Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1047

ตอนที่ 1047 ยิ้มครั้งที่สาม

นี่คือพลังของขั้นเกิด ตอนที่แผ่กระจายมายังทำให้ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือน ทำให้ผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนรอบๆ หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ต่างพากันใจสั่นสะท้านราวกับมีค้อนหนักไร้รูปทุบลงกลางใจอย่างแรง หลายหมื่นคนล้วนหวาดกลัว ขั้นพลังพวกเขาถูกกดข่มไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ในความคิดเกิดเสียงครึกโครม ทุกอย่าง ขาวโพลนไปหมด

ชายชราคนนั้นยังดีเล็กน้อย ตอนนี้เพียงหน้าซีดขาว ยังถือว่าสงบนิ่ง ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้ก็คาดเดาขั้นพลังจูโหย่วไฉเอาไว้แล้ว ตอนนี้เพียงยืนยันการคาดเดาเท่านั้น

ทว่าชายวัยกลางคนข้างๆ มีสีหน้าเหลือเชื่อ ดวงตาเหม่อลอย ในความคิดประหนึ่งมีสายฟ้านับพันนับหมื่นผ่าลงมาพร้อมกัน บางทีผู้ฝึกฌานธรรมดาอาจไม่รู้จักขั้นเกิด เพราะในสายตาพวกเขา ผู้กุมชะตาเกิดดับเหมือนเป็นขั้นพลังเดียว ต่อให้เป็นซูหมิงก็ต้องถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลายแล้วถึงจะเข้าใจการแบ่งขั้นพลังนี้อย่างละเอียด

แต่ว่า ชายวัยกลางคนเป็นยอดฝีมือขั้นกุม ถึงจะเพิ่งก้าวสู่ธรณีประตู แต่ความเข้าใจต่อขั้นเกิดเหนือกว่าผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนรอบๆ ไปไกล

ดังคำโบราณเคยกล่าวไว้ว่าผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัว หมายถึงหากไม่รู้ความน่ากลัวของบางอย่างจะไม่รู้สึกกลัว ถึงจะมีด้านเดียว แต่ก็มีเหตุผลของมันอยู่ กลับกันยิ่งเข้าใจความน่ากลัวของเรื่องราวมากเท่าไร ก็จะยิ่งหวาดกลัวมากเท่านั้น จุดนี้แผ่ขยายในตัวชายวัยกลางคนอย่างไร้ขีดจำกัด

เขาตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวและตื่นตะลึง เขาพลันเข้าใจแล้วว่าเหตุใดชายชราข้างกายถึงห้ามหญิงวัยกลางคนไม่ให้ล่วงเกินอีกฝ่ายหลายครั้ง คนที่ให้ ยอดฝีมือขั้นเกิดยอมติดตามได้ เกรงว่าคงไม่ใช่สาเหตุของขั้นพลัง และมันก็มากพอจะทำให้คนใจสั่นสะท้าน ผู้แข็งแกร่งทุกคนต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

เขาเข้าใจแล้วว่าที่ซูหมิงพูดว่าอยากตายรึสองครั้งนั้นไม่ใช่คำพูดเปล่าๆ แต่นั่นคือ…วิธีที่มีการบรรลุผลอยู่

เขายังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหญิงวัยกลางคนที่ก่อให้เกิดเรื่องทุกอย่างขึ้น ถึงนางจะเป็นยอดฝีมือขั้นกุม และเพิ่งก้าวสู่ธรณีประตูเหมือนกับชายวัยกลางคน ซ้ำยังไม่ถือว่าเป็นขั้นกุมระดับสูง ยามนี้นางกลับตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววตื่นกลัวและเหลือเชื่อ ในความคิดเกิดคลื่นลูกใหญ่ยักษ์ ความรู้สึกไม่ดีที่เด่นชัดกลบจิตใจในพริบตาราวกับน้ำหลาก

นางหันหน้าไปมองชายชราข้างกายด้วยความขมขื่น พอเห็นชายชรายังมีสีหน้าสงบนิ่ง เพียงมองตนด้วยสายตาซับซ้อน นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงปรามตนก่อนหน้านี้ ทว่า….ตอนนี้ทุกอย่างสายไปแล้ว นางบอกศิษย์น้องหญิงของนางด้วยวาจา ทำให้เรื่องที่ควรจะง่ายกลับซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้ง…ยังมีอันตรายร้ายแรง

แต่นางไม่ยอม ดวงตาขยับประกายวาววับ ต่อให้เป็นยอดฝีมือขั้นเกิดแล้วอย่างไร ในขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์สี่โลกแท้จริงใช่ว่าจะไม่มี…ขั้นเกิด!

