Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1408

ตอนที่ 1408 มิเช่นนั้น…ทำสงคราม!

“หากเป็นเช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะตอบรับไม่ได้…”

“ถึงอย่างไรศักยภาพของสำนักเอกะเต๋าก็แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ตำนานกล่าวไว้ว่าในพวกเขามีขอบเขตมหาเต๋าสูงศักดิ์อยู่ด้วย กระทั่งข้ายังได้ยินมาว่าบรรพบุรุษสูงสุดของสำนักเอกะเต๋าเป็น…หนึ่งในสามเทพเต๋า…”

“สามเทพเต๋าเป็นเพียงตำนาน นอกจากจักรพรรดิแห่งแคว้นกู่จั้งแล้ว ก็ไม่มีใครเคยเห็นคนที่สอง แต่แม้จะเป็นตำนาน ก็ต้องมีสาเหตุอยู่แน่นอน”

“ไม่รู้ว่ามีเทพเต๋าขั้นเก้าหรือไม่ เพียงแค่มหาเต๋าสูงศักดิ์ขั้นแปด ทั้งแคว้นกู่จั้ง เจ็ดสำนักสิบสองฝ่ายรวมนครจักรพรรดิแล้วมีไม่ถึงสิบสามคนด้วยซ้ำ! เทียบกับ เต๋าสูงศักดิ์ขั้นเจ็ดที่มีราวหกคนแล้ว มหาเต๋าสูงศักดิ์เป็นดั่งสวรรค์!”

“มหาเต๋าสูงศักดิ์…หากผู้อาวุโสใหญ่สายเลือดที่หนึ่งแห่งสำนักเจ็ดจันทราเราไม่บาดเจ็บในตอนนั้น เกรงว่าตอนนี้คงก้าวสู่ขอบเขตมหาเต๋าสูงศักดิ์ได้แล้ว”

ซูหมิงเงียบ แต่ฟังจากเสียงถอนหายใจของผู้อาวุโสรอบๆ ก็เข้าใจแล้วว่าใน สำนักเจ็ดจันทราไม่มีขอบเขตมหาเต๋าสูงศักดิ์!

อีกทั้งในแคว้นกู่จั้ง มหาเต๋าสูงศักดิ์มีไม่ถึงสามสิบคน!

‘ผู้ฝึกฌานจีวรเต๋าฟ้าครามบนฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดนั่น เห็นได้ชัดว่าเขาบรรลุถึงขอบเขตเต๋าสูงศักดิ์ขั้นเจ็ด’ ซูหมิงกำลังตรึกตรอง แต่ขณะเดียวกันก็มีการคาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่สำนักเอกะเต๋าซึ่งเป็นผู้นำเจ็ดสำนักจะรับศิษย์ช่วงหกสิบปีก่อน และหลังด้วย

‘พวกเขา…อาจจะต้องการตัวข้า’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายบางจนตรวจไม่พบ

“เรื่องนี้ใหญ่กว่าที่พวกเราผู้อาวุโสจะหารือได้ ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสใหญ่เต้าหานตัดสินใจว่าอย่างไร” หลันหลันเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามขึ้นเนิบๆ

ไม่ได้มีแค่นางที่คิดแบบนี้ ความจริงผู้อาวุโสทุกคนที่นี่ล้วนเป็นตัวประหลาดที่ฝึกฝนมานานหลายปี มีแผนการหยั่งลึก คำพูดก่อนหน้านี้ก็พูดแค่ส่งผลกระทบเท่านั้น แต่ไม่ได้พูดถึงการตัดสินของตน

ชายชุดคลุมแดงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ภายในดวงตาเผยความดุดัน ทันใดนั้นเอง ผู้อาวุโสโดยรอบต่างมีสีหน้าจริงจัง

“เรื่องต้องการตัวศิษย์นี้ สำนักเอกะเต๋าให้เงื่อนไขแลกเปลี่ยนมา เรื่องนี้…ไม่ว่าสำนักเอกะเต๋ามีเป้าหมายอะไรก็ใช่ว่าจะปฏิเสธได้…แต่ว่าในกลุ่มศิษย์พวกนี้มีสองคนที่ทำให้ข้าลำบากใจเล็กน้อย

คนแรกคือเยี่ยหลงศิษย์ของข้า เขามีพรสวรรค์ไม่เลว ติดตามข้ามาสักระยะแล้ว เรียกได้ว่าอัจฉริยะ คนที่สอง…ก็คือผู้อาวุโสหวังเทา” ชายชุดคลุมแดงกล่าวขึ้นเรียบๆ ตอนนี้เองผู้อาวุโสส่วนใหญ่มองซูหมิง

