ตอนที่ 566 มรดกที่ต่างกัน
ทุกอย่างกล่าวแล้วเหมือนช้ามาก ทว่าความจริงตั้งแต่ซูหมิงหยิบโอสถมอบจิตออกมาจนถึงตอนสูบวิญญาณจากรอบๆ ก็ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น พอซูหมิงเห็นว่ามีหมอกโอบล้อมโอสถมอบจิต และยังมีหมอกดำแผ่กระจายออกจำนวนมาก เขาจึงใช้มือขวากุมมันเอาไว้ข้างใน
เสียงคำรามจากเทพหมานรุ่นสองเหมือนไม่ได้มาจากรอบๆ อีก แต่มาจากโอสถมอบจิตในมือซูหมิง นัยน์ตาเขาเป็นประกาย จากนั้นกินโอสถมอบจิตไปอย่างไม่ลังเล!
ทันทีที่กินเม็ดโอสถ ร่างซือหม่าซิ่นที่ถูกบีบจนเผยตัวออกมาก็ตรงเข้ามาใกล้อีกครั้ง มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าซูหมิง สีหน้าเขาเฉยชาไม่มีอารมณ์ใดๆ ก่อนชกหนึ่งหมัดเข้ามา!
เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว ซูหมิงกระเด็นถอยไปรวดเดียวเจ็ดก้าว ขณะถอยนั้นซือหม่าซิ่นก็เคลื่อนตัวตามมาแล้วกำหมัดชกเข้าใส่อีกครั้ง
ซูหมิงถอยไปก้าวแรก ดวงตาซ้ายพลันเปล่งแสงหม่นวูบวาบ
ตอนถอยไปก้าวที่สอง เขามีสีหน้าสงบลง เส้นผมยืดยาวขึ้นมากอย่างน่าประหลาด จนเมื่อถอยไปก้าวที่สาม ในดวงตาขวาซูหมิงปรากฏแสงมืดหม่นเหมือนกับดวงตาซ้าย แสงหม่นขยับวูบวาบให้ความรู้สึกพิลึกยิ่งนัก
จนกระทั่งถอยไปก้าวที่สี่ ก้าวที่ห้า และก้าวที่หก ร่างกายซูหมิงซูบผอมลงเล็กน้อย แสงหม่นจากดวงตาสองข้างเด่นชัดขึ้น เส้นผมยาวมาจนถึงเท้าสองข้าง ตอนที่ถอยไปก้าวที่เจ็ด ในร่างกายเขาพลันปะทุพลังที่ไม่ใช่ของเขาออกมา
ชั่วขณะที่ปะทุพลังนี้เป็นจังหวะเดียวกับที่ซือหม่าซิ่นเข้ามาใกล้ เห็นหมัดอีกฝ่ายชกเข้ามาแล้ว ขณะหมัดตรงมายังศีรษะซูหมิง นัยน์ตาซูหมิงทั้งสองข้างขยับแสงหม่น ก่อนอ้าปากเปล่งเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน!
เสียงคำรามนี้ทำให้หมัดของซือหม่าซิ่นหยุดชะงักไปชั่วครู่ ภายใต้เสียงคำราม ร่างกายซือหม่าซิ่นสูญสลายในทันใด ในเวลาเดียวกับที่ร่างแหลกเป็นเสี่ยงๆ ปานถูกพายุคลั่งโหมกระหน่ำ ซือหม่าซิ่นก็กระเด็นถอยไป
จังหวะนี้สีหน้าเฉยชาของซือหม่าซิ่นเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาเบิกตากว้าง เผยอาการหวาดกลัวและเหลือเชื่ออีกครั้ง ลมหายใจกระชั้น เนื้อตัวสั่นเทา เกิดความรู้สึกตื่นตะลึงกับซูหมิงจนยากจะบรรยาย!
“เสียงคำรามแห่งเทพหมาน…นี่มันเสียงคำรามแห่งเทพหมาน เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!” เสียงซือหม่าซิ่นแฝงไว้ด้วยความตื่นตะลึง นี่คือเสียงคำรามแห่งเทพหมานจริงๆ
ซูหมิงยืนมองซือหม่าซิ่นอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาเปล่งแสงหม่น สติสัมปชัญญะของเขาในตอนนี้ชัดเจน ทว่าการควบคุมร่างกายยังติดขัดเล็กน้อย เหมือนมีพลังภายนอกควบคุมร่างกายอยู่และต่อสู้ตามจิตใจของเขา!
