ตอนที่ 1063 กลับสำนัก
“ไม่ดับสูญ แล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร…” ภายในสำนักดาราสัจธรรมแห่ง โลกแท้จริงดาราสัจธรรม แต่ไม่ได้เป็นของฟ้ากระจ่างดาวผืนนี้ และถูกก่อตั้งขึ้นเป็นพิเศษ บนแท่นบวงสรวงตรงส่วนลึก ภายในรอยแยกที่เหมือนจะฉีกแยกผืนฟ้ามีโลกที่ถูกตัดขาดอยู่โลกหนึ่ง
ที่นี่เป็นที่ปิดด่านนั่งฌานของเจ้าภัยพิบัติแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ภายในม่านแสงที่ขยับวูบวาบยังคงเห็นเพียงเงาแผ่นหลังของบุรุษ ปากเขาก็เอ่ยประโยคเดียวกับคำพูดในใจซูหมิง
เขาพูดประโยคนี้ออกมาได้ ไม่ใช่เพราะรู้ใจซูหมิง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับซูหมิงเลย แต่เพราะในความว่างเปล่าตรงหน้าเขามีแผนผังดาวขนาดยักษ์อยู่ภาพหนึ่ง
บนแผนผังดาวเป็นทุกมุมของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ครึ่งหนึ่งในนั้นเปลี่ยนเป็นสีแดงฉาน ตรงนั้นเป็นตัวแทนของพันธมิตรเผ่าเซียน ตรงส่วนลึกของสีแดงฉาน มีลำแสงสายหนึ่งลงมาจากอากาศข้างบน ลำแสงนี้ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตพันธมิตร เผ่าเซียน ดูเด่นตาเป็นพิเศษ
“วันที่สามรกร้างดับสูญ จะเป็นวันที่เผ่าข้าผงาดขึ้น!” เสียงทุ่มต่ำดังเบาๆ มาจากปากคนผู้นี้ เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น แน่นิ่งไม่ขยับไหว ราวกับร่างกายแข็งค้างไปแล้ว
…………
พวกซูหมิงและเรือรบหลายร้อยลำค่อยๆ เข้าไปในวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายภายใต้สายตาเคารพของโอวหยางคงรวมถึงผู้ฝึกฌานหลายพันคน พวกเขาจะเข้าไปในสำนักดาราสัจธรรมผ่านวงแหวนอาคมนี้
การเดินทางหนึ่งเดือนกว่าครั้งนี้ หลังจากซูหมิงเข้าสู่โลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้วก็สังหารเต้าเฟยเฟิง และยังสร้างความสำเร็จอันโดดเด่นที่นี่โดยการสังหารผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนจำนวนมาก เมื่อวงแหวนอาคมฟื้นคืนกลับมา โอวหยางก็แจ้งเรื่องนี้กับสำนักดาราสัจธรรม จึงมีคนจำนวนมากรู้เรื่องแล้ว
นามเต้าคงนี้อยู่ในความทรงจำคนจำนวนมาก จากเมื่อพันปีก่อนที่เข้าแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็เงียบหายไป ตอนนี้โผล่มาอีกครั้งพร้อมกลิ่นคาวเลือด และยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายมารที่คนมองข้ามไปไม่ได้
การสังหารเต้าเฟยเฟิง ถึงจะไม่ใช่การต่อสู้ภายในครั้งแรกของทายาทสายตรง แต่ในอดีตเป็นเรื่องลับทั้งสิ้น ไม่มีใครกล้าทำเรื่องนี้แบบโจ่งแจ้ง ทว่าเต้าคงไม่เพียงสังหารคน แต่ยังนำศพเต้าเฟยเฟิงแขวนไว้ตรงหัวเรือ ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจกับคนอื่นอย่างยิ่ง
นี่คือการพูดข่มขู่แบบไร้เสียงต่อคนสายตรงสำนักดาราสัจธรรมทั้งหมด
อย่ามาล่วงเกินข้า!
