Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1406

ตอนที่ 1406 ฤดูใบไม้ผลิแห่งราตรี

“น่าเสียดาย วิชานี้ก็ยังเป็นแค่ของขอบเขตวิญญาณเต๋า หากส่งผลถึง วิชาขอบเขตเต๋าสูงศักดิ์ของฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดได้…ระดับความน่ากลัวของเขาก็จะบรรลุถึงขอบเขตน่าสะพรึง” ชายชุดคลุมแดงส่ายศีรษะ

ตอนนี้ ณ ฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ด บนฟ้าที่รวมจากวงแหวนอาคมของผู้อาวุโสใหญ่ สิบสองคน มีพื้นที่เล็กๆ เท่าเล็บมือที่ไม่มีใครสังเกตเห็น…เหมือนจะรวมเป็นหิมะ…

ซูหมิงยืนอยู่บนเข็มทิศ ก้มหน้าลงช้าๆ ระหว่างโบกมือขวา หิมะของฟ้าเหนือฟ้าชั้นหกพลันหายไป แม้แต่เข็มทิศที่เขาอยู่ยังไม่มีไอหนาวแม้แต่น้อย

แต่ซูหมิงยืนอยู่ตรงนี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงมีความรู้สึกเหมือนหลอมรวมกับยามราตรี ประหนึ่งว่า…เขาคือฟ้ายามค่ำคืน

‘พลานุภาพของวิชานี้…พอใช้ได้’ ซูหมิงหลับตาลง ผ่านไปพักหนึ่งถึงลืมตาขึ้น ยกมือขวากดมวลอากาศไปทางเข็มทิศใต้ร่าง

“วงแหวนอาคมที่สิบหก!”

การบุกวงแหวนอาคมหนึ่งวันหนึ่งคืน การเป็นที่จับตามองของศิษย์สำนักเจ็ดจันทราทำให้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืนนี้เป็นของซูหมิง ตั้งแต่เริ่มจากวงแหวนอาคมที่หนึ่งจนตอนนี้ผ่านวงแหวนอาคมที่สิบห้า เหตุการณ์ต่างๆ ได้สร้างความตื่นตะลึงแก่ศิษย์สำนักเจ็ดจันทราอย่างยิ่งแล้ว ทำลายสายตาดูถูกก่อนหน้านี้ทั้งหมด เหลือไว้เพียง…ความตื่นตกใจ

การบุกวงแหวนอาคมของเขาดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า ต่อให้เป็นหลันหลันยังเดินออกมาจากวิหารใหญ่ที่ตนนั่งฌานอยู่ มองไปทางซูหมิง

เรื่องบุกวงแหวนอาคมครั้งเดียวผ่านวงแหวนอาคมที่สิบห้าแบบนี้ ในความทรงจำของทุกคนเหมือนว่าจะไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว มีเพียงในช่วงเวลาหนึ่งในอดีตถึงจะเกิดเรื่องคล้ายๆ กัน แต่คนเหล่านี้ในกาลเวลา ตอนนี้ส่วนใหญ่หายสาบสูญไปแล้ว ที่ยังอยู่ก็มีเพียงพวกเขาบนฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า

“ฤดูใบไม้ร่วง เงาแห่งผืนฟ้า!” ดวงตาซูหมิงวาววับ ทันทีที่วงแหวนอาคมหมุนโคจร เขายกมือขวาขึ้นโบกไปบนฟ้า เมื่อวงแหวนอาคมหมุน ท้องฟ้าจากมืดลงเปลี่ยนเป็น สีแดง!

สีแดงมาแทนที่ยามราตรี ทำให้ฟ้าดูเหมือนเป็นสีแดงเพลิง นี่ไม่ใช่เพลิง แต่เป็น สีของฤดูใบไม้ร่วง ประหนึ่งย้อมฟ้าด้วยโลหิต ความรู้สึกโรยราตามเข้ามารางๆ ทำให้ร่างกายซูหมิงเกิดความห่อเหี่ยวราวกับพลังชีวิตค่อยๆ ร่วงโรย

ขณะเดียวกันเข็มทิศเหมือนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ใบไม้กำลังร่วงลง ไม่มีสายลม แต่ทุกใบไม้หมายถึงพลังชีวิต ตอนนี้หลังร่วงลงทีละใบแล้ว ก็เหมือนกับทุกสรรพสิ่งในฤดูนี้เดินไปสู่ความตายอย่างไม่อาจเปลี่ยนแปลง

ซูหมิงเงียบ เขาในตอนนี้เหมือนกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ ใบไม้ที่ร่วงลงไม่เพียงแฝงไว้ด้วยพลังชีวิตเขา แต่ยังมีความทรงจำ รวมถึงทุกอย่างในชีวิต

