Skip to content

สู่วิถีอสุรา 545

ตอนที่ 545 บ้านก้นทะเล

ซูหมิงเงียบอยู่นานถึงละสายตาจากหลังหู่จื่อ ยามนี้ในใจเขาหนาวเยือก ความเจ็บปวดที่หู่จื่อต้องเผชิญ เขาจะให้พวกมันต้องชดใช้เป็นร้อยพันเท่า!

ไม่ทำเช่นนี้ก็จะระงับความเจ็บปวดในใจไม่ได้ หากไม่ทำเช่นนี้จะไม่อาจลดเพลิงโทสะที่กำลังแผดเผาอยู่ในใจ!

เขาโกรธแล้ว เรียกได้ว่าโกรธถึงขีดสุดจนกลายเป็นเหมือนสงบนิ่ง ทว่าความโกรธใต้ความสงบนี้ หากปะทุออกมาจะแผดเผาฟ้าดินจนสิ้น

ซูหมิงหมุนตัวกลับอย่างเงียบๆ มองถ้ำของอาจารย์ตรงหน้า กวาดสายตาไปรอบๆ ในนี้เป็นที่กว้างโล่ง เขาเคยมาที่นี่แล้ว ในชั้นเหล่านั้นมีของที่อาจารย์ซ่อนเอาไว้อยู่จำนวนมาก

ทว่าตอนนี้ชั้นวางว่างเปล่า ซูหมิงเดินลงไปอีกชั้นอย่างเงียบๆ จนกระทั่งเดินครบทั้งถ้ำ จนเมื่อความมืดทะมึนทางสีหน้าหล่อหลอมกับความโกรธ ก็ก่อขึ้นมาเป็นระลอกคลื่นน่าสะพรึง

ถ้ำของอาจารย์แทบทั้งหมดว่างเปล่า เหลือของอยู่ไม่มาก ที่เหลือหายไปหมดแล้ว

ซูหมิงเจ็บปวดใจ เขาเดินออกมาจากถ้ำของอาจารย์อย่างเงียบๆ มายืนอยู่นอกถ้ำ มองฟ้าดินห่างไกล ข้างหูยังมีเสียงของหู่จื่อเมื่อครู่ดังกึกก้อง อาจารย์มักจะมายืนตรงนี้บ่อยๆ มองไปทางเผ่าเชมันด้วยสีหน้าเศร้าหมอง…

อาจารย์เคยไปหาเขาที่เผ่าเชมัน ทว่ากลับไม่พบ

“อาจารย์…” ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น หลับตาอยู่นานจนเมื่อลืมตาขึ้น เขาก็เดินลงไปตามร่องรอยความทรงจำ จนกระทั่งตรงหน้าเป็นทะเลคลื่นซัดซาด ทว่าซูหมิงไม่หยุด เขาเดินลงไปในทะเล ใต้ทะเลนั้นเขาเห็นยอดเขาลำดับเก้าทั้งลูก……

เขาเดินอยู่ในทะเลด้วยสีหน้าเศร้าโศก เดินไปตามขั้นบันไดยอดเขาที่ถูกจม ด้านบนนั้นเดิมทีควรจะเต็มไปด้วยพืชดอก เขาเหยียบไปตรงนั้นควรจะเป็นฝุ่น

แต่ซูหมิงเห็นว่าขั้นบันไดนี้สะอาดมาก เห็นได้ชัดว่าหู่จื่อมาทำความสะอาดที่นี่บ่อยๆ

ภาพในความทรงจำผุดขึ้นตรงหน้าซูหมิงอย่างชัดเจน ซ้อนทับกับความอ้างว้างในตอนนี้ ข้างหูเขายังคงเหมือนได้ยินเสียงสายลมบนยอดเขาลำดับเก้าในตอนนั้น เหมือนเห็นศิษย์พี่รองยืนอยู่ เอียงหน้ารับแสงตะวันแล้วยิ้มให้ตน

