สู่วิถีอสุรา 1072

ตอนที่ 1072 สวัสดีทุกคน ข้ามีนามว่าเต๋อซุ่น

ระหว่างที่ซูหมิงขมวดคิ้ว บนแท่นดอกบัวของเขาปรากฏร่างเงาหนึ่งขึ้น ขณะเดียวกันบนแท่นดอกบัวขององค์ชายคนอื่นๆ ก็มีผู้มีท้าประลองถูกส่งมาเช่นกัน มีเพียง…บนแท่นดอกบัวสองแท่นที่ไม่มีคนสำนักดาราสัจธรรมท้าประลองเลย

องค์ชายที่ยืนอยู่ข้างบน หนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ตอนนี้เขามีสีหน้าเย็นชา โดยรอบแผ่ไอหนาวเยือกจนเหมือนจะแข็งตัวเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะตรงระหว่างคิ้วที่มีสัญลักษณ์เกล็ดหิมะขยับแสงอยู่

แท่นของเขาไม่มีผู้ท้าประลอง

อีกแท่นหนึ่งก็ไม่มีผู้ท้าประลองเหมือนกัน เขาเป็นชายวัยกลางคน สีหน้าขาวซีดดูป่วยเล็กน้อย กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม สีหน้าเฉยชา ในมือถือไข่มุกแสงสีฟ้าหนึ่งเม็ดที่เปล่งแสงนุ่มนวล ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับชายคนนี้ แต่ก็ยังไม่มีใครมาท้าประลอง

ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน ตอนที่เพิ่งเริ่มท้าประลองก็มีคนเจ็ดล้านกว่าคนส่งสารท้ารบมาให้ เป็นใครก็ต้องขมวดคิ้ว คนเจ็ดล้านกว่าคนเท่ากับคนเจ็ดส่วนของที่นี่

โดยเฉพาะ…ตอนนี้ปรากฏชายร่างกำยำขึ้นบนแท่นดอกบัวที่ซูหมิงอยู่ ทันทีที่ปรากฏตัวเขาก็เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะมีความโอหังและลำพองใจ เขาไม่มองซูหมิงเลยแม้แต่นิด แต่หันหน้าไปประสานมือคารวะกลุ่มคนข้างหลังพลางเอ่ยด้วยความตื่นเต้น

“ขอบคุณสหายทุกท่านมากที่เอื้อเฟื้อให้ แซ่หานโชคดีที่ได้เป็นผู้ท้าประลองคนแรก ให้ข้าดูหน่อยซิว่าองค์ชายเต้าคงจะมีความสามารถจริงๆ เท่าไรกันเชียว!”

ตอนนี้เอง ทุกคนต่างจับจ้องชายร่างกำยำ ถึงขั้นมองข้ามซูหมิงไป ชายร่างกำยำหัวเราะเสียงดังพลางหมุนตัวกลับมาแสยะยิ้มให้ซูหมิง นัยน์ตาฉายแววละโมบ ก่อนยกเท้าขวาเหยียบลงแท่นดอกบัว เดินหนึ่งก้าวไปหาซูหมิง

ตอนนี้เองเกิดม่านแสงขึ้นตรงริมขอบรอบแท่นดอกบัวแห่งนี้ ม่านแสงแยกโลกภายนอกกับที่นี่ออกจากกัน คนอื่นจึงมองไม่เห็นทุกอย่างภายในแท่นดอกบัว

ดังนั้นคนนอกจึงไม่เห็นข้างใน และก็ไม่รู้ด้วยว่าการต่อสู้ในนั้นดำเนินไปอย่างไร

หลังม่านแสงปรากฏ ซูหมิงกวาดสายตามองม่านแสงรอบตัว โดยไม่สนใจชายร่างกำยำแม้แต่น้อย ทันใดนั้นเกิดเสียงระเบิดดังในร่างชายร่างกำยำ พลังเจ้าปกครองโลกตอนกลางปะทุออกมา ขั้นพลังถาโถมไปรอบๆ ก่อให้เกิดพายุหมุน

ดวงตาชายร่างกำยำแวววาว เขายกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ แวบเดียวพายุหมุนข้างกายก็หดตัวลงกลายเป็นมีดวายุสั้นขนาดยักษ์เล่มหนึ่งตรงหน้า จากนั้นพุ่งเข้าไปราวฉีกแยกมวลอากาศ ตรงไปหาซูหมิง พร้อมกันนั้นชายร่างกำยำยังเดินหน้าไปหา ซูหมิงเช่นกัน

