Skip to content

สู่วิถีอสุรา 558

ตอนที่ 558 ความโอหังที่ต่างกัน

เสียงระเบิดดังก้องอยู่บนผืนดิน ยามนี้รอบตัวซูหมิงยังมีร่างซือหม่าซิ่นอีกเกือบหมื่น ทว่าพวกเขาไม่พุ่งมาอีก ยามถอยไปทีละคนร่างกายก็สลายไปเอง กลายเป็นเส้นสีแดงจำนวนมาก ก่อนรวมเข้ากับเส้นสีแดงจากร่างที่ซูหมิงสังหารด้วยความเร็วสูงอยู่ห่างเขาไปหนึ่งพันจั้ง

“สมกับเป็นศัตรูที่ข้ารอมายี่สิบปี…เจ้ามีคุณสมบัติให้ข้าเผยร่างจริง!”

ทันทีที่เสียงซือหม่าซิ่นดังแว่วมา ร่างจากการรวมเส้นแดงนับไม่ถ้วนบิดเบี้ยว เผยร่างซือหม่าซิ่นในชุดคลุมขาว ตรงระหว่างคิ้วมีตราสัญลักษณ์สามนิ้วมือ!

เขายืนอยู่ตรงนั้น ห่างจากซูหมิงหนึ่งพันจั้ง มีระลอกพลังยุ่งเหยิงกระจายมาจากตัวอย่างชัดเจน

ที่บอกว่าขั้นพลังยุ่งเหยิง นั่นเป็นเพราะซูหมิงสังเกตเห็นว่าในตัวซือหม่าซิ่นมีระลอกคลื่นพลังอยู่นับไม่ถ้วน มันปะปนกันยุ่งเหยิงนัก ทว่าในความยุ่งเหยิงนี้กลับมีกลิ่นอายพลังสามอย่างที่ชัดเจนปานดวงตะวันสีชาด

กลิ่นอายแรกเป็นชำระล้างมหาสมบูรณ์!

กลิ่นอายที่สองเป็นจุดสูงสุดของขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย!

กลิ่นอายที่สามทำให้ซูหมิงหรี่ม่านตา มันเป็น….เสี้ยวพลังแก่กล้าจนซูหมิงมองไม่ออก!

“ชีวิตข้าไร้ที่สิ้นสุด ขั้นพลังของข้าไร้ขอบเขต ร่างเงาข้ามีอยู่ทุกที่ในโลกใบนี้ เพราะข้าฝึกฝนวิชาของเทพหมานรุ่นสอง ยอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานไร้ใจ!

คนจำนวนมากฝึกฝนให้ข้า ชีวิตของผู้คนจำนวนมากถวายให้กับข้า เจ้า…เอาอะไรมาเทียบกับข้า!” ซือหม่าซิ่นในชุดคลุมขาว น้ำเสียงยังคงนุ่มนวล ทว่ากลับมีสีหน้าทะนงตน

“ข้าคือผู้สืบทอดของเทพหมานรุ่นสอง และข้าคือเทพหมานรุ่นสี่ของเผ่าหมาน เจ้า…เอาอะไรมาสู้กับข้า!” ซือหม่าซิ่นกล่าวพลางเดินหน้ามาหนึ่งก้าว วินาทีที่เหยียบเท้าลง ทั้งแผ่นฟ้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

รอยเท้ายักษ์ปรากฏขึ้นบนผืนฟ้า มันใหญ่หลายพันจั้ง ราวกับว่ามีเท้ายักษ์ยืดยาวมาจากเบื้องบน แล้วเหยียบลงมายังซูหมิง!

“ด้วยมรดกของเทพหมานรุ่นสองและอภินิหารของข้าเทพหมานรุ่นสี่ เผ่าหมานทุกคนต้องตัวสั่น ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะรับวิชาเทพหมานเจ็ดก้าวเหยียบสวรรค์ได้สักกี่ครั้ง!”

