ตอนที่ 578 หลิงของซานหลิง
วินาทีที่แผ่กระจายพลังแห่งการย้อนเวลา เงากระบี่นับร้อยเล่มด้านหลังล้วนหยุดชะงักก่อนถอยกลับไป เป่ยหลิงหรี่ม่านตา แทบเป็นวินาทีที่เงากระบี่ถอยกลับและตัวเขาเองยังก้าวถอยหลังโดยไม่อาจควบคุมนั้น
เขาพลันกัดปลายลิ้นพ่นโลหิต โลหิตพุ่งออกมากลายเป็นโซ่สีแดงฉานเส้นหนึ่ง วนเวียนอยู่รอบๆ จนก่อขึ้นเป็นน้ำวนโซ่ ระหว่างที่น้ำวนโซ่ปะทะกับพลังแห่งการย้อนเวลาอันไร้รูปก็เกิดเสียงโครมดังสนั่น โซ่แตกกระจาย เงากระบี่หลายร้อยเล่มหายไป ตัวเป่ยหลิงถอยไปสองก้าว ทว่ากลับฝืนก้าวออกมาจากกาลเวลาย้อนกลับได้!
ตอนที่เขาก้าวออกมา ซูหมิงยกมือซ้ายขึ้นจากระหว่างคิ้วหู่จื่อ แล้วหมุนตัวมามองเป่ยหลิงเป็นครั้งแรก หู่จื่อด้านหลังเขาหลับตาปานหลับใหล ตรงหน้าอกขยับขึ้นลง พลังชีวิตยังมีอยู่ ตรงระหว่างคิ้วปรากฏตราสัญลักษณ์คล้ายกับอักษรคำว่าโชคชะตา
ตราสัญลักษณ์ขยับวูบวาบ ประหนึ่งเชื่อมกับลมหายใจของหู่จื่อ
ซูหมิงมองเป่ยหลิง นัยน์ตาเขาปิดซ่อนความซับซ้อนเอาไว้ ความจริงแล้วหลังจากตื่นขึ้นเมื่อครู่ เขาก็เห็นร่างที่เคยอยู่ในความทรงจำผู้นี้แล้ว
เหมือนกันทุกประการ…หากบอกว่าไม่เหมือนกัน ตอนนี้เด็กหนุ่มเป่ยหลิงในความทรงจำก็ผ่านโลกมามาก แม้ดูอายุไม่มากนัก ทว่ากลับมีความเย็นชาและหยิ่งยโสอย่างยิ่งเพิ่มเข้ามา หากเป็นซูหมิงเมื่อหลายปีก่อน วินาทีที่เห็นเป่ยหลิงจะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้เขาผ่านเรื่องความคล้ายคลึงระหว่างไป๋ซู่กับไป๋หลิงมาแล้ว ผ่านเรื่องซือหม่ากับศพบนแท่นบวงสรวง ณ แผ่นดินดารามาแล้ว หลังจากรู้ความลับจำนวนมาก ซูหมิงก็ไม่มีความตื่นเต้นใดอีก มีแต่ความซับซ้อน
เป่ยหลิงไม่รู้จักเขา
เรื่องนี้ซูหมิงคาดเดาได้ก่อนแล้ว เขามองเป่ยหลิง อีกฝ่ายก็มองเขา จังหวะที่สองคนสบตากัน ในใจเป่ยหลิงสั่นไหว เขาพลันรู้สึกว่าแม้คนตรงหน้าจะแปลกตา ทว่าสายตาอีกฝ่ายกลับมอบความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างให้ ความคุ้นเคยนี้ทำให้เขาอึ้งงัน
“เป่ยหลิง ไม่ได้เจอกันนาน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
นัยน์ตาเป่ยหลิงวาววับยามจ้องซูหมิง
“เจ้าเคยเจอข้า?”
“คำว่าเป่ยในชื่อเจ้าเป็นคือเป่ยจากเป่ยฟาง (ทิศเหนือ) ส่วนหลิงในชื่อเจ้าคือหลิงของปิงหลิง (น้ำแข็ง) หรือ?” ซูหมิงไม่ยอมรับ เพียงกล่าวเนิบๆ
“เป็นหลิงจากซานหลิง (เทือกเขา)!” เป่ยหลิงกล่าวด้วยความเย็นชา ยามนี้เรือที่อยู่ไกลออกไปค่อยๆ เข้ามาใกล้ บนเรือมีหญิงสาวยืนอยู่คนหนึ่ง กำลังอึ้งมองตาซูหมิง สีหน้าค่อยๆ เผยแววเหลือเชื่อ ลมหายใจยังกระชั้นถี่ขึ้นในพริบตา
“เจ้าด้วย เฉินซิน ไม่เจอกันนาน” ซูหมิงมองข้ามเป่ยหลิงไปมองหญิงสาว แล้วกล่าวเสียงเบา
“เจ้า…เจ้าคือ…” เฉินซินเบิกตากว้างมองเขา เป่ยหลิงเห็นความเหลือเชื่อในแววตานาง เขาจึงพิจารณามองดวงตาของซูหมิงทันที
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ เป่ยหลิง มาสู้กันเถอะ!” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ปกปิดความซับซ้อนในแววตา ตอนที่มองอีกฝ่าย เขายกมือขวาสะบัดไปข้างๆ
“การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อตัวข้าเอง แต่เป็นเพราะเจ้า…ทำร้ายศิษย์พี่ของข้า!”
