Skip to content

สู่วิถีอสุรา 564

ตอนที่ 564 ชิงดาบ

วินาทีที่ซูหมิงประกบสองมือรับดาบเอาไว้ พลันมีไอหนาวจำนวนมากแผ่กระจายมาจากดาบกระดูก ไหลไปตามสองมือแล้วเข้าสู่ภายใน ทำให้ชั่วขณะนี้ร่างกายคล้ายถูกแช่แข็ง

ทว่านัยน์ตาเขากลับเปล่งประกาย ทั้งยังดูเหี้ยมเกรียม มุมปากมีโลหิตรินไหล นี่คือครั้งแรกที่เขาหลั่งโลหิตตอนเป็นซู่มิ่ง

“ดาบติดตามเจ้านายผิดคนเล่มนี้คู่ควรที่จะสังหารข้า!” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ทันทีที่ตัวเขาลดระดับลงก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องดาบกระดูกเขม็ง

“ข้าซูหมิงต่างหากคือเจ้านายของเจ้า จากนี้ไปเจ้าจะเป็นของข้า!” ซูหมิงกล่าวขึ้น ในเวลาเดียวกัน ไอหนาวก็ลุกลามมายังสองมือจนกลายเป็นสีดำทึบ ทว่าเส้นผมกลับพลิ้วไหว จิตแรกพลันพุ่งออกมาจากร่างกาย เมื่อมันกลายเป็นเงามายายักษ์ด้านหลังแล้วก็ตรงไปยังดาบกระดูก

ช่วงที่จิตแรกสัมผัสกับดาบกระดูก เขารู้สึกถึงการต่อต้านรุนแรง แม้แรงต่อต้านนี้จะแกร่ง แต่พอซูหมิงลดทอนพลังของดาบกระดูกเล่มนี้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยามนี้มาถูกจับอีกจึงหนีไปไหนไม่รอด จิตแรกเลยมุดเข้าไปในดาบกระดูกได้อย่างบ้าคลั่ง

หากเป็นจิตใจธรรมดาชักนำจิตแรก บางทีอาจจะชิงดาบเล่มนี้มาไม่ได้ ทว่าสิ่งที่ซูหมิงแกร่งที่สุดไม่ใช่ขั้นพลัง ไม่ใช่กำลังรบ แต่เป็นจิตใจที่เคยผ่านวัฏจักรมานับครั้งไม่ถ้วนในโลกอมตะของจู๋จิ่วอิน!

ความแกร่งของจิตใจนี้อยู่เหนือกว่าขั้นพลังของเขามาก ต่อให้เป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ก็เทียบไม่ติด!

จิตใจแก่กล้านี้บางทีอาจไม่มีกำลังรบมากนัก มีความรู้สึกผิวเผินเล็กน้อยเหมือนกับความว่างเปล่า แม้พลังที่ปะทุออกมาจะไม่ใช่กำลังรบ แต่หากผสานรวมกับจิตแรกแล้ว การยึดวิญญาณทุกชนิดก็จะไม่เป็นผลกับเขา

อีกทั้งยังทำให้ตอนที่เขายึดวิญญาณคนอื่น เว้นแต่จะเจอกับผู้มีจิตใจแกร่งเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นแล้วจะไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ได้ นอกจากนี้ การยึดวิญญาณยังมีส่วนคล้ายกันกับการประทับตราของวิเศษ ฉะนั้นซูหมิงจึงลดทอนพลานุภาพดาบเล่มนี้ก่อน ทุกอย่างก็เพื่อตอนนี้ เพื่อการครอบครองมัน!

เมื่อส่งจิตแรกเข้าไป ดาบกระดูกยังคงต่อต้านอย่างรุนแรง ทว่าพริบตาเดียวก็มีเสียงเล็กแหลมแว่วมาจากในดาบ พลังแกร่งกล้าแผ่กระจายมาจากข้างในนั้น เหมือนพยายามจะดิ้นรนให้หลุดจากสองมือซูหมิง

“ของที่ข้าซูหมิงสนใจ ไม่มีทางหนีรอด!” ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน สองมือกดเอาไว้ไม่คลายออก หลังจากจิตแรกมุดเข้าไปในดาบกระดูกอย่างรวดเร็วแล้ว ก็เข้ากำราบจิตต่อต้านทุกอย่างด้วยความรุนแรงโดยไม่มีอะไรมาหยุดยั้ง

