สู่วิถีอสุรา 1023

ตอนที่ 1023 เรื่องน่ารังเกียจในอดีตของกระเรียนขนร่วง

ซูหมิงเดินเหยียบอากาศเข้ามา บนแท่นเหยียบวิญญาณของชายขอบชั้นหนึ่ง ยามนี้ใช่ว่าจะว่างเปล่า แต่มีวิญญาณเพลิงอยู่หลายตัวกำลังนอนหมอบอยู่ ทั่วร่างพวกมันมีสีเทาเล็กน้อย แต่กลิ่นอายจากตัวพวกมันกลับแกร่งอย่างยิ่ง

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงทะลวงอากาศเข้ามาใกล้แท่นเหยียบวิญญาณ วิญญาณเพลิงเหล่านั้นพลันมองซูหมิง นัยน์ตาเผยความรวดเร็วและดุดัน

ทว่าแววตาดุดันเกิดขึ้นเพียงพริบตาแล้วก็หายไป กลายเป็นเสียงคำรามกับความสับสน พอได้ยินเสียงนั้นของพวกมันแล้วจะไม่รู้สึกถึงความรังเกียจใดๆ กลับรู้สึกใกล้ชิดเล็กน้อย

ซูหมิงยิ้มบางๆ เส้นผมยาวสีทอง ใบหน้าสีทอง กอดสวี่ฮุ่ยเดินไปอยู่บนแท่นเหยียบวิญญาณ สวี่ฮุ่ยหน้าซีดขาว ความแข็งแกร่งของวิญญาณเพลิงเหล่านั้นทำให้นางเกิดความรู้สึกขนลุก

การมาของซูหมิงมีผลให้วิญญาณเหล่านั้นกระจายตัวออกไปรอบๆ ช่วงที่เขายืนอยู่บนแท่นเหยียบวิญญาณ พวกมันต่างพิจารณามองเขาด้วยแววตาประหลาดใจหลายที จากนั้นก็เผยความตกใจระคนดีใจขึ้น ก่อนวิ่งเข้ามาอยู่ตรงหน้าซูหมิงกันเรื่อยๆ เหมือนว่าแสงทองจากตัวเขาทำให้พวกมันรู้สึกสุขสบายมาก

ซูหมิงเงยหน้าขึ้น ไม่สนใจวิญญาณเพลิงเหล่านั้น แต่มองไกลออกไป ตรงนั้นคือใจกลางที่แท้จริงของเตาหลอมลำดับห้า มองไปมองมา ขณะกำลังจะก้าวเดิน เขาพลันหยุดชะงัก

“ย่ากระเรียนมันเถอะ…” ในจิตใจซูหมิงมีคำพูดติดปากของกระเรียนขนร่วงที่เพิ่งตื่นดังก้อง

“หืม? แสงอะไร นี่มันแสงอะไร!” กระเรียนขนร่วงร้องเสียงแหลมทันที ซูหมิงยิ้มบางมุมปาก ก้มหน้ามองถุงเก็บวัตถุ ถุงเก็บวัตถุขยับแสงวิบวับ ครั้นกระเรียนขนร่วงบินออกมาเองแล้ว มันก็มองซูหมิงด้วยดวงตาเบิกโต

“ตื่นแล้วก็ตามมา” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ ไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่นานนัก เขาเดินหน้าก่อนหนึ่งก้าว เดินหน้าไกลออกไปในพริบตา มาอยู่กลางอากาศใจกลางเตาหลอมลำดับห้าทันที

กระเรียนขนร่วงข้างหลังเบิกตากว้าง มองแสงทองจากตัวซูหมิง ขณะกำลังประหลาดใจก็มีเสียงคำรามดังมาจากข้างหลัง ตอนที่มันหันกลับไปมองก็เห็นวิญญาณเพลิงแต่ละตัวมีสายตาไม่เป็นมิตร ทำท่าคล้ายจะกระโจนเข้ามา

กระเรียนขนร่วงตัวสั่น มันร้องเสียงแหลมพร้อมเปลี่ยนเป็นร่างเปล่งแสงทองเช่นกัน กลายเป็นกระเรียนขนร่วงสีทอง แต่สีทองไม่ได้ทำให้ความไม่เป็นมิตรของวิญญาณเพลิงเหล่านั้นหายไป กลับกันด้วยแสงสว่างจ้าแสบตา พวกมันจึงคำรามพร้อมกับพุ่งเข้ามา

“ไม่ยุติธรรม!” กระเรียนขนร่วงร้องโอดครวญพลางถอยไปอย่างรวดเร็ว กระพือปีกพุ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปหาซูหมิงที่กำลังจะจากไป ไม่ง่ายนักที่จะเลี่ยงการไล่ล่าของวิญญาณเพลิงเหล่านั้นได้ ขณะหนีในใจมันยังเต็มไปด้วยความคับอกคับใจ

“ย่ากระเรียนมันเถอะ ข้าเพิ่งตื่น เพิ่งตื่นเองเท่านั้น เหตุใดถึงเจอเรื่องแบบนี้ หลังจากข้ากลายเป็นร่างแสงทองอีก เหตุใดถึงใช้ไม่ได้?

