Skip to content

สู่วิถีอสุรา 577

ตอนที่ 577 ตื่นขึ้น

เสียงโครมดังก้องเบาๆ ระลอกคลื่นผิวน้ำตรงหน้าหู่จื่อขยับไหวอย่างรุนแรง สุดท้ายช่วงที่มันระเบิดกระจาย เขาก็ชกหมัดใส่เป่ยหลิง ทว่าตอนเข้าใกล้หนึ่งฉื่อกลับเหมือนชกใยฝ้าย ไม่เกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น

ในทางตรงกันข้าม กลับมีปราณกระบี่คมกริบไหลเวียนรอบตัวเขา ขณะหู่จื่อตัวสั่นก็กระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ร่างโซเซถอยไปหลายก้าว ช่วงที่ถอยไปนั้นด้านหลังเขาคือซูหมิง แต่หู่จื่อพยายามให้ตนหลบหลีกซูหมิงแม้ต้องบาดเจ็บมากกว่าเดิมก็ตาม

“จงรักภักดีจริงๆ ทว่าขั้นพลังอ่อนแอเกินไป….” เป่ยหลิงละสายตาจากหู่จื่อ มองซูหมิงที่ยังคงนั่งขัดสมาธิ นัยน์ตาวาววับเล็กน้อยจนไม่อาจตรวจพบ

“มิน่าก่อนหน้านี้ข้าถึงตรวจไม่พบ ที่ไหนได้ นั่งฌานปิดตาย!” เป่ยหลิงยกมือขวากางฝ่ามือพร้อมกับเดินไปหาซูหมิง พอเข้ามาใกล้แล้วก็วางฝ่ามือกลางศีรษะของอีกฝ่าย

เขาอยากค้นความทรงจำของบุคคลตรงหน้านี้ ทว่าวินาทีที่กำลังจะวางฝ่ามือลง ไป๋ซู่ก็กลายเป็นสายรุ้งยาวเข้ามาใกล้ และยังมีหู่จื่ออีกคน เขาร้องคำรามพร้อมพุ่งมาอีกครั้งโดยไม่สนสิ่งใด

เป่ยหลิงแค่นเสียงหึ น้ำเสียงปานสายฟ้า ช่วงที่มันดังก้องก็ระเบิดข้างหูหู่จื่อ ทำให้เขาหยุดชะงักชั่วครู่ก่อนกระอักโลหิตอีกครั้ง ทว่ากลับไม่ยอมถอยไป แต่พุ่งเข้ามาอยู่ระหว่างเป่ยหลิงกับซูหมิง ยืนขวางตรงหน้าอีกครั้ง ใช้ร่างกายตนปกป้องศิษย์น้องของเขาไว้!

เขาร้องคำรามด้วยเสียงดังอย่างยิ่ง อีกทั้งดวงตายังแดงก่ำ

ส่วนไป๋ซู่ตัวสั่น ท่ามกลางเสียงระเบิดดังกึกก้อง มีโลหิตไหลจากมุมปากนาง ตรงหน้าพร่าเลือน ช่วงที่กลับมาชัดเจนอีกครั้ง สิ่งที่เห็นคือทะเลทรายอันไร้ที่สิ้นสุด

ในสายตาคนอื่น หลังจากเป่ยหลิงทำเสียงหึเย็นชา ไป๋ซู่ก็มีสีหน้าสับสน ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม แต่หู่จื่อไม่ได้เข้าสู่ภาพมายานั้น พุ่งเข้ามาอีกครั้งอย่างคลุ้มคลั่งและดวงตาแดงก่ำ

“เจ้ากล้าทำร้ายศิษย์น้องของข้า ท่านหู่คนนี้จะสู้กับเจ้าจนตายกันไปข้างหนึ่ง!” หู่จื่อตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนชกหมัดใส่เป่ยหลิงโดยไม่สนบาดแผลตนเอง

เป่ยหลิงขมวดคิ้วมองชายร่างกำยำที่ขวางอยู่ตรงหน้า เดิมทีเขาชื่นชมความจงรักภักดี ทว่าพอได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยก็หน้าเปลี่ยนอารมณ์

“ที่แท้เขาคือศิษย์น้องของเจ้า สิ่งนี้คือสัจธรรม…..ช่างเถอะ หากเจ้ารับสามกระบี่ของข้าแล้วยังยืนอยู่ได้ ข้าจะยกโทษเรื่องที่พวกเจ้าสองคนเสียมารยาท”

เป่ยหลิงกล่าวพร้อมกับยกมือขวาอีกครั้ง สองนิ้วมือทำเป็นกระบี่ สะบัดไปทางหู่จื่อที่กำลังพุ่งเข้ามาขณะร้องคำรามด้วยความโกรธ ขณะสะบัดมือพลันเกิดแสงกระบี่จ้าตาขึ้นเป็นลักษณะโค้ง ตรงไปหาหู่จื่อ!