ครั้นซือหม่าซิ่นที่อยู่ไกลออกไปเห็นดังนั้นก็ดูตื่นตกใจและเหลือเชื่อ เขาตะลึงกับการกระทำของซูหมิงอีกครั้ง ไม่นึกเลยว่าซูหมิงจะตัดสินใจแบบนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะ…พยายามชิงดาบกระดูกเล่มนี้ไป

“ไม่รู้จักประมาณตน ดาบเล่มนี้เกิดจากมือซ้ายเทพหมานรุ่นสอง มันมีจิตวิญญาณตั้งแต่ยุคบรรพกาลแล้ว ต่อให้ข้าเป็นผู้สืบทอดก็ยังทำได้เพียงยืมพลังมาใช้เท่านั้น แต่ควบคุมไม่ได้ ไม่นึกเลยว่าเจ้าคิดจะควบคุมมัน!”

ซือหม่าซิ่นระงับความตื่นตะลึงแล้วยิ้มเยาะ เขาไม่คิดว่าซูหมิงจะทำสำเร็จ นี่มันบ้าเกินไปในสายตาเขา

แม้คิดว่าซูหมิงทำไม่สำเร็จ แต่สำหรับซือหม่าซิ่นแล้ว ซูหมิงในตอนนี้เพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการชิงดาบกระดูก นั่นถือเป็นโอกาสให้เขาลงมือ ช่วงเดียวกับที่เอ่ย ซือหม่าซิ่นที่ฟื้นฟูร่างกายมาแล้วมากกว่าครึ่งก็พุ่งตรงไปหาซูหมิงอย่างไม่ลังเล ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าประชิดตัว ก่อนยกมือขวาชกหมัดใส่ศีรษะซูหมิง นัยน์ตาเผยจิตสังหาร และหมัดนี้ยังแฝงไว้ด้วยความแค้นที่อยู่ร่วมโลกกับซูหมิงไม่ได้

วินาทีที่ชกหมัดเข้าไป นัยน์ตาซูหมิงพลันเปล่งประกายวูบวาบ มือซ้ายคลายจากดาบกระดูก มือขวากลับกำดาบเอาไว้แน่น ไม่สนใจโลหิตที่รินไหล หลังจากกำราบไม่ให้ดาบกระดูกต่อต้านแล้ว ก็ใช้มือซ้ายสะบัดไปทางซือหม่าซิ่น

การสะบัดครั้งนี้ก่อให้เกิดพลังแห่งการย้อนเวลาอีกครั้ง พลังดังกล่าวทำให้ซือหม่าซิ่นหน้าซีดขาว เขาคำนวณผิดพลาดอีกครั้ง เดิมที่คิดว่าซูหมิงคงเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับดาบกระดูก ไม่คิดเลยว่าซูหมิงจะยังใช้อภินิหารน่าสะพรึงนั้นได้อีก

ระหว่างต่อสู้กับซูหมิง การคำนาณผิดพลาดและล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งประดังประเดเข้าใส่ความมั่นใจของซือหม่าซิ่นอย่างรุนแรง กระทั่งเขารู้สึกว่าต่อให้ได้รับโชควาสนามากกว่านี้อีก ความเร็วของตนในตอนนี้ก็ยังไม่อาจต่อต้านอีกฝ่ายได้ เหมือนถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องพ่ายแพ้

ความรู้สึกนี้เพิ่งเริ่มเพียงเสี้ยวเดียว แต่พอเวลาผ่านไป โดยเฉพาะตอนนี้ที่ตนตกอยู่ในห้วงวัฏจักรของซูหมิงอีกครั้ง ความรู้สึกที่ว่าก็เข้ามาเป็นทั้งหมดในจิตใจเขา

ยามที่ร่างซือหม่าซิ่นถูกพลังแห่งอดีตโอบล้อมแล้วถอยไป ซูหมิงกำหมัดซ้ายชกฝ่ายตรงข้าม จังหวะเดียวกับที่ร่างซือหม่าซิ่นฉีกขาดและกระอักโลหิต เขาก็สะบัดมือซ้ายไปอีกครั้ง