ความจริงแล้วก่อนหน้านี้พวกเขาทุกคนต่างคิดถึงปัญหานี้ แต่เรื่องนี้พัวพันถึง ผู้อาวุโส โดยเฉพาะซูหมิงที่เหมือนจะไม่ใช่คนใจดี แน่นอนว่าจึงไม่มีใครพูดแบบนี้ออกมา

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ สงบนิ่งมาก ไม่พูดอะไรตอบ

“แต่ว่าเรื่องนี้ประนีประนอมไม่ได้ นอกจากผู้อาวุโสหวังแล้ว พวกเจ้าผู้อาวุโส สิบสามคนที่เหลือออกจากฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า พาศิษย์ของแต่ละคนป้องกันสิบสามพื้นที่รอบสำนักเจ็ดจันทรา!

ให้มีแค่คนร่วมสำนักสายเลือดเดียวกับพวกเจ้าอยู่ที่ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า ถึงพวกเขาจะไม่ใช่ผู้อาวุโส แต่ก็มีพลังไม่ธรรมดา มากพอจะป้องกันได้ แจ้งกับ ศิษย์ฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่ให้ออกลาดตระเวนรอบสำนัก ส่วนสำนักฝ่ายนอกชั้นหนึ่ง… ผนึกภูเขา!

ข้าจะบัญชาการด้วยตัวเอง เปิดวงแหวนอาคมหิมะเจ็ดจันทรา เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆ พวกเจ้าต้องรักษาตัวให้ดี! หากพบอันตรายที่ต่อต้านไม่ได้ข้างนอกก็ให้หลบเข้ามาในวงแหวนอาคม

ส่วน…ผู้อาวุโสหวัง เพราะมีโอกาสที่เจ้าจะเป็นคนที่สำนักเอกะเต๋าต้องการ ดังนั้น…เจ้าอยู่ในฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้าต่อไป หากไม่จำเป็นอย่าออกมาเด็ดขาด”

ซูหมิงอึ้งไป เขาเงยหน้ามองชายชุดคลุมแดงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ขณะเงียบอยู่นี้เขานึกถึงคนสวมจีวรเต๋าฟ้าครามคนนั้น ตอนแรกพออีกฝ่ายพบเขาแล้วก็ตัดสินใจรับเป็นศิษย์ทันที อีกทั้งยังให้มีฐานะผู้อาวุโส ตอนนี้อยู่ใต้แรงกดดันจากสำนักเอกะเต๋า ไม่คิดเลยว่า…แม้แต่ชายชุดคลุมแดงก็ยังตัดสินใจเช่นนี้

เรื่องนี้ ไม่ว่าอีกฝ่ายมีเป้าหมายอะไร แต่ก็ทำให้ซูหมิงยืนขึ้นช้าๆ ประสานมือคารวะชายชุดคลุมแดง

เห็นซูหมิงคารวะ ชายชุดคลุมแดงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์แม้แต่น้อย เพียงแค่พยักหน้าให้ ก่อนกวาดสายตามองไข่มุกในมือตน พลางนึกถึงคำพูดของ ผู้อาวุโสใหญ่สิบสามคนตอนที่เขากลับไปยังฟ้าเหนือฟ้าชั้นเจ็ดหลายครั้ง

“ปฏิบัติตามคำสั่งทุกอย่างทันที!” ชายชุดคลุมแดงยืนขึ้น กล่าวพร้อมสะบัดแขนเสื้อ ประตูใหญ่ของห้องประชุมพลันเปิดออก ช่วงที่ทุกคนรวมถึงซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวบินออกไป ภายในห้องประชุมใหญ่เหลือเพียงชายชุดคลุมแดงกับชายหนุ่ม เคร่งขรึมชุดคลุมดำข้างๆ

“อาจารย์ ศิษย์ไม่เข้าใจ สำนักเอกะเต๋าไม่มีทางมาเพื่อศิษย์น้องเยี่ยหลง มีโอกาสสูงมากที่จะเป็น…ผู้อาวุโสหวังท่านนี้” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมองชายชุดคลุมแดง

“อาจารย์รู้” ชายชุดคลุมแดงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วตอบกลับเนิบๆ

“เช่นนั้นเหตุใด…” ชายหนุ่มมองอาจารย์ของตนพลางกล่าวด้วยความกังวลเล็กน้อย เขายังจำคำพูดของผู้อาวุโสหลันหลันได้ อาจารย์ตนมีชะตาต้องปะทะกับ หวังเทา เมื่อได้พบจะต้องสิ้นชีพ

