ตอนที่ 570 จุดเปลี่ยน
ผ่านไปนาน ซูหมิงก็หลับตาอีกครั้ง ปกปิดความหมองเศร้าในแววตา
ท่ามกลางความโดดเดี่ยว เขารู้สึกถึงความอบอุ่นจากมือซ้ายของเทพหมานรุ่นสอง เป็นความรู้สึกที่เหมือนมีมือหยาบกร้านลูบศีรษะเช่นในความทรงจำ ราวกับได้ความอบอุ่นที่มีไม่มากนักท่ามกลางโลกอันมืดมิดในวังเมื่อหลายต่อหลายปีก่อนกลับมา
บางทีโลกนี้อาจมีซู่มิ่งอยู่จริงๆ…
ซูหมิงพึมพำเบาๆ มือซ้ายเทพหมานรุ่นสองลูบศีรษะในตอนนั้นและสัมผัสกันในตอนนี้ ทุกอย่างเหมือนเป็นวงกลม หาต้นและปลายเจอ
“ความทรงจำอาจเป็นเช่นนี้…หากหาปลายเจอก็จะหาต้นเจอเช่นกัน…..นี่คือโชคชะตาอย่างนั้นหรือ?” ซูหมิงหลับตาด้วยสีหน้าขมขื่น
ในร่างกายเขาตอนนี้ไม่ต้องสูบพลังจากมือซ้ายเทพหมานอีก แต่หลังจากมือซ้ายเทพหมานผุดขึ้นในความทรงจำเมื่อไม่รู้กี่ปีก่อนแล้ว พลังจากมือซ้ายก็หลั่งไหลเข้ามายังร่างกายของเขาเอง
ความต่างระหว่างการสูบกลืนกับพลังชีวิตผสานรวมด้วยตัวเอง มันแตกต่างกันอย่างใหญ่หลวง!
หนึ่งคือบีบบังคับ อีกหนึ่งคือพอได้รับการยอมรับแล้วก็จะส่งพลังออกมาทั้งหมด
เวลาผ่านไปช้าๆ มือซ้ายเทพหมานรุ่นสองค่อยๆ เหี่ยวแห้งและเล็กลง พลังข้างในหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายซูหมิงโดยไม่กักเอาไว้ ทำให้กระดูกหมานทั้งตัวบรรลุถึงเก้าส่วน ก่อนมุ่งหน้าสู่ระดับสมบูรณ์!
ประหนึ่งว่ามือซ้ายเทพหมานรุ่นสองกำลังรอใครบางคนมาโดยตลอด รอคอยเด็กทารกที่ตนเข้ามาลูบศีรษะแล้วมองด้วยแววตาซับซ้อนคนนั้น ระหว่างทางอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าซือหม่าซิ่นคือทารกคนนั้น ทว่าซือหม่าซิ่นตายลงและซูหมิงเข้ามา ทุกอย่างจึงกลับมาอยู่ในวงโคจรเดิม
พัดที่ซูหมิงชิงจากซือหม่าซิ่นไปนั้น…เดิมทีเป็นของซูหมิง!
“ซู่มิ่ง ซูหมิง….โชคชะตาของข้าคืออะไรกันแน่…” ซูหมิงหลับตาลงด้วยความเศร้า พลังชีวิตมหาศาลในร่างกายม้วนทะลวงร่างดุจดั่งมหาสมุทร ขณะเลือดเนื้อและกระดูกทั้งตัวสูบกินก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์ในความหมายที่แท้จริงโดยไม่หยุดหย่อนอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในอดีต!
