ตอนที่ 1131 วางกับดัก
“ท่านต้นกำเนิดแสงไว้ชีวิตด้วย คิดเสียว่าท่านคือปู่กระเรียน….เอ่อถ้าไม่อย่างนั้นเป็นหลานกระเรียนก็ได้ ปล่อยข้าไปเถอะ สงสารข้าที่มีภาระเยอะด้วยเถอะ ทะ ท่าน….ท่านคือต้นกำเนิดแสงที่ไม่มีจิตสำนึก ข้าอ้อนวอนเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์” กระเรียนขนร่วงร้องเสียงแหลมพลางตัวสั่น ถูกแสงแก่นยมโลกกลุ่มใหญ่ปกคลุม พอ ซูหมิงเดินหน้าไปมันก็ส่งเสียงมาไม่หยุด
“สมควรตาย เหตุใดที่นี่ถึงมีต้นกำเนิดแสงได้ ข้าว่าหลบอย่างระวังมากแล้วเชียว อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังเห็นว่าต้นกำเนิดแสงที่อยู่ใกล้ที่สุดอยู่ไกลมาก อีกอย่างในพื้นที่ที่ข้าอยู่ไม่มีต้นกำเนิดแสงด้วย
เจ้าซูน้อย เจ้ากำลังจะฆ่าข้า หินผลึกของข้า ต้องจากลาชั่วนิรันดร์แล้ว น่าสงสารที่ข้ายังได้เชยชมไม่มากนัก มีอยู่เพียงเล็กน้อยแค่นั้น น่าสงสารที่ข้าซื้อหนึ่งโลกแท้จริงไม่สำเร็จ…..” ขณะที่กระเรียนขนร่วงร้องโหยหวน ซูหมิงพามันมาปรากฏตัวอยู่ตรงเสี้ยววิญญาณ เขามองแวบเดียวก็เห็นว่าเสี้ยววิญญาณพึ่งพาอยู่กลางแสงสีขาวนวล แสงนี้มีความประหลาดเล็กน้อย มันไม่มีอันตราย แต่ช่วยบำรุงจิตแรก นี่ต่างหากที่ทำให้เสี้ยววิญญาณแค่จะสลายไป มิเช่นนั้นคงจะสลายไปนานแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเสี้ยววิญญาณรู้จักแสงสีขาวนวลนี้ ดังนั้นถึงคิดวิธีแบบนี้ขึ้นมาได้
ซูหมิงจ้องเสี้ยววิญญาณนั้น นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ ก่อนยกมือขวาขึ้นกดไปทางสีขาวนวลเบาๆ ทันใดนั้นความทรงจำลอยขึ้นมาในใจเขา นั่นคือความทรงจำของแสงสีขาวนวล เขาเห็นจากในความทรงจำนี้ว่าเสี้ยววิญญาณปรากฏตัวเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ซึ่งตรงกับเวลาที่เขามาที่นี่
“หืม? เจ้าต้นกำเนิดแสงทำอะไร ไม่อยากเชื่อว่าเจ้าจะยกมือขวาได้ อ๊าค ข้านึกออกแล้ว เจ้าขยับตัวได้ด้วย ก่อนหน้านี้จงใจมาอยู่หน้าข้า เป็นไปไม่ได้ ต้นกำเนิดแสงไม่มีจิตสำนึก เหตุใดถึงขยับตัวได้….” กระเรียนขนร่วงมองร่างเงาซูหมิงที่ทั่วร่างถูกคลุมด้วยแสงแก่นยมโลกอย่างเหลือเชื่อ มันดูประหลาดใจยิ่งนัก ซ้ำยังร้องด้วยความตกใจและเหลือเชื่อ
ซูหมิงดีดมือขวาไป แสงสีขาวนวลพลันบิดเบี้ยว เสี้ยววิญญาณถูกดีดออก จากนั้นเขาจึงคว้าเสี้ยววิญญาณเอาไว้