ตามที่นางรู้มา ตรงส่วนลึกของธารดารานี้มีบรรพบุรุษโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ของตนอยู่ คนนี้ไม่เคยปรากฏตัวมาแต่โบราณกาล ยังคงนั่งฌานอยู่ตลอด เว้นแต่จะเป็นเรื่องใหญ่ที่พัวพันถึงความเป็นตายของที่นี่ หรือมีผู้แข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อต้าน บุกรุกเข้ามา มิเช่นนั้นแล้วเขาจะไม่ออกฌานเด็ดขาด

ในขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์สี่โลกแท้จริงต่างมีตาแก่แบบนี้อยู่หนึ่งคน พวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดที่สี่โลกแท้จริงให้เฝ้าระวังอยู่ในทะเลดารา ดังนั้นจึงเป็นการยับยั้งทะเลดาราแห่งนี้ได้อย่างดีที่สุด

เว้นแต่…ทะเลดาราจะปรากฏยอดฝีมือขั้นดับ แต่ในสี่โลกแท้จริง รวมขั้นเกิดแล้วมีเกือบหลายสิบคน ส่วนขั้นดับน้อยยิ่งกว่า นั่นคือระดับของเจ้าภัยพิบัติแต่ละโลกแล้ว เป็นรองเพียงยอดบรรพชนเท่านั้น จำนวนคนโดยละเอียดไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ

ขั้นพลังที่ยากจะบรรลุถึงระดับนี้ จึงยากจะกำเนิดขึ้นภายใต้การยับยั้งในทะเลดารา ต่อให้ปรากฏจริงๆ สี่โลกแท้จริงก็จะส่งยอดฝีมือขั้นดับมาหลายคน ก่อนลงมือสังหารหรือไม่ก็ผนึกเอาไว้

ดังนั้นในใจหญิงวัยกลางคนจึงยังมีความคิดว่าตนโชคดีอยู่เล็กน้อย

ขั้นพลังจูโหย่วไฉแผ่กระจายออก ขณะกล่าวเสียงดังก้อง เสียงชายชราในธารดาราน้ำวนพลันเงียบหายไป ผ่านไปพักใหญ่ธารดาราจึงหมุนโคจร มีชายชราสวมอาภรณ์ยาวเนื้อหยาบคนหนึ่งเดินออกมา

ชายชรามีสีหน้าจริงจัง หลังจากเดินออกมาแล้วก็มองจูโหย่วไฉโดยพลัน ก่อนประสานมือคารวะจูโหย่วไฉ

“ด้วยขั้นพลังของผู้อาวุโส ไม่ทราบว่าต้องการใครที่นี่?” ชายชราเงยหน้าขึ้นกล่าวเนิบช้า

“จู๋หั่ว” จูโหย่วไฉไม่ยอมให้เรื่องนี้ดำเนินไปจนจัดการไม่ได้ จึงตอบกลับเสียงต่ำ

“ที่นี่คือฐานของขุมอำนาจผู้รักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนที่มีคุณสมบัติอยู่ที่นี่ล้วนมีอิสระอย่างเต็มที่ ข้าเองก็ไม่อยากก้าวก่าย ในเมื่อคนผู้นี้ไม่ยอมออกมา ก็หวังว่าผู้อาวุโสจะออกไปด้วย อย่ารบกวนความสงบของโลกแท้จริง หยินศักดิ์สิทธิ์” ชายชรารออีกครู่หนึ่ง พอเห็นว่าจู๋หั่วในธารดาราน้ำวนไม่ออกมาเอง เขาจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดกับจูโหย่วไฉ

จูโหย่วไฉได้ยินดังนั้น ดวงตาก็เป็นประกาย เขาคิดว่าตนให้เกียรติคนที่นี่มากพอแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขาเคยเป็นคนโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่สนใจเรื่องนี้ ยามนี้เห็นชายชรายังพูดแบบนี้อีก จึงแค่นเสียงเย็นชาแล้วเดินหน้าไปหนึ่งก้าว

ชายชราสวมอาภรณ์ยาวเนื้อหยาบหลบไปด้านข้าง ไม่ขวางเอาไว้แม้แต่น้อย เขารู้ว่าด้วยขั้นพลังของตนไม่มีสิทธิ์ขวางยอดฝีมือขั้นเกิดคนนี้ แต่ที่นี่…เป็นฐานของขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ขณะถอยไปชายชรายังมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่ได้เปลี่ยนสีแม้แต่น้อย

เมื่อจูโหย่วไฉเข้ามาใกล้แล้วก็ยกมือขวาขึ้นคว้าไปทางธารดาราน้ำวนตรงหน้า ธารดาราพลันสั่นสะเทือน เสียงดังกึกก้องไปรอบๆ ทำให้ฟ้าสั่นไหว เกิดเป็นระลอกคลื่นไม่มีสิ้นสุด

โครม!