หากผู้ใดล่วงเกิน หากใครกล้าท้าประลอง จุดจบจะเหมือนเต้าเฟยเฟิง
พลังน่าสะพรึงกลัวแผ่กระจาย ทำให้คนจำนวนมากที่แม้ไม่เคยเห็นเต้าคง แม้ความทรงจำเลือนราง ทว่าในช่วงนี้กลับจำนามนี้ได้อย่างลึกซึ้ง
หากเพียงแค่เรื่องสังหารเต้าเฟยเฟิงก็คงทำให้คนสายตรงเหล่านั้นให้ความสำคัญได้ แต่จะไม่ดึงดูดความสนใจของศิษย์คนอื่นในสำนัก
ถึงอย่างไรสำหรับสำนักดาราสัจธรรมที่ใหญ่ยักษ์แล้ว ทายาทสายตรงเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ศิษย์จากกลุ่มอื่นๆ ยึดครองพื้นที่เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นในมุมมองคนจำนวนมาก นี่คือเรื่องภายในของคนสายตรงดาราสัจธรรม ไม่เกี่ยวกับพวกเขา
แต่ว่าสงครามตรงจุดเคลื่อนย้าย ซูหมิงสังหารผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนไปจำนวนมาก และยังทำลายดวงเนตรแห่งวิหารศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นแล้ว ชื่อเสียงเขาจึง พุ่งพรวดขึ้นทันใด โดยเฉพาะเมื่อคนสายตรงคนอื่นส่วนใหญ่ไม่มีผลงาน ฉะนั้นการกระทำนี้ของซูหมิงจึงทำให้มีคนจำนวนมากจดจำนามเต้าคงได้
กระทั่งเขายังไม่ทันกลับถึงสำนักดาราสัจธรรม ก็มีคนไม่น้อยรอคอยการกลับมาของเต้าคงแล้ว
ต่อให้เป็นชายชราที่มีตำแหน่งสูงจำนวนหนึ่งของสำนักดาราสัจธรรม เดิมทีส่วนใหญ่เย็นชากับเต้าคง แต่ว่า….ข้อมูลที่โอวหยางคงส่งมา บอกกับพวกเขาอย่างแจ่มชัดว่าข้างกายเต้าคงมียอดฝีมือติดตามอยู่หนึ่งคน
เรื่องนี้ทำให้สำนักดาราสัจธรรมพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ไม่ใช่ทุกคนที่รู้การเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ถูกจำกัดอยู่ในขอบเขตหนึ่ง ทว่าก็มากพอจะทำให้คนที่รู้ใจ สั่นสะท้าน
อีกทั้งยอดฝีมือคนนี้ไม่ใช่คนสำนักดาราสัจธรรมของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าเต้าคงไปเจอมาในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต และทำให้ยอดฝีมือผู้นี้ติดตามได้ นี่เพียงพอจะบอกชัดถึงกลอุบายและวาสนาของเต้าคงแล้ว
เมื่อรวมเรื่องเหล่านี้เข้าด้วยกัน ประกอบกับฐานะองค์ชายของซูหมิง ฉะนั้นการมาของเขาครั้งนี้จึงมีการแจ้งไปยังปลายทางจุดเคลื่อนย้าย อีกทั้งยังให้สำนักดารา สัจธรรมเปิดวงแหวนอาคม พร้อมกันนั้นรอบๆ จุดเคลื่อนย้ายนี้ในสำนักดาราสัจธรรมยังมีผู้ฝึกฌานจำนวนมากมารวมตัวกัน
ในหมู่ผู้ฝึกฌานเหล่านี้มีทายาทสายตรงบางส่วน แต่ที่มากกว่าคือศิษย์ธรรมดา และยังมีสายสืบของตาแก่ที่ปกติจะไม่สนใจเรื่องทางโลกมาด้วย คนที่สนใจเต้าคงมากมายเหล่านี้ ในนั้นก็มีไม่น้อยที่มาเพราะบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างกายซูหมิง
สรุปคือภายในจุดเคลื่อนย้ายในสำนักดาราสัจธรรม ตอนนี้มีคนล้อมอยู่เกือบหมื่นคน สายตาพวกเขาจับจ้องไปยังวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายที่หมุนโคจรเสียงดังและส่องแสงระยิบระยับในตอนนี้ พลางรอคอยพวกซูหมิงปรากฏตัวขึ้น
“ไม่รู้ว่าเต้าคงหน้าตาเป็นอย่างไร เมื่อก่อนข้าจำได้ว่าเหมือนเคยเห็นเขา แต่ไม่ได้เจอมานานเกินไป ความทรงจำเลยเลือนรางไปบ้าง”
“ข้าจำเขาได้อยู่บ้าง เป็นคนสายตรงสำนักดาราสัจธรรมที่ปีนั้นมีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก และยังได้ข่าวมาว่าเขาได้รับดวงชะตาของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมไปด้วย”
“ไม่ผิด เมื่อพันปีกว่าก่อนเขาถูกส่งไปแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต แต่ตอนนี้กลับมาแล้วก็สังหารเต้าเฟยเฟิง และยังสังหารผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียนไปหลายหมื่นคน ดูแล้วคงได้รับการฝึกฝนที่มากพอในแดนต้นกำเนิดจิต”
“หึ ไม่ว่าจะสังหารเต้าเฟยเฟิงหรือสังหารพันธมิตรเผ่าเซียน ทุกท่านอย่าลืมว่าไม่ใช่กำลังเขาแค่คนเดียว แต่เป็นความสำเร็จของผู้ติดตาม!”