วัฏจักรวนเวียนไปเรื่อยๆ ซูหมิงแปลงเป็นซู่มิ่งในครั้งนี้อยู่ได้นานขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังที่ได้รับมาจากเผ่าหลีกโลหิตและขั้นพลังที่สูงขึ้นด้วย

การต่อสู้ครั้งนี้ซูหมิงเหมือนตกเป็นรอง ทว่าความจริงคือตั้งแต่สองฝ่ายประมือกันมาจนถึงตอนนี้ ซูหมิงเป็นคนกุมสถานการณ์มาโดยตลอด

กดดันซือหม่าซิ่น!

โดยเฉพาะตอนนี้ที่ซูหมิงใช้มือขวาคว้าดาบกระดูก จิตแรกหลอมรวมเข้าไปดาบก่อนกำราบจิตต่อต้านทุกอย่าง พยายามประทับตราลงไป ส่วนมือซ้ายใช้วิชาแห่งอดีต ทำให้ซือหม่าตกอยู่ในโลกแห่งความสิ้นหวัง

ซือหม่าซิ่นตาแดงก่ำ เขาไม่ยอม เขาไม่ยอมเด็ดขาด!

เขาได้รับมรดกเทพหมานรุ่นสอง มันเป็นมรดกที่หายากยิ่งในเผ่าหมาน และเป็นโอกาสที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต้องอิจฉาและคลุ้มคลั่ง ทว่า…ยามนี้เขากลับถูกซูหมิงกดดัน!

ในสภาวะวัฏจักร เขา…ไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อมือขวาซูหมิงยังคงจับดาบกระดูกเอาไว้ ยิ่งทำให้ซือหม่าซิ่นร้องตะโกนในใจอย่างไม่ยินยอม

หากแต่เสียงตะโกนของเขา…..ไม่มีเสียงออกมา!

เสียงโครมครามดังกึกก้อง ร่างซือหม่าซิ่นถูกทำลายหลายครั้ง การฟื้นฟูช้าลงเรื่อยๆ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอีกไม่นานเขาจะตายจริงๆ!

ทว่า…ซูหมิงถอนหายใจอยู่ภายใน ซือหม่าซิ่นผู้นี้พูดได้ว่าเป็นศัตรูที่สังหารยากที่สุดหลังจากขั้นพลังตนพุ่งพรวดขึ้นมา ทุกอย่างเป็นเพราะยอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานไร้ใจที่อีกฝ่ายฝึกฝน หากไม่มีวิชานี้ซูหมิงคงสังหารซือหม่าซิ่นได้นานแล้ว

ต่อให้อีกฝ่ายได้รับมรดกเทพหมานรุ่นสองมา ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูหมิง!

เสียแต่พลังชีวิตอีกฝ่ายเพิ่มมาไม่ขาดสาย ถึงอย่างไรร่างซู่มิ่งก็มีเวลาจำกัด ตอนนี้แม้เวลาเพิ่มมากขึ้นอีกไม่น้อยเนื่องด้วยขั้นพลังสูงขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ใกล้จะหมดลงแล้ว

เส้นผมซูหมิงกำลังกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนไป พลังแห่งอดีตก็อ่อนกำลังลงมาก

ซือหม่าซิ่นเห็นถึงจุดนี้ในทันที ขณะร่างกายถูกทำลายและฟื้นฟูกลับมา นัยน์ตาเขาฉายแววดุร้าย ในที่สุดก็มีโอกาสพูด

“ไปต่อไม่ได้แล้วหรือซูหมิง เจ้ามาได้เท่านี้เองรึ!” ซือหม่าซิ่นหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รอยแผลถูกทะลวงตรงหน้าอกฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ยิ่งเห็นวิชาของซูหมิงอ่อนแอลง เขาก็หัวเราะเสียงดังพร้อมกับเผยสีหน้าเหี้ยมโหด

“หนวกหู!” ซูหมิงกล่าวอย่างเย็นชา วินาทีที่ใบหน้าคืนสภาพเดิม เส้นผมกลายเป็นสีดำ และเดินออกจากร่างซู่มิ่ง เสียงหัวเราะซือหม่าซิ่นดังกึกก้อง รอบตัวเขาไม่มีพลังแห่งอดีตเป็นวัฏจักรพัวพันอีก จึงก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว ในเวลาเดียวกัน ดาบกระดูกในมือขวาซูหมิงส่งเสียงอื้ออึงเสียดแก้วหู