หากเลือดเนื้อกระดูกทั้งตัวกลายเป็นกระดูกหมาน เช่นนั้นร่างกายก็จะเท่ากับวิวัฒนาการ ระดับความแกร่งจะมากกว่าตอนนี้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ มือซ้ายเทพหมานรุ่นสองแห้งเหี่ยวและหดลงมากขึ้น ถึงสุดท้ายมันก็เริ่มโปร่งใส ส่วนซูหมิง เส้นผมสะบัดพลิ้ว กลิ่นอายพลังทั้งตัวพุ่งทะยานขึ้น เพียงแต่ว่า…..สีหน้าเขายังคงโศกเศร้า
การได้พบกันอีกครั้งหลังจากแยกกันเนิ่นนาน ความอบอุ่นกลายเป็นการสัมผัส จุดต่างๆ ในความทรงจำตื่นขึ้น ทำให้ต้องตกอยู่ในห้วงความสับสนขณะขมขื่น
ซูหมิงสับสนว่าอะไรคือโชคชะตา ยามนี้เขาพลันรีบร้อนอยากรู้ว่า…..อะไรคือโชคชะตากันแน่
ในความสับสนมีเสียงดังสนั่นมาจากตัวเขา ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีทองโดยพลัน สีทองนี้อยู่เหนือกว่าแสงของผนึกห้าเหลี่ยม มันค่อยๆ เปล่งลอดออกมาจากมือซ้ายรุ่นสอง
แสงนี้มาจากตัวซูหมิง มาจากกระดูกทุกชิ้นในร่างกาย มาจากผิวหนังและเลือดเนื้อทุกส่วน…..มาจากทั้งหมดในร่างกาย
เมื่อเกิดเสียงดังกึกก้อง แสงทองทั้งตัวซูหมิงเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าในร่างกายแทบทั้งตัวกลายเป็นกระดูกหมานแล้ว เหลือเพียงกระดูกที่ยังไม่กลายเป็นหมานโดยสมบูรณ์ ทว่าก็ยังวิวัฒนาการต่อไปอย่างเร็ว
การวิวัฒนาการสู่หมานนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ครู่ต่อมา ตรงระหว่างคิ้วซูหมิงขยับแสงทองวูบวาบอย่างชัดเจน มีเสียงกึกๆ ดังเบาๆ ร่างเขาสั่นสะท้านในทันใด ปะทุกลิ่นอายพลังออกมาก่อนพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็บรรลุถึงระดับสูงสุด!
การบรรลุถึงระดับสูงสุดนี้มาพร้อมกับเสียงดังจากร่างซูหมิง กระดูกในร่างกาย เลือดเนื้อ และเส้นเลือดลมทั้งหมดวิวัฒนาการสู่หมานอย่างสมบูรณ์ในพริบตานี้!
ขณะเดียวกันมือซ้ายเทพหมานรุ่นสองใต้ร่างซูหมิงก็โปร่งใสอย่างต่อเนื่อง แล้วค่อยๆ หายไป เหมือนสำเร็จงานของเขา เสร็จสิ้นการรอคอยแล้ว ตอนนี้จึงกลับไปสู่ความว่างเปล่า
หลังจากมือซ้ายค่อยๆ หายไป ซูหมิงลืมตาขึ้น เขาก็เห็นภาพมือซ้ายเทพหมานรุ่นสองที่ตั้งตระหง่านตั้งแต่ยุคบรรพกาลหายไป จนกระทั่งมันกลายเป็นแสงวาววับจำนวนหนึ่งลอยอยู่รอบตัว ในนั้นมีแสงผลึกบางส่วนสัมผัสตรงระหว่างคิ้วเขา ทำให้ความทรงจำมีความรู้สึกที่ว่าร่างเงาสูงใหญ่ในความมืดลูบศีรษะตนด้วยความซับซ้อนผุดขึ้นมา
ซูหมิงมองผลึกเหล่านั้นลอยขึ้น มองพวกมันทะลวงผ่านผนึกห้าเหลี่ยมแล้วค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า จากนั้นความรู้สึกโดดเดี่ยวก็ผุดขึ้นในใจ
