ตอนที่ 573 โชคชะตา
“โชคชะตาคืออะไร?” ซูหมิงมองท้องฟ้าและทะเลสีดำอยู่ไกลๆ พลางกล่าวอย่างเรียบนิ่ง
ฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บิดาของไป๋ซู่หรือชายชราผู้มีใบหน้าผ่านโลกมาอย่างโชกโชนคนนี้หยุดอยู่ห่างจากซูหมิงหลายจั้ง เขามองฟ้าและทะเลตามซูหมิง ตรงนั้นเป็นสีดำทึบ
“ทุกสรรพสิ่งในโลกใบนี้มีโชคชะตา โชคชะตาไม่มีชีวิต แต่เป็นความรู้สึกทั้งหมดเมื่อชาติปางก่อนแล้วส่งมาถึงชาตินี้” บิดาไป๋ซู่เงียบไปชั่วครู่ ก่อนกล่าวเสียงแหบแห้ง
“เจ้าตัดสินว่าหินตกแม่น้ำสวรรค์เป็นโชคชะตาของไป๋ซู่ได้อย่างไร!” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา ยังคงไม่มองบิดาของไป๋ซู่
“เพราะสายเลือดตระกูลไป๋ล้วนมีชะตาชีวิตแห่งแม่น้ำสวรรค์ ชั่วชีวิตจะต้องเจ็บปวดกับความรักและความโดดเดี่ยว มีเพียงทายาทเท่านั้นที่จะอยู่ด้วยกันไปจนเฒ่า…แม่น้ำสวรรค์รวมขึ้นจากแสงดารา แสงดารามีมากและผสานรวมเข้าด้วยกัน มองแวบแรกไม่อาจแยกแยะออก ข้าก็เป็นเช่นนี้ น้องชายข้าไป๋ฉางไจ้ก็เป็นเช่นนี้ บุตรสาวข้าไป๋ซู่…ก็มีโชคชะตานี้เช่นกัน ทั้งตระกูลไป๋ล้วนมีโชคชะตาเช่นนี้มาเป็นรุ่นสู่รุ่น!
เพียงแต่ว่าไป๋ซู่ต่างออกไปเล็กน้อย โชคชะตาของนางเปลี่ยนไปเพราะหินตก หินก้อนนี้…คือซือหม่าและเจ้า!” บิดาไป๋ซู่กล่าวเนิบๆ น้ำเสียงต่ำเบาสะท้อนไปรอบๆ ในยามค่ำคืน
“เหลวไหล!” ซูหมิงหันมามองบิดาไป๋ซู่อย่างเย็นชาแวบหนึ่ง
“โชคชะตาของซือหม่าคือสะบั้นความรุ่งโรจน์แห่งน้ำค้าง บุคคลที่มีโชคชะตาแบบนี้จะหักเหแสงแรกของตะวันด้วยแสงน้ำค้างบนใบหญ้า เดิมทีเขาคือต้นหญ้า เพียงเพราะน้ำค้างด้านบนเลยเปล่งแสงแวววาวภายใต้แสงตะวัน
สิ่งนี้คือ…การยืมโชคชะตา”
“ข้าไม่รู้ว่าโชคชะตาเดิมของเขาคืออะไร ทว่าที่เขามีพลังแข็งแกร่งและได้รับโชควาสนานั่นก็เป็นเพราะผลของการหักเหแสงเพื่อน้ำค้าง ทว่าคำว่าหักนี้สามารถตัดขาด สามารถกลับด้าน ฉะนั้นข้าในตอนนั้นจึงชี้ขาดว่าหากบุคคลนี้ตาย จะต้องตายด้วยคำว่าหักอย่างแน่นอน!”
“ผู้สังหารเขาจะต้องเป็นคนที่มอบน้ำค้างให้กับเขา ให้เขายืมโชคชะตา!” เดิมทีบิดาไป๋ซู่ดวงตามัวหมอง แต่ยามนี้ตอนที่กล่าว เขามองซูหมิงด้วยนัยน์ตาวาววับประดุจมีแสงสะท้อน
“ส่วนโชคชะตาของเจ้า ตอนนั้นข้าเคยอนุมานไว้แล้ว เป็นโชคชะตาของเส้นใยหินต้นหญ้า ในหินต้นหญ้ามีเส้นเลือดลม เส้นเลือดลมนี้ค้ำยันได้ทั้งร่างกาย ผู้มีโชคชะตานี้ชั่วชีวิตจะถูกคนควบคุมดุจดั่งหุ่นเชิด ไม่อาจดิ้นหลุด…ไม่สอดคล้องกับโชคชะตาของไป๋ซู่!
