Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1403

ตอนที่ 1403 วงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา 5

“เจ้า…” ปรมาจารย์ดาราได้ยินซูหมิงพูดเบาๆ แล้วพลันหรี่ตาลง แต่เพียงแค่นั้นดวงตาก็หย่อนยาน เหมือนเสียสติไป มือซ้ายซูหมิงกดตรงระหว่างคิ้ว พลังแห่งการย้อนเวลาเผยมาจากมือเขาเป็นครั้งแรกในแคว้นกู่จั้ง หลอมรวมเข้าไปในจิตวิญญาณปรมาจารย์ดารา

ตอนนี้เองในความคิดซูหมิงลอยขึ้นมาเป็นภาพหนึ่งอย่างรวดเร็ว ในภาพนี้มี ชายชุดคลุมดำคนหนึ่ง ใบหน้าเย็นชา ยืนอยู่บนภูเขาสูง ตรงหน้ามีประตูยักษ์ลอยอยู่กลางอากาศบานหนึ่ง

ตอนนี้ประตูเปิดอ้า ชายชุดคลุมดำเดินหน้าเหมือนจะเข้าประตู แต่เขากลับหันหน้ากลับมาช้าๆ ราวกับอยากมองโลกแวบหนึ่งก่อนเข้าไป

บนมือขวาชายชุดคลุมดำคนนี้มีไข่มุกพวงหนึ่ง…มีแส้สีแดงเส้นหนึ่งรวมไข่มุกเก้าเม็ดเข้าด้วยกัน ส่วนแส้สีแดงนั้น…ทันทีที่ซูหมิงเห็น เขาก็นึกถึงเงามายาแส้ไร้ขอบเขตที่ปรมาจารย์ดาราสะบัดก่อนหน้านี้!

“ผู้แสวงหาเต๋าของข้าเสวียนจั้ง ในการเดินทางความเป็นตายแห่งจักรวาลกว้างใหญ่…เจ้าสามารถร้องเรียกให้ข้าฝากบ้านเกิด…ร้องเรียกพลังของข้า!”

ท่ามกลางเสียงดังก้อง ภาพพลันหายไปในความคิดซูหมิง ขณะเดียวกันปรมาจารย์ดาราเปล่งเสียงคำรามแหลม เขาตัวสั่น เสียงแหลมถึงขีดสุด

ยามนี้เอง…ท้องฟ้าสำนักเจ็ดจันทรา ภายในฤดูฝนในเดิมที…เกิดหิมะตก หิมะนั้นไม่มีสิ้นสุด มองไปไม่มีขอบเขต มันตกลงมาช้าๆ รวมถึงทางตะวันตกของแคว้นกู่จั้งยังเกิดหิมะตก…

และยังมีทางตะวันออก ทางเหนือ ทางใต้ พูดได้ว่าทุกพื้นที่ในแคว้นกู่จั้งรวมถึงเจ็ดสำนักสิบสองฝ่ายล้วนหิมะตก และยังมีฟ้าดินทุกเมืองในแคว้นกู่จั้ง

มองแวบแรกมันคือหิมะ แต่หากมองดีๆ จะเหมือนกับฝุ่นละออง…จุดที่ผ่านจะเห็นทุกพื้นที่ของทั้งแคว้นกู่จั้งชัดเจน ไม่ว่าภูเขาสูงแม่น้ำยาว ไม่ว่าจะเป็นเจ็ดสำนักสิบสองฝ่ายหรือแผ่นดินเมืองจักรพรรดิ เวลานี้…เกิดกลิ่นอายเสื่อมโทรม

แต่การเสื่อมโทรมเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวก็หายไป ทั้งยังหายไปพร้อมกับหิมะที่อบอวลทั้งแคว้นกู่จั้ง…

ซูหมิงยกมือซ้ายขึ้น ปรมาจารย์ดาราตรงหน้าเบิกตากว้างดูเหลือเชื่อ เหม่อมองซูหมิง ร่างสั่นไหวทีละน้อย

