ตอนที่ 551 มือซ้ายเทพหมานรุ่นสอง
ซูหมิงมองเผ่าหอคอยสัตว์ตรงหน้าอย่างเงียบๆ เมื่อก่อนตอนอยู่ยอดเขาลำดับเก้าก็เคยได้ยินชื่อเผ่านี้มาก่อน นี่คือหนึ่งในชนเผ่าที่ยอมศิโรราบต่อเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์เมื่อนานมาแล้ว แม้จะไม่มีชื่อเสียงเท่าเผ่าแดนภูต ทว่าก็มีความพิเศษเฉพาะตัว
นี่คือการต่อสู้ร่วมกับม้าสงคราม ในสนามรบจะมีผลอย่างสูงสุด ความจริงแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ในมหาสงครามหมานกับเชมัน ในการต่อสู้หลายครั้งหลังซูหมิงจากไปแล้ว ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ได้ฝากศพกับโลหิตบนสนามรบเอาไว้ไม่น้อย
‘เทียบกับศิษย์ฝ่ายนภาแล้ว ชาวเผ่าเหล่านี้ถูกซือหม่าซิ่นควบคุมอย่างหนัก…
บางทีเขาอาจต้องการให้ศิษย์ฝ่ายนภาชั้นหนึ่งออกไปข้างนอกเลยไม่ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์หมานกับทุกคน’ ซูหมิงมองชาวเผ่าหอคอยสัตว์นับไม่ถ้วนที่กำลังคำรามมาจากรอบๆ เขาไม่คิดสังหาร แต่คนเหล่านี้กลับตรงเข้ามาโดยไม่สนสิ่งใด
ต่อให้ซูหมิงบินขึ้น พวกเขาก็จะตามมาอย่างบ้าคลั่ง กระทั่งตอนเข้ามาใกล้ หากรับบาดเจ็บหรือยังไม่ตายก็จะระเบิดตัวเองในทันที การระเบิดตัวเองนี้ แม้แต่ม้าสงครามของตนยังระเบิดพร้อมกันไปด้วยจนเกิดเป็นแรงปะทะ แม้ไม่เท่าไรสำหรับซูหมิง ทว่าหากมากเข้า…..ก็น่าสะพรึงเช่นกัน
หลังจากซูหมิงเข้ามาในชั้นสองก็ถูกเผ่าหอคอยสัตว์ปิดล้อมเอาไว้ แม้เขาไม่อยากสังหารก็ต้องสังหาร ยามนี้พุ่งออกไปยังท้องฟ้า ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ด้านหลังก็ตามมาอย่างบ้าคลั่ง
‘เปิดท้องฟ้าของที่นี่ มุ่งหน้าไปยังชั้นเก้า!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เมื่อยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏทวนยาว ก่อนขว้างขึ้นไปบนฟ้า
ทวนยาวพุ่งไปยังผืนฟ้า วินาทีที่ปะทะกับประตูสวรรค์ก็เกิดเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว ท่ามกลางเสียงโครม ฟ้าเกิดเป็นคลื่นกระเพื่อมหลายชั้น…ทว่ากลับเปิดไม่ออก!
“เจ้าเปิดไม่ได้…นี่ไม่ใช่วงแหวนอาคม แต่เป็นกำแพงมิติ เว้นแต่เจ้าจะมีพลังแห่งโลก มิเช่นนั้นแล้วกำแพงนี้จะไม่ขยับแม้แต่น้อย”
“ที่นี่คือชั้นสองของฝ่ายนภา ซูหมิง สิ่งที่เจ้าต้องทำคือตามหาผนึกกำแพงเพื่อเข้าสู่ชั้นสาม หากเจ้าหาพบก็จะขึ้นชั้นสามได้
หาดีๆ ล่ะ เห็นแก่ที่เจ้าเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับข้า ข้าจะเตือนเจ้าอย่างหนึ่ง ผนึกแห่งกำแพงนี้อยู่ในตัวชาวเผ่าหอคอยสัตว์บางคน เมื่อตายแล้วถึงจะเผยออกมา ฉะนั้นจงยอมรับการต่อสู้ตัดสินระหว่างเราเสีย!”