ไม่ถูกต้องเลย ข้าเปลี่ยนเป็นสีเหมือนกันแท้ๆ หรือว่าจะต่างกันอยู่?” ขณะที่กระเรียนขนร่วงคับแค้นใจ ร่างมันเปลี่ยนแสงไม่หยุด บ้างเป็นสีเหลืองทอง บ้างเป็น สีเหลืองดิน บ้างเป็นสีเหลืองเทียนไข…

แต่ยังไม่ทันจะไล่ตามซูหมิงทัน มันมองไปอีกครั้ง ร่างพลันหยุดชะงัก เบิกตากว้าง เผยความสับสน เพราะซูหมิงในตอนนี้ไม่ใช่สีเหลืองทองอีก แต่เป็นสีแดงฉาน!

เส้นผมยาวสีแดง ดวงตาสีแดง ชุดคลุมยาวสีแดง รวมถึงกลิ่นอายมารและ ความบ้าคลั่งไม่มีสิ้นสุดที่แผ่มาจากทั่วร่าง ก่อขึ้นเป็นจิตสังหารเหลือล้นวนเวียนรอบๆ กระทั่งอากาศยังสั่นไหวภายใต้จิตสังหารนี้

ผ่านไปนานซูหมิงถึงมีสีหน้าสงบนิ่งลงทีละน้อย ครั้งนี้ไม่ใช่สีเทาอีก ไม่ใช่สีทอง และก็ไม่ใช่สีแดงฉาน แต่กลับมาเป็นเขาในร่างปกติ เขาขมวดคิ้ว ขณะเดินหน้าไปก็มีสีหน้าทะมึนเล็กน้อย

‘ต้องหลอมรวมกับร่างจริงให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นแล้ว ร่างแยกข้าจะยังไม่เสถียรอยู่เล็กน้อย…การแปลงร่างก่อนหน้านี้ไม่ได้ควบคุมโดยสมบูรณ์ กระตุ้นเล็กน้อยก็เปลี่ยนร่างแล้ว’ ซูหมิงตาแวววาวอยู่กลางอากาศ เขาสังเกตเห็นความผิดปกติของร่างตน ตอนนี้เหมือนว่านิสัยเขาจะเปลี่ยนไปด้วย

เขาควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ สามนิสัย สามร่างแยก จากการหลอมรวมกันของสามภูผาสะท้อนจันทรา ดูเหมือนสมดุลกัน แต่ความจริงยังขาดจุดสำคัญอย่างยิ่งอยู่….นั่นคือร่างจริง

‘ก่อนหน้าที่จะรับโชควาสนามา อีกทั้งตอนที่ใช้สามภูผาสะท้อนจันทราก็ยังไม่มีคลื่นอารมณ์อย่างตอนนี้ แต่เหตุใดหลังจากใช้สามภูผาสะท้อนจันทราสร้างดวงจันทร์ภัยพิบัติยักษ์แล้วถึงเป็นเช่นนี้…’ ซูหมิงขมวดคิ้วพลางห้อเหยียดไปในอากาศ

‘ข้าจำได้ ชื่อหั่วโหวเคยบอกว่าเผ่ายมโลกมีอภินิหารที่ลึกลับอย่างยิ่งอยู่ชนิดหนึ่ง พอรวมร่างแยกทั้งหมดด้วยวิธีการพิเศษบางอย่างแล้วก็จะบรรลุถึงระดับที่น่ากลัวยิ่งได้

ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ คิดว่าร่างแยกข้าหลอมกันแล้วก็จะเป็นแบบนี้ ทว่าตอนนี้มาดูแล้ว…หรือว่าวิธีการรวมของข้าตอนนี้จะเป็นวิธีลึกลับของเผ่ายมโลกอย่างที่ชื่อหั่วโหวบอก?’ ซูหมิงใจสั่นวูบหนึ่ง

แต่ทันทีที่เกิดความคิดนี้ขึ้น ภยันตรายพลันเข้ามาใกล้ กลางมวลอากาศข้างล่างตัวเขาพลันมีหมอกหมุนตลบ ภายในหมอกมีเสียงคำรามแหลมหลายเสียงดังมาอย่างรวดเร็ว

“คืนชีวิตข้ามา…” สิ่งคำรามดังมาพร้อมกับคำพูดลอยล่องไม่ชัดเจน แต่กลับแหลมเล็ก

“เป็นสหายกับข้า….”

