Skip to content

สู่วิถีอสุรา 555

ตอนที่ 555 ซือหม่าซิ่น

การเลือกของทุกเผ่าต่างกัน การเลือกของเผ่าหอคอยสัตว์คือเมื่อเห็นว่าไม่อาจตัดแขนของซูหมิง จึงยอมแพ้อย่างเด็ดเดี่ยว และใช้ชีวิตมาแลกกับโอกาสในการมีอิสระ

นิสัยเข้มแข็งและซื่อตรงของเผ่าหลีกโลหิตทำให้พวกเขาเลือกสละชีวิต ใช้การสละชีพและความตายที่พวกเขากุมด้วยมือตัวเองได้เพียงหนึ่งเดียวนี้มาต่อสู้กับโชคชะตา ส่งมอบมรดกให้ซูหมิง และรักษาคนในเผ่าไว้ในโลกภายนอกเสี้ยวหนึ่ง ซึ่งบางทีอาจจะเป็นเปลวเทียนสืบต่อไป

ทว่าเผ่าแดนภูตกลับใช้การแลกเปลี่ยน ใช้ชีวิตของชาวเผ่าทั้งหมดขอร้องซูหมิง คุกเข่าเฝ้าปรารถนาจะได้แขนของเขา

พวกเขาไม่ยอมตรึกตรองว่าซูหมิงจะสังหารซือหม่าซิ่นได้หรือไม่ พวกเขากลัวว่าแม้ซือหม่าซิ่นจะตายจริงๆ ทว่าก่อนตายก็ยังสังหารคนที่ตนปลูกเมล็ดพันธุ์หมานเอาไว้ได้

พวกเขายังกลัวอีกว่าซูหมิงจะตกอยู่ในมือซือหม่าซิ่น เมื่อเป็นเช่นนั้น โชคชะตาของเผ่าแดนภูตจะอนาถยิ่งกว่าเดิม

พวกเขาแค่อยากได้อิสระ ทำตามคำสั่งของซือหม่าซิ่น ใช้แขนขาซูหมิงมาแลกซึ่งอิสระ

ซูหมิงมองเผ่าแดนภูตทุกคน ก็นึกถึงศิษย์พี่รอง…

ขณะเงียบ ด้วยความที่อีกฝ่ายรู้ว่าเหลยเฉินอยู่ที่ใด นี่จึงสร้างความตื่นตะลึงให้กับซูหมิงอย่างยิ่ง

“อิสระ ต้องกุมด้วยมือตัวเองถึงจะได้รับอย่างแท้จริง”

ผ่านไปพักหนึ่ง ซูหมิงก็กล่าวนิ่งๆ

“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย พวกเราแค่ต้องการอิสระ ข้า…”

จ้าวหมานแดนภูตมองซูหมิงด้วยความขมขื่น เขาก็รู้ว่าคำขอนี้มากเกินไป แต่ก็คิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ซูหมิงไม่สนใจเผ่าแดนภูต อีกฝ่ายไม่ลงมือเขาก็จะไม่สังหาร จึงเดินขึ้นฟ้าไปแล้วยกมือขวาขึ้น ปรากฏทวนยาวขยับแสงสีม่วงวิบวับ

“ท่าน!” จ้าวหมานเผ่าแดนภูตยืนขึ้นตะโกนไปทางซูหมิง น้ำตารินไหล สีหน้าเศร้าโศก

“ได้โปรดสงสารเด็กในเผ่าเราด้วย พวกเขายังเด็ก ทว่าในตัวมีเส้นหมานของ

ซือหม่าซิ่นเช่นกัน พวกเขาไร้ซึ่งอนาคต ข้างนอกนี้ไม่มีชาวเผ่าแดนภูตอีก ทั้งหมดอยู่ที่นี่แล้ว มีแค่ตายกับมีชีวิตอยู่อย่างเฉยชาเท่านั้น

ข้าขอร้อง ช่วยพวกเราสักครั้ง บุญคุณนี้เผ่าแดนภูตจะไม่มีวันลืม!”