“วิชาแห่งเงาใบไม้ร่วงไม่ธรรมดา…” ซูหมิงพูดกับตัวเองเบาๆ

“แต่ว่าใบไม้ร่วงที่ข้าชอบไม่ใช่เงาใต้ตะวันยามอัศดง แต่เป็น…การร่วงโรยอย่างเงียบเชียบในยามราตรี นี่ต่างหากคือใบไม้ร่วงและเงาแห่งผืนฟ้าที่ข้าต้องการ!” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายสว่างวาบ เมื่อดวงตาฉายแววเข้าใจ ท้องฟ้าสีแดงพลันถูก สีดำย้อมกลายเป็นสีม่วง สีม่วงนี้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นสีดำอีกครั้ง!

ยามนี้เองต้นไม้ใบไม้ร่วงที่ซูหมิงสร้างขึ้นถูกสีดำปกคลุม ประหนึ่งซ่อนอยู่ในยามราตรี คนนอกมองไม่เห็นใบไม้ร่วง แต่ไม่นานนักพืชและต้นไม้บนทุกยอดเขาในฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่งถึงหกแห่งสำนักเจ็ดจันทราเหี่ยวเฉาพร้อมกัน ทุกอย่างเหมือนเกิดขึ้นเพียงพริบตา เร็วจนลมหายใจก่อนยังไม่สังเกตเห็น ไม่เหมือนกับใบไม้ร่วงใต้ตะวัน ยามอัศดงที่จะค่อยๆ ร่วงลงมา

ใบไม้ร่วงในคืนมืดคือการเปลี่ยนแปลงในพริบตา…

คืนมืดอยู่นิรันดร์ ต้นไม้มายาหายไป ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น เส้นผมสีม่วงแกว่งไกว เขาหลับตาลงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ก่อนลืมตาขึ้นเผยแสงหม่นที่คืนมืดยังย้อมสีไม่ได้ในดวงตาสองข้าง

“วงแหวนอาคมที่สิบเจ็ด!” สิ้นเสียง สำนักเจ็ดจันทราที่ตกอยู่ในความเงียบมานานมากพลันปะทุเสียงดังเกรียวกราวสนั่นฟ้าดิน

“ผู้อาวุโสหวังบุกผ่านวงแหวนอาคมที่สิบหก นี่อยู่ระดับเดียวกับศิษย์พี่หญิงใหญ่เยวี่ยเยียนแล้ว!”

“นี่ไม่สำคัญ เห็นได้ชัดว่าผู้อาวุโสหวังตระหนักรู้ต่างจากคนอื่น หิมะก่อนหน้านี้รวมแสงดำในตอนนี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในคืนมืดมิด…ความรู้สึกนั้นอึมครึมยิ่งนักจนเราต้องกลัวจนตัวสั่น”

“หากเขาผ่านวงแหวนอาคมที่สิบเจ็ดได้ เช่นนั้น…ก็จะเหนือกว่าศิษย์พี่หญิงใหญ่เยวี่ยเยียน ไปอยู่ระดับเดียวกับศิษย์พี่เฉินเถา ก็เหลือเพียงศิษย์พี่ใหญ่เฟยเฟิงแล้ว!”

เสียงสนทนาดังขึ้นรอบๆ ทว่าในการเฝ้ารอคอยของคนจำนวนมากยังมีคำพูดที่ ไม่สอดคล้องกับทุกคนเพราะความริษยาและอิจฉาอยู่บ้าง

“เขาถึงขีดจำกัดแล้ว เกรงว่าวงแหวนอาคมที่สิบเจ็ดคงเป็นขีดจำกัดแล้ว”

“หึ ต่อให้วงแหวนอาคมที่สิบเจ็ดไม่ใช่ขีดจำกัด เขาก็ไม่มีทางเหนือกว่าศิษย์ พี่ใหญ่เฟยเฟิง ศิษย์พี่ใหญ่หยุดที่วงแหวนอาคมที่ยี่สิบ เป็นที่เคารพนับหน้าถือตาของผู้ฝึกฌานรุ่นเรา เขา…ไม่มีทางเทียบได้!” คำพูดแบบนี้ส่วนใหญ่มาจากศิษย์ยอดเขาที่หนึ่ง พวกเขาไม่อยากเห็นซูหมิงเหนือกว่าเฟยเฟิง แม้ว่า…ซูหมิงจะเป็นผู้อาวุโสก็ตาม

ท่ามกลางเสียงพูดคุยดังก้อง เข็มทิศใต้ร่างซูหมิงเริ่มวงแหวนอาคมที่สิบเจ็ด เสียงหมุนโคจรดังเหนือกว่าเสียงสนทนารอบๆ ทำให้ผู้คนเริ่มเงียบ แต่มองซูหมิงด้วยสีหน้าต่างกัน