“นี่คือการตัดสินใจร่วมกันของผู้อาวุโสใหญ่สิบสามท่านรวมถึงอาจารย์ด้วย เขา…คือคนที่ล้ำค่าที่สุดของสำนักเจ็ดจันทราเรา!” ชายชุดคลุมแดงตอบกลับด้วย สีหน้าปกติ มองไม่เห็นเลยว่ามีคลื่นอารมณ์เป็นอย่างไร

ชายหนุ่มเงียบ ลอบถอนหายใจ ประสานมือคารวะชายชุดคลุมแดงแล้วจากไปด้วยความนอบน้อม

จนคล้อยหลังเขา ชายชุดคลุมแดงยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว มองทอดไกลเงียบๆ

‘สำนักเจ็ดจันทราสูญสิ้นได้ แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับคนนี้ไม่ได้แม้แต่น้อย นี่คือคำพูดของผู้อาวุโสใหญ่สายเลือดที่หนึ่ง…คนนี้คือโอกาสที่เขารวมถึงผู้อาวุโสใหญ่ คนอื่นๆ จะก้าวสู่ขอบเขตมหาเต๋าสูงศักดิ์! และก็เป็นโอกาสที่ข้าจะก้าวสู่ขอบเขต เต๋าสูงศักดิ์…’ นัยน์ตาชายชุดคลุมแดงฉายแววเฝ้ารอคอย ก่อนหมุนตัวกลับหายไปในห้องประชุมใหญ่

ณ ฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า ตอนนี้หลังจากผู้อาวุโสรวมถึงซูหมิงบินออกจากยอดเขาสายเลือดที่สิบสามแล้ว พลันกลายเป็นสายรุ้งยาวบินกลับยอดเขาของตนเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่เต้าหาน

ส่วนซูหมิง ตอนที่กลับมาถึงยอดเขาที่สามพร้อมกับหลันหลัน พวกเขายังไม่คุยกัน เพียงแค่ช่วงที่สองคนต้องกลับถ้ำของตนบนยอดเขา หลันหลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง

“ให้ข้าทำนายอันตรายของเจ้าให้หรือไม่”

“ข้าไม่เชื่อชะตา” ซูหมิงหมุนตัวกลับเดินไปยังบ้านตรงหน้าผา จนกระทั่งกลับมาถึงร่างจริงที่นั่งฌานอยู่แล้วก็ซ้อนทับเป็นเงาค่อยๆ หายไป หลันหลันเงียบ ก่อนหมุนตัวกลับไปในวิหารบนยอดเขาของนาง

ไม่นานนักก็เกิดเสียงครึกโครมทั้งสำนักเจ็ดจันทรา เมื่อหิมะโปรยปรายปกคลุมทั้งสำนักแล้ว บนฟ้าสำนักปรากฏดวงตะวันเหมันต์หนึ่งดวง!

ภายในดวงตะวันเหมันต์นั้นมีร่างเงานั่งขัดสมาธิหนึ่งคน คนคนนี้ก็คือชายชุดคลุมแดง เมื่อเขาบัญชาการ หิมะพลันปกคลุมสำนักเจ็ดจันทรา

ขณะเดียวกัน สำนักฝ่ายนอกฟ้าเหนือฟ้าชั้นหนึ่งเกิดเสียงดังสนั่นขึ้น ทั้งสำนักฝ่ายนอกถูกคลุมด้วยหิมะราวกับผนึกภูเขา มองไป สำนักเจ็ดจันทรากลางแอ่งกระทะเป็นหิมะสีขาว มองไม่เห็นข้างในเลย

ต่อมามีสายรุ้งยาวสิบสามสายบินออกมากลางฟ้าเหนือฟ้าชั้นห้า ออกจาก ฟ้าเหนือฟ้าแยกกันไปยังสิบสามทิศทางรอบสำนักเจ็ดจันทรา สิบสามทิศทางนั้นคือพื้นที่ที่เกิดรอยแยกฟ้าดินมากที่สุด

ในเวลาเดียวกันมีศิษย์ฝ่ายในจำนวนมากออกมาจากฟ้าเหนือฟ้าชั้นสี่และเริ่มลาดตระเวนในสำนักเจ็ดจันทรากันอย่างกวดขัน

มีเพียงซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่นอกบ้าน ทำการหลอมรวมเจ็ดเงาต่อ เขาสัมผัสได้ถึงสัญญาณการหลอมรวมแล้ว บางทีอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะถึงจะทำได้ใน ก้าวแรก รวมเจ็ดเงาเข้าด้วยกันกลายเป็นเงาเต๋าของเขาหนึ่งร่าง!

