สู่วิถีอสุรา 1035

ตอนที่ 1035 หน้ากากแห่งความหมดสิ้น

พริบตาที่พวกเขาสามคนมองไปยังกระจกผลึก ภายในโลกแท้จริงที่ห้า บนดาวยมโลก ซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิมาร้อยปีลืมตาขึ้น

แววตาสงบนิ่งมองรูปปั้นมารดาตรงหน้าพลางถอนหายใจเบา

‘ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่นี่มองเพียงรูปปั้นมารดา นั่นเป็นเพราะข้าเคยเห็นแต่มารดา ไม่เคยพบซูเซวียนอี ดังนั้นรูปปั้นเขาจึงไม่มีหัว ข้าไม่เคยพบบรรพบุรุษยมโลกด้วย ดังนั้น…รูปปั้นเขาจึงไม่มีหัวเช่นกัน’ ซูหมิงยืนขึ้นมองทั้งดาวยมโลก

‘ดาวนี้เหมือนกับในจินตนาการข้าทุกประการ…โลกนี้ก็เหมือนในจินตนาการข้า…’ ซูหมิงส่ายศีรษะ ก่อนเดินไปทางความว่างเปล่า ชั่ววินาทีเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว

“ตอนนั้นข้าคิดว่าน่าจะใกล้ถึงดาวนี้แล้ว ดังนั้นเลยปรากฏดาวยมโลกขึ้นมา ตอนนี้ข้าคิดว่าตรงหน้าข้าน่าจะเป็นแม่น้ำยมโลกลำดับห้า…” ซูหมิงพูดพึมพำ ช่วงที่ก้มหน้าลงอีกครั้ง แม่น้ำยมโลกลำดับห้ามาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา

เขาเห็นศพในแม่น้ำ ทุกคนเผยเพียงด้านหลัง ไม่มีหันหน้าขึ้น

“นี่คือเหตุผล ต่อให้เป็นในจินตนาการข้า ข้าก็ยังไม่เคยเห็นพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงนึกรูปลักษณ์พวกเจ้าไม่ออก”

ซูหมิงส่ายศีรษะ แล้วเดินไปในฟ้ากระจ่างดาวทีละก้าว

“ถึงจะไม่ยอมเชื่อ แต่ร้อยปีก่อนตอนที่สัมผัสรูปปั้น ข้าก็เดาออกแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่โลกแท้จริงที่ห้า ที่นี่ไม่มีดาวยมโลก โลกแท้จริงที่ห้าที่แท้จริงไม่อยู่ที่นี่ นี่เป็นคำลวงหลอก เป็นการลวงหลอกครั้งใหญ่!” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายรวดเร็วและดุดัน

ช่วงที่ซูหมิงเอ่ยออกไป ทันใดนั้นฟ้ากระจ่างดาวรอบๆ พลันสั่นไหว เศษหินทั้งหมดข้างในหายไป ฝุ่นละอองทั้งหมดไร้เงา ทั้งมวลอากาศพลันบิดเบี้ยวกลายเป็นลักษณะโค้ง

ลักษณะโค้งแบบนี้เกิดจากทั้งฟ้ากระจ่างดาวบิดเบี้ยว รูปลักษณ์ของมัน หลังจากมันค่อยๆ หมุนวนตรงหน้าซูหมิงและตอนที่มาอยู่ตรงหน้าเขา ในใจเขาสั่นสะท้าน

เพราะเขาเห็นว่าหลังจากผืนฟ้าดวงดาวบิดเบี้ยว สิ่งที่เผยอยู่ตรงหน้าเขาคือ…หน้ากากยักษ์อันหนึ่ง!

แม่น้ำยมโลกสีขาวเป็นลายเส้นระหว่างดวงตาสองข้างบนหน้ากาก อีกทั้งถ้ำว่างเปล่าสองฝั่งยังเป็นดั่งดวงตา ตอนนี้…..ก็เป็นดวงตาว่างเปล่าของหน้ากาก

ซูหมิงไม่มีวันลืมหน้ากากนี้ มันก็คือ…หน้ากากแห่งความหมดสิ้นที่เขาถูกบังคับให้สวมตอนอยู่แดนมรณะหยินจนเสียเจ็ดอารมณ์หกความปราถนาไป!

