สู่วิถีอสุรา 1044

ตอนที่ 1044 จักรวาลของข้า

ซูหมิงมองฟ้ากระจ่างดาวแดนประหลาดกว้างใหญ่ ใบหน้าพลันขาวซีดเล็กน้อย หลังกระอักเลือดมาคำหนึ่งแล้ว สีหน้าจึงกลับมาเป็นปกติ มีพลังชีวิตเหลือล้นเกิดขึ้นในร่างกาย วนเวียนรอบตัวเขาแล้วก่อขึ้นเป็นพลังมหาศาลม้วนขั้นพลังเขาให้สูงขึ้น ไม่หยุด

ดวงจันทร์ภัยพิบัติสีเทา สีแดงและสีทองข้างหลังปรากฏขึ้นพร้อมกัน ขณะมันขยับแสงวิบวับไม่หยุด เส้นผมยาวถึงขาแกว่งไกวทั้งหมด ม้วนขึ้นเป็นวงกลมข้างหลังเขา ทำให้เขาในตอนนี้ดูประหลาดถึงขีดสุด

ลูกตาสองข้างเป็นสีม่วง โดยรอบเป็นฟ้าสีม่วง เขายืนอยู่ตรงนี้คือ….เจ้าปกครองที่นี่!

“ด้วยนิสัยอารมณ์ความคิดของข้าในร่างสีเทาตอนนี้ยังเลียนแบบ….ชีวิตมีอะไรให้น่ามีดีใจซึ่งแฝงไว้ด้วยอารมณ์ถึงขีดสุดไม่ได้ พอฝืนเลียนแบบไป…..จึงทำได้เพียง ลอกแบบ ไม่ได้ความหมาย ซ้ำยังทำร้ายตัวเอง” ซูหมิงพึมพำ ดีที่เขากินส่วนวิญญาณเอ้อชางไปมากกว่าครึ่ง อาการบาดเจ็บเลยเพียงแค่กระอักเลือดแล้วดีขึ้น มิเช่นนั้นแล้วจะต้องเจ็บหนักกว่านี้แน่

“ถึงเอ้อชางสีเขียวเข้มกับเหลืองจะกลายเป็นสองหมื่นส่วนหนีไป แต่ว่า…..ข้าสมบูรณ์ก่อนแล้ว ที่กินส่วนวิญญาณเอ้อชางตัวอื่นเพียงเพื่อเสริมความแกร่งเท่านั้น ตอนนี้อีกสองหมื่นส่วนที่เหลือกินเข้าไปแล้วก็จะดีกว่าเดิม ไม่กินข้าก็ไม่เสียหายอะไร” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายสีม่วง ดวงตาสองข้างปิดลงช้าๆ

ผ่านไปครู่หนึ่งตอนที่ลืมตาขึ้น ทั้งแดนประหลาดวงแหวนบูรพาเกิดเสียงดังสนั่น ฟ้าแปดหมื่นแห่งกลายเป็นสีม่วงทั้งหมด สีม่วงเข้มข้นย้อมทั้งฟ้าของที่นี่

‘ข้าสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น…..ที่นี่จะไม่หายไปสองแสนฟ้ากระจ่างดาวเพราะเอ้อชางสีเขียวเข้มกับเหลืองหนีไป’ ซูหมิงยกมือขวาขึ้นสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้นผืนฟ้าแดนประหลาดวงแหวนบูรพาสั่นสะเทือนอีกครั้ง ก่อนเริ่มแยกออกอย่างรวดเร็ว ตอนที่มันแยกออกยังเกิดเสียงดังก้องกังวาน ฟ้าที่หายไปสองหมื่นแห่งปรากฏขึ้น

ดังนั้นแล้ว ที่นี่…..ก็ยังเป็นฟ้าล้านแห่ง เพียงแต่ว่ามันไม่ได้แบ่งเป็นสิบสีอย่าง ตอนแรกอีก แต่เป็นสีม่วงสีเดียว!

นี่คือสีม่วงเจ้าปกครอง

นี่คือสีม่วงเป็นใหญ่!

ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้ากระจ่างดาว แววตาราวกับมองทะลุแดนประหลาดวงแหวนบูรพาไปเห็นจักรวาลข้างนอก

“ส่วนวิญญาณจากเอ้อชางสีเขียวเข้มกับเหลืองสองหมื่นส่วน…..แซ่ซูเฝ้ารอยิ่งนักว่าในพวกเจ้าจะมีคนหนึ่งพลิกสวรรค์ผงาดขึ้นมา กินหนึ่งหมื่นเก้าพันกว่าส่วนที่เหลือจนสุดท้ายให้ตนสมบูรณ์แบบขึ้นเรื่อยๆ…..