ผ่านไปนาน ซูหมิงจึงค่อยหลับตาลง ตอนที่ลืมตาอีกครั้งแววตาเขาสงบนิ่ง ปิดซ่อนความสับสน โดดเดี่ยว และขมขื่นเอาไว้ คนนอกมองไม่เห็น มีเพียงตัวเขาที่จะค่อยๆ รู้สึกได้จากในใจ
ตัวเขาลอยอยู่กลางอากาศ ยังคงอยู่ในม่านแสงห้าชั้นจากผนึกห้าเหลี่ยม ยามนี้ซูหมิงค่อยๆ ยันกายขึ้น ทว่าทันใดนั้นก็พลันขมวดคิ้ว
เขารู้สึกว่าเหมือนขาดอะไรไป ขณะครุ่นคิดก็มองสองมือของตัวเอง และสัมผัสกับพลังมหาศาลในร่างกายอีกครั้ง พลังนี้แกร่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก แต่ความแกร่งนี้เหมือนเพิ่มมาเพียงส่วนเดียว ไม่ได้เป็นอย่างที่ซูหมิงจินตนาการเอาไว้ คือมีพลังแก่กล้าหลังจากทั้งตัวเป็นกระดูกหมาน
เป็นที่รู้กันว่าซูหมิงมีกระดูกหมานทั้งตัว ซ้ำยังเป็นผู้สืบทอดหมานวายุและหมานอัสนี ได้รับคำอวยพรจากจู๋จิ่วอิน โชควาสนาจากเผ่าหลีกโลหิต และยังมีมรดกของเทพหมานรุ่นสองในตอนนี้อีก ทุกอย่างนี้ทำให้ซูหมิงอยู่ในสภาวะที่มีขั้นพลังแก่กล้าอย่างที่ไม่เคยมีใครมีมาก่อน
ทว่าในสภาวะแบบนั้น เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนแล้วกลับไม่ได้รู้สึกว่าแกร่งกว่าเดิมมากนัก เขาจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดไป โดยเฉพาะเมื่อเขารู้สึกว่าในเลือดเนื้อกระดูกหมานทั้งตัวยังแฝงไว้ด้วยศักยภาพที่มากกว่า แต่กลับไม่อาจนำออกมาได้…..
‘บางทีอาจขาดจุดเปลี่ยนที่จะปลุกศักยภาพทั้งหมดของข้าออกมา! เว้นแต่จะผสานรวมและขัดเกลาเป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่งแล้ว ข้าก็จะควบคุมศักยภาพนั้นได้อย่างสมบูรณ์….ทว่าไม่มีเวลาแล้ว!’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขาอยากรู้ว่าตนขาดอะไร!
นี่เป็นเพียงการคาดเดา ถึงอย่างไรสภาวะขั้นพลังแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเผ่าหมาน เขาจึงต้องตรึกตรองด้วยตัวเองไม่หยุดและตามหาเส้นทางของตัวเอง
หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนโคจรพลังในร่างกาย เส้นผมเคลื่อนไหวเองโดยไร้ลม เมื่อโคจรขั้นพลังอย่างต่อเนื่องแล้ว ความบ้าคลั่งก็กระจายอบอวลโดยรอบ
‘ในเมื่อศักยภาพไม่ออกมา เช่นนั้นก็ต้องบีบมันออกมา!’ ซูหมิงโคจรพลังในร่างกายให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ ทว่าตอนที่ปล่อยออกมาก็ดึงกลับเข้าไปอีกครั้ง ทำให้ทั้งในและนอกตัวเขามีแรงกดดันต่างกันสองชนิด!
ภายในบีบให้กลิ่นอายพลังสู่ภายนอก ส่วนภายนอกก็บีบอัดให้เข้าสู่ภายในอย่างต่อเนื่อง ฉะนั้นร่างกายซูหมิงจึงกลายเป็นศูนย์กลาง ขณะบีบเข้าออก สีหน้าเขาก็ดูจริงจังมากขึ้น
การบีบเค้นแบบนี้ หากเป็นคนธรรมดาคงจะร่างระเบิดไปแล้ว!