เพราะหน้ากากนี้ซูหมิงถึงได้มาทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ตอนนี้ผ่านไปพันปีกว่า เขาได้เห็นมันอีกครั้ง ความเข้าใจพลันลอยขึ้นมาในใจ

‘ราชาที่พวกเจ้าให้ตามหาในตอนนั้นก็เป็นอุบายเหมือนกับโลกภายนอกที่บอกว่าที่นี่คือทางเข้าโลกแท้จริงที่ห้า! อุบายนี้ ไม่ได้หลอกเพียงข้า แต่ยังมี….เทพหมาน รุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิว!’ นัยน์ตาซูหมิงแวววาวเด่นชัด เขาในตอนนี้เข้าใจทุกอย่างแล้ว

‘นี่คือมรดก เป็นมรดกเหมือนกับคนสวมหน้ากากสี่คนที่ปกปักทะเลลำดับห้า หากข้าเดาไม่ผิด คนสวมหน้ากากที่นี่เดิมทีไม่ใช่สี่คน แต่มีห้าคน!

หลังจากสุขโกรธเศร้าแค้นแล้ว ก็มีหน้ากากแห่งความหมดสิ้นที่ตัดขาดจาก เจ็ดอารมณ์หกความปรารถนา จากตอนนั้นที่ให้ข้าสวมหน้ากากมาทะเลดารา ต้นกำเนิดจิตแห่งนี้ เจ้าไม่ได้ให้ข้าตามหาราชาของพวกเจ้า และก็ไม่ได้ให้หาทางเข้าโลกแท้จริงที่ห้า เจ้าให้ข้ามาที่นี่เพื่อเป็นผู้รับใช้คนที่ห้าของที่นี่!

ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดรูปปั้นเลี่ยซานซิวตอนนั้นถึงมีสีหน้าซับซ้อนและสับสน เพราะว่า…..เกรงว่าเขาในตอนนั้นคงจะสังเกตเห็นเงื่อนงำแล้ว แต่สุดท้าย…..ก็ยังเข้าไปอยู่ในอุบายของเจ้า

คนสวมหน้ากากสี่คนนั้น หนึ่งในนั้นก็คือ…..เลี่ยซานซิว!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายวาวอย่างรวดเร็ว เขาในยามนี้เข้าใจแล้ว ทำให้ในความคิดพลันเปิดโล่ง

ซูหมิงใจสั่นสะท้านกว่าเดิม เพราะเขานึกถึงอาจารย์เทียนเสียจื่อ เขาแทบจะมั่นใจได้เลยว่าหากเทียนเสียจื่อยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นในคนสวมหน้ากากสี่คนนั้นจะต้องมี…..เทียนเสียจื่อ!

ไม่ว่าจะเป็นเลี่ยซานซิวหรือเทียนเสียจื่อ หรืออาจเป็นซูหมิง พวกเขาสามคนต่างมีจุดเด่นเหมือนกันคือ….พวกเขาสามคนล้วนมาจาก……แดนมรณะหยิน!

หากมองไปในมุมมองนี้ เช่นนั้นสิ่งที่ทำให้ซูหมิงใจสั่นอีกครั้งคือคนที่สามและคนที่สี่ในสี่คน….จะเป็นใคร!

“สวมหน้ากากนี้เพื่อเป็นผู้รับใช้คนที่ห้าแห่งทะเลเงามืดรุ่งอรุณ ผู้สวมหน้ากากแห่งความหมดสิ้น เจ้า….จะรู้ทุกอย่างที่เจ้าอยากรู้ เจ้าจะรู้ความลับทุกอย่างเกี่ยวกับมหาโลกสามรกร้าง โลกแท้จริงที่ห้า เผ่ายมโลก

เป็นผู้รับใช้แห่งความหมดสิ้น เจ้าจะไม่มีความกังวลใดๆ อีก ไม่มีความลังเลใดอีก เจ้าจะได้รับ….ชีวิตนิรันดร์!

นี่คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าไม่อาจต่อต้าน ตั้งแต่ที่เจ้าสวมหน้ากากและถูกส่งมาทะเลดาราต้นกำเนิดจิต วงโคจรชีวิตเจ้าถูกกำหนดไว้แล้ว ถึงเจ้าจะเปลี่ยนมันอีกก็ไม่อาจหลุดพ้น…..โชคชะตาของเจ้าเป็นโชคชะตาของผู้สวมหน้ากากแห่งความหมดสิ้นของทะเลเงามืดรุ่งอรุณ!” เสียงแก่ชราดังสนั่นหวั่นไหวมาจากปากหน้ากากฟ้ากระจ่างดาวยักษ์พร้อมกับความเย็นชาและแรงกดดันสูงส่ง

เสียงนี้ซูหมิงจะไปลืมได้อย่างไร เสียงนี้คือเสียงของดวงจิตโบราณในแดนมรณะหยินที่ใช้ชีวิตศิษย์พี่สามคนมาข่มขู่ให้เขาต้องสวมหน้ากาก!