“ทะ…ท่านคือ…นายท่าน…” ขณะพึมพำร่างเขาเกิดเสียงดังสนั่น กลายเป็น จุดแสงผลึก สุดท้ายกลายเป็นสีดำแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ทันทีที่ปรมาจารย์ดาราร่างหายไป สำนักเจ็ดจันทราพลันเงียบสงัด แต่ไม่นานก็เกิดเสียงอื้ออึงที่ดังที่สุดตั้งแต่ที่ซูหมิงเริ่มบุกวงแหวนอาคมจิตเต๋าสยบเงา

โดยเฉพาะฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ การสังหารปรมาจารย์ดาราทำให้ซูหมิงได้รับการยอมรับจากคนจำนวนมากอย่างไร้รูป เสียงอื้ออึงในตอนนี้ส่วนใหญ่แฝงไว้ด้วยการ เฝ้ารอคอย และยังมีฟ้าเหนือฟ้าชั้นสาม ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งทำให้การบุกวงแหวนอาคมของซูหมิงในตอนนี้มีคนที่ดูถูกและไม่ยอมรับน้อยมาก แต่กลายเป็นยอมรับ!

การยอมรับกลายเป็นเสียงที่พูดถึงวงแหวนอาคมที่สิบสอง คลื่นเสียงเป็นวงกว้างเหมือนกำลังส่งเสริม กำลังเฝ้ารอให้ซูหมิงบุกวงแหวนอาคมที่สิบสอง

“วงแหวนอาคมที่สิบสอง!”

“วงแหวนอาคมที่สิบสอง หวังเทา บุกวงแหวนอาคมที่สิบสอง ไปให้ถึงขีดจำกัดของเจ้า!”

“หากไปถึงวงแหวนอาคมที่สิบสี่จะปรากฏเงาเต๋าที่สองของตัวเอง หวังเทา เจ้าต้องไปให้ถึงวงแหวนอาคมที่สิบสี่!”

เสียงแบบนี้ดังขึ้นลง ช่วงที่ดังกังวาน เยี่ยหลงหน้าซีดขาวจนหลังพิงกับหน้าผายอดเขาข้างหลังแล้ว เขามองซูหมิงบนเข็มทิศ ไม่รู้จะบรรยายจิตใจซับซ้อนขมขื่นในตอนนี้อย่างไร

ท่ามกลางเสียงโห่ร้อง ร่างเงาซูหมิงเริ่มเป็นที่สนใจของผู้แข็งแกร่งชั้นสี่มากขึ้น โดยเฉพาะศิษย์ใหญ่สิบสามยอดเขา ตอนนี้มีเจ็ดคนลืมตาขึ้นมองซูหมิงอย่างจริงจัง

ซูหมิงสร้างอำนาจคุกคามต่อเจ็ดคนนี้เล็กน้อยแล้ว

ภายใต้สายตาจริงจัง ซูหมิงหลับตาลงกลางเข็มทิศ ปกปิดประกายตรึกตรองภาพในความคิดก่อนหน้านี้ในแววตา ไม่นานเมื่อลืมตาขึ้น แววตาเขาสงบนิ่ง มองไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธ ไม่เห็นคลื่นอารมณ์แม้แต่น้อย ก่อนยกมือขวาขึ้นกดอากาศไปทาง เข็มทิศข้างล่าง

เพียงกดไป เข็มทิศพลันเกิดเสียงดังสนั่น พริบตาเดียวก็หมุนโคจร มันพลันขยายใหญ่ขึ้นเกือบหนึ่งเท่า มองไกลๆ มากพอจะสร้างความตื่นตกใจ

พริบตาที่เข็มทิศหมุนโคจรอยู่กลางฟ้าสำนักเจ็ดจันทรา อักขระนับไม่ถ้วนบนเข็มทิศขยับแสงเด่นชัด ชั่ววูบเดียวก็ลอยออกมา รวมอยู่ตรงหน้าซูหมิง กลายเป็น… ร่างเงาที่มีความสูงสามจั้งกว่า

ร่างเงานี้เต็มไปด้วยแรงระเบิด สีดำ แต่ชั่ววูบเดียวก็กลายเป็นของจริง กลายเป็นชายร่างกำยำคนหนึ่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น เมื่อเผยร่างออกมาทั้งหมดแล้ว เขาลืมตาขึ้น เปล่งเสียงคำรามดังสนั่นฟ้าดิน

“เซียนรกร้างต้าเต้าที่ถูกผนึกสังหารเมื่อแปดพันปีก่อน!”

