ตอนที่ 1052 ลาก่อนแดนต้นกำเนิดจิต
ซูหมิงยืนอยู่กลางฟ้ามองทุกคนจากไปไกลด้วยสีหน้าเย็นชา ระหว่างที่มวลอากาศข้างหลังบิดเบี้ยว มีคนทยอยเดินออกมาสิบกว่าคน
ในนั้นมีสวี่ฮุ่ย มีเก้าผู้เฒ่ายมโลก และยังมีชายชราที่มีสีหน้าซับซ้อนอีกหกคน ชายชราหนึ่งในนั้นสีหน้าม่วงอมดำ แรงกดดันในตัวเข้มข้นที่สุด แทบจะใกล้เคียงกับยอดฝีมือขั้นเกิดแห่งโลกหยินศักดิ์สิทธิ์คนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาคือคนระดับเดียวกับชายวัยกลางคนแห่งโลกหยินศักดิ์สิทธิ์ภายในขุมอำนาจรักษาการณ์โลกดาราสัจธรรม
“คารวะองค์ชาย ยินดีต้อนรับองค์ชายกลับมา!” เก้าผู้เฒ่ายมโลกโค้งตัวคารวะ ซูหมิงพร้อมกันด้วยสีหน้าตื่นเต้น ตอนนั้นพวกเขาติดตามซูหมิงไปทะเลดารา ต้นกำเนิดจิต ถึงจะอยู่เพียงรอบนอก แต่ก็ผ่านอะไรมาไม่น้อย จึงเป็นห่วงซูหมิงมาก ต่อให้กลับขุมอำนาจรักษาการณ์โลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วก็ยังกังวลความปลอดภัยของซูหมิง พอตอนนี้ได้เจอซูหมิง จึงเกิดความตื่นเต้นขึ้นจนอดคารวะ ตามมิได้
ซูหมิงหมุนตัวกลับมา สีเส้นผมกลับมาเป็นสีปกติ เขามองสวี่ฮุ่ย ตอนนี้นางเผยรอยยิ้มโตเต็มวัย ความอบอุ่นในรอยยิ้มละลายได้ทุกสิ่ง
“ข้าไท่อันอิน คารวะองค์ชายเต้าคง” ชายชราผู้มีใบหน้าม่วงอมดำคนนั้นประสานมือคารวะซูหมิงลงลึก ความจริงด้วยขั้นพลังของเขา ต่อให้เจอกับผู้สืบทอดของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็ไม่ต้องทำเช่นนี้ เว้นแต่เจอเจ้าภัยพิบัติแห่งโลกดารา สัจธรรมตัวจริง มิเช่นนั้นแล้วไม่คู่ควรให้เขาคารวะ
ทว่าภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้สร้างความตกตะลึงฝังลึกในใจ ตอนนี้การคารวะไม่ใช่เพราะฐานะผู้สืบทอด แต่เป็นมรรยาทยามที่เจอคนรุ่นเดียวกัน ซึ่งการคารวะ ของเขา คนอื่นรอบๆ ก็ไม่ได้รู้สึกกะทันหันอะไร ห้าคนข้างหลังก็ต่างประสานมือคารวะซูหมิงพร้อมกัน
“คารวะองค์ชายเต้าคง”
ซูหมิงมองคนเหล่านี้พลางยิ้มมุมปากทีละน้อย ตอนนี้บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างกายเขาชำเลืองตามองไป จูโหย่วไฉที่เดินออกจากผนึกนานแล้วเงียบไม่กล่าวใดๆ
“ข้าจำได้ว่าตอนแรกที่มาทะเลดาราต้นกำเนิดจิตยังไม่มีใครเรียกแซ่เต้าว่า องค์ชาย” ซูหมิงมองสวี่ฮุ่ย
“องค์ชายคงจะไม่รู้ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มีคำสั่งจากสำนักดาราสัจธรรมออกมาว่าให้ท่านองค์ชายเป็นหนึ่งในสิบผู้สืบทอด” คนที่ตอบไม่ใช่สวี่ฮุ่ย แต่เป็นหนึ่งในเก้าผู้เฒ่ายมโลกข้างๆ
‘สามเดือนก่อน….’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายบางจนตรวจไม่พบ สามเดือนก่อนเป็นช่วงเวลาที่เขาออกจากทะเลลำดับห้า
“เมื่อครู่พวกเจ้าบอกว่ามีสิบผู้สืบทอดรึ?” ซูหมิงตรึกตรองอยู่ชั่วครู่แล้วถามออกไป
“ไม่ผิด องค์ชายทั้งหมดสิบท่านในครั้งนี้ล้วนมีคุณสมบัติผู้สืบทอด เจ้าปกครองโลกดาราสัจธรรมในอนาคตก็จะเลือกจากสิบท่านนี้ แต่ว่า….” ยอดฝีมือขั้นกุมคนหนึ่งข้างไท่อันอินตอบด้วยความเคารพ เอ่ยจนถึงตรงนี้เขาก็ลังเลชั่วครู่ เห็นซูหมิงมองมาจึงพูดต่อไป