“จะ….จะ….เจ้ามีมือด้วย เจ้ามีจิตสำนึก สวรรค์ เจ้ามีจิตสำนึก!” กระเรียนขนร่วงพูดเสียงดังไม่หยุด ส่วนซูหมิงบีบเสี้ยววิญญาณด้วยมือขวา มือซ้ายสะบัดไป ทันใดนั้นมีหินผลึกก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นและลอยไปอยู่ตรงหน้ากระเรียนขนร่วง
กระเรียนขนร่วงแทบจะคว้าเอาไว้ด้วยสัญชาตญาณ มันกัดแรงๆ ทีหนึ่งแล้วก็ยิ้มมีความสุข กระทั่งหางที่ไม่มีขนของมันหรือก้นยังส่ายไปมาอีกหลายครั้ง
ซูหมิงบีบเสี้ยววิญญาณนั้น เสี้ยววิญญาณดิ้นรนอย่างอ่อนแรงในมือเขา ทว่าภายใต้แสงแก่นยมโลกของเขา มันจึงดิ้นรนอย่างเปล่าประโยชน์ จิตสำนึกของเขาที่มีแสงแก่นยมโลกพลันหลอมรวมเข้าไปในเสี้ยววิญญาณ ก่อนทะลวงเข้าไปถึงวิญญาณโดยไร้การต่อต้าน
เสี้ยวพริบตานี้ ซูหมิงเห็นความทรงจำของเสี้ยววิญญาณ ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นหลายภาพ
ภาพแรกเป็นจักรวาลแปลกตา มีคนชุดคลุมดำคนหนึ่งดิ่งลงมาจากภูเขาสูง เสียดสีกับมวลอากาศ ตอนที่ตกลงมาก็หายวับไปทันใด
ภาพที่สองเป็นคนชุดคลุมดำเหมือนกัน ยืนอยู่นอกลำแสงยักษ์ ข้างกายมีไป๋หลิงที่ทำให้ซูหมิงเกิดความปวดใจ และยังมีชายชราที่ซูหมิงมองแวบเดียวก็รู้ว่านี่คือ ตี้เทียน
กระทั่งซูหมิงยังได้ยินบทสนทนาคร่าวๆ ของพวกเขา
ภาพที่สามเป็นคนชุดคลุมดำนั่งขัดสมาธิอยู่ในลำแสง เป็นการเริ่มแผนการสวมรอยรวมถึงเทพโบราณระเบิดตัวเองภายใต้การควบคุมของเขา
ภาพนี้หายไป เสี้ยววิญญาณนั้นแหลกสลายในมือเขา
‘แผนการสวมรอย…..เสี้ยววิญญาณนี้มาเพื่อยึดร่าง หากมิใช่เพราะข้าเข้าไปนอกจักรวาล เช่นนั้นหลังเทพโบราณระเบิดตัวเองแล้ว มันจะมุดเข้าไปในร่างข้าแล้วทำการยึดร่าง’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย้ยเยาะ
‘ดูท่าตอนนี้ใต้เท้าลับสามคนกับเต้าหลินและเต้าหวาคงถูกยึดร่างสำเร็จไปแล้ว กลายเป็นคนพันธมิตรเผ่าเซียน เสี้ยววิญญาณนี้…..คือส่วนวิญญาณของคนชุดคลุมดำคนนั้น อาศัยแค่ส่วนวิญญาณก็ทำถึงขนาดนี้ได้ แสดงว่าขั้นพลังเขาแข็งแกร่งยิ่ง
ผู้ยิ่งใหญ่ตี้เทียน…..ที่แท้จะใช้วิชาแลกชีวิตกับกายเนื้อข้า เขาจะใช้ร่างจริงข้าเปลี่ยนทุกอย่างของตัวเองโดยมีฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนคอยช่วย ทำให้เขากลายเป็นเผ่ายมโลก!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา
‘สามเดือนหรือ…..ข้าอยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้ว น่าจะยังทันเวลา!’ ซูหมิงหลับตาลง ใคร่ครวญในความคิดอย่างหนัก นี่คือโอกาสเดียวของเขา….โอกาสเดียวที่จะชิงร่างจริงกลับมา!
ขณะซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด กระเรียนขนร่วงเก็บหินผลึกไปแล้ว มันมองซูหมิงที่ถูกปกคลุมด้วยแสงดำอย่างระวัง ในใจเกิดความกังวลเล็กน้อย ตอนนี้กระแอมเสียง ทีหนึ่งและยังเค้นสีหน้าเป็นประจบสอพลอ
“เอ่อ…..ท่านต้นกำเนิดแสงที่มีจิตสำนึกเพียงหนึ่งเดียวของโลกทะเลแสง ท่านไม่คิดหรือว่าข้างกายจะต้องมีกระเรียนขน ร่วงผู้หน้ำตาหล่อเหลา รู้ทุกอย่าง และยังจัดการงานต่างๆ ได้อย่างราบรื่น ฉลาดหลักแหลม ซ้ำยังมีเมตตาคุณธรรม
ให้ข้าเป็นผู้ติดตามท่านเถอะ….ข้า…..” ขณะกระเรียนขนร่วงกำลังจะกล่าวอย่างตึงเครียด ซูหมิงลืมตาขึ้น พิจารณามองกระเรียนขนร่วงอย่างยิ้มๆ โดยที่มันมองไม่เห็นแวบหนึ่ง
“มีเมตตาคุณธรรมรึ?” ซูหมิงพูดขึ้นช้าๆ น้ำเสียงข้ามผ่านแสงแก่นยมโลก ดังนั้นสิ่งที่กระเรียนขนร่วงได้ยินคือน้ำเสียงเย็นชาจนมันตัวสั่น แต่สีหน้ากลับฮึกเหิม
“ใช่ ข้ามีจิตใจดีงาม เห็นคนต้องการความช่วยเหลือก็จะเข้าไปลูบปลอบ เห็นคนตายต้องน้ำตาไหลเข้าไปช่วยฝังศพ เห็นเด็กน้อยข้าก็มีความสุข ข้า…..” กระเรียนขนร่วงรีบพูดขึ้น
“ลูบปลอบถุงเก็บวัตถุว่ามีหินผลึกเท่าไร ขโมยหินผลึกจากศพ และที่เจ้าเห็นเด็กแล้วรู้สึกดีก็เพราะเด็กหลอกง่าย จะได้หลอกเอาหินผลึกมาได้” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ
คำพูดนี้ทำให้กระเรียนขนร่วงนิ่งอึ้งไป
“เอ่อ….พวกเรารู้จักกันหรือไม่? จะ จะจะ….เจ้าคงจะไม่ใช่….”
ซูหมิงหัวเราะ แสงแก่นยมโลกบนตัวหายไป เผยเป็นร่างจิตแรก เขายิ้มมองกระเรียนขนร่วง
กระเรียนขนร่วงกุมหน้าอกร้องเสียงแหลม มันถอยไปหลายก้าวและสีหน้าโกรธ ซ้ำยังยกกงเล็บขนร่วงขึ้นมาชี้ซูหมิงด้วยสีหน้าเสียใจอย่างสุดขีด
“ซูหมิง! เสียแรงที่ข้าลำบากเสี่ยงอันตรายเกือบเอาตัวไม่รอดมาช่วยเจ้า กระทั่งข้ายังเตรียมตัวตายแล้วด้วยซ้ำ ยอมเสียหินผลึกไปมากมายหลายแสนก้อน ไม่ หลายล้านก้อนใช้บำรุงอายุขัยเพื่อมาหาเจ้า จะ เจ้าเจ้า….ก่อนหน้านี้เจ้า….ข้าเสียใจมาก ข้าถูกหลอก ย่ากระเรียนมันเถอะ ข้าถูกรังแก”
กระเรียนขนร่วงร้องโหยหวน ทั้งยังกะพริบตาปริบๆ เร็วๆ แล้วล้มลงกลิ้งกับพื้น
ซูหมิงยกมือขวาขึ้น หินผลึกก้อนหนึ่งถูกดีดลอยไปหากระเรียนขนร่วง เมื่อกระเรียนขนร่วงคว้าเอาไว้แล้วมันก็ยิ้มดีใจทันที ทว่ามันกลับฝืนกลั้นเอาไว้แล้วร้องเสียงแหลมเล็กอีก
“เจ้าคิดว่าหินผลึกก้อนเดียวจะชดเชยให้ได้อย่างนั้นรึ เจ้าดูถูกข้าแล้ว ข้ากระเรียนขนร่วงจะไม่มีวันคำนับหินผลึกก้อนเดียว ข้า…..”
เกิดเสียงปังขึ้น มีหินผลึกอีกก้อนตกลงมา กระเรียนขนร่วงเหม่อมองหินผลึกตรงหน้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มมีความสุขอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ว่าจะฝืนยับยั้งอย่างไรก็ปิดความตื่นเต้นไม่ได้
โดยเฉพาะ….
เกิดเสียงปังอีกครั้ง หินผลึกก้อนที่สามตกลงมา ก้อนที่สี่ จนก้อนที่ห้า กระเรียนขนร่วงไม่กลิ้งไปมาอีก แต่รวมหินผลึกทั้งหมดแล้วกระแอมไอทีหนึ่ง
“อืม ข้าให้อภัย….”
ปัง หินผลึกก้อนที่หกตกลงมา
“เจ้าไม่ผิด ย่ากระเรียนมันเถอะ ก่อนหน้านี้ท่านซูหมิงทำถูกต้องที่สุดแล้ว….”