“นั่นก็มีเหตุผล ระหว่างทางเคยมีคนเจอเขา บอกกันว่าขั้นพลังเขาไม่สูง เป็นเพียงเจ้าปกครองโลกตอนต้นเท่านั้น” เสียงสนทนาเบาๆ ดังอื้ออึงในกลุ่มคน เกือบหมื่น
“น่าสนใจ ตอนนี้องค์ชายสิบคนขาดเพียงเต้าคง คนอื่นกลับมากันแล้ว เจ้าดูรอบๆ สิ มีคนสายตรงที่สนิทสนมกับองค์ชายสามท่านในนั้นด้วย คงมาที่นี่เพราะอยากเห็นความจริงของเต้าคงสักหน่อย”
“โถงผู้อาวุโสก็มากันไม่น้อยด้วย”
ภายในกลุ่มคนมีสามคนแยกกันยืนอยู่ในที่ต่างกัน จุดที่สามคนนี้อยู่ โดยรอบมี ผู้ฝึกฌานจำนวนมากล้อมรอบกันเงียบๆ ดูจากสีหน้าพวกเขาก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ติดตาม แต่ถึงจะเป็นผู้ติดตาม ขั้นพลังพวกเขาก็ไม่ธรรมดา อ่อนแอสุดคือเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แกร่งที่สุดคือเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์
สามคนนี้ดูท่าทางเป็นวัยกลางคน สีหน้าเฉยชา กำลังมองวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายตาไม่กะพริบ เขาสามคนเป็นตัวแทนขององค์ชายสามคน เหตุที่มาที่นี่ก็เป็นอย่างที่คนอื่นว่าไว้จริงๆ คือมาเพื่อดูความจริงของเต้าคง
แสงสว่างของวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายส่องสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ มีร่างเลือนรางโผล่มาจากภายใน ขณะรวมขึ้นช้าๆ ผู้ฝึกฌานทั้งหมดรอบด้านต่างเข้าใจว่าเต้าคงหนึ่งในสิบองค์ชายจะมาถึงแล้ว
เสียงสนทนารอบๆ เงียบลงทีละน้อย ช่วงที่สายตาทุกคนจับจ้องอาคมเคลื่อนย้าย ทันใดนั้นผืนฟ้าไกลออกไปเกิดระลอกคลื่นแผ่ขยายออก เห็นรางๆ ว่ามีสายรุ้งยาวสายหนึ่งลากยาวเข้ามา มองแวบแรกยังอยู่ไกลๆ ทว่าเมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้น แต่ละคนต่างมีสีหน้าเคารพโดยพลัน แม้แต่คนสายตรงคนสนิทองค์ชายทั้งสามที่ถูกส่งมายังก้มหน้าลงประสานมือคารวะ
“คารวะผู้อาวุโสไถซาน”
“คารวะผู้อาวุโสไถซาน”
เสียงคนเกือบหมื่นดังขึ้นลง สายรุ้งเหนือพวกเขากลายเป็นชายชราคนหนึ่ง ข้างกายมีเด็กหนุ่มผอมแห้งติดตามอยู่หนึ่งคน เด็กหนุ่มคนนี้ใบหน้าขาวดุจหยก หน้าตาหล่อเหลา เพียงแต่ดูป่วยออดแอดเล็กน้อย เขาก้มหน้า มีท่าทางไม่อยากพูด
ตรงคอเด็กหนุ่มไม่มีลูกกระเดือก เห็นได้ว่าเป็นหญิงคนหนึ่ง เพียงแต่ผอมบางเกินไปจึงดูไม่ชัดเจน
ส่วนชายชรามีเส้นผมยาวสีขาวทั้งศีรษะ สีหน้าเรียบนิ่ง ตอนที่ยืนอยู่กลางอากาศก็พยักหน้าให้ทุกคน ก่อนเบนสายตาไปมองอาคมเคลื่อนย้าย
คนรอบๆ ต่างเริ่มสนทนาขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความมืด
“ไม่อยากเชื่อว่าผู้อาวุโสไถซานจะมาด้วย…”
“หรือว่าเต้าคงจะรู้จักกับผู้อาวุโสไถซาน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ด้วยฐานะเขาคง ไม่มาหรอก”