เสียงซือหม่าซิ่นดังกึกก้อง แฝงไว้ด้วยความนุ่มนวลและเบิกบานใจ ทั้งยังดูโอหังอย่างยิ่ง เสียงหัวเราะดังกังวานที่นี่มาพร้อมกับความเหี้ยมโหด และยังมีความคลุ้มคลั่งประดุจครอบงำซูหมิงได้
ซูหมิงเงียบงัน ปล่อยอีกหมัดไปยังท้องฟ้า หนึ่งหมัดนี้เขาโคจรพลังกระดูกหมานทั้งตัว ทำให้รอบตัวเปล่งแสงสีทอง ทว่าพอชกไปแล้วท้องฟ้าเพียงเกิดระลอกคลื่นรุนแรง ยังไม่พังลง!
ยังไม่ทันที่ซูหมิงจะลองต่อก็มีเสียงลากยาวเข้ามาไกลๆ ชายชราเผ่าหอคอยสัตว์คนนั้นมาพร้อมกับชายร่างกำยำสองคนด้านหลัง และยังมีนักรบม้าโลหิตอีกพันคนเข้ามาใกล้แล้ว
ซูหมิงขมวดคิ้ว ความรู้สึกถึงสงครามเกิดขึ้นอีกครั้งที่นี่
บนแผ่นดินในเวลานี้มีแสงดำวูบวาบ หลังจากกระเรียนขนร่วงดูแลหู่จื่ออยู่ข้างนอกแล้ว มันก็บินกลับมาอย่างไม่ยินยอม นัยน์ตาเป็นประกายพลางค้นศพจำนวนมาก
มันค้นได้ไม่นานเท่าไรก็มีเสียงซูหมิงดังขึ้นอีกครั้ง
“เปิดเส้นทางผืนฟ้าของชั้นสาม ถ้าเปิดแล้วที่นี่จะเป็นของเจ้าทั้งหมด!” กระเรียนขนร่วงหยิบขวดเล็กใบหนึ่งมาจากศพข้างๆ ขณะกำลังขยับไปมาก็ได้ยินเสียงซูหมิง นัยน์ตาเปล่งประกายในทันใด
“ช่างเถอะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ข้าจะช่วยให้ก็ได้” มันเงยหน้าขึ้นอย่างลำพองใจ ก่อนเคลื่อนตัวอ้อมสงครามบนท้องฟ้ามาอยู่ด้านข้าง แล้วพุ่งเข้าไปหมายมั่นจะใช้วิธีพิเศษของตนเปิดผืนฟ้า
ทว่าวินาทีที่สัมผัสกับฟ้า กระเรียนพลันร้องเสียงแหลม ตัวมันค่อยๆ กลายเป็นมายาและถูกดีดกระเด็นถอยไปหลายร้อยจั้ง
‘ผนึกแห่งดาราสัจธรรม! นี่มันผนึกดาราสัจธรรม มะ….มันเป็นไปไม่ได้ ที่นี่จะมีผนึกดาราสัจธรรมได้อย่างไร! แม้ยังไม่สมบูรณ์ ทว่ากลิ่นอายพลังนี้…..เป็นผนึกแห่งดาราสัจธรรมจริงๆ!’ นัยน์ตากระเรียนขนร่วงฉายแววหวาดกลัว มันถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ดวงตาวาววับขณะมุ่งหน้าไปยังผืนดิน
‘ที่นี่คือแผ่นดินใหญ่อรุณใต้ ข้านึกออกแล้ว ที่นี่…ที่นี่ตอนนั้นมีผนึกใต้น้ำแข็งอยู่! ผนึกนี้รู้สึกว่าจะเป็นอะไรสักอย่างของเทพหมานรุ่นสอง…มือซ้ายของเทพหมานรุ่นสอง!’
กระเรียนขนร่วงถอยไปในทันที
ทวนยาวในมือซูหมิงสั่นสะท้าน กลายเป็นหมอกม่วงกระจายสู่รอบๆ เมื่อผลักให้ชาวเผ่าหอคอยสัตว์โดยรอบที่กำลังจะระเบิดตัวเองออกห่างจากตนแล้ว เขาก็เห็นกระเรียนขนร่วงถอยไปด้วยความตื่นกลัว
‘มันก็เปิดไม่ได้เหมือนกันหรือ…’ ซูหมิงเงียบ มีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย เสียงระเบิดดังกังวานอยู่รอบตัว ชาวเผ่าหอคอสัตว์ที่ระเบิดตัวเองสี่คนนั้นตายไปแล้ว สร้างเป็นแรงกระแทกมากกว่าครึ่งตรงเข้าสู่ซูหมิง
ซูหมิงปล่อยให้แรงกระแทกนั้นปะทะกับร่างอย่างอิสระ ตัวเขาถอยไปหลายก้าว ส่วนชายชราเผ่าหอคอยสัตว์ตรงหน้าเขาทำสัญลักษณ์สองมือด้วยสีหน้าบ้าคลั่ง หลังจากสะบัดมือ ใต้เท้าก็ปรากฏสัตว์ยักษ์ตัวหนึ่ง มันตัวใหญ่หนึ่งร้อยจั้ง ศีรษะเป็นมังกรหางเป็นงู ร่างเป็นม้ามีเขาวัว มองแวบแรกดูองอาจยิ่งนัก!