ทว่าตอนนี้หลังจากข้ามองโชคชะตาของเจ้าอีกครั้งกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ข้าไม่เห็น…โชคชะตาในตัวเจ้า!” บิดาไป๋ซู่มองซูหมิงพลางเดินเข้ามาหลายก้าว น้ำเสียงดูร้อนรน
“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ทุกสรรพสิ่งล้วนมีโชคชะตา ต่อให้เป็นคนตายก็ย่อมมีโชคชะตา มันจะไม่หายไป ทว่าเจ้า…..” บิดาไป๋ซู่จ้องซูหมิง แววตาเปล่งประกาย
ซูหมิงมองชายชราตรงหน้าอย่างเย็นชา เหมือนว่าเรื่องโชคชะตาที่อีกฝ่ายบอกจะเกี่ยวกับการสร้างชะตาที่เขาตระหนักรู้ ทว่าก็ยังไม่แน่ชัดจึงยังเชื่อไม่ได้
อีกทั้งการสร้างชะตาคือขอบเขตพลังใหม่ต่อจากขั้นวิญญาณหมาน ผู้ที่ก้าวข้ามสู่ขอบเขตนี้บางทีอาจมีอยู่จริงๆ แต่น้อยนิดมาก ต่อให้เป็นคนที่คลำหาธรณีประตูเจอก็คงมีไม่มากนัก
ซูหมิงไม่เชื่อว่าชายชราตรงหน้าจะคลำหาธรณีประตูแห่งการสร้างชะตาพบ มิเช่นนั้นจะถูกซือหม่าซิ่นรังแกหยามเกียรติได้อย่างไร! ทว่า…แม้ซูหมิงจะไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย แต่ความหมายแฝงภายในกลับทำให้เขาใจสั่น
‘หลังจากซือหม่าซิ่นตายก็กลายเป็นหุ่น…ตรงระหว่างคิ้วหุ่นมีเส้นผมของข้าในวัยทารกกับโลหิตหนึ่งหยด และยังมีพวกแท่นบวงสรวงบนแผ่นดินที่ข้าเห็นเพราะเส้นผมอีก
สะบั้นความรุ่งโรจน์แห่งน้ำค้าง…’ ซูหมิงมีสีหน้าอ่านไม่ออก เขามองชายชรา นัยน์ตายังคงเย็นชา
“ข้ารู้ว่าเจ้าคงจะไม่เชื่อเรื่องโชคชะตาง่ายๆ แต่ข้าพูดจริง!” บิดาไป๋ซู่กล่าวอีกครั้ง
ในความคิดซูหมิงลอยขึ้นมาเป็นพูดของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ โชคชะตาของเขาซูหมิง โดยเฉพาะโชคชะตาเส้นใยหินต้นหญ้าในคำพูดครึ่งแรก ต้องถูกควบคุมดุจหุ่นเชิด สิ่งนี้ทำให้ซูหมิงลอบหรี่ตา
“เช่นนั้นโชคชะตาของเจ้าคืออะไร?”
“โชคชะตาของข้า….” บิดาไป๋ซู่หน้าขมขื่นเล็กน้อย ทว่าสายตาที่มองซูหมิงกลับมีความประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“โชคชะตาของข้าคือปลาแห่งแม่น้ำสวรรค์สิ้นอากาศหายใจ! โชคชะตานี้จะเจอกับอากาศไม่ได้ หากเจอกับอากาศจะต้องตายอย่างแน่นอน! เหมือนกับปลาขึ้นจากน้ำ จะอยู่ได้ไม่นาน
ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเข้าใจเลย จนกระทั่งมาเจอเจ้าอีกครั้ง เจ้าไม่มีโชคชะตา เจ้าก็คืออากาศ!” บิดาไป๋ซู่มองซูหมิงพลางกล่าวอย่างสับสน
“พูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน?” ซูหมิงเอ่ยเนิบช้าด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
“อย่างมากก็หลายวัน อย่างน้อยก็หลายเค่อ ข้าก็จะตาย” บิดาไป๋ซู่ลอบถอนหายใจแล้วกล่าวเสียงหนักแน่น
“เจ้าเห็นโชคชะตาคนอื่นได้อย่างไร?” ซูหมิงหรี่ม่านตา ถามขึ้นทันที
“เรื่องนี้…..” บิดาไป๋ซู่ลังเลอยู่ชั่วครู่ ครั้นมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วก็กัดฟัน
“ตระกูลไป๋ของข้าอยู่ในสำนักเหมันต์สวรรค์มาช้านาน บรรพบุรุษไป๋หยวนฮว่าเคยเป็นหนึ่งในผู้สร้างสำนักเหมันต์สวรรค์ ขั้นพลังเขาในสมัยนั้นพอจะเรียกได้ว่าสั่นสะท้านแดนอรุณใต้!
ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาไปที่ใด หลังจากสร้างสำนักเหมันต์สวรรค์แล้วก็ออกจากแดนอรุณใต้ ทว่าก่อนไปเขาปิดด่านนั่งฌานหนึ่งร้อยปี แล้วทิ้งตำราโชคชะตาเอาไว้ม้วนหนึ่งก่อนจากไป!
ตำราโชคชะตานี้ชำรุด ท่านบรรพบุรุษได้มาโดยบังเอิญ การจากไปของเขาก็น่าจะเพื่อไปตามหาตำราโชคชะตาอื่นๆ กระทั่งความแกร่งของเขายังมาจากการตระหนักรู้ตำราโชคชะตาม้วนนี้!
เพียงแต่ทายาทตระกูลไป๋ไม่มีใครมีสติปัญญาเท่าบรรพบุรุษ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ และเพราะเกรงกลัวโทษของมัน เรื่องนี้เลยเป็นความลับของตระกูลไป๋มาโดยตลอด
ตอนนั้นน้องชายข้าไป๋ฉางไจ้ตระหนักรู้มันมากที่สุด แต่ก็ยังไม่ลึกซึ้งพอเช่นกัน ส่วนข้ารู้เพียงผิวเผิน พอจะอนุมานได้บ้างเท่านั้น”
บิดาไป๋ซู่มีสีหน้าจริงใจ เสียงดังก้องไปรอบๆ ในค่ำคืนมืดมิด ชวนให้คนฟังเกิดความรู้สึกว่าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน
“เรื่องนี้เป็นจริง ข้าไม่จำเป็นต้องหลอกเจ้า ข้าให้ตำราโชคชะตามรดกของตระกูลไป๋แก่เจ้าได้ ทว่าข้าอยากขอร้องเจ้าเรื่องหนึ่ง!” บิดาไป๋ซู่กล่าวถึงตรงนี้ก็ยกมือขวาขึ้นกดนิ้วตรงระหว่างคิ้วตัวเอง ฉับพลันนั้นตรงจุดที่เขากดมีแสงอ่อนวูบวาบ ร่างกายสั่นไหวและแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตา
หลังจากนั้นผิวหนังบนใบหน้าเขามีอะไรชอนไชอยู่ เหมือนมีของบางสิ่งกำลังเคลื่อนไหวในร่างกาย ยามนี้บิดาไป๋ซู่สูดลมหายใจเข้าลึก ยกมือซ้ายสะบัดมวลอากาศ ตรงหน้าเขาพลันปรากฏธูปจุดไฟหนึ่งดอก ธูปนี้มีควันวนรอบ ขณะลอยโชยบิดาไป๋ซู่ก็สูบควัน ควันเจ็ดเส้นพลันมุดเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของเขา
ภาพนี้ดูพิกลยิ่งนัก นัยน์ตาซูหมิงเพ่งเป็นสมาธิ พบว่าหลังจากบิดาไป๋ซู่สูบควันเจ็ดเส้นแล้วก็ตัวสั่น ตรงระหว่างคิ้วเปิดเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง ในรอยแยกไม่มีโลหิตไหล เหมือนมีอยู่มาหลายปีแล้ว เพียงแค่ถูกปกปิดไว้ไม่ให้คนนอกเห็นเท่านั้น
จำเป็นต้องใช้วิชาลับเฉพาะเท่านั้นถึงจะเปิดออกได้ อีกทั้งวินาทีที่เปิดรอยแยก ซูหมิงพลันรู้สึกอย่างชัดเจนว่ามีกลิ่นอายพลังที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับเขาแผ่กระจายมา
กลิ่นอายพลังนี้สุดจะบรรยาย เหมือนกับกลิ่นหอมหวานให้ความรู้สึกสบายใจ ราวกับว่าได้ผ่อนคลายไปทั้งร่าง กระทั่งยังมีความรู้สึกว่าพลังเหมือนจะเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ตรงส่วนลึกในใจยังเกิดความรู้สึกยินดี ประหนึ่งว่าพบเจอเรื่องดีๆ มาจนต้องเผยรอยยิ้มโดยไม่อาจควบคุม
ถ้าให้ลองสัมผัสกับกลิ่นอายนี้ให้มากกว่าเดิมอีกเล็กน้อย ทว่าหลังจากเจ้าอดใจไม่ไหวเปิดทุกอย่างเพื่อสัมผัส กลิ่นอายนี้จะไม่หอมหวานอีก แต่กลายเป็นน่าสะอิดสะเอียด มันเป็นความรู้สึกน่าขยะแขยงจนอยากจะสำรอกอวัยวะภายในออกมา เหมือนว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้เป็นเพียงมายา แต่ที่มีอยู่ตอนนี้เป็นของจริง!