“นี่น่าจะเป็น…ฤดูร้อน เงาแห่งผืนฟ้า!” ช่วงที่ซูหมิงกล่าวเรียบๆ วงแหวนอาคมที่สิบเจ็ดหมุนโคจร ประหนึ่งว่าผืนฟ้าเกิดทะเลเพลิงขึ้น ทะเลเพลิงรวมขึ้นเป็น ดวงตะวันยักษ์ดวงหนึ่ง ไม่ได้ลอยสูงบนฟ้า แต่…ปกคลุมเข็มทิศรวมถึงร่างเงาซูหมิงเอาไว้ภายใน

มองไกลๆ คืนมืดก็ยังเป็นคืนมืด แต่คืนมืดในสำนักเจ็ดจันทรามีดวงตะวันเพลิงดวงหนึ่ง!

นี่ก็คือสายเลือดฟ้าแห่งฤดูร้อน และก็เป็นดวงตะวันฤดูร้อนที่ต้องตระหนักรู้ใน วงแหวนอาคมที่สิบเจ็ด!

หนึ่งชั่วยามต่อมาเปลวเพลิงกลายเป็นสีดำ ดวงตะวันสว่างจ้าแสบตาเปลี่ยนสีมืดมิดเช่นกัน เพลิงทมิฬแฝงด้วยการแผดเผารุนแรง เหมือนว่ามันกำลังเผาแสงสว่าง แต่แผ่กระจายความมืด ส่งผลให้เพลิงทมิฬหลอมรวมกับยามราตรี ส่องแสงไปถึง ฟ้าเหนือฟ้าชั้นหก

จนกระทั่งดวงตะวันเพลิงหายไป จนกระทั่งร่างเงาซูหมิงเผยเด่นชัดบนเข็มทิศ เสียงเขายังคงราบเรียบดังเดิม ดังกึกก้องไปทั้งในและนอกสำนักเจ็ดจันทรา

“วงแหวนอาคมที่สิบแปด!”

ซูหมิงในตอนนี้เหนือกว่าเยวี่ยเยียนแล้ว ก้าวสู่ระดับเดียวกับเฉินเถา แต่เห็นได้ชัดว่านี่ยังไม่ใช่ขีดจำกัดของซูหมิง เขาจะเหนือกว่าวงแหวนอาคมที่สิบเจ็ด ก้าวไปสู่ วงแหวนอาคมที่สิบแปด!

‘หนาวใบไม้ร่วงร้อนฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ผลินี้…ข้ายังไม่ได้ตระหนักรู้ในโลกของซางเซียง ตอนนี้…ข้าก็บรรลุถึงระดับที่ตระหนักรู้ได้แล้ว รูปแบบชะตาของข้า… จะสมบูรณ์แบบแล้ว

สี่เงาแห่งฟ้าของข้าจะปรากฏขึ้นตามมา!’ ซูหมิงไม่ได้มีสีหน้าเป็นประกายมานานมากแล้ว ยามนี้เมื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ชั่วขณะที่เข็มทิศหมุนโคจรพร้อมเสียงดังครึกโครม ความหมายแห่งทุกสรรพสิ่งคืนชีพปรากฏขึ้น เขานั่งขัดสมาธิลงบนเข็มทิศ

“ฤดูใบไม้ผลิ เงาแห่งผืนฟ้า” ซูหมิงพูดเสียงเบา เข็มทิศที่เขาอยู่พลันอัดแน่นไปด้วยพลังชีวิตเข้มข้น พลังชีวิตเปี่ยมล้น พริบตาเดียวก็เหมือนทำให้หน้าตาเขาหนุ่มขึ้นเล็กน้อย

ทุกสรรพสิ่งคืนชีพ นี่คือฤดูใบไม้ผลิ พลังชีวิตเปี่ยมล้น แบบนี้ก็คือฤดูใบไม้ผลิเช่นกัน นี่คือฤดูแรกในสี่ฤดู และก็เป็นรูปแบบสุดท้ายในรูปแบบชะตาของเขา!