“ต่อสู้เพื่ออิสระ คู่ควรที่จะนับถือ…” ซูหมิงยกมือขวา ทวนยาวในมือหายไป เส้นสีม่วงจากเกราะม่วงบนตัวก็มุดหายเข้าไปในร่าง
“ตายด้วยเสื้อเกราะฝังอสูร จะต้องเป็นวิญญาณชั่วร้ายวนเวียนรอบเกราะนี้เพื่อเสริมพลังให้กับมัน…พวกเจ้าคู่ควรที่จะได้รับการเคารพ ไม่สมควรตายด้วยเกราะนี้”
ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ มองชายชราตรงเข้ามา สีหน้าดูจำใจเล็กน้อยขณะปลงอนิจจังในใจ เมื่อก้าวเดินก็ยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือแล้วสะบัดไปข้างหน้า ท้องฟ้าพลันเกิดน้ำวนถาโถมลงมายังข้างล่างอย่างคลุ้มคลั่ง
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ทั้งหมดบนฟ้าล้วนกระเด็นถอยไปและยังกระอักเลือดพร้อมกัน มีเพียงสามคนที่ยังพุ่งมาหาซูหมิง
สามคนนี้นอกจากชายร่างกำยำสองคนแล้ว ก็มีชายชราคนนั้น
วินาทีที่สามคนนี้เข้ามาใกล้ สัตว์ร้ายร้อยจั้งคำรามพร้อมกับตรงเข้ามา ซูหมิงเองก็เดินหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าซับซ้อน ก่อนมาปรากฏตัวอยู่ข้างชายร่างกำยำ แล้วยกมือขวาขึ้นกดตรงศีรษะอีกฝ่าย
ชายร่างกำยำตัวสั่นสะท้าน อวัยวะภายในแหลกละเอียดในทันใด แต่ศพยังสมบูรณ์ดี เพียงแค่ดวงตามืดสลัว ร่างดิ่งลงสู่พื้น
“เจ้าสู้เพื่ออิสระของเผ่าตัวเอง ข้าสู้เพื่อยอดเขาลำดับเก้า เจ้ากับข้าไม่มีความแค้นต่อกัน…ความแค้นนี้มาจากซือหม่าซิ่น!”
ช่วงที่ซูหมิงหมุนตัวไปมองชายร่างกำยำอีกคน ชายร่างกำยำคนนี้ฝืนยิ้มปวดร้าว ในดวงตามีเส้นสีแดงมุดออกมาจำนวนมาก วินาทีนี้ร่างกายเขาพลันเผาไหม้ ขั้นพลังทะยานขึ้นจนระเบิดตัวเองตรงหน้าซูหมิง
เขารู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูหมิง ฉะนั้นจึงเลือกระเบิดตัวเอง เพื่อโอกาสที่อาจจะมีชีวิตรอดสักเสี้ยวหนึ่งของจ้าวหมานในชนเผ่าเขา!
ซูหมิงไม่หลบแรงระเบิดจากอีกฝ่าย เขาเรียกระฆังเขาหานออกมา ตอนที่รับแรงระเบิดอย่างเงียบๆ นี้ ตัวเขาถอยหลังไปหลายก้าว แรงระเบิดตัวเองก่อเป็นพายุคลั่งทำให้เขาปวดใจเล็กน้อย
ด้านล่าง ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ที่ถูกน้ำวนถาโถมใส่จนกระอักโลหิตและบาดเจ็บ ยามนี้ดิ้นรนพุ่งเข้าใส่ซูหมิงอีกครั้งพลางร้องคำราม
พวกเขาต้องการอิสระ พวกเขาปรารถนาอิสระ ตอนนี้คือโอกาสเพียงหนึ่งเดียว
ส่วนด้านหลังซูหมิงเป็นสัตว์ร้ายร้อยจั้งตรงเข้ามาใกล้
บนตัวสัตว์เป็นชายชราจ้าวหมานแห่งเผ่าหอคอยสัตว์ เขามีสีหน้าเศร้าโศกและซับซ้อน กัดฟันด้วยความขมขื่น!
