นมาอยู่บนจุดสองจุดก่อนมาโผล่ข้างกายสวี่ฮุ่ยในทันที สวี่ฮุ่ยแย้มยิ้ม และยังปล่อยมือจากเสวียนซาง ระหว่างที่เสวียนซางกำลังจะถูกม้วนเข้าไปในน้ำวนนั้น นางปล่อยให้ซูหมิงกอดเอาไว้ ขณะเดียวกันก็เกิดจุดที่สามขึ้น
ทันทีที่เกิดสามจุดนี้ พวกมันรวมเข้าด้วยกันในพริบตา กลายเป็น….ภูเขาลูกหนึ่ง!
ถึงภูเขาลูกนั้นจะเป็นมายา แต่ทำให้ซูหมิงกอดสวี่ฮุ่ยแน่นิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่ขยับไหวภายใต้น้ำวน! ประหนึ่งว่าภูเขาเป็นของจริงอยู่กลางอากาศ
“โชควาสนาของข้าเล่า!” ซูหมิงกอดสวี่ฮุ่ยที่กำลังเพ่งมองเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว กล่าวเรียบๆ ไปทางความว่างเปล่า
“ในเตาหลอมลำดับห้ามีโลกจำนวนมาก แต่มีโลกนี้โลกเดียว…ที่ข้าเปิดขึ้นเอง โชควาสนาของเจ้าคือต้นกำเนิดที่ข้ารวมไว้ในโลกนี้มาแต่โบราณกาล!” เสียงชายชรา มู่หยาดังก้องอากาศข้างบน ในเวลาเดียวกัน โลกทั้งใบนี้ก็เกิดเสียงโครมดังสนั่น
ข้างกายซูหมิงปรากฏร่างมายาขึ้นทีละร่าง ร่างมายาเหล่านั้นมีหลายสิบร่าง….พวกมันทั้งหมดคือวิญญาณร้าย ในนั้นยังมีเหนียนอิ๋นด้วย!
วิญญาณร้ายเหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ชายชรามู่หยาจับมาตลอดหลายปี ตอนนี้ทุกคนต่างเหม่อลอยไม่ขยับไหว แต่ร่างกายกลับแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้นยังปะทุพลังชีวิตออกมาจำนวนมาก พลังชีวิตเหล่านี้กลายเป็นเส้นสีขาวพุ่งไปหาซูหมิง
……………………….
[1] ในภาษาจีน ภูเขา (山) และสาม (三) เป็นคำพ้องเสียงกัน