ร่างระเบิดที่ว่าคือการที่แรงกดดันจากในร่างกายและแรงบีบอัดจากภายนอกบรรลุถึงจุดวิกฤตแล้วจึงระเบิดออก ยิ่งแรงบีบอัดมากเท่าไร แรงระเบิดจะยิ่งน่าสะพรึงกลัวมากเท่านั้น อีกทั้งช่วงที่ร่างระเบิด ศักยภาพทั้งหมดในร่างกายจะปะทุออกมาเอง นี่คือวิธีของซูหมิง และก็เป็นวิธีที่บ้าระห่ำ
เพราะเขาไม่มีเวลาขัดเกลามันและค่อยๆ ผสานรวมกับศักยภาพ ดังนั้นจึงใช้ต้องวิธีสุดขั้วแบบนี้มาบรรลุผลในแบบเดียวกัน
และเขามีแต่วิธีนี้เท่านั้น เพราะร่างกายในตอนนี้อยู่ในระดับแข็งแกร่งและทนทาน บรรลุถึงจุดน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ข้อเสียของความแกร่งและทนทานนี้ก็คือหากซูหมิงคิดจะระเบิดตัวเอง มันจะยากกว่าคนอื่นมาก
เวลานี้ภายใต้แรงบีบอัดจากในและนอก นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ เร่งโคจรพลังให้เร็วขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว พอเป็นเช่นนั้นแล้ว แรงบีบอัดจึงรุนแรงกว่าเดิมมาก
ขณะนั้นซูหมิงก็สังเกตเห็นว่าในร่างกายมีศักยภาพถูกบีบออกมาเสี้ยวหนึ่งแล้วผสานรวมกับขั้นพลัง
‘ทำได้จริงๆ!’ ซูหมิงกัดฟันพลางเร่งโคจรพลังในร่างอีกครั้ง การเพิ่มขึ้นครั้งนี้แทบจะถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว เสียงโครมครามดังกึกก้อง ร่างสั่นไหว แรงบีบทั้งในและนอกทำให้ดวงตาเขาเต็มไปด้วยโลหิต แต่การทำแบบนี้กลับบีบศักยภาพออกมาได้อีกเสี้ยวหนึ่ง ก่อนผสานรวมเข้าสู่ขั้นพลัง
เพียงแต่หลังจากเร่งโคจรพลังให้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…ศักยภาพที่ถูกบีบออกมาก็ยังคงไม่มากอยู่ดี
“ขาดจุดเปลี่ยน…” ซูหมิงมีสีหน้าเด็ดขาด เขาพลันยกมือขวาขึ้น สองนิ้วมือทำเป็นกระบี่ สายตาจ้องปลายนิ้วตัวเอง ก่อนใช้กระบี่นิ้วมือขวากดลงตรงระหว่างคิ้วอย่างไม่ลังเล
วินาทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับระหว่างคิ้ว ความเจ็ดปวดพลันเกิดขึ้นตรงจุดนั้น ความเจ็บปวดนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดในพริบตาเดียว เหมือนกับลูกโป่งพองบวมแล้วถูกเข็มเจาะเป็นรู ภายใต้แรงบีบอัด ตัวซูหมิงปรากฏช่องระบาย ขั้นพลังทั้งหมดจึงปะทุออกมาในชั่วพริบตาเดียว!
แรงปะทุนี้อยู่ในระดับรุนแรง มากเกินกว่าที่ซูหมิงโคจรพลังก่อนหน้านี้ ขณะกำลังปะทุ ศักยภาพในตัวก็ปล่อยออกมาทั้งหมด ร่างกายเขาส่งสัญญาณเจ็บปวดอย่างรุนแรง เกิดความรู้สึกคล้ายถูกฉีกทึ้ง แต่ในความเจ็บปวดนี้…..ซูหมิงกลับรู้สึกถึงความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง!
มันเป็นความแกร่งที่อยู่เหนือกว่าเมื่อก่อนมาก เป็นความแกร่งของการที่ทั้งตัวกลายเป็นกระดูกหมานอย่างแท้จริง!
ซูหมิงเงยหน้าคำราม เสียงตะโกนแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดและความแกร่งของพลัง แฝงไว้ด้วยจิตใจแน่วแน่ขณะปะทุขั้นพลังออกมา!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวทำให้ผนึกห้าเหลี่ยมสั่นสะเทือน เสียงนี้เล็ดลอดออกไป สะเทือนไปทั้งก้นทะเล ผิวทะเลกระเพื่อมอย่างรุนแรงแล้วเกิดเป็นลูกคลื่นยักษ์ ทุกคนบนยอดเขาลำดับเก้าตกตะลึง ได้ยินเสียงคำรามของซูหมิงดังมาจากก้นทะเลลึก!