“เจ้าปฏิเสธไม่ได้ เจ้าปฏิเสธไม่ได้…และเจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติปฏิเสธ เจ้าคือผู้ถูกเลือก เจ้าเป็น….ผู้รับใช้แห่งความว่างเปล่าของข้า!” ตอนที่เสียงดังก้องสั่นสะเทือนมวลอากาศ หน้ากากที่รวมจากฟ้ากระจ่างดาวยักษ์พลันครอบลงมายังซูหมิง

แรงกดดันรุนแรงรวมอยู่ที่เขาทันที ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อย แต่ตอนที่แรงกดดันกดทับลงมาและเขารู้สึกขยับตัวไม่ได้นั้น ก็มีพลังส่งมาจากร่างแยกขั้นพลังหรือร่างเต้าคง มีผลให้ร่างกายกลับมาขยับได้อีกครั้ง

พลังนี้ว่ากันจริงๆ ไม่ใช่พลัง แต่มันคือกลิ่นอายพลัง!

กลิ่นอายพลังนี้เอ้อระเหย ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับดวงจิตที่อยู่สูงส่งยิ่ง ก่อนเข้าปะทะกับหน้ากากนั้น

กลิ่นอายพลังนี้ ซูหมิงรู้สึกได้ว่ามันมาจาก…..โลกแท้จริงดาราสัจธรรม นั่นคือ…พลังของดวงชะตา! นั่นคือดวงชะตาของทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกำลังรบกวนทุกอย่าง เพราะร่างกายเต้าคงเป็นร่างที่ดวงชะตาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเอ็นดู และตอนนี้มีพลังภายนอกกำลังปะทะกับดวงชะตานี้อย่างรุนแรง

“ซูเซวียนอี ต่อให้เจ้าคำนวณได้ทุกอย่าง ส่งร่างกายนี้มาให้โดยเฉพาะเพื่อให้ บุตรของเจ้ามีดวงชะตา แต่เรื่องนี้ข้าคิดเอาไว้ก่อนแล้ว จะไปยอมให้เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร!” ช่วงที่หน้ากากตรงเข้ามา ก็มีเสียงมืดทะมึนและแก่ชราดังกังวาน

ท่ามกลางเสียงดังก้อง หน้ากากยักษ์พลันหมุนเปลี่ยนมาหันหลังให้ซูหมิง มิหมำซ้ำภายในยังมีเส้นสีขาวนับไม่ถ้วนมุดออกมา ขยับยึกยือพร้อมกระจายออก ดูแล้วน่ากลัวอย่างยิ่ง ตอนนี้เองเส้นสีขาวเหล่านั้นยังตัดสลับกันกลายเป็นใบหน้ายักษ์

ใบหน้ามาพร้อมกับความแก่ชรา สีหน้าเฉยชาประหนึ่งเป็นเพียงหนังมนุษย์ ภายในถูกเส้นถี่สีขาวเหล่านั้นเติมจนเต็ม ก่อนพุ่งไปหาซูหมิงพร้อมกับเข้าปะทะดวงชะตาไร้รูปนั้นด้วย

เกิดเสียงดังสนั่น พร้อมกันนั้นเสียงแก่ชราจากหน้ากากก็ดังตามขึ้นมา

“ข้าเตรียมตัวมาหลายหมื่นปีเพื่อรับมือกับดวงชะตาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมของเจ้า รวมใบหน้าแห่งเคระห์ร้ายของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมออกมา ตอนนี้จงทำลาย ดวงชะตาที่เจ้าเหนี่ยวนำมาเสีย จงหายไป!”

สิ้นคำพูด เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนมวลอากาศไปรอบๆ ดวงชะตาโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจากร่างแยกขั้นพลังซูหมิงพลันม้วนออกพร้อมกับระเบิดออกเสียงดัง

เมื่อไม่มีดวงชะตาโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ใบหน้าที่รวมขึ้นจากเส้นถี่จากส่วนในหน้ากากจึงแผ่กระจายออก มันรวมขึ้นเป็นเส้นถี่ยึกยืออีกครั้งแล้วพุ่งไปหาซูหมิง ใบหน้าที่กลายมาจากฟ้ากระจ่างดาวหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่มันเข้าใกล้ ซูหมิง กลับมีพลังเอ้อชางปะทุออกมา จากนั้นจึงปรากฏร่างเอ้อชางข้างหลังเขา