“แต่ว่าตามกฏที่ผ่านมาของสำนักดาราสัจธรรมแล้ว องค์ชายเต้าคงต้องรีบกลับสำนักดาราสัจธรรมเพื่อไปรับการท้าประลองและทดสอบก่อน เมื่อได้รับประทานพรจากบรรพบุรุษแล้วก็จะมีการมอบบรรดาศักดิ์ให้อย่างแท้จริง”
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เพียงยิ้มเล็กน้อย
“สำนักดาราสัจธรรมไม่ได้มีการคัดเลือกผู้สืบทอดมานานมากแล้ว ทว่าตามบันทึกคัมภีร์ หลังจากเลือกผู้สืบทอดทุกครั้งจะต้องถูกทดสอบ หากมีคนในสำนักเอาชนะได้ ก็จะได้สิทธิ์นั้นไป
หลังการท้าประลองจบลง หากคุณสมบัติยังอยู่ก็ต้องรับการทดสอบของผู้สืบทอด สำนักจะประกาศภารกิจมาหนึ่งข้อ หากสำเร็จอีกก็จะได้รับการประทานพรจาก บรรพบุรุษเต้าเฉิน จากนั้นก็จะเป็นการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์
สำหรับองค์ชายเต้าคงแล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ได้ยากมากนัก ทว่าสิ่งที่องค์ชายจะต้องระวังคือผู้สืบทอดอีกเก้าคน” ไท่อันอินมองซูหมิงพลางกล่าวเรียบนิ่ง
“ข้ารู้เพียงว่าเก้าคนที่เหลือมีอายุมากกว่าองค์ชาย ในนั้นมีสามคนเป็นคน รุ่นเดียวกับข้า” ไท่อันอินไม่พูดอะไรมาก แต่คำพูดเหล่านี้เอ่ยถึงจุดสำคัญมากมาย
“ดังนั้นแล้วคนที่ท้าประลองข้าจะมีเยอะมาก คนที่ไม่อยากให้ข้าสำเร็จการทดสอบก็มีไม่น้อยเช่นกัน ต่อให้สุดท้ายสำเร็จก็ต้องเจอกับอันตรายจากเก้าคนนี้” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ
“ข้าหวังว่าวันหนึ่งองค์ชายเต้าคงจะได้ปกครองโลกดาราสัจธรรม ทว่า…การกระทำขององค์ชายที่นี่ เกรงว่าจะกลายเป็นกำลังของผู้สืบทอดคนอื่นในสำนักที่ใช้โจมตีองค์ชาย
นอกจากนี้แล้ว เรื่องการระเบิดขั้นพลังอย่างกะทันหันขององค์ชายรวมถึงเรื่องมีเตาหลอมลำดับห้าจะกลายเป็นต้นตอความน่าสงสัยของคนอื่น ทุกคนต่างรู้ว่าใน ฟ้าดินแห่งนี้มีเรื่องการยึดร่างไม่น้อย หวังว่าองค์ชายจะระวังตัวด้วย” ไท่อันอินยิ้ม ขณะที่เขาพูดอยู่นี้ ยอดฝีมือหลายคนข้างๆ ต่างก้มหน้าหลับตาลง เหมือนไม่ได้ยินคำพูดนี้
เก้าผู้เฒ่ายมโลกก็ก้มหน้าหลับตาเหมือนไม่ได้ยินเช่นกัน
ซูหมิงได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าปกติ ใบหน้ายังคงเผยรอยยิ้ม
“ตอนนั้นข้าได้บรรพบุรุษสั่งสอนถึงมีขั้นพลังอย่างตอนนี้ได้ สหายทุกคนที่รักษาการณ์อยู่ที่นี่ก็ถูกส่งมาตลอดในขณะที่บรรพบุรุษปิดด่านนั่งฌาน ทุกคน…ล้วนซาบซึ้งในบุญคุณบรรพบุรุษไปชั่วชีวิต” ไท่อันอินยิ้มก่อนประสานมือคารวะซูหมิง
“พวกเราเก้าผู้เฒ่ายมโลก เดิมทีฝึกฝนวิชาล้มเหลว แปดคนร่างระเบิดกลายเป็นหนึ่งร่างเก้าวิญญาณ จะต้องตายอย่างแน่นอน แต่เป็นบรรพบุรุษที่ส่งเม็ดยาวิญญาณมาให้ ทำให้พวกข้าแยกออกเป็นร่างกายใหม่อีกครั้ง บุญคุณนี้….จะไม่มีวันลืมไป ชั่วชีวิต” เก้าผู้เฒ่ายมโลกคารวะซูหมิงอีกครั้งและต่างเอ่ยเสียงต่ำพร้อมกัน
“สงครามของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมยังดำเนินอยู่ ตอนนี้โลกแท้จริงดารา สัจธรรมครึ่งหนึ่งเป็นของพันธมิตรเซียนแล้ว หลังองค์ชายกลับไปจะต้องระวัง พวกเขา….เวลาเหลือไม่มาก ทุกอย่างในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตกับโลกภายนอกมีระยะห่างกันอยู่ ต้องออกไปข้างนอกสักพักถึงจะรู้ องค์ชายเต้าคง เวลาผ่านไปอาจมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ข้าขอไม่ส่ง” ไท่อันอินสะบัดแขนเสื้อ มวลอากาศพลันบิดเบี้ยว เกิดเสียงครึกโครมดังก้องมาจากข้างใน เรือรบยักษ์หลายร้อยลำทยอยกันบินออกมาจากในมวลอากาศบิดเบี้ยว ตอนที่เรียงขวางกันอยู่ข้างหน้า ผู้ฝึกฌานสวมเกราะดำหลายพันเกือบหมื่นคนบนเรือต่างยืนขึ้นพร้อมกัน ก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่งไปทางซูหมิง เอ่ยเสียงดังสนั่นราวกับคลื่นเสียง
“พวกเราคารวะองค์ชาย!”
เสียงพวกเขาดังก้องอยู่นานไม่เลือนหาย ซูหมิงมองไท่อันอินแวบหนึ่งแล้วประสานมือคารวะเขา จากนั้นก็ขยับวูบไหวไปปรากฏตัวอยู่บนเรือที่ใหญ่ที่สุดกลางเรือรบเหล่านั้น เขาคุ้นเคยกับเรือรบลำนี้มาก เป็นมันที่พาเขาไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตและผ่านกลุ่มสัตว์คลื่นเสียง
ทางด้านบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกับจูโหย่วไฉก็ขึ้นมายืนด้านหลังซูหมิงบนเรือรบ เก้าผู้เฒ่ายมโลกต่างกลายเป็นสายรุ้งยาวแยกกันไปบนเรือรบรอบๆ ส่วนสวี่ฮุ่ย แน่นอนว่าอยู่กับซูหมิงพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ในสายตาพวกไท่อันอิน เรือรบหลายร้อยลำกลายเป็นสายรุ้งยาวหลายร้อยสายมุ่งหน้าไป ห้อเหยียดไปราวหนึ่งเค่อก็เห็นว่าตรงหน้ามีน้ำวนยักษ์โผล่ขึ้นมา
แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเป็นลักษณะน้ำเต้า ตอนนี้ตรงที่น้ำวนอยู่คือปากน้ำเต้า หากออกไปก็จะออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ผ่านวงแหวนอาคมของขุมอำนาจรักษาการณ์ต่างกันเพื่อมุ่งหน้าไปยังโลกแท้จริงที่ต่างกัน
ซูหมิงมองน้ำวนพลางอดฮึกเหิมและปลงอนิจจังมิได้ เมื่อเข้าไปใกล้น้ำวนขึ้นเรื่อยๆ เขาหันหน้าไปมองฟ้ากระจ่างดาวข้างหลัง มองแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นเมื่อพันกว่าปีเกือบถึงสองพันปีก่อน ตอนที่ตนยังอยู่ระดับดินและถูกบีบให้เข้ามาที่นี่ รวมถึงสภาพนอนแน่นิ่งอยู่บนดาวแดงเพลิง
เขาในตอนนั้นสวมหน้ากาก ไม่มีคลื่นอารมณ์ อ่อนแอจนไม่ว่าใครก็ควบคุมได้ เขาในตอนนั้นไม่กล้านึกถึงตอนที่ตนออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตที่เป็นดั่งนรกเลย
ทว่าตอนนี้เขาผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ได้ผงาดขึ้นในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ยึดร่างเอ้อชาง ปลุกตื่นการทำลายล้างชีวิต ทำลายทะเลลำดับห้า กลายเป็นเจ้าของเต้าหลอมลำดับห้า และยังเป็นตำนานหนึ่งในสายตาเผ่าประหลาดในทะเลดารา ต้นกำเนิดจิต ในเวลาเดียวกัน….เขายังทำลายโลกรักษาการณ์หยินศักดิ์สิทธิ์
เรื่องราวในอดีตต่างๆ ลอยผ่านสายตาเขาไปราวกับหมอกควัน ตอนที่เขาหันกลับไปไม่มองแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตอีก เขาเห็นน้ำวนอยู่ใกล้ๆ แล้ว จึงยากจะระงับความตื่นเต้นในใจ เขา….จะกลับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว!
เขากำลังจะมีอิทธิพลมากในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว จะให้สหายเก่าเหล่านั้นได้ รู้ว่าเขาซูหมิง…กลับมาแล้ว!
ครั้งนี้แดนแสงสว่างหยางไม่ส่งผลใดๆ กับเขาอีก เพราะเขาไม่ใช่ร่างแห่งมรณะหยิน เขาได้ทำการผลัดเปลี่ยนชีวิตในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตไปแล้ว
เขาจะเหยียบโลกดาราสัจธรรม เหยียบแดนแสงสว่างหยางเหมือนดั่งคนปกติ!
ตี้เทียน ดวงจิตแห่งแดนมรณะหยิน และยังมีทุกคนที่คุ้นเคยในอดีต ซูหมิงรู้ว่าผ่านไปเกือบสองพันปี ตอนที่ตนกลับไปอีกครั้ง เว้นแต่ในนั้นจะมีคนตายตกไป มิเช่นนั้นเขาจะได้เห็นใบหน้าเหล่านั้นอีก
สหายในวัยเยาว์ โอรสสวรรค์จากแต่ละสำนักเหล่านั้น และยังมีท่านปู่ที่ยังหาตัวไม่พบ เหลยเฉิน คนเหล่านี้ซูหมิงเชื่อว่าเขาจะได้พบร่องรอยในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!
ร่างเงาศิษย์พี่ใหญ่สายเลือดเชมันเก้าอรุณ สิงกานไร้หัว
ร่างเงาศิษย์พี่รองในร่างแห่งราชาวิญญาณ ชายผู้เปรียบดั่งดอกไม้ มีความอบอุ่น ชอบให้แสงตะวันส่องแถบใบหน้า
ร่างเงาคนที่เกิดจากวิญญาณวัตถุวงแหวนอาคมแห่งแดนมรณะหยิน ชอบกรนเสียงดัง ตอนลืมตาเหมือนมีความโกรธ ยามหัวเราะเสียงดังยังดูซื่อๆ ยามดื่มสุราจะชอบเช็ดมุมปาก เชี่ยวชาญด้านวงแหวนอาคมด้วยพรสวรรค์และยังฝึกฝนเต๋าแห่งการเข้าฝัน
สิ่งเหล่านี้วูบผ่านในดวงตาซูหมิง จากนั้นเขาก็นึกถึงฟางชางหลัน นึกถึงเทียนหลันเมิ่ง และยังนึกถึงหวั่นชิวสตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเชมัน
ความนุ่มนวลของฟางชางหลันทำให้ยามที่ซูหมิงนึกถึง ในความคิดมักจะปรากฏร่างเงายืนอยู่กลางสายลมทะเล
เสียงแผ่วเบาของเทียนหลันเมิ่งมักจะเหมือนมีเส้นถี่อยู่ระหว่างสองคน มันมักจะเกี่ยวข้องกับการถอนหายใจ และยังมีหวั่นชิว ความหยิ่งยโสของนางในตอนนั้นทำให้เวลาที่ซูหมิงนึกถึง ในความคิดมักจะลอยขึ้นมาเป็นปลาตัวหนึ่งที่กำลังบินบนฟ้า
และยังมี….หญิงที่เขายากจะลืมเลือน นางยังคงฝังลึกอยู่ในความคิดเขาอย่างยิ่ง นามของนาง รูปลักษณ์ของนาง รอยยิ้มทุกอย่างของนาง กลายเป็นคำพูดหนึ่งในความทรงจำเขา
‘รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงชื่ออวี่เซวียน…เซวียนคือพืชลืมทุกข์ ข้าคือพืชกลางสายฝน…ท่านแม่อยากให้ข้ามีความสุข ไม่มีความทุกข์ไปชั่วชีวิต…’
ซูหมิงหลับตาลง คนที่เขานึกถึงคนสุดท้ายคือหญิงที่ยืนอยู่ข้างร่างจริงตนด้วยใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ แต่คำพูดกลับตรงกันข้าม เพื่อปั่นป่วนเขาให้มีสายใยรักฝังลึกลงไป
“ข้ากลับมาแล้ว…” เรือรบหลายร้อยลำเข้าไปในน้ำวนอย่างเงียบเชียบ