“ไม่ผิด เป็นเงาของเขา มีโอกาสสูงมากที่จะปรากฏเงาของเขาที่วงแหวนอาคม ที่สิบสอง!”

“ข้าเคยเห็นศิษย์พี่คนอื่นบุกวงแหวนอาคมที่สิบสองหลายครั้ง และก็เคยเห็น เงาของต้าเต้ามีสองสภาวะ หนึ่งคืออย่างตอนนี้ และยังมีอีกสภาวะหนึ่ง หากเขา คลุ้มคลั่งก็จะปะทุพลังขึ้นถึงระดับน่าสะพรึงกลัว!”

ระหว่างการสนทนา ชายร่างกำยำสูงสามจั้งกว่าเปล่งเสียงคำรามน่าตกใจ

“ข้าคือเงาแห่งวงแหวนอาคมที่สิบสอง เว้นแต่จะเอาชนะข้าได้ มิเช่นนั้นเจ้าต้องหยุดที่วงแหวนอาคมที่สิบสอง!” ชายร่างกำยำตะโกนพร้อมขยับวูบไหวพุ่งตรงไปหา ซูหมิง ทั้งยกมือขวาขึ้น มวลอากาศเกิดเสียงดังปุงปัง หนึ่งหมัดพุ่งเข้าไปใกล้ซูหมิง โดยพลัน

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ตอนที่ชายร่างกำยำเข้ามาใกล้ เขาไม่ถอยแต่บุกเข้าไป เดินหนึ่งก้าวแล้วยกมือขวาขึ้น กำหมัดชกใส่ชายร่างกำยำที่พุ่งเข้ามา

“เงียบมาแปดปีก็ควรจะแสดงพลังของข้าสักเล็กน้อย” ระหว่างที่ซูหมิงกล่าวขึ้นเรียบๆ หมัดเขาปะทะกับชายร่างกำยำแล้ว

เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น สะเทือนไปถึงหูผู้ฝึกฌานรอบๆ ชายร่างกำยำตัวสั่น เปล่งเสียงร้องโหยหวนแหลมเล็ก มือขวาแหลกสลายในทันที ตอนที่โซเซถอยไป ซูหมิงเดินหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เมื่อเข้ามาใกล้ชายร่างกำยำแล้วก็เปลี่ยนจากกำปั้นเป็นฝ่ามือ…บีบคอชายร่างกำยำเอาไว้ ออกแรงบีบเบาๆ เสียงร้องแหลมของชายร่างกำยำเงียบลง ร่างสั่นสะท้าน เส้นเลือดปูดโปนขึ้น

หลังเส้นเลือดปูดโปน ชายร่างกำยำเปล่งเสียงคำรามต่ำมาจากในลำคอ ร่างกายเขาตอนนี้กำยำขึ้น เส้นเลือดลุกลามไปทั่วร่าง พละกำลังเพิ่มขึ้น สีหน้าดูเหี้ยมโหด ดวงตาคลุ้มคลั่ง พริบตาเดียวจากความสูงสามจั้งก็ขึ้นไปเกือบห้าจั้ง และยังเพิ่มขึ้นอีก!

เมื่อเขาตัวใหญ่ขึ้น จึงทำให้เงาที่ซูหมิงบีบคอเขาเหมือนลอยอยู่บนเข็มทิศ

“ไสหัวไป!” ชายร่างกำยำเปล่งเสียงคำรามสนั่นฟ้า ยกสองมือขึ้นหมายจะคว้าซูหมิง แต่สองมือยังไม่ทันสัมผัสอีกฝ่าย ซูหมิงไม่หน้าเปลี่ยนสีเลย เพียงแค่ออกแรงมือขวา ชายร่างกำยำที่ร่างกำลังขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุดตัวสั่นไปทั่วร่าง

นัยน์ตาเขาฉายแววเหลือเชื่อ ช่วงที่สองมือที่ยกขึ้นตกลง ซูหมิงคลายมือออก ชั่วขณะที่เขาเหยียบลงบนเข็มทิศเบาๆ ชายร่างกำยำล้มลงแล้ว

พลังชีวิตทั้งหมดในร่างกายแหลกสลายไปด้วยการบีบมือของซูหมิง

การแหลกสลายแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตอนชายร่างกำยำบ้าคลั่งถึงขีดสุด แต่เป็นขณะกำลังปะทุพลังอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนจะง่ายกว่าเล็กน้อย แต่มีเพียงผู้แข็งแกร่งที่มีพลังไม่ธรรมดาเท่านั้นถึงจะเข้าใจหลักการนี้ ถึงจะเข้าใจว่าอย่างไหนยากกว่ากัน!