“เอ้อชางอันเล็กจ้อย หากอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตในเพลงกลอนของผู้เฒ่าเมี่ยเซิง แต่….เจ้าในตอนนี้ จงแหลกไปเสีย!” ท่ามกลางเสียงเย็นชาดังก้องอีกครั้ง เกิดเสียงโครมดังขึ้น ทั่วร่างซูหมิงอาบไปด้วยโลหิต ร่างเอ้อชางข้างหลังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“นี่คือโชคชะตาของเจ้า เจ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้า….คือผู้รับใช้แห่งความหมดสิ้นของข้า!” ท่ามกลางเสียงเย็นชา หน้ากากที่กลายจากผืนฟ้าหดเล็กลงไม่หยุดจนกลายเป็นขนาดปกติ มันพลันสวมบนหน้าซูหมิง เส้นถี่สี่ขาวนับไม่ถ้วนมุดเข้าไปใน เนื้อหนังเขาอย่างบ้าคลั่งแล้วเชื่อมเข้ากับเลือดเนื้ออย่างหนาแน่น หมายจะสวมหน้ากากให้เขาอีกครั้ง

“จากนี้ไปเจ้าจะไม่มีนาม เจ้าจะมีเพียงคำเรียกเดียวคือ…..หมดสิ้น!” เสียง ชายชราดังก้องกังวาน ทั่วร่างซูหมิงสั่นสะท้าน หน้ากากสวมบนใบหน้าเขา ความเจ็บปวดลุกลามไปทั่วร่าง ขณะเดียวกันนัยน์ตาเขายังฉายแววบ้าคลั่ง

“เศษหินสีดำ เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ทำลายหน้ากากนี้ให้ข้า หาข้อบกพร่องของมัน!” ขณะซูหมิงคำรามในใจอย่างบ้าคลั่ง เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตในวิญญาณเขาเปล่งแสงสว่างจ้า แสงสว่างเปล่งวาบอยู่กลางวิญญาณในพริบตา จากนั้นยังทะลวงผ่านร่างกายออกมา

แสงสว่างนั้นคือการตัดสลับกันของเก้าสี ร่างเงาซูหมิงถูกปกคลุมอยู่ในแสงสว่าง ระหว่างนั้นยังเหมือนกับว่าในตัวเขาปรากฏอีกร่างเงาหนึ่ง นั่นคือชายชราสวม เสื้อคลุมขาว คงอยู่เหมือนจักรวาลกดขี่อยู่เหนือทุกสิ่งมีชีวิต

นั่นคือ…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง

เพียงแต่นัยน์ตาผู้เฒ่าเมี่ยซิงกลับเผยความบ้าคลั่งของซูหมิง เขายกมือขวาขึ้นช้าๆ กดบนหน้ากาก ทันทีที่มือขวาสัมผัส หน้ากากพลันร้องเสียงแหลมเล็กราวกับมีชีวิต ขณะที่มันร้องโหยหวน ซูหมิงเปลี่ยนมือขวาอย่างรวดเร็ว คล้ายกับหน้ากากกำลังถูกเขาปรับเปลี่ยนโครงสร้างภายในทุกอย่างด้วยความเร็ว

และเป็นตอนนี้เอง เสียงแก่ชราจากหน้ากากก็ดี จากมวลอากาศก็ดี มันเกิดเป็นน้ำเสียงหวาดกลัวดังก้องเป็นครั้งแรก

“นะ…นี่มัน…ผู้เฒ่าเมี่ยเซิง เจ้าคือเมี่ยเซิงรุ่นนี้ เป็นไปไม่ได้ นี่มัน…” เสียง ตื่นตระหนกดังก้องขึ้นเป็นครั้งแรก และยังมาพร้อมกับความตกตะลึงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ระหว่างนั้นหน้ากากที่ซูหมิงใช้มือขวาสัมผัสหลอมละลายโดยพลัน ค่อยๆ ละลายออกทีละชั้นจนเผยเป็นใบหน้าซูหมิง

เสียงโครมดังขึ้น ช่วงที่หน้ากากหายไป มวลอากาศรอบๆ พังลงทีละชั้น ทุกอย่างที่นี่พังพินาศเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นมีเสียงคำรามด้วยความไม่ยอมของชายชราดังมาจากมวลอากาศ

“ภูเขาทมิฬ…หงหลัว…เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิต ซูเซวียนอี ที่แท้นี่คือการโต้กลับของเจ้าต่อที่นี่ ข้าไม่ยอม ไม่ยอม!”

ครืน!

มวลอากาศพังลงจนหมดสิ้น เผยเป็นทะเลลำดับห้า และยังมีกระจกผลึกสีฟ้าที่แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ไปโดยรอบ รวมถึงพายุคลั่งที่รุนแรงที่สุดถาโถมไปทั้งทะเลลำดับห้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!