Skip to content

สู่วิถีอสุรา 544

ตอนที่ 544 หู่จื่อ ไม่ต้องร้อง

เขาไม่ดื่มสุราอีกแล้ว หลายปีมานี้เขาไม่ยอมดื่มสุราเพราะกลัวเมา เพราะหากเมาแล้วจะนึกถึงอาจารย์ นึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง และยังมีศิษย์น้องเล็ก

ความคิดถึงนี้เป็นการทรมานสำหรับเขา ทำให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตากลางดึก เห็นความมืดและโดดเดี่ยวรอบๆ เขาจะรู้สึกเงียบเหงาท่ามกลางความว่างเปล่า

เขานอนน้อยมากเช่นกัน ทั้งยังไม่ฝัน เพราะในความฝันนั้นเขากลัวว่าตนจะตกอยู่ในห้วงความสุขในอดีต ไม่ยอมตื่นขึ้นมา หากไม่ยอมตื่นจริงๆ เขากลัวว่าจะเกิดเรื่องกับยอดเขาลำดับเก้า

เขาไม่ไปถ้ำมองใครอีก เพราะเขาโตแล้ว ไม่มีกะจิตกะใจไปทำเช่นนั้น เนื่องด้วยรอบๆ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครอีก หากมีก็คงเป็นฝ่ายนภาที่ซ่อนอยู่บนฟ้า

นั่นคือที่ที่เขาเจ็บปวด เขาไม่มีวันลืมเลยว่าช่วงภัยพับัติฝ่ายนภาทอดทิ้งแผ่นดิน ทำให้ศิษย์นับไม่ถ้วนบนยอดเขาต้องหนีจาก กระจัดกระจายแยกย้ายกันไป ตอนนี้เป็นตายอย่างไรไม่รู้

เห็นยอดเขาถล่มลงทีละลูก เห็นฝ่ายนภาลงมาสยบกลุ่มอำนาจทั้งหมดบนแผ่นดิน เห็นยอดเขาลำดับเก้าค่อยๆ จมลงหลังธารน้ำแข็งละลาย เขาไม่มีวันลืม ในวันนั้นหลังจากจุดที่ศิษย์พี่ใหญ่ปิดด่านนั่งฌานถูกจมลงไป เขาน้ำตาไหลอยู่ตรงนั้น ทว่ากลับได้แต่ถอยออกมา จนกระทั่งถ้ำเขากับถ้ำศิษย์ของน้องเล็กจมหาย เขาถึงร้องไห้ออกมา

เขาห้ามทุกอย่างไม่ไหว ทำได้เพียงถอยอย่างต่อเนื่อง และมองถ้ำของศิษย์พี่รองถูกจม มองพืชดอกตายไปทีละต้น จนกระทั่งทั้งยอดเขาลำดับเก้าเหลือเพียงร้อยจั้ง

ยอดเขาโดดเดี่ยว คนโดดเดี่ยว เขาดิ้นรนมาหลายปี ไม่รู้ว่าจะสู้ไปได้อีกนานเท่าไร บางที…คงอีกไม่นานแล้ว

หู่จื่อนั่งน้ำตาไหลอยู่บนยอดเขา มองฟ้าดินห่างไกล มองน้ำทะเลก่อตัวเป็นคลื่นกระเพื่อม เขาน้ำตาไหลมากขึ้น ในน้ำตามีความคับอกคับใจ มีความแค้นของเขา ทว่าที่มากกว่าคือความคิดถึง

เขาเข้าใจว่าหากไม่ใช่เพราะไป๋ซู่จากฝ่ายนภามีความรู้สึกพิเศษกับยอดเขาลำดับเก้าและเกิดความรักต่อศิษย์น้องเล็กที่หายตัวไป ตนคงจะลำบากยิ่งกว่านี้

และเขาก็เข้าใจว่าไป๋ซู่อ่อนแอมาก ต่อให้ในอดีตบิดาของนางมีอำนาจมากในฝ่ายนภา แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนทำให้บิดาไป๋ซู่บาดเจ็บสาหัส อำนาจจึงลดลงไปมาก

เหตุการณ์นั้นหู่จื่อไม่มีวันลืม มันเกี่ยวข้องกับซือหม่าซิ่นอยู่มาก ไม่นึกเลย ต่อให้เป็นบิดาของไป๋ซู่ก็ยังคาดไม่ถึงว่าซือหม่าซิ่นในอุโมงค์เหมันต์สวรรค์จะเดินออกมาจากธารน้ำแข็งที่กลายเป็นน้ำทะเลไปแล้ว!