เวลาผ่านไป สามปีหลังสำนักเจ็ดจันทราป้องกันอย่างหนาแน่น ฟ้าดินนอกสำนักเกิดรอยแยกมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันฝนตกในฤดูร้อน เห็นๆ อยู่ว่าในสำนัก เจ็ดจันทรามีหิมะตก แต่ข้างนอกกลับมีฝนตกหนักราวกับเทอ่างลงมา…

เกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่าแต่ดังกว่าฟ้าผ่าไม่รู้กี่เท่าขึ้น หลังเสียงดังกึกก้อง ฟ้านอกทั้งสำนักเจ็ดจันทราเกิดรอยแยกนับไม่ถ้วนราวกับฟ้าจะถล่มลง รอยแยกเหล่านั้นรวมขึ้นกลายเป็นภาพยักษ์บนฟ้า

ภาพนั้นดูเหมือนเค้าโครงของรูปปั้น!

นี่คือสำนักเอกะเต๋า เป็นการเผยร่างของหนึ่งในสามรูปปั้น เมื่อเค้าโครงรูปปั้นปรากฏ แผ่นดินใหญ่ก็เกิดเสียงครึกโครมตาม ระหว่างที่รอยแยกขยับขึ้นลง เหมือนว่า สำนักเจ็ดจันทราถูกล้อมอยู่ในรอยแยกจากมวลอากาศฟ้าดิน

ตอนนี้เองมีเสียงผ่านโลกมาเนิ่นนานดังก้องนภา

“สำนัก…” สิ้นเสียงคำเดียวนี้ พลันมีเสียงน่าตกใจดังแว่วมาจากในรอยแยกจากแผ่นดิน ก่อนมีร่างเงาขยับแสงวูบวาบออกมาจากในรอยแยกตามเสียงนี้

มองแวบแรกเหมือนว่าพวกเขาบินขึ้นมาจากแผ่นดิน แต่ความจริงแล้ว…พวกเขาปรากฏมาจากกลางรอยแยก ร่างเงาเหล่านั้นต่างมีสีหน้าเคร่งขรึม ราบเรียบ พอเผยตัวแล้วก็พุ่งตรงไปยังสำนักเจ็ดจันทรา

“เอกะ…” เมื่อเสียงผ่านโลกมาเนิ่นนานดังขึ้นเป็นคำที่สอง ท้องฟ้าหมุนตลบ พลันมีร่างเงาสิบกว่าคนออกมาจากในรอยแยกเค้าโครงรูปปั้น ร่างเงาเหล่านี้ต่างแผ่กลิ่นอายผ่านโลกมาเนิ่นนาน เมื่อปรากฏกายก็ทะยานไปที่สำนักเจ็ดจันทรา

ขณะเดียวกันผู้อาวุโสสิบสามคนที่ป้องกันอยู่นอกสำนักเจ็ดจันทราต่างลืมตาขึ้นพร้อมกัน ชั่ววูบเดียวก็หายวับไป มาปรากฏอีกทีอยู่ตรงหน้าร่างเงาสิบกว่าคนนั้น เกิดการขัดขวางขึ้นท่ามกลางเสียงระเบิดดังก้อง

ต่อมาก็เปิดใช้วงแหวนอาคมเหมันต์เจ็ดจันทรา พายุหิมะถาโถมทั้งสำนัก เจ็ดจันทรา มองไปเหมือนไม่มีอยู่ แต่ถูกพายุหิมะยักษ์สูงเสียดเมฆปักลง ปกคลุมอยู่ภายใน มองไกลๆ คล้ายกับมังกรหิมะกำลังร้องคำรามพุ่งขึ้นฟ้า

“เต๋า!” นี่คือเสียงดังสนั่นฟ้าเป็นคำที่สาม พริบตาที่สิ้นเสียง มวลอากาศตรงหน้าสำนักเจ็ดจันทราเกิดเสียงโครมครามพร้อมเกิดรอยฉีก เผยเป็นรอยแยกมวลอากาศยักษ์ยาวหลายแสนจั้ง รอยแยกนี้ประหนึ่งถูกมือใหญ่ไร้รูปสองข้างฉีกออก ตอนที่ฉีกออกนั้นมีมังกรวายุสีดำตัวหนึ่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยร้าวเหลือคณานับร้องคำรามพุ่งทะยานไปยังพายุหิมะ

“ส่งศิษย์ที่เข้าสำนักในช่วงร้อยปีนี้มาให้หมด! มิเช่นนั้น…ทำสงคราม!”

“เจ้าอยากทำสงคราม เช่นนั้น…ก็ทำสงคราม!” ตอนนี้ภายในพายุหมุนนั้นมีใบหน้าหนึ่งนูนออกมา ใบหน้านั้นก็คือ ชายชุดคลุมแดง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!