“คืนชีวิตข้า…” เสียงนี้ดังขึ้นลงเหมือนมีคนจำนวนมากเอ่ยขึ้นพร้อมกัน กล่าวคำพูดต่างกัน ขณะที่คำพูดเหล่านี้ดังกังวาน กลิ่นอายเคียดแค้นรุนแรงโผล่มากลางความว่างเปล่า

ต่อมาซูหมิงก็เห็นว่ากลางอากาศใต้ร่างมีร่างเงาปรากฏขึ้นมาทีละร่าง กลายเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดคล้ายวิญญาณหลายตัว จะเห็นความเคียดแค้นรุนแรงและบ้าคลั่งจากใบหน้าพวกมันได้ชัดเจน เมื่อต่างปรากฏตัวแล้ว ตอนที่มองซูหมิง ดวงตาพวกมันต่างเปล่งแสงหม่น ก่อนตรงมาหาซูหมิงอย่างเงียบเชียบ

แทบเป็นช่วงที่เห็นวิญญาณเหล่านี้เข้ามา ดวงตาซูหมิงกลายเป็นสีเทาทันที เส้นผมก็เป็นสีเทาในพริบตา กลิ่นอายมรณะเข้มข้นระเบิดมาจากในตัวเขาโดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย

ซูหมิงในยามนี้เย็นชาไร้อารมณ์ ในดวงตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ราวกับคนตาย!

แต่ในโลกคนตาย…ไม่มีสิ่งมีชีวิต ทุกอย่างที่มีชีวิตล้วนเป็นศัตรูกับโชคชะตาของเขา!

แทบทันทีที่ซูหมิงกลายร่างเป็นสีเทา เขาปล่อยมือสวี่ฮุ่ย สวี่ฮุ่ยใจสั่นไหวและถอยออกไป ซูหมิงในตอนนี้ทำให้นางรู้สึกแปลกตาจนเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน กลิ่นอายมรณะจากตัวเขายังทำให้นางนึกถึงความตาย

กลิ่นอายมรณะเข้มข้นปกคลุมมวลอากาศทั้งหมดในพริบตา กลิ่นอายเคียดแค้นรุนแรงเหล่านั้นสลายไปท่ามกลางกลิ่นอายมรณะ ประหนึ่งว่าไม่ใช่กลิ่นอายพลังระดับเดียวกัน

“ขะ….เขา…” กระเรียนขนร่วงหยุดชะงัก ตาเบิกกว้างดูเหลือเชื่อ ยามที่มอง ซูหมิง ถึงทั้งตัวมันจะไม่มีขน แต่ก็ยังรู้สึกขนลุกชันเสียวสันหลังวาบ

“ย่ากระเรียนมันเถอะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” กระเรียนขนร่วงเกือบจะพูดติดอ่าง มันถอยไปอย่างว่องไว สายตาที่มองซูหมิงราวกับเห็นผีร้าย

‘กลิ่นอายมรณะเข้มข้นขนาดนี้ หรือว่าเขาจะขึ้นมาจากยมโลก สมควรตาย เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ นะ…นี่….’ กระเรียนขนร่วงตัวสั่นระริก ทว่าดวงตากลับค่อยๆ ฉายประกายตื่นเต้น

‘ฮ่าๆ ยิ่งซูหมิงแกร่งมากเท่าไร ภายภาคหน้าข้าก็จะรังแกใครได้ตามอำเภอใจมากเท่านั้น แย่งหินผลึกมาได้ตามใจชอบ กระเรียนขนร่วงหนอกระเรียนขนร่วง เจ้ายิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้ติดตามข้างกายตัวประหลาดแบบนี้ เจ้าคือสหายที่ข้าเลื่อมใสมากที่สุด ไม่มีใครอื่นอีก!’