ซือหม่าซิ่นมีขั้นพลังแข็งแกร่งมากนัก ตอนนี้เป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งของฝ่ายนภา ยอดเขาลำดับเก้ายิ่งตกอยู่ในความลำบากก็เพราะเขา

หู่จื่อน้ำตาไหล ลูบแผ่นหลังของตัวเองพลางกล่าวพึมพำคำที่มีแค่เขาที่ได้ยิน

“อาจารย์ ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว…ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์พี่รองไปแดนรกร้างบูรพา ศิษย์น้องเล็กเจ้าอยู่ที่ใด…เจ้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของเราจะหายไปแล้ว เจ้ายังจำกฎของยอดเขาลำดับเก้าได้หรือไม่…”

“ทำร้ายต้นไม้ใบหญ้าของยอดเขาอันดับเก้า สังหาร!”

“ทำร้ายผู้ติดตามของยอดเขาอันดับเก้า สังหาร!”

“ทำร้ายศิษย์ยอดเขาอันดับเก้า สังหารนักรบหมานให้หมดเผ่า!” หู่จื่อกล่าวเบาๆ ช่วงที่กล่าว น้ำตาเขาไหลรินเยอะขึ้น รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าว

“นี่คือกฎยอดเขาลำดับเก้า…ทว่า หากยอดเขาลำดับเก้าไม่อยู่แล้ว พวกเรา…จะยังอยู่หรือไม่…” หู่จื่อร้องไห้ ชายร่างกำยำคนนี้ร่ำไห้เสียงดังก้องบนยอดเขาอย่างโดดเดี่ยว

ลูกผู้ชายไม่ร้องไห้กันง่ายๆ เพราะเสียงร้องไห้มันไม่น่าฟังและแสดงถึงความอ่อนแอ เพียงแต่…หากถึงขีดจำกัดแล้ว เสียงร้องไห้จะแฝงไว้ด้วยความสิ้นหวังของชีวิต

เสียงร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังไม่น่าฟังและเศร้าสร้อย…

หู่จื่อร้องไห้อย่างเงียบๆ จนกระทั่งมีเสียงถอนหายใจดังแว่วมาจากด้านหลัง พร้อมกับเสียงนุ่มนวลที่เขาคุ้นหู

“หู่จื่อ ไม่ต้องร้อง…” ทันทีที่เสียงนี้ดังแว่วเข้ามา มีมือหนึ่งจับบนบ่าหู่จื่อ มือนั้นอบอุ่น เมื่อหู่จื่อตัวสั่นหันมามอง ก็เห็นใบหน้าในความทรงจำเขา

“ศิษย์…น้องเล็ก…” หู่จื่อเหม่อมองซูหมิง ความคิดขาวโพลน เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือภาพมายา เขาตัวสั่นเทา ค่อยๆ ยกมือขึ้นวางบนมือซูหมิงตรงบ่าตนแล้วออกแรงบีบ เมื่อสัมผัสว่าเป็นของจริงก็พลันตะโกนเสียงดังใส่

“เจ้ายังรู้จักกลับมาอีกรึ!”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่ายอดเขาลำดับเก้าเหลือแค่ปลายยอดเขาแล้ว อาจารย์เป็นตายอย่างไรไม่รู้ ศิษย์พี่ใหญ่ก็ไปหาอาจารย์ที่แดนรกร้างบูรพา ไร้ข่าวคราวใดๆ ศิษย์พี่รองก็รอคอยอย่างร้อนใจ สุดท้ายก็ไปตามเพราะเป็นห่วง!

ข้าจะตามไปด้วยทว่าเขาไม่ให้ไป เขาให้ข้าปกป้องยอดเขาลำดับเก้า ให้ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่ ให้เจ้ารู้ว่ายอดเขาลำดับเก้ายังอยู่ บ้านของเรายังอยู่!”

หู่จื่อตะโกนเสียงดัง น้ำตารินไหล

“ยี่สิบปีแล้ว ยี่สิบปี! เจ้าหายไปยี่สิบปี เจ้ายังรู้จักกลับมาอีกรึ? เจ้ายังรู้ว่ายอดเขาลำดับเก้าเป็นบ้านเจ้าอีกรึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ถอนหายใจบ่อยๆ ทั้งยังมองไปทางเผ่าเชมันด้วยสีหน้าเศร้าหมอง!