“ท่าน เมื่อหลายปีก่อนเผ่าแดนภูตเคยมีเรื่องกระทบกระทั่งกับท่าน แต่นั่นเป็นเรื่องอดีต ตอนนี้เผ่าข้าเหลือแค่นี้ พวกเราออกไปไม่ได้ ทว่าผู้เยาว์ในเผ่ากับคนวัยหนุ่มสาวเหล่านั้น พวกเขามีโอกาสได้รับอิสระ มีโอกาสสืบทอดเผ่าแดนภูตต่อไป!”

จ้าวหมานเผ่าแดนภูตกล่าวเสียงเศร้า พลางประสานมือคารวะหลายครั้ง ชาวเผ่าแดนภูตด้านหลังทั้งหมดก็เอาศีรษะโขกกับพื้นเช่นกัน

เสียงร้องของทารกดังแว่ว คนชราน้ำตาไหลพราก ส่วนสตรีก็ร้องไห้อย่างเงียบๆ

ซูหมิงหยุดชะงักครู่หนึ่งก่อนเดินขึ้นฟ้าต่อไป ทวนยาวสีม่วงในมือเขาขยับแสงเด่นชัดขึ้น จิตสังหารต่อซือหม่าซิ่นในแววตาก็มากขึ้นเรื่อยๆ

นี่คือแผนการของซือหม่าซิ่น ให้ซูหมิงต้องเจอกับการทดสอบของนิสัยคน ให้เขาสังหารก็ไม่ใช่ จะไม่สังหาร…ก็ยิ่งไม่ใช่!

บางครั้ง การเลือกเป็นสิ่งที่ยากที่สุด ทว่าที่ยากกว่าคือไม่มีทางเลือกอื่น!

เมื่อเห็นซูหมิงยกทวนยาวกำลังจะทำลวงผืนฟ้าของชั้นหก จ้าวหมานแดนภูตตะโกนเสียงดังก้องไปด้วยความสิ้นหวัง ทุกๆ คำน้ำตาไหลเป็นโลหิต!

“ท่าน ชั้นหกนี้ไม่เหมือนกับชั้นล่าง ซือหม่าซิ่นเอาชีวิตของพวกข้าเก็บไว้ในผืนฟ้า หากผืนฟ้าถูกทำลาย พวกข้าจะตายกันหมด ทันทีที่ท่านทำลายผืนฟ้า ชาวเผ่าทุกคนจะตายตรงหน้าท่าน

นี่คือโชคชะตาของพวกข้า…”

ซูหมิงเงียบงัน ปลายทวนปะทะกับผืนฟ้าไปแล้ว กลิ่นอายพลังสร้างชะตาหลั่งไหลเข้าสู่ผืนฟ้า พลันสัมผัสได้ถึงการเชื่อมต่อเสี้ยวหนึ่งกับชีวิตของชาวเผ่าแดนภูตในผืนฟ้า

มันเป็นอย่างที่อีกฝ่ายบอกจริงๆ หากผืนฟ้าถูกทำลาย พวกเขาจะตายตามไป

“ซือหม่าซิ่น เจ้าในตอนนั้นคิดให้ไป๋ซู่มาทำลายจิตใจข้า แล้วจะได้ปลูกหมานของเจ้า…ตอนนี้เปลี่ยนวิธี ใช้ทุกอย่างของฝ่ายนภาทำให้ข้าลังเลใจ ดังนั้นเลยได้ผลคล้ายกัน” ซูหมิงหลับตาลง ทว่าทวนในมือกลับหยุดชะงักเพียงครู่หนึ่ง ก่อนเสียบไปยังผืนฟ้า!

ทวนยาวสร้างเสียงระเบิดดังสนั่น ทำให้ผืนฟ้าปรากฏรอยแยกเป็นเส้นถี่ๆ อีกทั้งเมื่อรอยแยกเหล่านั้นเชื่อมกันจนกลายเป็นปึกแล้วระเบิดตรงปลายทวนซูหมิง!