ในกลุ่มคนก็มีบางคนที่ใช้วิธีของตัวเองล่วงรู้ว่าข้างกายซูหมิงมียอดฝีมือคนหนึ่งติดตามอยู่ จึงพากันเดาว่าบางทีอาจเป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสไถซานมาที่นี่
เมื่อแสงสว่างจากอาคมเคลื่อนย้ายสว่างขึ้นทีละน้อย และทุกคนเงียบลงอีกครั้ง สายตาต่างเพ่งมองไป เวลาผ่านไปทีละลมหายใจจนราวครึ่งก้านธูปต่อมา แสงจากอาคมเคลื่อนย้ายพลันสว่างจ้า ในขณะที่เป็นประกายพร่างพราว ตอนนี้เองผู้ฝึกฌานทั้งหมดรู้ทันทีว่าเต้าคง…มาถึงแล้ว
เสียงโครมดังขึ้น ภายในอาคมเคลื่อนย้ายเผยให้เห็นหัวเรือรบลำหนึ่งก่อน มันปรากฏออกมาช้าๆ จนประจักษ์ในสายตาทุกคนแบบเต็มลำ ตอนที่มันลอยอยู่กลางอากาศ ผู้ฝึกฌานสวมเกราะดำหลายร้อยคนที่ยืนอยู่ในนั้นต่างยืนขึ้นและคุกเข่าไปทางอาคมเคลื่อนย้าย นิ่งเงียบไม่เอ่ยอะไร แต่กลับมีกลิ่นอายสังหารแผ่มาจากตัวพวกเขา อบอวลไปโดยรอบในพริบตา
กลิ่นอายสังหารนี้เกิดขึ้นเองหลังจากผู้ฝึกฌานเหล่านี้ผ่านประสบการณ์ในแดน รกร้างต้นกำเนิดจิตมา
ทันทีที่เรือลำแรกปรากฏ คนส่วนหนึ่งในผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นคนรอบๆ ต่างเพ่งสายตา กวาดมองเรือรบลำนี้อย่างละเอียด
แต่ก็ยังมีอีกไม่น้อยที่สีหน้ายังเฉยชา ไม่ตกตะลึงเพราะกลิ่นอายสังหารนี้ ถึงอย่างไรก็เกิดการต่อสู้ระหว่างสำนักดาราสัจธรรมกับพันธมิตรเผ่าเซียนมาพันปี คนที่สังหารมามากมายก็มีไม่น้อย
โครม! เรือรบลำที่สองปรากฏมาจากในอาคมเคลื่อนย้าย จากนั้นก็เป็นลำที่สาม ลำที่สี่ จนกระทั่งหลายร้อยลำออกมาจากวงแหวนอาคมทั้งหมด มันรายล้อมอยู่รอบๆ ผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นคนล้วนคุกเข่าลงด้วยสีหน้าฮึกเหิม ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายสังหารเข้มข้น
ภาพต่างๆ ค่อยๆ เหนี่ยวนำอารมณ์ของคนที่นี่ราวกับการแพร่เชื้อ มีผลให้ในทุกสายตาเกิดประกายต่างกัน ตอนนี้เอง เสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้น ก่อนมีหัวเรือรบใหญ่ ลำหนึ่งโผล่มาจากในอาคมเคลื่อนย้าย
ทุกสายตาพลันจับจ้องบนหัวเรือลำนี้ ทันใดนั้นเกิดเสียงสูดลมหายใจเข้าดังขึ้น เพราะพวกเขาเห็นว่าตรงหัวเรือแขวนศพเต้าเฟยเฟิงไว้ และยังมีซากสัตว์ร้ายหัวสุนัขอยู่ข้างๆ!
เรื่องเหล่านี้ หากล่วงรู้คืออีกเรื่องหนึ่ง เห็นกับตาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้ผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นคนที่นี่ก็เช่นกัน พวกเขารู้สึกถึงความโอหังจากการแขวนสองซากศพนี้ อย่างชัดเจน
อีกทั้งในความโอหังยังรู้สึกถึงอำนาจคุกคามต่อคนที่มีเจตนาร้ายทุกคน เป็นการข่มขู่อย่างโจ่งแจ้ง ซ้ำยังแฝงไว้ด้วยจิตสังหารเด่นชัด