เสียงอื้ออึงนี้เหมือนกับจำยอม ราวกับเมื่อถูกกำราบอย่างสมบูรณ์แล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างไม่ยินยอมเป็นครั้งสุดท้าย ขณะเดียวกับที่ได้ยินเสียงดังอื้ออึง ซูหมิงคลายมือขวาออก ดาบกระดูกพลันหมุนวนรอบๆ แล้วร่วงลงตรงกลางฝ่ามือเขาเอง ซูหมิงกำดาบเอาไว้แล้วโคจรพลังจากกระดูกหมานทั้งตัว

ช่วงที่โคจรพลัง ดาบกระดูกในมือแผ่กระจายกลิ่นอายชั่วร้ายและสีดำมหาศาล แม้ว่ามันจะไม่ยอม แม้ต้องอัปยศ แต่เวลานี้กลับต้องถูกซูหมิงควบคุม!

เพราะจิตแรกของซูหมิงผสานรวมกับจิตใจแกร่งกล้า จึงกำราบดาบกระดูกนี้ลงได้ ต่อให้มันเกิดจากมือซ้ายเทพหมานรุ่นสอง และ…อยู่มาตั้งแต่โบราณกาลก็ตาม!

หลังจากควบคุมดาบเล่มนี้ได้แล้ว

ซูหมิงก็ก้าวไปทางซือหม่าซิ่นหนึ่งก้าวเดิมทีซือหม่าซิ่นกำลังหัวเราะเสียงดัง แต่ยามนี้กลับดูตื่นกลัวโดยพลัน ร่างเงาซูหมิงเหมือนสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งห้อเหยียดเข้ามา มือถือดาบกระดูก ก่อนฟันเข้าใส่ซือหม่าซิ่น!

ดาบยังไม่ทันถึงที่ ก็มีเสียงฉีกแยกอากาศเล็กแหลมดังเสียดหู ชั่ววินาทีที่แสงสีดำเส้นโค้งขยับวูบวาบ ดาบกระดูกในมือซูหมิงทะลวงผ่านศีรษะซือหม่าซิ่น ทะลวงร่างกาย แล้วแบ่งร่างออกเป็นสองส่วน

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว หลังจากฟันดาบลงแล้วซือหม่าซิ่นก็ร้องโหยหวน

ซูหมิงเงยหน้าขึ้น เขาในตอนนี้ถือดาบกระดูกสีดำ เส้นผมดำปลิวไสว นัยน์ตาฉายแววประหลาดลุ่มลึก สีหน้าเย็นชาเต็มไปด้วยความพิลึกอย่างบอกไม่ถูก!

ส่วนซือหม่าซิ่นร่างขาดเป็นสองส่วน ตอนที่ร่างครึ่งหนึ่งทางซ้ายแยกออกจากร่างก็กลายเป็นสีดำทึบ สุดท้ายกลายเป็นของเหลวสีดำตกลงทะเลด้านล่าง ทว่าร่างอีกครึ่งที่เหลือเป็นรอยฉีกขาดเหวอะหวะ ตัวกระเด็นตกลงไปในทะเล

ดวงตาซูหมิงเป็นประกาย ถือดาบกระดูกพุ่งไปยังทะเลด้านล่าง เพียงแต่เพิ่งเข้าไปใกล้ผิวทะเลก็มีความรู้สึกถึงภยันตรายเกิดขึ้นในใจ ซูหมิงหายวับไปโดยไม่ต้องขบคิด แล้วมาปรากฏตัวห่างออกไปร้อยจั้ง เขาเห็นทันทีว่าตรงจุดที่ตนอยู่ก่อนหน้านี้มีเสียงระเบิดดังขึ้น ก่อนพังพินาศลงกลายเป็นน้ำวน

น้ำวนนี้ทำให้ผิวทะเลเปลี่ยนเป็นน้ำวนเช่นกัน ตรงกลางน้ำวนบนผิวทะเลนั้นคือมือซ้ายเทพหมานรุ่นสองที่ถูกจมไปแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!