ซูหมิงมีสีหน้าเศร้าหมองยิ่งขึ้น โดยรอบเงียบสงบ ท่ามกลางความเงียบนี้ เขาเดินเพียงลำพังอย่างเงียบๆ เดินผ่านถ้ำของหู่จื่อ ผ่านเรือนอาศัยของศิษย์พี่รอง เรือนอาศัยที่นี่เป็นระเบียบยิ่งนัก ทว่ากลับจมอยู่ใต้ทะเล ในเรือนปลูกสมุนไพรมีเศษซากกองอยู่……

รอยยิ้มของศิษย์พี่รอง ร่างเงาของศิษย์พี่รอง และยังมีฐานะร่างวิญญาณอีก สิ่งเหล่านี้ผุดขึ้นกลางใจซูหมิง ตอนที่เขามาถึงที่นี่ ก็ยืนอยู่นานมาก…..

เขาอาจจะมีน้ำตา ทว่าน้ำตารวมกับน้ำทะเล ไม่มีใครมองเห็น

‘ศิษย์พี่รอง…..’

จนกระทั่งซูหมิงหมุนตัวกลับ ตลอดทางเขาเห็นพืชดอกตายในน้ำทะเลจำนวนมาก สิ่งเหล่านั้น…..คือร่องรอยที่ศิษย์พี่รองเหลือเอาไว้

จนกระทั่งซูหมิงมาถึงด้านล่างของยอดเขาลำดับเก้า ณ จุดนั่งฌานของศิษย์พี่ใหญ่ เขาเดินไปตามความทรงจำจนมาถึงถ้ำที่ตอนนี้ถูกทะเลจมมิด

มองสถานที่คุ้นตานี้ ข้างหูเหมือนได้ยินเสียงของศิษย์พี่ใหญ่ในตอนนั้น เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยความห่วงใย ยามนี้มันยังคงดังก้องในใจซูหมิง

“ศิษย์พี่ใหญ่…..” ซูหมิงพึมพำด้วยความขมขื่น ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนพูดน้อย เขาไม่ชอบพูด ทว่ากลับรักใคร่ศิษย์น้องและอาจารย์อย่างยิ่ง

ผ่านไปนาน ซูหมิงถึงจากไปอย่างเงียบๆ

เขาเดินผ่านทุกจุดของยอดเขาลำดับเก้า เดินผ่านหินภูเขาทุกอย่างในความทรงจำ สิ่งเล็กน้อยของที่นี่ล้วนแบกรับความอบอุ่นในอดีตและความทรงจำ

สุดท้ายซูหมิงก็มาถึงถ้ำของตนในอดีต มองแท่นราบที่นูนขึ้น มองศิษย์พี่รองที่ยังคงปลูกพืชดอกหลังจากตนไป ตอนนี้พืชดอกเหล่านั้นตายแล้ว เขาจึงเดินมานั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นราบ

คนคนหนึ่งนั่งอย่างเศร้าโศกอยู่ตรงส่วนลึกของทะเลบนยอดเขาลำดับเก้า สายตามองทอดไกล

เขาเห็นน้ำทะเลขุ่นมัว ทว่าจิตใจเขาเห็นหิมะและแผ่นดินในตอนนั้น

ยอดเขาลำดับเก้าเป็นภูเขาน้ำแข็ง แต่ในภูเขาน้ำแข็งกลับเป็นภูเขาจริงๆ มันไม่มีวันละลายไปชั่วนิรันดร์….ไม่มีวัน!

ซูหมิงนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น จิตใจพลันสงบลง

เหมือนกับตอนนั้น เพียงแต่ว่าโดยรอบนี้ไม่มีเสียงตะโกนขึ้นฟ้าเป็นประจำของอาจารย์ ไม่มีดวงตาเฝ้ามองขณะนั่งฌานของศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีร่างเงาใต้รอยยิ้มอบอุ่นของศิษย์พี่รอง ถ้าไม่มีอะไรอีก ที่นี่…..ยังเป็นยอดเขาลำดับเก้าหรือไม่?