พลังที่จะทำลายอีกฝ่ายได้ในขณะที่ยังปะทุอย่างต่อเนื่องจะต้องเหนือกว่าหลังจากอีกฝ่ายสมบูรณ์แล้ว

“วงแหวนอาคมที่สิบสาม” ซูหมิงมองชายร่างกำยำคนนั้นที่ค่อยๆ หายไปบนเข็มทิศ อีกฝ่ายยังไม่สิ้นชีพ แต่กลับไปในวงแหวนอาคมอีกครั้ง รอคนที่จะมาบุกต่อไปถึงจะตื่นอีกรอบ

ตอนนี้ผู้ฝึกฌานสำนักเจ็ดจันทราโดยรอบต่างมีสีหน้าตื่นเต้น ก่อนที่ซูหมิงจะบุกวงแหวนอาคม พวกเขาไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เห็นภาพนี้ กระทั่งตอนแรกที่ซูหมิงบุกวงแหวนอาคม พวกเขายังไม่คาดคิดเลยว่าซูหมิง…จะมาได้ถึงขนาดนี้!

วงแหวนอาคมที่สิบสาม นี่คือคอขวด เป็นคอขวดสำหรับศิษย์ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ คนที่ผ่านคอขวดนี้มีไม่มากในศิษย์ชั้นสี่ มีเพียงศิษย์ใหญ่ผู้ดูแลภูเขาเหล่านั้นหรือ ผู้แข็งแกร่งจากแต่ละสายเลือดถึงจะทำได้

สำหรับศิษย์ส่วนใหญ่แล้ว การผ่านวงแหวนอาคมที่สิบสองคือขีดจำกัดแล้ว เพราะศิษย์ส่วนใหญ่ผ่านเงาที่เฝ้าวงแหวนอาคมที่สิบสามไม่ได้

ดังนั้นแล้วในศิษย์ฝ่ายในสำนักเจ็ดจันทราจึงมีการแบ่งแยกซึ่งไม่ใช่กฏสำนักต่อ วงแหวนอาคมที่สิบสาม นั่นคือ…ปลากระโดดข้ามประตูมังกร!

คนที่ผ่านวงแหวนอาคมที่สิบสามจะไม่ใช่ศิษย์ทั่วไปอีก แต่เป็นผู้แข็งแกร่งในศิษย์สำนักเจ็ดจันทรา ผู้แข็งแกร่งแบบนี้จะได้ทรัพยากรของสำนักมากขึ้น ได้รับการฝึกฝนที่ดีขึ้น และยังมีฐานะเป็นที่จับตามองมากขึ้น

ทั้งฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ ศิษย์ที่ผ่านวงแหวนอาคมที่สิบสามมีไม่ถึงร้อยคน!

แต่ตอนนี้ซูหมิงจะประลองกับวงแหวนอาคมปลากระโดดข้ามประตูมังกรนี้ เมื่อสิ้นเสียงเขา แววตาผู้ฝึกฌานโดยรอบตื่นเต้น ทันทีที่เข็มทิศหมุนโคจรและ มีขนาดใหญ่ขึ้น เหนือวงแหวนอาคม…มีเสียงผ่านโลกมาเนิ่นนานดังก้อง

“เงาข้ารักษาการณ์วงแหวนอาคมที่สิบสามด้วยตัวเองมาตลอด…สวัสดีผู้อาวุโสหวัง” ระหว่างที่เสียงดังกึกก้อง บนเข็มทิศปรากฏเงาดำร่างหนึ่ง เงานี้ชัดเจนขึ้นมาทันที กลายเป็นชายชราสวมชุดคลุมขาว

ซูหมิงเคยเห็นชายชราคนนี้เมื่อแปดปีก่อน นั่นก็คือหนึ่งในสิบสามผู้อาวุโสก่อนหน้าเขา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!