พลังนี้มาจากโอสถมอบจิต มาจากเสี้ยววิญญาณในฟ้าดินที่โอสถมอบจิตสูบไป!
กระทั่งในใจซูหมิงยามนี้ยังเกิดความรู้สึกเด่นชัดขึ้น ความรู้สึกนี้มาจากมือซ้ายเทพหมานกลางทะเล มันเป็นความรู้สึกที่เชื่อมกันทางสายเลือด เหมือนกับว่ามือซ้ายนั้นเป็นของเขา!
เขายังรู้สึกรางๆ ว่ามีเสียงเรียกที่เกี่ยวข้องกับเขาดังมาจากมือซ้ายเทพหมาน!
ทว่าซูหมิงเข้าใจว่าความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ตนสร้างขึ้น แต่เป็น…วิญญาณในโอสถมอบจิต เป็นวิญญาณของเทพหมานรุ่นสองในหมู่วิญญาณที่ถูกสูบมา
ซูหมิง ซือหม่าซิ่น!
การต่อสู้ครั้งแรกในสำนักเหมันต์สวรรค์ ผู้ชมในตอนนั้นล้วนเกิดความรู้สึกว่าวิชาอภินิหารของสองคนนี้คล้ายกันมาก นิสัยเฉพาะตัวก็เช่นกัน ความรู้สึกไปเองนี้จึงเป็นที่จดจำของคนจำนวนมาก
ยามนี้คือการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเขา แม้ไม่มีผู้ชม แต่ซูหมิงและซือหม่าซิ่นในตอนนี้ สิ่งที่ทั้งสองคนเผยออกมากลับเป็นภาพที่….คล้ายกัน!
หากบอกว่าซือหม่าซิ่นในตอนนี้ได้รับมรดกของเทพหมานรุ่นสอง ยืมพลังของแขนเทพหมานมาเพิ่มพลังต่อสู้ของตนให้อยู่ในระดับสูงสุดแล้วกลายเป็นสภาพอย่างนี้ เช่นนั้นซูหมิงในตอนนี้ เขาก็เชื่อมั่นว่าตนจะต้องได้รับมรดกของเทพหมานรุ่นสองเช่นกัน!
เพียงแต่ว่าวิธีต่างกับซือหม่าซิ่น เขาใช้โอสถมอบจิตสูบวิญญาณเทพหมานรุ่นสองมา ให้วิญญาณเข้าสู่จิต แล้วให้จิตบรรจุในร่างอีกที!
ส่วนซือหม่าซิ่นรับสืบทอดพลังแห่งเทพหมาน ให้พลังเข้าสู่ร่างกาย แล้วให้ร่างกายปลดปล่อยจิต!
มรดกต่างกัน ภายนอกต่างกัน วิธีการต่างกัน ทว่าสิ่งที่เหมือนกันคือ…เทพหมานรุ่นสอง!
ซูหมิงหลับตาปล่อยจิตแน่วแน่ของตน เมื่อผสานรวมกับพลังในโอสถมอบจิตในกายแล้วก็ลืมตาขึ้น ก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าว
ทันทีที่ก้าวลง ใต้ชั้นน้ำแข็งด้านบนพลันปรากฏภาพมายา ในภาพมายานั้นมีรอยเท้ายักษ์อยู่ข้างหนึ่ง นี่ก็คือวิชาเจ็ดก้าวแห่งเทพหมานที่ซือหม่าซิ่นใช้ก่อนหน้านี้!
เวลานี้ซูหมิงใช้บ้าง ซือหม่าซิ่นกระเด็นถอยไป จากนั้นชกหมัดขวาไปทางรอยเท้ายักษ์ที่กำลังเหยียบลงมา ภายใต้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
ตอนที่รอยเท้าสลายหายไป ซือหม่าซิ่นกระเด็นถอยไปอีกหลายสิบจั้ง ยามเงยหน้าขึ้นมาแววตาเขาดูบ้าคลั่ง
“เป็นไปไม่ได้ ข้าต่างหากคือผู้สืบทอดเทพหมานรุ่นสอง ข้าต่างหาก!”
ซือหม่าซิ่นคลุ้มคลั่ง เขายกสองมือขึ้นอย่างเร็วแล้วประสานลงเหนือศีรษะ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งประกับกันเป็นสัญลักษณ์วงกลม
จังหวะเดียวกับที่ทำสัญลักษณ์นี้ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เขาก็ยกสองมือขึ้น สี่นิ้วประกับกันเหนือศีรษะ ทำเป็นสัญลักษณ์เหมือนกับซือหม่าซิ่น!