ข้าเฝ้ารอยิ่งนัก” ซูหมิงยิ้มบางๆ

แดนประหลาดวงแหวนบูรพา สายรุ้งอ่อนสองหมื่นสายลากยาวหายไปในฟ้า ทว่าตอนที่พวกเขาจะหายไป กลับเกิดเสียงโครมเบาๆ ดังก้อง นั่นคือร่างผู้ฝึกฌาน สองหมื่นคนระเบิดตัวเอง นี่คือความโหดเหี้ยมของร่างจริงเอ้อชาง เพื่อไม่ให้ซูหมิงไล่ตามมา มันจึงยอมทิ้งผลประโยชน์ที่ให้ผู้ฝึกฌานสองหมื่นคนเป็นสารอาหาร แต่ทำการเลือกแทน

ทันทีที่ผู้ฝึกฌานสองหมื่นคนร่างระเบิดออก บนดาวจำนวนมากในเขตดาราวงแหวนบูรพามีผู้ฝึกฌานชายหญิงเกือบสองหมื่นคน ไม่ว่าทุกคนจะเข่นฆ่ากัน นั่งฌานอยู่หรือทำอะไรก็ตาม ในยามนี้ทุกคนต่างพากันตัวสั่น ราวกับมีพลังไร้รูปชนิดหนึ่งมุดเข้าไปในจิตใจพวกเขา ฝังรากลง ซ่อนตัวและเติบโต

บนดาวดวงหนึ่ง มีเสียงเด็กทารกร้องไห้ดังกังวาน ภายในมุมหนึ่งของดาวนี้มี สตรีนอนอยู่คนหนึ่ง ร่างกายอาบไปด้วยโลหิต นางลืมตาสิ้นใจ

เด็กทารกคลานออกมาจากศพมารดา ขณะส่งเสียงร้องไห้พลันตัวสั่น ช่วงที่เสียงร้องไห้เงียบไป ในดวงตาเผยประกายสีเหลือง แสงสีเหลืองขยับวูบวาบทีหนึ่งแล้วหายไป

ในเวลาเดียวกันในขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์สี่มหาโลกแท้จริงภายในเขตดารา วงแหวนบูรพา ในเขตของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ มีผู้ตรวจการณ์คนหนึ่งเดิมทีออกไปลาดตระเวนข้างนอก แต่ร่างกลับสั่นสะท้าน ก้มหน้าลง พอเงยหน้าขึ้นในดวงตามีแสงสีเขียวเข้มขยับวูบและหายไป

ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ซูหมิงเหยียบมวลอากาศหายไปในฟ้าสีม่วง แล้วมาปรากฏอยู่แดนแผ่นศิลาที่เดิมทีมีแสนอัน เพียงแต่ว่าตอนนี้แผ่นศิลาไม่ได้มีแสนอันอีก แต่มีแปดหมื่น

ตอนนี้เงียบสงัด ผู้ฝึกฌานทั้งหมดล้วนหน้าซีดขาว ต่างมองตรงจุดที่แผ่นศิลาสองหมื่นเคยอยู่ด้วยสีหน้าหวาดกลัว

พวกเขาก็พบนานแล้วว่าแผ่นศิลาของทุกคนกลายเป็นสีม่วง

ตอนที่ซูหมิงเดินออกมาจากมวลอากาศ แรงกดดันรุนแรงโผล่ขึ้นในใจทุกคนที่นี่โดยที่ซูหมิงไม่ต้องทำอะไรเลย มันทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกต้องคารวะ เหมือนว่าหากไม่เคารพแม้แต่น้อย วิญญาณพวกเขาจะสูญสิ้นไปทันที

“คารวะนายท่าน!” ขณะตัวสั่นก็ไม่รู้ว่าใครกล่าวขึ้นเป็นคนแรก จากนั้นทุกคนก็ต่างก้มคารวะซูหมิงที่เดินออกมาจากอากาศพร้อมกัน

“คารวะนายท่าน!”

เสียงดังก้องไปรอบๆ ซูหมิงกวาดสายตามองพื้นดินจนไปหยุดอยู่ตรงพื้นที่ว่างเปล่าที่เคยมีแผ่นศิลาสีเขียวเข้มกับเหลือง ขณะดวงตาแวววาว พื้นที่กว้างโล่งตรงนั้นพลันขยับยึกยือแล้วมีแผ่นศิลาโผล่ขึ้นมาทีละอัน ชั่ววูบเดียวพื้นที่กว้างโล่งหายไป ทำให้แผ่นศิลาของที่นี่กลับมาหนึ่งแสนอีกครั้ง

แผ่นศิลาสีม่วงหนึ่งแสน ฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงหนึ่งล้านแห่ง ที่นี่….คือจักรวาลของ ซูหมิง!