หู่จื่อตะโกนเสียงดัง ก่อนยกหมัดขวาชกแสงกระบี่ อีกทั้งรอบตัวเขายังปลดปล่อยแรงบิดเบี้ยว ทำให้มวลอากาศรอบตัวขมุกขมัว จากนั้นก็ปรากฏลายหมานขึ้นบนใบหน้า!

ลายหมานนี้คือภูเขา ยอดเขานี้ก็คือ…ยอดเขาลำดับเก้า!

“ยอดเขาลำดับเก้าคือบ้านของข้า ด้านหลังข้าก็เป็นศิษย์น้องของข้า มีข้าอยู่ ผืนฟ้าก็ดี ปฐพีก็ดี ไม่ว่าใคร ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ห้ามทำร้ายศิษย์น้องข้า!” หู่จื่อตะโกนเสียงดัง ปล่อยหมัดเข้าปะทะกับแสงกระบี่ของเป่ยหลิง

เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว เป่ยหลิงไม่ขยับเขยื้อน กระทั่งอาภรณ์ยังไม่ปลิว ทว่าหู่จื่อกลับถอยไปสามเก้า และอาจมีก้าวที่สี่ แต่เขาจะถอยไม่ได้ เพราะด้านหลังเขาคือศิษย์น้อง!

เขาฝืนหยุดเอาไว้แล้วกระอักโลหิตกองใหญ่ มือขวาเป็นแผลเหวอะหวะ โดยเฉพาะตรงหน้าอกที่ปรากฏเป็นรอยกระบี่ลึกมีโลหิตไหล

สีหน้าเขาดูมัวหมอง ทว่าจิตใจกลับลุกโชติช่วง เขาในเวลานี้เหมือนแผดเผาทุกสิ่งเพียงเพื่อปกป้องศิษย์น้องเขา…..ซูหมิง!

แม้ว่าต้องตายก็จะไม่เสียใจ!

“เข้ามาอีก!” หู่จื่อเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก ด้วยมือขวาเป็นแผลเหวอะหวะอยู่แล้ว จึงทำให้มีเลือดติดเยอะกว่าเดิม เขาตัวสั่นและรู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังมาเยือน ทว่าเขา…..ไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย!

“คนยากจะหลีกเลี่ยงความตาย ถ้าข้าจะตายเพื่อศิษย์น้อง มันคุ้มค่าแล้ว!”

หู่จื่อกำหมัดทุบหน้าอกตัวเองอย่างแรง ดวงตามีเส้นเลือดฝอยเยอะขึ้น กลิ่นอายพลังปานความฝันลอยมาจากในร่างแล้วผสานรวมกับลายหมาน ทำให้เป่ยหลิงในเวลานี้เกิดความรู้สึกคล้ายเห็นภูเขาลูกใหญ่

“เจ้าเป็นคนที่ข้านับถือคนที่สองในชีวิต” เป่ยหลิงมองหู่จื่อพลางกล่าวเนิบช้า

“แต่ข้าอยากรู้จริงๆ ว่า เจ้าจะยืนหยัดได้ถึงเพียงใด” เป่ยหลิงยกมือขวาขึ้น ครั้งนี้ไม่ได้ใช้สองนิ้วมือเป็นกระบี่ แต่ใช้สามนิ้ว!

มันเหมือนกับท่าปางมือ ชี้ไปยังหู่จื่อที่กำลังตรงเข้ามา ชั่วพริบตาเดียวตรงหน้าเป่ยหลิงปรากฏเป็นกระบี่ยาวมายาหนึ่งเล่ม จากนั้นกระบี่ก็ส่งเสียงร้องดังแสบหู ก่อนตรงไปหาหู่จื่อ!

หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ปะทะกันในชั่วพริบตาเดียว หู่จื่อหายใจไม่สะดวกจนส่งเสียงทางจมูก ยอดเขาลำดับเก้ามายาตรงหน้าบิดเบี้ยวและสลายไป กลิ่นอายพลังความฝันจากร่างก็ค่อยๆ หายไปด้วย

มือซ้ายเขาแหลกละเอียด ทันทีที่มีโลหิตพุ่งฉีด ร่างเขาโอนเอน ใบหน้าซีดขาว แต่กลับฝืนร่างซึ่งกำลังจะล้มลงเอาไว้ ตรงมุมปากมีโลหิตไหล ดวงตาแดงเถือก ลมหายใจค่อยๆ เบาบางลง

ทว่ากระบี่เล่มนั้นยังคงลอยอยู่กลางอากาศ เพียงแต่ว่ามันแตกหัก ไม่เป็นทรงกระบี่อีก

“ยังเหลืออีกหนึ่งกระบี่ ข้าจะบอกให้ว่าก่อนหน้านี้ข้าใช้พลังเพียงสองส่วนเท่านั้น ตอนนี้…..ข้าจะใช้พลังแปดส่วน เห็นแก่ที่ข้าเคารพเจ้า บอกข้ามา เจ้ามีนามว่าอะไร เจ้ามีคุณสมบัติให้ข้าถามคำถามนี้ด้วย” เป่ยหลิงยกมือขวา ครั้งนี้เขาใช้ฝ่ามือเป็นกระบี่!

แสงกระบี่ยืดยาวมาจากมือขวาเป่ยหลิง กระบี่นี้ยาวเจ็ดฉื่อ มันไม่เหมือนภาพมายา แต่ดูสมจริงยิ่งนัก

“ข้าคือปู่ของเจ้า!” หู่จื่อหัวเราะเยาะด้วยเสียงอ่อนแรง ใช้มือขวาที่เป็นแผลเหวอะหวะคว้าเข้าไปในอกเสื้อ แล้วหยิบเหยือกสุราออกมาหนึ่งเหยือก เขาไม่ดื่มสุรามานานมากแล้ว ยามนี้ความตายกำลังมาเยือน เขาเลยวางเหยือกสุราไว้ตรงมุมปากแล้วดื่มไปอึกใหญ่

เป่ยหลิงขมวดคิ้ว สะบัดมือไปทางหู่จื่อ ทันใดนั้นกระบี่ยาวมายาในมือลอยขึ้นแล้วทะลวงมวลอากาศด้วยความคมกริบน่าสะพรึง มันสร้างเป็นรอยแยกเส้นหนึ่งกลางอากาศยามตรงดิ่งไปหาหู่จื่อ

หู่จื่อมีสีหน้าสงบนิ่ง เขายืนหยัดอยู่ตรงนี้ คอยปกป้องซูหมิงด้านหลัง เขาหลับตาลง ทว่าในร่างกายกลับมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชน

เขากำลังเผาชีวิตตัวเอง ใช้ชีวิตตัวเองรับกระบี่เพื่อปกป้องศิษย์น้อง!

“ศิษย์น้องเล็ก ลาก่อน…”

หู่จื่อมองกระบี่ที่ส่งเสียงลากยาวเข้ามาใกล้ บนตัวเขาปรากฏขึ้นเป็นเปลวเพลิงไร้รูป ทว่าทันใดนั้นเอง ด้านหลังหู่จื่อกลับมีฝ่ามือหนึ่งกดหลังเขาเอาไว้

วินาทีที่ฝ่ามือสัมผัส มีพลังชีวิตเปี่ยมล้นหลั่งไหลสู่ตัวหู่จื่อ เข้าไปดับเปลวเพลิงลุกโชติช่วงแล้วเติมเต็มพลังชีวิตที่หายไป ทั้งยังรักษาบาดแผลในร่างกายให้ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อย

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ช่วงที่หู่จื่อกำลังอึ้งงัน กระบี่ยาวก็เข้ามาใกล้แล้ว

ซูหมิงที่นั่งฌานอยู่ด้านหลังหู่จื่อมาโดยตลอด ยามนี้ยืนขึ้นแล้วเดินหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้ามืดทะมึน จังหวะเดียวกับที่สลับตำแหน่งกับหู่จื่อ เขาก็ยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังกระบี่บาวซึ่งกำลังตรงเข้ามา