ซือหม่าซิ่นกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวล มีสีหน้าโอหัง หนึ่งก้าวนี้ทำให้ผืนดินส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

รอยเท้ายักษ์สมจริงขึ้น มันทะลวงผ่านชั้นเมฆ ยื่นลงมาจากมวลอากาศ ปกคลุมซูหมิงในระยะหลายพันจั้ง ขณะเหยียบลงมา มวลอากาศรอบตัวซูหมิงพังทลายลงเป็นวงกว้าง พลังทำลายล้างวนเวียนรอบๆ

ซูหมิงพลันเงยหน้ามองรอยเท้าจากด้านบน นัยน์ตาเป็นประกาย รู้สึกได้ถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างแรงกล้าของซือหม่าซิ่น เห็นได้ชัดว่าความมั่นใจนี้มาจากโชควาสนาที่ได้รับจากอุโมงค์เหมันต์สวรรค์

และโชควาสนานี้เหมือนจะเป็นมรดกของเทพหมานรุ่นสอง!

“มรดกเทพหมาน สิ้นสุดที่รุ่นสาม ต่อให้เจ้าได้รับรับมรดกของรุ่นสอง มันก็แค่มรดกเท่านั้น” จังหวะที่รอยเท้ายักษ์ก้าวแรกแห่งเทพหมานเหยียบลงมา ซูหมิงยกมือขวาขึ้น มือเขาขยับแสงอ่อนวูบวาบ ปรากฏกระบองเขี้ยวในมือ ทันใดนั้นกระบองเขี้ยวขยายออกอย่างไร้ขีดจำกัด ซูหมิงควงมันแล้วปาเข้าใส่รอยเท้ายักษ์ด้านบน!

“ต่อให้มรดกแกร่งกว่านี้อีก มันก็เป็นเพียงเส้นทางของคนรุ่นก่อน ต่อให้ได้มามากกว่านี้อีก ถึงที่สุดแล้วมันก็เพียงใกล้เคียงกับรุ่นสอง…แต่สิ่งที่รุ่นสองได้รับเป็นเพียงมรดกครึ่งเดียวของรุ่นหนึ่ง…” ซูหมิงยิ้มกล่าวเบาๆ สีหน้าไม่มีความโอหังอย่างของซือหม่าซิ่น ทว่าความโอหังในคำพูดกลับชัดเจนกว่าซือหม่าซิ่นมาก!

ความโอหังของซูหมิงอยู่ในใจ อยู่ในประสบการณ์ของเขา อยู่บนเส้นทางที่เขาต้องเดิน และเป็นเส้นทางของตนเอง อีกทั้งยังอยู่ในใจผู้แข็งแกร่งที่ไม่ถูกมรดกครอบงำ แต่จะครอบงำมรดกแทน!

ความโอหังสองอย่างนี้ต่างกัน!

เสียงระเบิดดังกึกก้อง ช่วงที่เสียงซูหมิงดังกังวานเข้าไปในหูซือหม่าซิ่นทีละคำนั้น กระบองเขี้ยวของซูหมิงก็ปะทะกับก้าวแรกแห่งเทพหมานแล้ว ท่ามกลางเสียงครึกโครม ซูหมิงถูกแรงสะท้อนกลับกระแทกจนถอยไปหลายสิบก้าว ทว่าแววตายังคงแน่วแน่!

รอยเท้าก้าวแรกแห่งเทพหมานระเบิดกระจุยเป็นชิ้นๆ ท่ามกลางเสียงดังกึกก้อง

“พูดไร้สาระ ข้าซือหม่าซิ่นได้รับมรดกของรุ่นสอง มันเป็นสิ่งที่ข้าควรมีในชีวิต มันกำหนดไว้แล้วว่าข้าคือเทพหมานรุ่นสี่ กำหนดแล้วว่าข้าจะนำพาเผ่าหมานรวมเป็นหนึ่ง!

เจ้าเป็นเพียงแม่ทัพเทพเผ่าหมานเล็กจ้อย บังอาจพูดเพ้อเจ้อกับมรดก โทษสมควรตาย!” ซือหม่าซิ่นหรี่ตาลง ยิ้มเยาะพลางก้าวอีกห้าก้าว หลังจากห้าก้าวนี้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ดุจฟ้าถล่มดินทลาย มีรอยเท้ายักษ์ห้าก้าวกดทับลงมา รอยเท้าเหล่านั้นใหญ่ขึ้นทีละก้าว อีกทั้งยามนี้ซือหม่าซิ่นยังก้าวเดินอีกหนึ่งก้าว เป็นหนึ่งก้าวสุดท้ายของวิชาเทพหมานเจ็ดก้าวเหยียบสวรรค์!