เขาเคยตระหนักรู้รูปแบบชะตานี้มานานมาก จนถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็ หาร่องรอยของฤดูใบไม้ผลิพบจากวงแหวนอาคม นี่คือการตระหนักรู้อย่างหนึ่ง เขาจ่ายไปมาก ผ่านความขมขื่นมามาก สัมผัสถึงความเศร้ามามาก จนได้ตระหนักว่าฤดูใบไม้ผลิคืออะไร

‘ภูเขาทมิฬของข้ากลายเป็นความว่างเปล่าแล้ว…’

‘ยอดเขาของข้าฝังอยู่ในแม่น้ำแห่งความทรงจำแล้ว…’

‘เผ่าหมานของข้ากลายเป็นร่องรอยนับจากนี้แล้ว…’

‘บ้านเกิดของข้า โลกแท้จริงของข้า มหาโลกสามรกร้างที่ข้าอยู่ล้วนกลายเป็นความว่างเปล่าที่ถูกทำลายล้างแล้ว…’

‘ข้ากำเนิดในโลกปีกซางเซียง แต่ตอนนี้ซางเซียงตายไปแล้ว ทุกอย่างกลายเป็นอดีต…สูญเสียคนในครอบครัว สูญเสียศิษย์พี่ สุญเสียท่านปู่ สูญเสียคนรัก…ข้าสูญเสีย ทุกอย่าง เสียกระเรียนขนร่วง เสียสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในชีวิตทั้งหมด เหมือนสูญเสีย จิตวิญญาณของข้า…

ข้า ไม่ได้ตระหนักรู้ฤดูใบไม้ผลิในฤดูร้อนของรูปแบบชะตา แต่หวนคืนสู่ฤดูหนาว นั่นคือความหนาวมรณะ คือความตายของจิตวิญญาณข้า เป็นความตายที่ปกคลุม ในใจตอนที่ข้าตกอยู่ในห้วงราตรี

ที่ข้าชอบยามราตรี ยอมตกอยู่ในราตรี นั่นเพราะว่ามีเพียงในยามราตรีเท่านั้น ข้าถึงจะให้ความเศร้าของข้าหลอมละลาย มีเพียงในราตรีเท่านั้นที่ข้าจะมองไม่เห็นรอบตัวและนึกถึงทุกใบหน้าในความทรงจำ…

แต่ตอนนี้…ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดฤดูใบไม้ผลิถึงจากข้าไปไกล เหตุใดรูปแบบชะตาข้าถึงไม่สมบูรณ์ในโลกซางเซียง เพราะว่า…ความหมายแท้จริงของ ฤดูใบไม้ผลิคือมีเพียงหลังความตายแล้วเท่านั้นถึงเบ่งบานความโหดร้ายออกมาได้ นี่คือฤดูใบไม้ผลิ ทุกสรรพสิ่งคืนชีพอย่างที่ว่าไว้ เดิมทีข้าคิดว่ารูปแบบชะตาข้าเดินจากความตายไปสู่ความเป็น แต่ความจริงมันรวมทุกอย่างเอาไว้แล้ว

ไม่มีความตายแล้วจะมีการคืนชีพได้อย่างไร ไม่มีกลิ่นอายมรณะแล้วจะมีพลังชีวิตได้อย่างไร นี่ก็คือฤดูใบไม้ผลิ…แต่ฤดูใบไม้ผลิของข้าคือฤดูใบไม้ผลิและเงาแผ่งผืนฟ้าที่จะเบ่งบานพลังชีวิตในยามราตรีและรูปแบบชะตาของข้าออกมา!’ ซูหมิงลืมตาขึ้นก่อนโบกมือขวาไปข้างหน้าในฉับพลัน ฟ้าดินเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น สีดำยามค่ำคืนลงมาเยือนยังแผ่นดิน ปกคลุมเข็มทิศ ทำให้ความเปี่ยมล้นของฤดูใบไม้ผลิถูกซ่อนในคืนมืด คนนอก…มองไม่เห็น

‘นี่คือฤดูใบไม้ผลิของข้า มันถูกซ่อนในยามราตรี พลังชีวิตก็ดี การคืนชีพก็ดี ล้วนอยู่ในราตรี จะตื่นหรือหลับใหลตามความต้องการของข้า เพราะว่า…ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน สีแดงแห่งใบไม้ร่วง หิมะในฤดูหนาว พวกเจ้า…ล้วนอยู่ใต้ฟ้ามืดมิดของข้า!’ ซูหมิงพลันยืนขึ้น ทันใดนั้นเอง ร่างเงาเขาที่หลอมรวมกับความมืดในยามราตรี บิดเบี้ยว ขณะเดียวกันนอกจากร่างเงาสองร่างก่อนหน้านี้แล้ว รอบตัวเขาปรากฏออกมาอีกสี่ร่างเงาเลือนราง!

นั่นคือ…สี่เงาแห่งฟ้า ใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วง หนาว!

“ข้า…ไม่บุกวงแหวนอาคมที่สิบเก้าแล้ว!” ซูหมิงยืนขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงดังไปทั่วสำนักเจ็ดจันทรา ก่อนขยับวูบไหวบินขึ้นจากเข็มทิศพุ่งไปยังฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า

คล้อยหลังเขา คืนมืดหายไป ยามรุ่งอรุณเบิกฟ้า วันใหม่…มาถึง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!