ทว่า…..หากเพียงแค่เท่านี้ กลิ่นอายพลังดังกล่าวคงไม่พิลึกมากนัก หลังจากซูหมิงตื่นตะลึงและเกิดความรู้สึกสะอิดสะเอียดแล้ว ก็ค่อยๆ รู้สึกถึงความขมจากในกลิ่นอายนี้ ความขมที่ว่าดุจกินถุงน้ำดีที่ข้นที่สุดในโลก ให้ความรู้สึกขมอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกับที่กลิ่นอายซับซ้อนเช่นนี้สร้างความตะลึงให้กับซูหมิง เขาก็เห็นบิดาไป๋ซู่ยกมือขวาล้วงเข้าไปในรอยแยกตรงระหว่างคิ้ว สีหน้าดูพิกลเหมือนร้องไห้และเหมือนยิ้ม จากนั้นก็ค่อยๆ ดึงไม้สีดำแผ่นหนึ่งออกมา!
ไม้ชิ้นนี้กว้างเพียงสองนิ้วมือ สั้นราวๆ ครึ่งฝ่ามือ กลิ่นอายพิลึกก็มาจากไม้แผ่นนี้เอง!
“สิ่งนี้คือตำราโชคชะตาที่บรรพบุรุษตระกูลไป๋ของข้าฝากเอาไว้ก่อนจากไป! ตำรานี้ไม่ใช่หนังสือตำรา แต่เป็นไม้…..”
วินาทีที่ซูหมิงเพ่งมองไม้สีดำ เขาเหมือนได้ยินเสียงเด็กทารกร้องไห้ ได้ยินเสียงร้องด้วยความเศร้าของสตรี ได้ยินเสียงเสียใจของบุรุษ ได้ยินเสียงน้ำตาชายชราหยดบนอาภรณ์
นี่คือเสียงร้องไห้ของผู้คนในเวลาต่างกัน…..
ซูหมิงหรี่ม่านตา ด้วยขั้นพลังของเขาในตอนนี้ อารมณ์จึงเปลี่ยนน้อยมาก ทว่ายามนี้กลับหน้าเปลี่ยนสีเพียงเพราะไม้เล็กๆ หนึ่งชิ้น!
สิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดา! นี่คือความคิดเดียวของซูหมิงในตอนนี้
เพราะซูหมิงได้ยินเสียงร้องไห้จากไม้แผ่นนี้ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือร่างเงามายาวนเวียนรอบๆ ไม้ ในร่างเงาเหล่านั้นมีบุรุษและสตรีทุกวัย พวกเขากำลังหัวเราะ…เสียงหัวเราะหลากหลายมีให้กับวันเกิด ให้กับการกำเนิดบุตร ขอตบแต่งหรือเรือนหอเรื่องราวเหล่านี้ ทุกอย่างล้วนมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข
“ข้าให้เจ้า…ข้าอยากขอร้องเพียงเรื่องเดียว รับปากข้า หากวันหนึ่งเจ้ามีพลังเปลี่ยนโชคชะตา ช่วยบุตรสาวข้าไป๋ซู่ เปลี่ยนโชคชะตาของนางเสีย…
ก่อนหน้าที่เจ้าจะมีพลังนั้น ข้าหวังว่า…นางจะยังอยู่ในโลกวุ่นวายนี้…อย่างปลอดภัย” บิดาไป๋ซู่นั่งขัดสมาธิลง น้ำเสียงอ่อนแรง เมื่อกล่าวจบก็สะบัดมือขวา ไม้สีดำลอยไปหาซูหมิงอย่างช้าๆ โดยทันที
จนกระทั่งลอยมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง
เขามองไม้แผ่นนี้อยู่นานก่อนพยักหน้าช้าๆ แม้ยังลังเลเรื่องวิชาโชคชะตาที่บิดาไป๋ซู่บอก ทว่ายามนี้ก็ยังเลือกรับปากกับชายชรา
ทันทีที่ซูหมิงพยักหน้า บิดาไป๋ซู่ก็เผยรอยยิ้มบาง เงยหน้าขึ้นมองฟ้าและทะเลสีดำไกลๆ ชั่วเวลานั้น เขาเหมือนเห็นสตรีผู้หนึ่งเดินออกมาจากมวลอากาศแล้วยื่นมือมาหา
“ฮุ่ยเชิน…เป็นเจ้ารึ…” บิดาไป๋ซู่มีสีหน้าเหม่อลอย กล่าวเสียงเบาก่อนหลับตาลง พลังชีวิตและกลิ่นอายพลังในตัวเขาหายไปในเวลานี้