หนึ่งก้าวเหยียบลง ทั้งผืนฟ้ามืดสลัวในทันใด รอยเท้าที่ปกคลุมมากกว่าครึ่งฟ้ากดทับลงมา ภาพนี้เหมือนกับฟ้าถล่มทลายลงมายังผืนดิน

“ด้วยวิชาเทพหมานเจ็ดก้าวเหยียบสวรรค์ของข้าเทพหมานรุ่นสี่ ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะรับมืออย่างไร!” เสียงซือหม่าซิ่นดังกึกก้อง

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ควงกระบองเขี้ยวด้วยมือขวาอีกครั้ง กระบองเขี้ยวพลันขยายจนยาวหลายร้อยจั้ง ดูน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก ทั่วร่างเขาขยับแสงสีทองวิบวับ ก่อนยกกระบองเขี้ยวเขวี้ยงใส่รอยเท้าทั้งห้าที่กำลังกดทับลงมาจากด้านบน

เสียงโครมครามดังอย่างบ้าคลั่งในพริบตาเดียว ช่วงที่กระบองเขี้ยวปะทะกับรอยเท้าทั้งห้า รอยเท้าเหล่านั้นแหลกลาญทั้งหมด ทว่ากระบองเขี้ยวก็สั่นสะท้านและกระเด็นกลับมาเช่นกัน เพียงแต่ยามนั้นซูหมิงพุ่งทะลวงผ่านรอยเท้าทั้งห้าปานลูกธนู มาอยู่ข้างรอยเท้าที่เจ็ดซึ่งปกคลุมฟ้าไปมากกว่าครึ่งแล้ว

ทันทีที่เข้ามาใกล้ ซูหมิงกำหมัดขวาเงยหน้าคำราม แสงทองทั่วร่างไหลเวียนมารวมอยู่ตรงหมัดขวา อีกทั้งในเวลาเดียวกัน ด้านหลังก็ปรากฏร่างเงามายาร่างหนึ่ง

ร่างเงามายานี้ไม่ใช่จิตแรก แต่ดูขมุกขมัวและคล้ายกับเทพหมานรุ่นสามเล็กน้อย! ร่างเงามายานี้ยกมือขวา กำหมัดชกเข้าใส่รอยเท้าด้านบนพร้อมกับซูหมิง

เสียงโครมครามดังกึกก้อง สร้างเป็นแรงกระแทกเข้าทำลายฟ้าดิน แหวกผืนฟ้าออก รอยเท้าที่ครอบคลุมผืนฟ้ามากกว่าครึ่งสั่นสะท้านก่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

ซูหมิงกระเด็นถอย ตรงมุมปากมีโลหิตไหล ทว่าแววตากลับแน่วแน่มากขึ้น ทั้งยังเย็นชามากกว่าเดิม ส่วนซือหม่าซิ่นชะงักในก้าวที่เจ็ด ใบหน้าซีดขาว กระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ร่างกระเด็นถอยไปหลายสิบจั้งถึงจะหยุดนิ่ง ก่อนจ้องซูหมิงเขม็ง

ท้องฟ้าแหวกออกเกิดเป็นรอยแยกผืนใหญ่ ทั้งยังมีอีกหลายจุดถูกทำลาย ด้านนอกเป็นผืนสีดำทึบขุ่นมัว ไม่รู้ว่าเชื่อมต่อไปถึงที่ใด หลังจากผืนฟ้าพังทลาย กลิ่นอายความตายจากตัวซูหมิงก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าที่นี่อยู่ใกล้กับท้องฟ้าแห่งแสงสว่างหยางมาก

ผืนดินถล่มทลาย ยามนี้มองไปแล้วล้วนแตกเป็นเสี่ยงๆ เผยเป็นปากทางเชื่อมไปยังเจ็ดชั้นด้านล่าง

เสียงโครมครามยังคงดังเวียนวน เห็นได้ว่าที่นี่เหมือนไม่อาจทนรับการต่อสู้ในระดับสูงสุดของซูหมิงกับซือหม่าซิ่นได้ จึงเกิดเค้าลางจะพินาศ หากที่นี่ถล่มทลาย จากนี้ไปฝ่ายนภาจะไม่มีชั้นแปดกับชั้นเก้าอีก!