ตอนนี้เองมีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากม่านแสงรอบๆ นั่นคือเสียงร้องสุดท้ายของชีวิตจากผู้ท้าประลองหลายคนบนแท่นที่ถูกสังหาร

ซูหมิงขมวดคิ้ว เขาไม่มองมีดสั้นวายุที่พุ่งตรงเข้ามา แต่ยกมือขวาสะบัด ไปข้างหน้า ฉับพลันนั้นมีดสั้นวายุสั่นไหวกลางอากาศแล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ มันไม่ได้หายไปไหน แต่ม้วนย้อนกลับไป ขณะที่ชายร่างกำยำอึ้งงัน มีดสั้นวายุที่ม้วนกลับก็พุ่งใส่ร่างเขาด้วยความเร็วมากกว่าเดิมหลายเท่า ชายร่างกำยำหน้าเปลี่ยนสี รีบล่าถอยไป แต่ก็ไม่เร็วเท่ามีดสั้นวายุ พริบตาเดียวตอนที่เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ชายร่างกำยำถูกปะทะกลางอากาศจนกระเด็นออกไปนอกม่านแสง ร่างแหลกเป็นชิ้นๆ โลหิตไหลนอง

ชั่วขณะที่ซูหมิงจบการท้าประลองคนแรก บนแท่นดอกบัวที่มีคนท้าประลองอื่นๆ ก็เงียบลงเช่นกัน โลหิตสาดกระจาย ผู้ท้าประลองทั้งหมดสิ้นชีพไป

ทว่าแทบเป็นช่วงที่บนแท่นดอกบัวพวกเขาไม่มีผู้ท้าประลอง ก็มีร่างโผล่ขึ้นมาอีกครั้งทันใด

ครั้งนี้บนแท่นดอกบัวของซูหมิงปรากฏร่างชายชรา อีกฝ่ายเพิ่งปรากฏตัวก็หรี่ตาลง ก่อนขยับวูบไหวตัว ร่างกายบิดเบี้ยวทันควันแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ซูหมิงยังคงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย หายไปก็ดี ไม่หายไปก็ดี เขาเพียงยกเท้าขวากระทืบลงบนแท่นดอกบัวทีหนึ่ง ก็เกิดเสียงครึกโครมขึ้น มวลอากาศหลายหมื่นจั้งบนแท่นดอกบัวพลันแข็งค้างโดยมีซูหมิงเป็นจุดศูนย์กลาง ทางขวาของเขาห่างไปร้อยจั้งปรากฏร่างเงาชายชราขึ้นมาในทันใด แต่กลับถูกแช่แข็งอยู่กลางอากาศ ถูกอากาศรอบๆ บีบจนเหมือนหยุดนิ่ง

ระหว่างที่เขามีสีหน้าหวาดกลัวและเหลือเชื่อ ซูหมิงหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วยก มือขวาคว้าอากาศไปทางชายชรา ทันใดนั้นร่างชายชราก็ตรงมาหาเขาอย่างไร้การควบคุม จนกระทั่งถูกเขาจับคอเอาไว้ จากนั้นก็บีบคอจนละเอียดอย่างเย็นชา

ซูหมิงจะสังหารผู้ท้าประลองทุกคน ขอเพียงกล้าท้าประลอง จุดจบคือความตาย เดิมทีเขาไม่มีความรู้สึกดีกับสำนักดาราสัจธรรมอยู่แล้ว ตอนนี้สังหารได้อย่างตรงไปตรงมา จึงย่อมไม่คิดจะออมมือ

เสียงอึกทึกดังขึ้น คอชายชราแหลกละเอียด แม้แต่จิตแรกยังสูญสิ้นไป จากนั้น ซูหมิงก็โยนออกไปนอกม่านแสง

แทบทันทีที่ชายชราถูกโยนออกไป ภายในแท่นดอกบัวที่คนนอกมองไม่เห็นก็ปรากฏร่างที่สามขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“ในที่สุดก็ถึงตาข้า เต้าคง ดอกบัวสมบูรณ์ดอกนี้ ให้ข้าเอาไปจะดีกว่า” สิ่งที่ตามเสียงมาคือชายวัยกลางคน บนตัวเขาสวมเสื้อคลุมดารา นี่คือทายาทสายตรง!