เจ้ารู้หรือไม่ว่าศิษย์พี่ใหญ่ออกฌานก่อนเวลาและไปยังแผ่นดินเชมัน เขาไม่ได้ทำเพื่อชนเผ่าเขา แต่ออกไปตามหาเจ้า! เจ้ารู้หรือไม่ เจ้ารู้บ้างหรือไม่!

หลังจากเจ้าไป ศิษย์พี่รองจัดทุกอย่างในถ้ำของเจ้าให้เหมือนเดิม แท่นราบนอกถ้ำเจ้า และยังมีพืชดอกที่เขาปลูกอีก ตอนนั้นเขาปลูกพืชดอกไปพลาง หันมายิ้มพูดกับข้าไปพลาง บอกว่าสิ่งนี้ปกป้องเจ้าได้ดีกว่า เจ้าจะฝึกฝนบนแท่นราบอย่างสงบได้!

เพราะเขารู้ว่าเจ้าชอบนั่งกำหนดลมหายใจที่นั่น สิ่งเหล่านี้เจ้ารู้หรือไม่!” หู่จื่อยืนขึ้นแล้วตะโกนใส่ซูหมิงไม่หยุด เหมือนกับคนที่เก็บกดมาเนิ่นนานมาก ยามที่เห็นญาติพี่น้องจึงระเบิดออกมาทั้งหมด

ซูหมิงเงียบงัน เขามองหู่จื่อด้วยสีหน้าเศร้าโศก ข้างหูมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธ เขาฟังอย่างเงียบๆ จนกระทั่งหู่จื่อตรงเข้ามากอดเขาเอาไว้

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าคิดถึงเจ้า…ศิษย์พี่ใหญ่คิดถึงเจ้า ศิษย์พี่รองก็คิดถึงเจ้า ก่อนอาจารย์ไปเขาดูชราขึ้นมากอย่างชัดเจน ข้ารู้ว่าเขาเคยไปเผ่าเชมัน เขาเคยไปตามหาเจ้า…

แต่เขาไม่ได้เบาะแสเจ้าเลย ศิษย์น้องเล็ก เจ้าไปอยู่ที่ใดมา เหตุใดถึงเพิ่งกลับมา…” หู่จื่อกอดซูหมิงไว้ ร้องไห้พลางกล่าว เสียงเขาเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เหลือเพียงคำพูดเดียว

“เหตุใดเจ้าเพิ่งกลับมา…”

“ศิษย์พี่สาม ข้ากลับมาแล้ว…” ซูหมิงกอดหู่จื่อ กล่าวเสียงเบา ดวงตาเขาก็มีน้ำตารินไหลเช่นกัน

เสียงหู่จื่อเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ล้มลงใส่ซูหมิง เขาเหนื่อยมากทั้งร่างกายและจิตใจ ในช่วงหลายปีมานี้เขาปกป้องยอดเขาลำดับเก้าเพียงลำพัง ไม่นอน ไม่ดื่มสุรา อยู่กับความเหงาคนเดียวเงียบๆ ยามนี้ได้เจอซูหมิงถึงปล่อยวางแล้ว เขาหลับตาอยู่ในอ้อมกอดซูหมิง เริ่มส่งเสียงกรนที่คุ้นหู

ซูหมิงกอดหู่จื่อ จนกระทั่งเสียงกรนดังขึ้นปานฟ้าผ่า เขากลับไม่นึกรำคาญ มุมปากเผยรอยยิ้ม นี่คือศิษย์พี่ของเขา เป็นพี่น้องที่ยอมทุ่มทั้งหมดเพื่อเขาโดยไม่สนสิ่งใด!

เขาซื่อๆ เล็กน้อยแต่ไม่ใช่คนเขลา

มีงานอดิเรกแปลกๆทว่ากลับจริงใจ มีอารมณ์ฉุนเฉียว กระนั้นก็ยังยืนอยู่ตรงหน้าศิษย์น้องได้!