“อภินิหารในมรดกที่เจ้าได้รับมา…ข้าใช้ได้ทั้งหมด!” ซูหมิงกล่าวเนิบนาบ นัยน์ตาประกายแสงหม่น ยามนี้เขาปลดการควบคุมร่างกายอย่างสมบูรณ์ ให้ร่างกายนี้ต่อสู้ตามพลังในโอสถมอบจิต!
“เปลี่ยนตะวันจันทราดาราแห่งเทพหมาน เปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง…ภัยพิบัติดารา!”
ซือหม่าซิ่นคำรามเสียงต่ำ สองมือพลันถอนออกจากศีรษะแล้วสะบัดขึ้นฟ้า ชั้นน้ำแข็งด้านบนถล่มลง จนถึงช่วงที่มันพังลงเป็นกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏร่างเงามายาขึ้น
ร่างเงามายานี้เป็นผืนฟ้ากระจ่างดาว ในผืนฟ้ามีแสงดาวระยิบระยับ มีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วน ยามนี้ดาราเคลื่อนไหว ท่ามกลางแสงดาราพร่างพราว หมู่ดาวเหล่านั้นรวมตัวขึ้นเป็นแขนยักษ์ข้างหนึ่ง แล้วพุ่งตรงมายังซูหมิงปานยืดมาจากผืนฟ้า
ซูหมิงในยามนี้ก็พึมพำประโยคเดียวกันแล้วสะบัดมือไป ฉับพลันนั้นในผืนฟ้ากระจ่างดาวก็ปรากฏอีกผืนฟ้าหนึ่ง เพียงแต่ว่าผืนฟ้านี้ต่างกับตอนซือหม่าซิ่นสะบัดมือ!
มันคือผืนฟ้าดวงดาวที่คนแดนอรุณใต้ต้องแปลกตา เพราะมันคือค่ำคืนของภูเขาทมิฬในความทรงจำซูหมิง!
ในผืนฟ้ากระจ่างดาวนี้มีดาวระยิบระยับ รวมขึ้นเป็นแขนข้างหนึ่งเช่นกัน หลังจากปรากฏแขนจากดาราสองข้างนี้แล้ว พวกมันพลันปะทะเข้าใส่กัน ชั่วพริบตาเดียวก็ระเบิดเป็นพลังถล่มฟ้าสะเทือนดิน
ผืนฟ้าฉีกขาด ชั้นน้ำแข็งด้านบนถล่มลงมาทั้งหมด น้ำทะเลจำนวนมากทะลักเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ระหว่างชั้นน้ำแข็งถูกน้ำทะเลลุกลามอย่างรวดเร็ว ดูจากท่าทางแล้วอีกไม่นานที่นี่ก็จะกลายเป็นก้นทะเลอย่างแท้จริง!
ซือหม่าซิ่นกระอักเลือด ร่างซวนเซถอยไปหลายก้าว ขณะกำลังจะสูบพลังจากมือซ้ายเทพหมานเพื่อฟื้นฟูร่างกายนั้น กลับพบว่าไม่อาจสูบพลังจากมันได้!
เหมือนกับว่ามีจิตสำนึกบางอย่างอยู่ในมือซ้ายเทพหมาน ขวางการรับมรดกของเขา!
“ซือหม่าซิ่น ตอนนี้ถึงตาข้าลงมือแล้ว!” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ ตัวเขาอยู่กลางอากาศ ยกมือขวาขึ้นพร้อมกับงอตัวเล็กน้อยเหมือนกับจันทร์เสี้ยว!
ชั่วขณะนั้นเอง ซูหมิงก็เอ่ยคำพูดที่ซือหม่าซิ่นต้องสิ้นหวัง
“เปลี่ยนตะวันจันทราดาราแห่งเทพหมาน เปลี่ยนครั้งที่สอง จันทราเคลื่อนไหว!”
เพิ่งเอ่ยคำ ตัวซูหมิงก็เปล่งแสงหม่นอย่างเด่นชัด ยามแสงนั้นขยับวูบวาบ ทั้งตัวซูหมิงกลายเป็นจันทร์เสี้ยว แสงจันทร์อาบไปรอบด้าน จุดที่ผ่านคือการสังหาร!
แทบเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ใช้อภินิหารนี้ รอบตัวซือหม่าซิ่นพลันปรากฏเงามายาของจันทร์เสี้ยวหนึ่งดวง เงามายานี้หุ้มตัวเขาเอาไว้ ภยันตรายถึงตายผุดขึ้นในใจอย่างแท้จริง อภินิหารเปลี่ยนตะวันจันทราดาราแห่งเทพหมานนี้ ด้วยมรดกและขั้นพลังของซือหม่าซิ่น เขาใช้ได้เพียงการเปลี่ยนแห่งภัยพิบัติดารา ส่วนสองรูปแบบหลังจากนั้นใช้ไม่ได้ ตอนนี้เห็นซูหมิงใช้การเปลี่ยนจันทราเคลื่อนไหวที่แกร่งยิ่งกว่ากับตาตน เขาจึงยกมือขวาขึ้นด้วยความสิ้นหวัง ก่อนตบหน้าอกตัวเองอย่างแรง
เขากระอักโลหิต กระดูกหมานในร่างกายแตกหัก พื้นฐานขั้นชำระล้างสูญสิ้น ความคิดแห่งขั้นวิญญาณหมานแหลกสลาย ขั้นพลังทั้งหมดในตัวยุ่งเหยิงจากการตบเพียงครั้งเดียว
ยามนี้ไม่มีพลังชีวิตฟื้นฟูอีก เขาต้องตายแน่นอน! ทว่าตอนนี้ซือหม่าซิ่นรู้ว่าหากไม่เป็นเช่นนี้ตนก็ต้องตายอยู่ดี ฉะนั้นก่อนตายจะขอลากซูหมิงให้ลงไปยมโลกพร้อมกัน!
“พวกเรา….มาตายด้วยกันเถอะ!” โลหิตไหลจากมุมปากซือหม่าซิ่น สีหน้าเขาเหี้ยมโหด ก่อนร้องตะโกนพลางยกมือขวาขึ้นทำท่าทางเหมือนกับซูหมิง
“เปลี่ยนตะวันจันทราดาราแห่งเทพหมาน เปลี่ยนครั้งที่สอง จันทราเคลื่อนไหว!” ขณะซือหม่าซิ่นร้องตะโกน ร่างกายเขาก็เปลี่ยนเป็นแบบเดียวกับซูหมิง กลายเป็นจันทร์เสี้ยวในโลกก้นทะเล!
หากขั้นพลังในร่างกายไม่ยุ่งเหยิงและทุกอย่างไม่แหลกสลาย เขาจะไม่ใช้เปลี่ยนครั้งที่สองของอภินิหารเปลี่ยนตะวันจันทราดาราแห่งเทพหมาน ยามนี้เขาใช้ความตายเป็นราคาโดยไม่สนใจสิ่งใด หลังจากใช้วิชาอภินิหารนี้แล้ว รอบตัวซูหมิงก็ปรากฏเงาจันทร์เสี้ยวเช่นกัน!
“จันทราสังหาร!”
“จันทราสังหาร!” คำพูดเหมือนกันสองเสียงดังขึ้นในโลกก้นทะเล วินาทีที่กล่าว เงาจันทร์เสี้ยวรอบตัวซูหมิงกับซือหม่าซิ่นพลันระเบิดทลายพร้อมกัน รวมถึงร่างกายของพวกเขายังดุจดั่งผสานรวมกับเงานี้ เมื่อมันระเบิดก็เกิดเป็นเสียงดังสนั่น ท่ามกลางเสียงโครมคราม ซูหมิงกระอักเลือดกองใหญ่ ร่างกระเด็นถอยไปพรวดเดียวร้อยจั้ง กระอักเลือดอีกครั้ง แล้วพลันเงยหน้าขึ้น เห็นว่าแขนขวาซือหม่าซิ่นระเบิดกระจุย ขาขวาแตกหัก ร่างถูกโยนออกไปและยังอาบไปด้วยโลหิตสด แขนขวากับขาขวาที่เสียไปจะไม่ฟื้นฟูกลับมาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่ว่า…มันจะคงอยู่ในสภาพนี้ไปชั่วนิรันดร์!
“ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม!” ซือหม่าซิ่นร้องคำรามเสียงแหลม เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของตนกำลังหายไป ตนในยามนี้ใกล้จะเข้าสู่ห้วงความตาย ทว่าเขา…ไม่ยอม!
“นี่ไม่ใช่โชคชะตาของข้าซือหม่าซิ่น นี่มันต้องไม่ใช่แน่!”