ปัง หินผลึกก้อนที่เจ็ดตกลงมา
“เอาอีกครั้ง พวกเรามาเริ่มเหตุการณ์เมื่อครู่กันอีกครั้งดีหรือไม่” กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นจนตัวสั่น มันให้ข้อเสนอที่มันนึกแล้วตื่นเต้นขึ้นมา
ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วงด้วยรอยยิ้ม เขามองมันเป็นสหายมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่สหายคนนี้จะให้มันอวดดีเกินไปไม่ได้ มิเช่นนั้นเหตุการณ์บนดาวทมิฬตอนนั้นจะเกิดขึ้นตลอดเวลา
“เอาล่ะ ได้เวลาไปแล้ว ยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ” ซูหมิงเงยหน้ามองทะเลแสงกว้างใหญ่ไม่มีสิ้นสุด นัยน์ตาเปล่งประกายแสงหม่น ก่อนสะบัดแขนเสื้อม้วนกระเรียนขนร่วงบินไกลออกไป
หลายวัยต่อมา ณ โลกแท้จริงดาราสัจธรรม พื้นที่พันธมิตรเผ่าเซียน ตรงขอบใกล้กับพื้นที่ใจกลางเผ่าเซียน กลางดาวกว้างโล่งดวงหนึ่ง มวลอากาศเกิดการบิดเบี้ยวขึ้น จนเมื่ออากาศบิดเบี้ยวหายไปก็มีแสงสีดำขยับวูบวาบ
ตอนที่ซูหมิงกับกระเรียนขนร่วงเดินออกมากลางแสงดำ แสงสว่างหายไปกลายเป็นซูหมิงสวมเสื้อคลุมดำ เส้นผมดำ ดวงตาหยั่งลึก ยืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว ยามนี้เขาเหมือนผ่านการทดสอบและได้เกิดใหม่ กลิ่นอายพลังยังคงเป็นขั้นกุม แต่ร่างกลายเป็นต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก เขาที่สร้างวิชาพลิกทะเลมีกำลังรบแกร่งกว่าเดิมหลายเท่า
“เบื้องล่างแห่งความว่างเปล่านอกจักรวาลก็ไม่อาจขวางทางข้ากลับมาที่นี่ ข้า….กลับมาแล้ว” ซูหมิงพึมพำ ตอนนี้หน้าตาเขาไม่ใช่เต้าคงอีก แต่กลายเป็นคนแปลกหน้า
ซูหมิงสร้างหน้าตานี้ขึ้นมาเอง เพราะตอนนี้เขาไม่มีกายเนื้อ แต่เป็นจิตแรก
ทว่าถึงจะเป็นจิตแรก แต่ก็ยังระเบิดพลังที่น่าตะลึงออกมาได้
“จะชิงร่างจริงในพันธมิตรเผ่าเซียนที่เจ้าเคยพูดถึงใช่หรือไม่ ย่ากระเรียนมันเถอะ ไปเถอะ เจ้าไปเอาร่างจริง ข้าจะไปปล้นหินผลึก” กระเรียนขนร่วงพูดอย่างตื่นเต้นจนตัวสั่น เสียงเอะอะดังก้องกังวาน
“หากเข้าพันธมิตรเผ่าเซียนจากตรงนี้ ด้วยขั้นพลังของข้าตอนนี้มีโอกาสชิงร่างจริงกลับมาได้ไม่มาก” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?” กระเรียนขนร่วงงุนงง
“ให้คนพันธมิตรเผ่าเซียน หรือคนฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน บางทีอาจเป็นตี้เทียนพาข้าเข้าไป” ซูหมิงยิ้มชั่วร้าย
กระเรียนขนร่วงพิจารณามองซูหมิงด้วยความประหลาดใจพลางบ่นพึมพำในใจ แอบพูดในใจหรือว่าซูหมิงกลายเป็นแสงแก่นยมโลกแล้วจะโง่เขลา?
มันเกิดความกังวลเล็กน้อยว่าซูหมิงโง่เขลาคนนี้จะทำอย่างไรหลังจากนี้…..
ขณะที่กระเรียนขนร่วงกังวล ดวงตาซูหมิงขยับแสงหม่น ร่างกายค่อยๆ เผย แสงแก่นยมโลก แสงสว่างขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปรอบๆ ทำให้ฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ถูกแสงแก่นยมโลกปกคลุม
“แสงแก่นยมโลก พลังแห่งแสงอันทรงพลังชนิดนี้ ไม่ว่าใครเห็นแล้วจะต้องสนใจ…..”