เพราะเขาคิดเสมอว่าตนคือศิษย์พี่ ตนต้องปกป้องศิษย์น้อง

ขณะเดียวกัน ตัวเขาก็ยืนอยู่หลังศิษย์พี่รองเพราะคิดว่าศิษย์พี่รองต้องทำเช่นกัน และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ นี่คือยอดเขาลำดับเก้า

“ศิษย์พี่ ข้ากลับมาแล้ว…ท่านไม่ต้องปกป้องยอดเขาลำดับเก้าคนเดียวอีก ข้าจะทำให้คนที่คิดร้ายต่อยอดเขาลำดับเก้าทุกคนต้องรู้สำนึก!” นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหาร จิตสังหารนี้เข้มข้นกว่าตอนอยู่บนเกาะหมัวหลัวเสียอีก!

ถึงอย่างไรเรื่องหมัวหลัวเขาก็ทำเพื่อคนอื่น ทว่าที่นี่เขาทำเพื่ออาจารย์ เพื่อศิษย์พี่ เพื่อบ้านของตน!

“ข้าจะให้ทุกคนได้รู้กฎของยอดเขาลำดับเก้า!” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ ประคองหู่จื่อกลับไปยังถ้ำของอาจารย์แล้ววางลง จากนั้นก็ใช้มือขวากดตรงระหว่างคิ้ว ส่งกลิ่นอายพลังอบอุ่นเข้าไป กลิ่นอายพลังนี้จะบำรุงหู่จื่อและบรรเทาความเหนื่อยล้าในช่วงหลายปีมานี้

เขาเหนื่อยมามากแล้ว ไม่ได้นอนแบบนี้มานานมาก ยามนี้อยู่ในความฝัน มุมปากมีน้ำลายไหลย้อย ทั้งยังมีรอยยิ้มราวกับว่าเจอเรื่องราวดีๆ ในความฝัน

ซูหมิงมองหู่จื่ออย่างเงียบๆ มองใบหน้าอย่างคนผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ตรงหน้าเขาลอยขึ้นมาเป็นภาพร่างเงาซื่อๆ ในอดีต รวมถึงภาพที่อีกฝ่ายพาตนมาหลบอยู่หลังหิน แอบมองศิษย์พี่รอง

‘บนยอดเขาลำดับเก้าพูดกันถึงเรื่องความฉลาด ข้าจะบอกเจ้าให้ศิษย์น้องเล็ก ไม่ใช่ว่าข้าหู่จื่อคุยโม้ ข้าน่ะฉลาดที่สุด!’ คำพูดของหู่จื่อในตอนนั้นและสีหน้าลำพองใจผุดขึ้นในความคิดซูหมิง

‘ข้าจะบอกให้ ศิษย์พี่ใหญ่ปิดด่านฝึกฝนตลอดทั้งปี…ศิษย์พี่รองก็น่าสนใจ เขามักจะคิดว่ามีคนมาขโมยพืชดอกของเขา…’

‘อย่าส่งเสียง เย็นนี้ข้าจะพาเจ้าไปยอดเขาลำดับเจ็ด ไปมองสาวน้อยพวกนั้น ข้าจะบอกให้นะศิษย์น้องเล็ก เจ้าต้องมีปฏิภาณหน่อย ข้าบอกว่าวิ่งก็ต้องรีบวิ่ง!’

‘ย่าเจ้าเถอะ กล้ารังแกศิษย์น้องท่านหู่คนนี้ ข้าจะพาเจ้าเข้าฝัน!’

‘ศิษย์น้องเล็ก รีบมองฟ้าเร็ว วันนี้อาจารย์สวมเสื้อลายดอกไม้…’

ซูหมิงมองหู่จื่อ ภาพความทรงจำต่างๆ ผุดขึ้นมา ยามนี้หู่จื่อพลิกตัว ปานรู้สึกว่านอนพาดแบบนี้สบายกว่า แต่ทันทีที่พลิกตัวซูหมิงก็เพ่งมองไป เขาเห็นว่าบนเสื้อด้านหลังมีคราบโลหิตแห้งๆ หลายเส้น

ซูหมิงเดินมาอยู่ข้างหู่จื่อ เปิดเสื้อด้านหลังขึ้น เห็นว่าบนหลังมีรอยแผลเป็นเห็นเนื้ออยู่ มันเป็น…รอยแส้!

รอยแส้แน่นขนัด ในนั้นมีหลายรอยเป็นสะเก็ดแผลแล้ว ทว่าที่มากกว่าคือรอยแผลเป็นสีน้ำตาล พอซูหมิงเห็นรอยแผลเป็นทั้งหมด ในถ้ำนั้นพลันหนาวเยือก นัยน์ตาฉายแววเย็นชาอย่างไม่อาจบรรยายและเผยจิตสังหารออกมา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!