ผู้ที่สวมเสื้อคลุมดาราได้จะต้องเป็นคนสายตรงของสำนักดาราสัจธรรม ถึงคนสายเลือดตรงจะมีหลายหมื่นคน แต่สำหรับสำนักดาราสัจธรรมที่ควบคุมหนึ่งโลกแท้จริงแล้ว การสร้างเสื้อคลุมดาราหลายหมื่นตัวเป็นเรื่องเล็กน้อยจริงๆ

ส่วนเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราจะมีจำนวนน้อยกว่ามาก ถึงอย่างไรก็เป็นคนสายตรงเหมือนกัน แต่จะมีการแบ่งส่วนสำคัญกับส่วนรองก็เท่านั้น

ทันทีที่ชายวัยกลางคนปรากฏตัว ซูหมิงเดินหน้าไปด้วยสีหน้าเย็นชา เสียงหัวเราะของชายวัยกลางคนยังคงดังก้อง พอเห็นซูหมิงตรงเข้ามาเขาก็ถอยหลังไป แล้วยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือชี้ซูหมิง

“เต๋าแปลงรูปลักษณ์ชีวิต!” เมื่อชี้ไป ร่างกายเขาแห้งเหี่ยวลงอย่างน่าประหลาด พริบตาเดียวก็กลายเป็นดั่งโครงกระดูก แต่กลับมีแสงสีดำส่องสว่างมาจากปลาย นิ้วมือ

จังหวะที่แสงดำส่องสว่างก็ระเบิดออกโดยพลัน แล้วกลายเป็นเส้นสีดำนับไม่ถ้วนอยู่ตรงหน้าซูหมิง รวมขึ้นเป็นตาข่ายผืนใหญ่ครอบไปทางเขา

ตาข่ายสีดำเข้ามาใกล้ ขณะที่กำลังจะสัมผัสซูหมิง เขากลับยิ้มเยาะมุมปาก ยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศไปทางตาข่ายใหญ่สีดำอย่างไม่ลังเล เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ตาข่ายใหญ่ สีดำถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ

เหตุการณ์นี้ทำให้ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ก่อนถอยไปอย่างรีบร้อน ในใจเกิดความกลัวขึ้นมา เขาคิดว่าอภินิหารนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่งแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์ก็ไม่กล้าจับด้วยมือเปล่า เพราะจะปลดปล่อยพลังที่สามารถแปลงรูปลักษณ์คนออกมาได้ และทำให้คนคนนั้นสูญเสียสติปัญญา

เขาเคยใช้วิชานี้ลอบจัดการคนที่มีขั้นพลังสูงกว่าเขาไม่น้อย ตอนนี้เพิ่งเคยเห็นคนคว้ามันไว้แล้วไม่เกิดผลใดๆ เป็นครั้งแรก

ขณะที่ชายวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีและจะถอยไปนั้น ซูหมิงคลายมือขวา ตาข่ายใหญ่สีดำที่คว้าไว้ในมือม้วนย้อนกลับไปหาชายวัยกลางคน ช่วงที่ชายวัยกลางคนกำลังจะออกจากแท่นดอกบัวกลับได้ยินเสียงกรีดร้อง เขาถูกตาข่ายใหญ่สีดำของตัวเองครอบเอาไว้ ทั่วร่างกลายเป็นน้ำแห้งขอด แม้แต่เสื้อคลุมดารายังแหลกละเอียด ถึงอย่างไรมันก็เป็นเพียงเสื้อคลุมดารา ไม่ใช่เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา ดังนั้นการป้องกันจึงมีจำกัด

สังหารติดกันสามคน ซูหมิงคร้านจะมองแท่นดอกบัวขององค์ชายคนอื่นข้างนอกแล้ว เขายืนอยู่ตรงนั้น รอคนที่สี่ปรากฏตัวขึ้น เพียงพริบตาเดียวร่างที่สี่ก็โผล่มา

เวลาผ่านไป คนที่สี่ คนที่เจ็ด คนที่สิบ…จนกระทั่งผ่านไปครึ่งวัน ซูหมิงประลองไม่หยุด สังหารคนไปเกือบสี่สิบกว่าคนแล้ว!