นัยน์ตาซือหม่าซิ่นเป็นประกาย เผยจิตสังหารอย่างโจ่งแจ้ง เดิมทีเขาอยากทำลายจิตใจอันแน่วแน่ของซูหมิง ฉะนั้นเลยสร้างสถานการณ์ต่างๆ ขึ้นมา แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่อาจทำลายจิตใจอีกฝ่าย กลับเป็นตัวเขาเองที่รู้สึกเฉื่อยชาขึ้นบ้าง โดยเฉพาะคำพูดเรื่องมรดกของอีกฝ่ายยิ่งทำให้จิตใจเขาสั่นไหว

ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดมาก ซือหม่าซิ่นถอยไปหลายก้าว ยกมือขวาคว้าอากาศ กลางฝ่ามือพลันปรากฏพัดยักษ์หนึ่งอัน พัดนี้ทำขึ้นจากขนนกจำนวนมาก ตัวมันเปล่งแสงสว่าง มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ของธรรมดา!

“พัดล้ำค่าของเทพหมาน วิถีแห่งสามรกร้าง ฟ้า ดิน มนุษย์ ฟ้ารกร้าง!” ซือหม่าซิ่นกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลพลางโบกพัดล้ำค่าในมือไปทางซูหมิง

ทันใดนั้น ท้องฟ้าซึ่งใกล้จะพินาศเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวก่อนระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นสีดำทึบ ราวกับถูกพัดนี้ม้วนให้เปิดออกทีละชั้น เศษชิ้นส่วนเหล่านั้นปะปนกับพลังแห่งท้องฟ้า ถูกพัดม้วนตรงเข้าไปหาซูหมิง

ความรู้สึกถึงอันตรายผุดขึ้นในใจซูหมิงโดยพลัน ไม่อยากเชื่อว่าพัดนี้จะสามารถทำลายท้องฟ้า ทำให้ฟ้าแหลกเป็นเศษแล้วรวมขึ้นเป็นพลัง ความแกร่งของพลังนี้ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกชัดเจนว่า ต่อให้ตอนนี้ตนมีกระดูกหมานแปดส่วนในร่างกายก็ยังยากจะรับมือไหว!

ไม่อาจหลบหลีก ทำได้เพียงเข้าสู้!

เว้นแต่เขาจะกลายเป็นซู่มิ่งไปเสีย ทว่าซือหม่าซิ่นมีไพ่ตายเยอะนัก หากเป็นซู่มิ่งตอนนี้แล้วสังหารซือหม่าซิ่นไม่ได้ในเวลาจำกัด เช่นนั้นการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่ต้องคาดเดาอะไรอีก!

นัยน์ตาซูหมิงวาววับ ทันทีที่เสียงระเบิดจากท้องฟ้าดังเข้ามา เขายกมือขวาขึ้นคว้าท้องฟ้าที่ตรงมาหา พายุหมุนพลันม้วนขึ้นรอบตัว ด้วยความแรงของพายุหมุนนี้ พริบตาเดียวก็เชื่อมระหว่างฟ้าดิน สร้างเป็นพายุหมุนน่าสะพรึงกลุ่มหนึ่ง!

“เบิกตะวัน!”

ขณะเดียวกับที่เอ่ยคำว่าเบิกตะวัน พายุหมุนถาโถมใส่โดยรอบ แล้วปะทะกับวิชาฟ้ารกร้างที่กำลังตรงเข้ามา

หากมองจากไกลๆ ภาพนี้ดูน่าตะลึงอย่างยิ่ง มันคือท้องฟ้ากับพายุหมุนปะทะกัน และก็เป็นการต่อสู้กันระหว่างพัดล้ำค่ากับวิชาหมานวายุ

“ฝังศพจันทรา!” ซูหมิงในพายุหมุนพลันกางสองแขนออก หนึ่งบนหนึ่งล่าง นอกพายุหมุนพลันปรากฏอีกสองพายุหมุนในทันใด พายุลูกใหม่นั้นมีความหนาวเยือกและความร้อนระอุอบอวล ภายใต้การตัดสลับกัน อาณาเขตหลายร้อยลี้กลายเป็นโลกของพายุโดยมีซูหมิงเป็นใจกลาง และใช้วิธีนี้รับมือกับท้องฟ้าที่กำลังใกล้เข้ามา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!