เขาเห็นการกระทำของซูหมิง เห็นความคิดที่ไม่อยากสังหาร ทั้งยังเห็นความแกร่ง เขาจึงกัดฟัน สัตว์ร้ายร้อยจั้งใต้ร่างพลันหยุดชะงักกลางอากาศ
“ถอยไปให้หมด!” เขาตะโกนเสียงต่ำ ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ที่พุ่งเข้ามาเหล่านั้นล้วนหยุดชะงัก มองจ้าวหมานของพวกเขาพร้อมกัน
“ท่านมั่นใจว่าจะสังหารซือหม่าซิ่นได้หรือไม่!” ชายชราเผ่าหอคอยสัตว์มองซูหมิงพลางกล่าวเสียงหนักแน่น
ระฆังเขาหานของซูหมิงค่อยๆ หายไป เขาหมุนตัวกลับมองชายชราเผ่าหอคอยสัตว์ผู้นี้ ผ่านไปพักใหญ่แล้วจึงกล่าวขึ้น
“หากเขาไม่ตาย ก็เป็นข้าที่ตาย”
ชายชราจ้าวหมานเผ่าหอคอยสัตว์มองซูหมิง เห็นความโกรธในความเงียบสงบจากแววตาอีกฝ่าย เขาหลับตาลงอยู่ครู่หนึ่งแล้วลืมตาขึ้น
“หากเขาไม่ตาย เผ่าข้าก็จะตายไปพร้อมกับท่าน หากเขาตาย เผ่าข้าจะยกย่องท่าน!”
เขามีสีหน้าเด็ดขาด เมื่อกล่าวจบก็ยกมือขวาขึ้น ในสายตาซูหมิง เขาใช้หนึ่งนิ้วทะลวงระหว่างคิ้วตัวเอง หน้าพลันซีดขาว ตัวสั่นเทิ้ม พลังชีวิตลดลงในทันที จากนั้นก็ใช้มือขวาล้วงเข้าไปในระหว่างคิ้ว หยิบผลึกเชมันสีเงินออกมาหนึ่งก้อน
“หินก้อนนี้…ผนึกแห่งกำแพง…ช่วย…พวกข้า สังหารเขา…” ชายชราฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว สัตว์ร้ายใต้ร่างเขาร้องคำรามเสียงเล็กแหลม ก่อนที่ร่างชายชราจะดิ่งลงยังผืนดิน ตกลงไปท่ามกลางชาวเผ่าของเขา
หินผลึกนั้นบินไปยังท้องฟ้าด้วยตัวเอง วินาทีที่มันสัมผัสกับฟ้าก็พลันปรากฏน้ำวนยักษ์ขึ้น ในน้ำวนนั้นคือชั้นที่สาม!
“จ้าวหมาน!”
“จ้าวหมาน!”
เสียงกรีดร้องดังก้อง ชาวเผ่าหอคอยสัตว์ทั้งหมดไม่มีสีหน้าเฉยชาอีก แต่พุ่งไปยังศพชายชราอย่างเศร้าสร้อย เสียงร้องไห้ดังระงม ชาวเผ่าหอคอยสัตว์จำนวนมากคุกเข่าข้างศพชายชรา ในเสียงร้องไห้แฝงด้วยความเศร้าโศกดังลอยล่องไกลออกไปเรื่อยๆ…
บนเทือกเขา ผู้สูงอายุที่มองมายังตรงนี้น้ำตารินไหล เด็กที่กอดกับมารดาอยู่ก็เหมือนจะรู้สึกได้ จึงร้องไห้อย่างเงียบๆ
ทั้งผืนฟ้าดินอบอวลไปด้วยความเศร้าและหนักหน่วง
ซูหมิงมองภาพนี้ก่อนประสานมือคารวะชายชราบนพื้น นี่คือชายผู้น่านับถือคนหนึ่ง
“ซือหม่าซิ่น หากครั้งนี้ข้าซูหมิงไม่สังหารเจ้า คงไม่เรียกว่าเป็นคน!”
คำพูดนี้ซูหมิงไม่ได้ตะโกน แต่พึมพำกับตัวเองเบาๆ ทุกคำล้วนสลักลงในใจเขา เมื่อกล่าวจบก็เงยหน้าขึ้นมองน้ำวน นัยน์ตาเผยจิตสังหาร จากนั้นตรงดิ่งไปยังท้องฟ้า