ท่ามกลางการสั่นสะเทือนรุนแรงของธารดาราน้ำวน จูโหย่วไฉยกสองมือขึ้นไปทางธารดาราน้ำวนราวกับฉีกแยกอากาศ ธารดาราสั่นไหวรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ดาวนับไม่ถ้วนข้างในสั่นไหวทั้งหมด เห็นรางๆ ว่ามีหมอกมหาศาลวนเวียนรอบๆ รอยแยกยักษ์ปรากฏขึ้นจากฟ้ากระจ่างดาวพร้อมกับเสียงฉีกขาด ยามที่ลากผ่านไปยังเหมือนจะแบ่งธารดาราน้ำวนออกเป็นสองส่วน

พลังจากขั้นพลังแผ่กระจายออกมาโดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย แน่นขนัดไปรอบๆ ทำให้ดาวนับไม่ถ้วนในธารดาราน้ำวนเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คนที่กำลัง ปิดด่านนั่งฌานอยู่ในนั้นตกใจตื่น บนดาวของจู๋หั่ว แผ่นดินทะเลทรายสั่นไหว ท้องฟ้าปั่นป่วน เพลิงเทียนในวิหารใหญ่วูบไหวอย่างรุนแรง ใบหน้าหญิงที่เผยให้เห็นมืดทะมึน ดวงตาวาววับ มุมปากยิ้มเยาะ

‘ไม่รู้จักประมาณตน ขั้นเกิดแล้วอย่างไร หากเป็นข้างนอกข้าต้องตายแน่ ทว่าที่นี่คือฐานของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่มีกฎอยู่ หากข้าไม่ยอมออกไป ก็ไม่มีใครบังคับให้ข้าออกไปได้

หากข้าถูกบีบให้ออกจากที่นี่ เช่นนั้นทั้งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ก็จะเสียหน้า หาก วงแหวนอาคมธารดาราน้ำวนถูกฉีกแยกออกเช่นนั้น ก็จะเสียหน้าโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน สำหรับหนึ่งโลกแท้จริงแล้ว เรื่องศักดิ์ศรีหน้าตาสำคัญอย่างยิ่ง!

เรื่องนี้…ขอเพียงข้าไม่ออกไป ใครก็ทำอะไรข้าไม่ได้!’

ใบหน้าหญิงในเพลิงเทียนมืดทะมึนขณะยิ้มเยาะ ทันใดนั้นนางได้ยินเสียงแก่ชราหนึ่งดังมาจากส่วนลึกของธารดาราน้ำวน ดังอ้อยอิ่งไปรอบๆ กังวานออกจากธารดาราน้ำวน ตอนที่ได้ยินเสียงนี้ นางยิ้มเยาะมากกว่าเดิม

“จิตถึงขั้นเกิด แต่กายยังไม่ถึงอย่างเจ้า ถือว่าเป็นครึ่งขั้นเกิดแบบเดียวกัน… เห็นแก่ที่ขั้นพลังเจ้าไม่ธรรมดา…เห็นแก่อดีต…ข้าจะไม่ถือสาเรื่องที่เจ้าบุกฐาน หยินศักดิ์สิทธิ์…ออกไปเสีย” เสียงแก่ชราราวกับไม่ได้พูดมานาน คำพูดจึงดูติดๆ ขัดๆ แฝงไว้ด้วยความชราอย่างไม่มีสิ้นสุด ตอนที่เสียงดังแว่วมา ยังทำให้คนที่ได้ยินต่างเกิดความรู้สึกว่ากาลเวลาไหลผ่าน สิ่งที่ตามไปด้วยกันคือแก่นสำคัญสายเลือดทั่วร่าง แม้แต่ขั้นพลังและพลังชีวิตยังชวนให้รู้สึกว่าจะแห้งเหี่ยวลง

โดยเฉพาะจูโหย่วไฉ เขาตัวสั่น นัยน์ตาฉายแววสับสน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้จักตน เขาเองก็รู้จักเจ้าของเสียงนี้เช่นกัน นั่นคือผู้อาวุโสท่านหนึ่งของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์

ขณะเงียบ นัยน์ตาจูโหย่วไฉขยับประกายวาววับ เขาไม่ถอย แต่กลับพุ่งเข้าไปยังธารดาราน้ำวน

“วันนี้ข้าต้องการเพียงคนเดียว หากไม่เปิดอาคมนี้ ข้าจะไม่ไป!”