เขาไม่สนใจโลกข้างนอก และไม่รู้ด้วยว่าองค์ชายคนอื่นเป็นอย่างไร แต่การสังหารแบบนี้ ต่อให้เป็นเขาก็เริ่มรู้สึกไม่พอใจ ทว่าเขาก็อยากรู้เช่นกันว่าหากสังหารแบบนี้ต่อไป จะมีอีกกี่คนที่กล้าท้าประลองด้วย

อีกทั้งซูหมิงกำลังรอคนที่มีคุณสมบัติแท้จริงคนหนึ่งมาท้าประลอง การสังหารแบบนั้นถึงจะถึงอกถึงใจ เขารู้ว่าเมื่อตนสังหารไปเรื่อยๆ เมื่อคนอื่นไม่กล้าท้าประลอง ก็จะมีคนขั้นพลังสูงมาหาเอง

ขณะที่ดวงตาเขาแวววาว บนแท่นดอกบัวปรากฏร่างคนอีกครั้ง เขาเพียงกวาดสายตามองไปก็อ่านขั้นพลังอีกฝ่ายออก ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเพียงเจ้าปกครองโลกตอนต้นเท่านั้น ผู้ฝึกฌานแบบนี้ทำให้เขาขมวดคิ้ว

เพียงลมหายใจเดียวร่างเงาก็ชัดเจนขึ้นมา อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูง เมื่อปรากฏตัวแล้วก็ถอยหลังไปหลายก้าวทันที ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบสอพลออย่างว่องไว แล้วประสานมือคารวะซูหมิงติดกันหลายครั้ง

“องค์ชายอย่าลงมือ อย่าลงมือ ข้าน้อยไม่ได้มาท้าประลอง ด้วยบารมียิ่งใหญ่ขององค์ชายที่มีชื่อเสียงสั่นสะเทือนสี่มหาโลกแท้จริง ข้าน้อยจะกล้าลงมือกับท่านได้อย่างไร ท่านเป่าลมหายใจเดียว ข้าน้อยก็ถูกส่งกลับครรภ์มารดาแล้ว หวังว่าองค์ชายจะช่วยเหลือเต็มที่ ให้เวลาข้าน้อยสักหลายลมหายใจ แค่หลายลมหายใจเท่านั้น” สีหน้าประจบของชายหนุ่มร่างผอมแห้งคนนี้เป็นมืออาชีพมาก ดูแล้วไม่มีการ ลวงหลอกแม้แต่น้อย…

ซูหมิงงุนงง

ในใจชายหนุ่มร่างผอมแห้งก็เหงื่อแตกเช่นกัน ตอนนี้รีบถอยหลังไปอีกหลายก้าว ถอยจนออกจากม่านแสง เผยร่างเขามากกว่าครึ่งออกไปด้านนอก จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังจนคอแดง

“คุณชายทุกท่าน สหายจากโลกกลางและโลกล่างทุกคน ผู้อาวุโสทุกท่าน สหายร่วมสำนักทุกท่าน พี่ชายพี่สาวน้องชายน้องสาว ลุงป้าพี่สะใภ้และอาหญิง สวัสดีทุกคน ข้ามีเม็ดยาชั้นดี มียันต์วิญญาณจำนวนมาก และยังมีดาบทวนกระบี่และง้าวอีก ไม่น้อย อยากจะขายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซื้อมากแถมมาก จำป้ายร้านข้าไว้ให้ดี ข้ามีนามว่าเต๋อซุ่น เต๋อจากผิ่นเต๋อ (คุณธรรม) ซุ่นคือค้าขายราบรื่น

ข้าอยู่แผ่นดินใหญ่ที่สามร้อยสามสิบสามของโลกข้างล่าง สมบัติทั้งหมดของข้าที่นี่คือสินค้าชั้นดีที่ส่งออกไปใช้ในสงคราม รับประกันคุณภาพชั้นสูง แถมยังรับจองอีกด้วย…” ตะโกนประโยคนี้เสร็จ ทุกคนรอบๆ ต่างงุนงง กระทั่งการต่อสู้บนแท่นดอกบัวอื่นยังหยุดลง พอนัยน์ตาชายชราขั้นเกิดคนนั้นฉายแววโมโห ชายหนุ่มก็รีบหดหัว ประสานมือคารวะซูหมิงด้วยท่าทางประจบสอพลอ แล้วรีบพุ่งออกไปนอกม่านแสง…

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!