“ที่นี่คือยอดเขาลำดับเก้า ที่นี่คือบ้านในแดนอรุณใต้ของข้า” ซูหมิงกล่าวเบาๆ ใต้ทะเลไร้ที่สิ้นสุดนี้มีแค่ร่างเงาเขาเพียงคนเดียว นั่งอยู่บนแท่นราบดูชัดเจนยิ่งนัก

ทว่าความชัดเจนนี้กลับแฝงไว้ด้วยความโดดเดี่ยว ความคิดถึง และรำลึกถึงอดีต

ความคิดถึงแบบใดกันที่ทำให้คนคนหนึ่งปกป้องยอดเขาลำดับเก้าโดยไม่สนสิ่งใด

เป็นความคิดถึงแบบใดกัน ทำให้คนคนหนึ่งนั่งอย่างเงียบๆ อยู่ก้นทะเล ตามหาร่องรอยในอดีต

“อาจารย์ ข้ากลับมาแล้ว……ข้ากลับยอดเขาลำดับเก้าแล้ว ข้ากลับบ้านแล้ว”

ซูหมิงนั่งอยู่บนแท่นราบ เหมือนกับในตอนนั้น ปล่อยให้เวลาผ่านไปทีละวัน…..

เมื่อวันที่สามมาถึง ซูหมิงลืมตาขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองผิวทะเลด้านบน นัยน์ตาเผยจิตสังหารและเย็นเยียบ

เขายืนขึ้นแล้วเดินไปตามทางเดิม ค่อยๆ โผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ เดินอยู่บนขั้นบันไดจนมาถึงยอดเขา เสียงกรนหู่จื่อยังคงดังอยู่ ขณะกำลังฟังเสียงนี้ ใบหน้าซูหมิงเผยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกหลังจากไปยังก้นทะเลยอดเขา

“ศิษย์พี่หู่จื่อหลับให้สบายเถอะ ทุกอย่าง……ข้าจะจัดการเอง!”

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่นอกถ้ำของอาจารย์ เส้นผมถูกลมทะเลพัดปลิวไสว เสื้อผ้าสะบัดดังพึ่บพั่บ สีหน้าเริ่มเย็นชาแล้วหลับตาลง

นกกระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ หลายวันมานี้มันยังคงอยู่ที่นี่ ด้วยความที่มีผนึกอยู่กับตัวจึงไม่กล้าไป ได้แต่บ่นในใจ ทว่าทันทีที่เห็นซูหมิงขึ้นมาจากก้นทะเลและนั่งลงอย่างเงียบๆ มันก็พลันตัวสั่น

มันรู้สึกถึงจิตสังหารจากซูหมิง ความเข้มข้นของจิตสังหารนี้มากเกินกว่าตอนอยู่เกาะหมัวหลัว ทำให้มันใจสั่นไหว ไม่กล้าเข้าใกล้

กระทั่งด้วยวิชาของมัน มันยังมองเห็นว่าข้างกายซูหมิงในยามนี้ แม้แต่มวลอากาศยังแข็งค้าง

งูน้อยมุดออกมาจากถุงเก็บวัตถุของซูหมิง นอนพาดอยู่บนบ่าเขา มันเองก็สัมผัสถึงความหนาวเยือกจากซูหมิงเช่นกัน ยามนี้แลบลิ้นขู่ฟ่อๆ จ้องท้องฟ้าด้วยความเย็นชา

เวลาค่อยๆ ผ่านไป หนึ่งชั่วยามต่อมา

บนน่านฟ้ายอดเขาลำดับเก้าปรากฏมวลอากาศบิดเบี้ยว แล้วมีสายรุ้งสองสายบินมาจากอากาศบิดเบี้ยวนั้น ตรงมายังยอดเขาลำดับเก้า

ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็มีเสียงเย็นชาดังกึกก้อง

“ถึงวันกำหนดแล้ว เอาเครื่องบรรณาการมา แล้วตามพวกข้าสองคนไปพบท่านซือหม่าซิ่น หลังจากรับการโบยเก้าครั้งแล้ว เจ้าก็จะได้ปกป้องยอดเขาลำดับเก้าอีกหนึ่งเดือน”

ซูหมิงลืมตา เงยหน้ามองท้องฟ้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!