พูดเหมือนเนิ่นนาน ทว่าความจริงแล้วตั้งแต่ซูหมิงตื่นขึ้นจนกระทั่งชี้นิ้วผ่านไปเพียงชั่วพริบตา นิ้วนั้นปะทะกับกระบี่ยาว ก่อเป็นเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวอย่างที่ไม่อาจบรรยาย

ภายใต้เสียงระเบิด เป่ยหลิงกระเด็นถอยเป็นครั้งแรก ทั้งยังถอยไปสิบกว่าก้าว ทุกก้าวทำให้พื้นเกิดเป็นรอยเท้าลึกๆ อีกทั้งยังสั่นสะเทือนยอดเขา จนกระทั่งถอยไปถึงก้าวสุดท้าย เขาจึงกระอักโลหิตกองใหญ่ด้วยใบหน้าซีดขาว ก่อนเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

ส่วนซูหมิงไม่ถอย เขายังยืนอยู่ที่เดิม ด้านหลังเขาคือหู่จื่อ คือศิษย์พี่ของเขา เป็นศิษย์พี่ที่ใช้ชีวิตปกป้องเขา!

แม้ศิษย์พี่คนนี้จะชอบยิ้มซื่อๆ แม้คิดว่าตนฉลาดที่สุด แม้เป็นคนซื่อตรงจนคนอื่นต้องจนปัญญา ทว่าเขาเป็นศิษย์พี่ของตน เขาคือชายร่างกำยำที่ยอมใช้ทุกอย่างเพื่อปกป้องศิษย์น้อง!

นี่ก็คือหู่จื่อ!

ศิษย์พี่สามของซูหมิง!

“ศิษย์พี่ มีข้าอยู่” ซูหมิงไม่มองเป่ยหลิง เขากำลังมองหู่จื่อ ตอนที่เอ่ยเสียงเบาก็กดมือซ้ายตรงหน้าอกอีกฝ่าย พลังชีวิตมหาศาลพลันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างหู่จื่ออีกครั้ง

หู่จื่อยิ้มมองซูหมิงแบบซื่อๆ สีหน้าซื่อตรงแบบนี้ทำให้ซูหมิงเศร้าใจอย่างยิ่ง เพราะหู่จื่อในตอนนี้อาการบาดเจ็บตรงหน้าอกสาหัสมาก มือสองข้างยังเป็นแผลเหวอะ ใบหน้าซีดขาว รอยยิ้มซื่อและร่างปานภูเขานี้ ซูหมิงจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าจะตายแล้วหรือ….ตายก็ตายเถอะ ข้าไม่กลัว…..เจ้าจงจำเอาไว้ว่าต้องไปตามหาอาจารย์…” หู่จื่อหายใจลำบากเล็กน้อย เสียงขาดๆ หายๆ

“ท่านจะไม่ตาย!” ซูหมิงกล่าวด้วยความเด็ดเดี่ยว

ยามนี้เอง เป่ยหลิงที่กระเด็นถอยไปสิบกว่าก้าวจ้องซูหมิงเขม็ง สีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ทันทีที่ยกมือขวาขึ้น รอบตัวเขาปรากฏเงากระบี่จำนวนมากราวๆ เกือบร้อยเล่ม เมื่อชี้มือขวาไป เงากระบี่เหล่านั้นก็พากันทะลวงมวลอากาศตรงไปหาซูหมิง

“ท่านจะไม่ตายอย่างแน่นอน ใครกล้าเอาชีวิตท่านไป ไม่ว่ามันอยู่ที่ใด ข้าซูหมิงจะทำลายสำนักของมันให้ย่อยยับ ทำลายพรรคของมัน ทำลายสายเลือดของมันให้สิ้นซาก!” ซูหมิงกล่าวทีละคำ ตอนยกมือซ้ายขึ้นจากหน้าอกหู่จื่อ ดวงตาเขาเปล่งแสงสีฟ้า แล้วทำสัญลักษณ์มือพิลึก ปางมือนี้คล้ายกับอักษรคำว่าโชคชะตา (命)

“ท่านจะไม่ตาย เพราะข้าจะช่วงชิงโชคชะตามาให้ท่าน!” ซูหมิงพลันกดมือซ้ายตรงระหว่างคิ้วหู่จื่อ ในเวลาเดียวกันก็กดมือขวาไปทางเงากระบี่เกือบร้อยเล่มที่เข้ามาใกล้

เมื่อกดมือลงไป พลังแห่งการย้อนเวลาพลันแผ่กระจายมาจากมือขวาซูหมิง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!