“บางครั้ง ความตายก็คืออิสระ…” ซูหมิงหลับตา ชาวเผ่าแดนภูตที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง ยามนี้เมื่อท้องฟ้าถูกทำลายก็พากันตัวสั่น ร่างระเบิดกระจุย มีเส้นแดงจำนวนมากระเบิดออกมา ครั้นทุกคนเริ่มตายลง เส้นแดงเหล่านั้นก็รวมกันกลางอากาศแล้วสร้างเป็นร่างเลือนราง

ร่างนี้ดูคล้ายกับซือหม่าซิ่นหลายส่วน

เขามองซูหมิงพลันหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะนี้นุ่มนวลและเย็นเยือก พอฟังแล้วจะให้ความรู้สึกขัดกันอย่างยิ่ง

“เจ้าเป็นคนแบบเดียวกับข้าจริงๆ เดิมทีข้าตั้งใจว่าหากเจ้ามอบแขนให้พวกเขาจริง ข้าจะทำตามสัญญา ให้อิสระพวกเขา ทว่าอิสระนี้ก็คือความตาย! เพราะข้าก็คิดเหมือนกันว่าบางครั้งความตายต่างหากคืออิสระ!

ดีมากซูหมิง ดีมาก…ข้ากำลังรอเจ้าอยู่บนชั้นเก้า ยังเหลืออีกสองชั้น เจ้าต้องรีบหน่อย มิเช่นนั้นแล้วตอนเจ้าเจอกับไป๋ซู่อาจต้องเลือกเหมือนกัน…ข้าอยากรู้นักว่าตอนนั้นเจ้าจะเลือกอย่างไร!”

ตอนที่กล่าวร่างเงาจากการรวมตัวของเส้นโลหิตกระจายออก เส้นเหล่านี้กลายเป็นน้ำโลหิตตกลงสู่ผืนดิน นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหารวูบหนึ่ง ความคิดหมายสังหารซือหม่าซิ่นคงอยู่ในชีวิตเขาแรงกล้านัก

เขาหมุนตัวอย่างเงียบๆ แล้วเดินไปยังชั้นเจ็ด!

สงครามดำเนินอยู่ในชั้นเจ็ดอย่างต่อเนื่องหลายวัน ทุกอย่างเพียงเพราะเมื่อซูหมิงก้าวเข้ามายังชั้นเจ็ด ก็มีเสียงซือหม่าซิ่นดังกึกก้องประโยคหนึ่ง

“หากมันขึ้นชั้นแปดได้ พวกเจ้าจะตายทั้งหมด!”

สงครามฆ่าล้างเกิดขึ้นโดยไม่มีคำพูดใดๆ ซูหมิงถูกเผ่าหมานห้าร้อยคนปิดล้อม บ้างก็หอบหายใจแรง บ้างก็ใช้วิชานับไม่ถ้วน จากในห้าร้อยคนรอบด้านนี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเหี้ยมโหดและชั่วร้าย

เผ่าหมานห้าร้อยคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาล้วนมีขั้นพลังแข็งแกร่ง ทั้งยังมีประสบการณ์ในการสังหารมาอย่างโชกโชน พวกเขาก็คือคมดาบเหมันต์สวรรค์ที่ปกป้องชายแดนใต้!

การเข่นฆ่าของพวกเขาไม่ใช่เพื่ออิสระ แต่เพื่อ…สู้จนตัวตาย!

จะสังหารพวกเขาหรือถูกพวกเขาสังหาร การได้ต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งจนตายนั้น สำหรับพวกเขาแล้วเป็นเรื่องที่มีเกียรติมากที่สุดในชีวิต!

ซูหมิงมองพวกเขาก่อนยกมือขวาขึ้น ทวนยาวส่งเสียงฉีกแยกมวลอากาศขณะที่ตัวเขาใช้ความเร็วสูงเคลื่อนไหว จุดที่ผ่านจะเกิดการสังหารรอบๆ คนเหล่านี้ไม่ต่อต้าน เพียงแค่ใช้วิชาสังหารอย่างสุดกำลังเท่านั้น หลังจากบาดเจ็บแล้วก็จะระเบิดตัวเองตาย

กลิ่นอายชั่วร้ายจากห้าร้อยคนนี้ทำให้ซูหมิงต้องเงียบตามไปด้วย

จนกระทั่งเขาหลับตา จนกระทั่งเสื้อเกราะบนตัวกลายเป็นเส้นม่วงนับไม่ถ้วนพุ่งออกรอบตัว ไม่มีเสียงร้องโหยหวน มีเพียงรอยยิ้มไร้เสียงกับความรู้สึกหลุดพ้นอย่างหนึ่ง

ซูหมิงไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร บางทีอาจครึ่งก้านธูปหรือนานกว่านั้น จวบจนเสียงโครมครามและเสียงเข่นฆ่ารอบตัวหายไป จวบจนพื้นนองไปด้วยน้ำเหนียวๆ วินาทีที่เขาลืมตาขึ้น เส้นม่วงเหล่านั้นกลับมาสร้างเสื้อเกราะบนตัวเขาอีกครั้ง ยามนี้ตรงหน้าเหลือเพียงร่างเงาเดียว ร่างนั้นตัวสั่น ทว่ากลับกัดฟันไม่ยอมล้มลง

เขาเป็นชายชราคนหนึ่ง เส้นผมสีดอกเลา มุมปากมีโลหิตไหล เขามองซูหมิง สีหน้าไม่มีความเคียดแค้น มีเพียงรอยยิ้มบางเท่านั้น

“สังหารข้าเสีย อย่าให้ข้าต้องตายด้วยเส้นหมานอัปยศของเด็กน้อยซือหม่า ข้าเฮ่าเทียนเซิน ใช้ทวนที่ดูดวิญญาณของเจ้าเอาวิญญาณข้าไป ให้ข้าเป็นวิญญาณนักสู้ช่วยเจ้าสู้กับเจ้าซือหม่า!”

เสียงชายชราปานฟ้าร้อง ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง ซูหมิงมีสีหน้าเคารพ ทวนในมือขวาพลันสั่นไหว ตอนที่เดินผ่านชายชราก็เอาวิญญาณเขาไปด้วย!

มือถือทวนยาว บนทวนฝังอสูรตอนนี้มีวิญญาณนักสู้วนเวียนอยู่รอบๆ ห้าร้อยตน ทุกตนไม่มีเสียงคำรามกราดเกรี้ยว มีแต่ความเงียบไร้เสียง และยังมีจิตสังหารน่าสะพรึงกลัวที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อในความเงียบ

ซูหมิงห้อเหยียดบินขึ้นฟ้า มุ่งหน้าไปยังท้องฟ้าสู่ชั้นแปด เมื่อมีเสียงเลื่อนลั่นดังก้องกังวาน ท้องฟ้าชั้นเจ็ดถูกฉีกออก ร่างซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งสีม่วงสายหนึ่งพุ่งขึ้นไปยังชั้นแปดพร้อมกับวิญญาณห้าร้อยตน!

ชั้นแปดฝ่ายนภา!

จุดที่อยู่ของเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์!

หากแต่วินาทีที่ซูหมิงเข้ามายังชั้นแปด เขาพลันหรี่ม่านตาลง

มันเป็นโลกรกร้าง เป็นโลกที่ไม่มีเค้าลางสิ่งมีชีวิตใดๆ ท้องฟ้าที่นี่เป็นสีเทา ผืนดินก็เป็นสีเทา…

คนที่นี่ก็เป็น….สีเทา!

ทุกคนที่นี่มีดวงตาสีเทา ร่างกายไม่สมประกอบ ไม่มีวี่แววของชีวิต…

บางทีอาจเรียกว่าคนไม่ได้ ในสายตาซูหมิง เขตของเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์นี้ บนพื้นเป็นซากปรักหักพัง กลางซากนั้นมีศพอยู่นับไม่ถ้วน บางทีอาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่ศพ เพราะพวกเขายังลืมตาสีเทาอยู่

ไม่มีลมหายใจ ไม่มีคลื่นพลัง ในโลกเงียบสงบนี้ ภาพที่ซูหมิงเห็นเต็มไปด้วยความพิลึกอย่างบอกไม่ถูก ร่างที่ยังลืมตาเหล่านั้นมีบุรุษสตรี มีคนชราและเด็ก พวกเขานอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นราวกับหลับใหล…และมีอยู่จุดหนึ่งที่เหมือนกันคือไม่มีมือซ้าย!

มือซ้ายของทุกคนหายไป

บนท้องฟ้าสีเทามีหินใหญ่ทรงกรวยอยู่หนึ่งก้อน บนผิวเรียบของหินกว้างใหญ่มาก มีคนนั่งขัดสมาธิอยู่คนหนึ่ง คนผู้นี้มองซูหมิงแล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

แท่นหินทรงกรวยนี้บางทีอาจเป็นชั้นเก้าของฝ่ายนภา เพราะคนที่นั่งอยู่บนนั้น ซูหมิงมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าคือซือหม่าซิ่น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!