หลายหมื่นคนคารวะบนพื้น พวกเขาตัวสั่น ความยำเกรงและหวาดกลัวต่อซูหมิง อารมณ์ทุกอย่างเหล่านี้ซูหมิงสังเกตเห็นได้โดยง่าย

ซูหมิงอยู่กลางอากาศ มองหลายหมื่นคนบนพื้นอย่างสงบนิ่ง เขาไม่กล่าว แต่ข้างหูดังก้องไปด้วยเสียงคารวะดังต่อเนื่อง ยิ่งเขาเงียบมากเท่าไร ที่นี่ยิ่งเกิดความอึดอัดมากเท่านั้น ความอึดอัดปกคลุมอยู่ในใจทุกคนอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้พวกเขาหายใจลำบาก และเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตรงหน้าผาก ชั่วขณะแห่งความเป็นตายรวมถึงความรู้สึกว่าตนมิใช่คนควบคุมสร้างขึ้นเป็นตราประทับอย่างหนาแน่น ฝังลึกลงในวิญญาณของพวกเขาอย่างไร้รูป ความยำเกรงต่อซูหมิงบรรลุถึงระดับที่ไม่เคยมี มาก่อน

“ข้าคือเจ้าปกครองจักรวาลที่นี่” ผ่านไปพักใหญ่ซูหมิงถึงพูดเรียบๆ

สิ้นคำพูด หลายหมื่นคนด้านล่างต่างส่งเสียงคารวะพร้อมกันอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นกึกก้อง ซูหมิงเอ่ยต่อด้วยความเย็นชา

“พวกเจ้า….อยากออกไปหรือไม่?”

ประโยคนี้เข้าถึงหูทุกคน แต่กลับไม่มีใครกล้าพูดอะไร ต่างเงียบกันหมด

“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าเล็กน้อย บางทีอาจหลายสิบปี หรืออาจหลายร้อยปี ตอนที่ข้ากลับมาอีกครั้ง…..ข้าจะพาคนที่ฝึกถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลายออกไป ติดตามข้าไปสังหารสวรรค์ และยังพาพวกเจ้า….ออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตไป สู้กับสี่มหาโลกแท้จริงพร้อมกับข้า

จากนั้น…..ข้าจะมอบอิสระให้พวกเจ้า มอบความรุ่งเรืองที่พวกเจ้าควรจะได้!”

ออกจากแดนต้นกำเนิดจิตกับคำว่าอิสระก่อขึ้นเป็นแรงปะทะใส่จิตใจของทุกคนที่นี่ ทำให้พวกเขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ยามที่มองซูหมิง แววตาพวกเขาเผยความปรารถนาโดยไม่ปิดบังไว้แม้แน่น้อย

“พวกเจ้าอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมาหลายยุคหลายสมัย เข้าสู่จักรวาลของข้าถือเป็นโชคดีของพวกเจ้า จงฝึกให้ถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย เพราะมีเพียงข้าเท่านั้น…..ถึงจะพาพวกเจ้าเดินออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตได้อย่างสง่าผ่าเผย!

เมื่อข้ากลับมาอีกครั้ง มันจะเป็นวันที่ข้าพาพวกเจ้าออกไป!” ซูหมิงมองทุกคนแวบหนึ่ง สายตามองผ่านโจวคัง โจวคังมีสีหน้าเฉยชา ท่าทางหัวใจตายด้านแบบนี้ทำให้ซูหมิงลอบถอนหายใจ จากนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินไปทางมวลอากาศ พร้อมกับที่ ร่างเงาเขาหายวับไป แผ่นศิลาสีม่วงแสนอันของที่นี่ก็เปล่งแสงสว่างสีม่วงพร้อมกัน

นอกแดนประหลาดวงแหวนบูรพาก็มีแสงสีม่วงลอดมาจากในรอยแยกนับไม่ถ้วนเช่นกัน แสงส่องสะท้อนไปรอบๆ มีผลให้แดนประหลาดวงแหวนบูรพาถูกย้อมเป็น สีม่วง พร้อมกันนั้นร่างเงาซูหมิงเดินออกมาจากในรอยแยกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง

ยามที่เขาเดินออกมา เส้นผมยาวกลับมาดังเดิม ไม่ใช่สีเทาอีก เมื่อเวลาผ่านไป ถึงเขาจะยังควบคุมการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ไม่ได้ แต่ก็เรียนรู้การใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมรวมถึงการเผชิญหน้ากับศัตรูมาปรับเปลี่ยนอารมณ์ตนในทางอ้อมแทน ดังนั้นจึงมีเขาในนิสัยต่างกันโผล่ออกมา