ทว่าช่วงที่จูโหย่วไฉเข้ามาใกล้ธารดาราน้ำวน กลับมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากในธารดาราพร้อมกับแรงผลักที่แฝงไว้ด้วยแรงกดดันสูงสุด เสียงโครมดังขึ้นบนตัวจูโหย่วไฉ เขาร่างสั่นสะท้าน ซวนเซถอยไปหลายก้าว ภายนอกร่างกายยังบิดเบี้ยว โดยพลัน ก่อนจะปรากฏวงแสงยักษ์วงหนึ่งครอบตัวเขาเอาไว้คล้ายกับผนึก กลายเป็นฟองอากาศลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว

“สังหารขั้นกุม ขับไล่ขั้นเกิดออกไป ทำให้…เจ้าหนุ่มแห่งสำนักดาราสัจธรรมพิการ นี่ถือเป็นการเตือน!” ตอนที่เสียงแก่ชราดังแว่วมาอีกครั้ง หญิงวัยกลางคนยิ้มเยาะ มุมปาก จากนั้นพุ่งตรงเข้าไปหาซูหมิง

ชายวัยกลางคนข้างๆ ถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายในใจ สีหน้ายังเหมือนปกติ เขาก็เข้าไปใกล้ซูหมิงเช่นกัน

และยังมีชายชราอาภรณ์ยาวเนื้อหยาบรวมถึงชายชราที่คาดเดาขั้นพลังจูโหย่วไฉออก สองคนหนึ่งเดินไปทางบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง อีกหนึ่งคนเดินไปหาซูหมิง

จูโหย่วไฉที่เห็นภาพนี้ถอนหายใจเบาๆ เขาเห็นมุมปากซูหมิงยิ้มชั่วร้ายเป็นครั้งที่สาม จึงหลับตาลง

ผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนรอบๆ ตอนนี้ต่างมีสีหน้าไม่เป็นมิตร ถึงพวกเขาจะไม่ได้ปรากฏตัว แต่ก็ล้อมรอบเป็นวงแหวนอาคมใหญ่ตัดขาดจากโลกภายนอก ขณะหมุนโคจรยังทำให้วงแหวนอาคมเกิดเสียงดังและก่อขึ้นเป็นแรงผลักรุนแรง หมายจะม้วน ซูหมิงกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่ถูกล้อมอยู่ข้างในให้ออกจากขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ไป

บริเวณรอบนอกมีดาวอินใหญ่อยู่หลายดวง ตอนนี้ต่างลอยขึ้นมา ด้านบนเปล่งแสงสว่างหมื่นจั้ง กลิ่นอายพลังน่ากลัวแผ่มาจากข้างใน นี่คือโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เปิดการใช้งานขุมอำนาจรักษาการณ์ทั้งหมด ภายใต้พลังแบบนี้ รวมถึงไม่มีจูโหย่วไฉ คอยช่วย เหมือนกับว่า….มันมากพอจะสังหารซูหมิงกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงได้

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงไม่ได้มีสีหน้าตกใจกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับยิ้มเยาะ ตอนที่สีหน้ารื่นรมย์ รอยยิ้มซูหมิงกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…หนึ่งในสี่เขตขุมอำนาจรักษาการณ์ที่นี่ก็จงหายไปเสีย” ซูหมิงยกมือขวาชี้ขึ้นฟ้ากระจ่างดาวข้างบน ทันใดนั้นเส้นผมยาวพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ดวงตากลายเป็นสีแดง กลิ่นอายมารเหลือล้นปะทุมาจากในร่างกาย

เมื่อกลิ่นอายมารปะทุมา ฟ้ากระจ่างดาวข้างบนพลันสั่นสะเทือน พลังไร้รูปจากมวลอากาศกดทับลงมาพร้อมเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

ผืนฟ้าดวงดาวสั่นสะเทือน ขณะนั้นเอง ระหว่างที่ยอดฝีมือหลายคนที่นี่หน้าเปลี่ยนสีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ภายในฟ้ากระจ่างดาวก็ปรากฏ…มุมหนึ่งของ เตาหลอมลำดับห้า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!