ระหว่างที่กระเรียนขนร่วงกำลังตื่นเต้น ทั่วร่างซูหมิงผู้มีดวงตาสีเทาหนาวเยือกดั่งน้ำแข็ง เขาก้มหน้ามองกลางอากาศอย่างเฉยชาแวบหนึ่ง วิญญาณร้ายที่เดิมทีจะพุ่งมาเหล่านั้น ภายใต้การแผ่กลิ่นอายมรณะของซูหมิง พวกมันต่างหยุดชะงักด้วยความหวาดกลัวกันทั้งหมด

“พวกเจ้าไม่ควรยังมีชีวิตอยู่ แม้จะเป็นตัวตนในร่างแบบนี้ก็ตาม” ซูหมิงกล่าวเสียงเย็นเยียบพลางยกมือขวาคว้าอากาศ พลันเกิดเสียงดังกึกๆ ดังขึ้น ทวนสิ้นสูญโผล่ออกมา เขาคว้าทวนเอาไว้ในมือ สีหน้าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ นอกจากเย็นชาแล้วก็ไม่มีอารมณ์อื่นอีก

กระทั่งในความคิดเขา ตอนนี้มีสติปัญญาครบถ้วนดี เมื่อสติปัญญาชนิดนี้บรรลุถึงระดับที่มั่นคงแล้วก็จะ…ไร้ซึ่งความรู้สึก!

สติปัญญาชนิดนี้ทำให้เขาใช้กลอุบายหรือใช้วิธีใดก็ได้ ขอเพียงสำเร็จในสิ่งที่เขาอยากทำลาย

เทียบกับความบ้าคลั่งของสีแดงแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นสองขั้วที่ต่างกันโดยสมบูรณ์

ซูหมิงกล่าวพร้อมเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ด้วยความเร็วของเขาจึงเข้าไปใกล้วิญญาณเหล่านั้นในเสี้ยวพริบตา ท่ามกลางเสียงคำรามแหลมของวิญญาณมืดเหล่านี้ ดวงตาเขาขยับประกายสีเทา เสียงกึกๆ พลันดังขึ้น กลิ่นอายมรณะจากตัวเขาหนาวเยือกถึงขีดสุด มันแผ่กระจายไปรอบๆ และปกคลุมรอบทิศโดยพลัน ทันทีที่ทำให้วิญญาณเหล่านั้นหยุดชะงัก เขาก็ปาทวนในมือไปข้างหน้า

ทันใดนั้นอากาศเกิดเสียงโครมคราม มีดวงจันทร์ภัยพิบัติยักษ์โผล่มาด้านหลังเขา ดวงจันทร์เป็นสีเทา เมื่อปรากฏวิญญาณเหล่านั้นต่างร้องโหยหวนเสียงแหลมกว่าเดิม ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายพลัง คล้ายจะถูกลบหายไป พวกมันต่างพากันคิดถอย ทว่าจากการปาทวนสิ้นสูญในมือซูหมิง ตรงปลายทวนก่อขึ้นเป็นน้ำวนวงหนึ่ง น้ำวนเหนี่ยวนำรอบๆ มีผลให้วิญญาณที่คิดจะถอยเหล่านั้นขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงร้องโหยหวน ร่างสลายไปอย่างรวดเร็วภายใต้กลิ่นอายมรณะของดวงจันทร์

ทว่ายังมีวิญญาณบางตัวที่หนีออกจากการเหนี่ยวนำของน้ำวนได้ ช่วงที่กำลังจะหนีไปนั้น ซูหมิงตบถุงเก็บวัตถุด้วยมือซ้าย ก่อนปรากฏน้ำเต้าล้ำค่าขึ้น บนน้ำเต้าไม่ได้มีดวงตาเจ็ดดวงอีก แต่มีแปดดวงขยับแสงวาววับ ระหว่างที่เขาร่ายคาถา ก็มีคนเล็กสองคนบินออกมาอย่างว่องไว แล้วล่าสังหารวิญญาณที่คิดจะหนีเหล่านั้น

กระเรียนขนร่วงเห็นภาพนี้ก็หรี่ตาลง สายตาจ้องคนเล็กเพศหญิงหนึ่งในสองตัวนั้นด้วยสีหน้าสับสน

“หืม? ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ เหตุใดถึงรู้สึกคุ้นกับคนตัวเล็กผู้นี้…เหตุใดหลังจากตอนนั้นที่ข้าถูกตาแก่ลู่ยาล่าสังหารแล้ว ข้าถึงสร้างน้ำเต้าเพศหญิงเหล่านั้นขึ้นเพื่อ แก้แค้นเขา ทำให้เขาสะอิดสะเอียน และก็เพื่อลวงคนเล็กในน้ำเต้าของเขากัน…” กระเรียนขนร่วงเกาศีรษะอย่างสับสน มันประหลาดใจอย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!