ตอนที่เขาเดินออกจากรอยแยกแดนประหลาดวงแหวนบูรพา จูโหย่วไฉที่หลับตานั่งฌานมาตลอดกระทั่งช่วงที่สายรุ้งสีเขียวเข้มกับเหลืองก่อนหน้านี้กระจายออกไปเขาก็ยังไม่สนใจ เวลานี้เขาลืมตาขึ้น ยามที่เพ่งมองซูหมิงดวงตาหรี่ตาเผยประกายประหลาดใจ

“เจ้าแกร่งขึ้นแล้ว” จูโหย่วไฉกล่าวเรียบนิ่ง ประกายประหลาดใจในแววตาสว่างมากขึ้น เขายืนขึ้นช้าๆ ความมุ่งมั่นในการต่อสู้เผยมาในดวงตา เขาในเวลานี้ไม่ใช่ จูโหย่วไฉอีก แต่เป็นเซียนนักรบฉางเหอ

“ในตัวเจ้ามีกลิ่นอายพลังอภินิหารของข้า…..เจ้าน่าจะเลียนแบบรูปแบบนั้นของข้าในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา อีกทั้ง…..กลิ่นอายพลังเจ้ายังดูเหมือนปกติ แต่กลับมีความมืดมนถูกซ่อนเอาไว้ สิ่งนี้…..บ้าคลั่ง เสียสติ หมายจะทำลายล้าง ฟ้าดิน!” ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ในดวงตาจูโหย่วไฉค่อยๆ หายไป จนกลับมาเป็นปกติแล้วก็มองซูหมิงอย่างมีความหมายลึกซึ้งอีกครั้ง แต่ไม่ได้พูดอะไร

ไม่ใช่แค่เขาที่รู้สึกว่าซูหมิงต่างออกไป บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างๆ ยามที่มอง ซูหมิงยังตกใจกลัว ก่อนหน้านี้เขาก็ยำเกรงซูหมิงมากแล้ว แต่ตอนนี้แทบเป็นช่วงที่เขามองซูหมิงก็เกิดอาการสั่นขึ้นมา แรงกดดันจากซูหมิงทำให้เขาที่เป็นยอดฝีมือขั้นกุมยังรู้สึกหวาดกลัว

คล้ายกับว่าในตัวซูหมิงซ่อนความชั่วร้ายเหลือล้นเอาไว้ พลังจากความชั่วร้ายนี้หมายจะทำลายล้างจักรวาล แรงกดดันไม่มีสิ้นสุดที่แผ่ไปยังทุกสิ่งมีชีวิตทำให้ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงตัวสั่น ในสายตาที่มองซูหมิงมีความหวาดกลัวชัดเจน

หากเป็นผู้ฝึกฌานคนอื่นบางทีอาจจะไม่รู้สึกชัดเจนนัก แต่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงไม่ใช่ผู้ฝึกฌาน แต่เป็นเผ่าประหลาด ดังนั้นในด้านความปราดเปรียวจึงมากกว่า ผู้ฝึกฌานระดับเดียวกันไม่น้อย มองเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ลึกซึ้งยิ่งกว่า

‘ตอนนั้นข้ายังสู้กับเขาได้ ตอนนี้…..หากเขาลงมือสุดกำลัง ไม่รู้ว่าข้า….จะยืนหยัดได้นานเท่าไร?’ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงโค้งตัวลงโดยไม่รู้ตัว เผยสีหน้าประจบสอพลอให้กับซูหมิง

ทางด้านกระเรียนขนร่วงข้างๆ พอเห็นซูหมิงแล้วกลับไม่มีความรู้สึกมากที่สุด มันเดินอย่างทะนงองอาจไปอยู่ข้างซูหมิง ขณะหมุนตัวกลับยังทำท่าทางหยิ่งยโส ชำเลืองตามองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

“ได้โชควาสนาจากในแดนประหลาดวงแหวนบูรพามาเล็กน้อย” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ สายตากวาดมองจูโหย่วไฉแล้วก็มองฟ้ากระจ่างดาวไกลออกไป ตรงนั้น…..คือทิศทางมุ่งหน้าสู่เขตผู้ตรวจการณ์สี่มหาโลกแท้จริง

ไม่นานดวงตาซูหมิงแวววาว

“เจ้าขนร่วง เจ้าอยากได้กายเนื้อเจ้าคืนหรือไม่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!