เป่ยหลิงเงียบงัน นัยน์ตาฉายแววเย็นชาและมีสีหน้าจริงจัง ก่อนยกมือขวาคว้าไปด้านหลังศีรษะเหมือนคว้าอากาศ ทว่าความจริงแล้วเขาเหมือนคว้าเจอของอะไรบางอย่างที่คนอื่นมองไม่เห็น
ราวกับว่าเขาค่อยๆ ดึงกระบี่เล่มหนึ่งมาจากด้านหลัง จากนั้นยกเท้าเดินมาหาซูหมิงด้วยแววตาแฝงประกายเย็นชา
ทันทีที่เขาก้าวเดิน เฉินซินบนเรือก็มีสีหน้าร้อนใจ นางพลันบินออกมาแล้วกล่าวเสียงดัง
“เป่ยหลิง เขาคือ…”
“หุบปาก!” เป่ยหลิงไม่หันไปมอง แต่ตะโกนเสียงต่ำขัดคำพูดเฉินซิน เขารวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็อยู่ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสิบจั้ง มือขวาพลันเปล่งแสงสีแดงวูบวาบ พบว่าเป็นกระบี่ยาวสีแดงเล่มหนึ่ง เมื่อเป่ยหลิงคลายมือมันก็กลายเป็นสายรุ้งยาวดุจดาวตกแผดเผา พุ่งตรงไปยังซูหมิง
ขณะเดียวกันเป่ยหลิงก็ทำสัญลักษณ์มือชี้ขึ้นฟ้า ชั้นเมฆด้านบนพลันหมุนตลบ มังกรวารีที่ปิดล้อมชายชราเสื้อคลุมขาวพลันร้องคำรามพร้อมกัน ก่อนออกจากชายชราตรงมาหาเป่ยหลิง แล้วกลายเป็นเสื้อคลุมลายงูเหลือมเหนือศีรษะเขา
เสื้อคลุมลายงูเหลือมสะบัดพลิ้ว ราวกับข้างในมีร่างเงาคนที่ไม่เห็นตัวกำลังสวมมันอยู่ ก่อนสะบัดแขนเสื้อม้วนตรงไปยังซูหมิง
หากเพียงเท่านี้คงเห็นถึงความแกร่งของเป่ยหลิงได้ไม่ชัดนัก เขาใช้มือซ้ายกดไปทางแผ่นดิน น้ำทะเลด้านล่างพลันม้วนตัวกลายเป็นใบหน้าขนาดยักษ์ ลักษณะใบหน้าเหมือนกับเป่ยหลิงทุกประการ ใบหน้าอันสร้างจากน้ำทะเลอย่างสมบูรณ์นี้อ้าปากกว้างแล้วพุ่งจากก้นทะเลไปหาซูหมิง
ซูหมิงมองกระบี่ซึ่งตรงเข้ามา ด้านหลังคือหู่จื่อ ด้านหลังคือวิชาอภินิหารเหล่านี้ ด้านหน้าคือสหายจากภูเขาทมิฬในความทรงจำ เขาไม่มีวันลืมความทรงจำในภูเขาทมิฬได้ และก็ไม่มีวันลืมความรักจากหู่จื่อเช่นกัน
“ข้าไม่ติดค้างอะไรเจ้า…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ หลับตาลงเผชิญหน้ากับกระบี่
วินาทีที่หลับตาลง กระบี่แดงพลันเข้ามาใกล้แล้วทะลวงหน้าอกตรงหัวใจ กระบี่นี้แฝงไว้ด้วยจิตสังหาร นี่คือกระบี่ที่คิดจะสังหารซูหมิง!
เสียงระเบิดดังกระจายเป็นวงกว้าง ซูหมิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว กระบี่สายรุ้งเล่มนั้นทะลวงหน้าอกเข้าไปเกือบครึ่งก็ไม่อาจทะลวงต่อไป เหมือนว่าร่างกายซูหมิงแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เพียงกระบี่เล่มเดียวไม่อาจทะลวงผ่าน!
“กระบี่เล่มนี้…ตัดบุญคุณที่ถ่ายทอดวิชาธนูให้ในตอนนั้น…”
ซูหมิงลืมตา ยกมือขวาจับกระบี่ตรงหน้าอก เมื่อกำแล้วก็ออกแรงบีบ ตัวเขาพลันเปล่งแสงทองวูบวาบทั้งตัว แสงทองนี้มาจากเลือดเนื้อทุกส่วนในร่างกาย มาจากกระดูกทุกชิ้น ครั้นซูหมิงออกแรงบีบจึงได้ยินเสียงดังแกรก จากนั้นกระบี่แดงก็แหลกกระจายในมือเขา กลายเป็นเศษชิ้นส่วนตกลงสู่ผืนทะเล
ขณะเดียวกับที่ซูหมิงทำลายกระบี่ ร่างเงาคนล่องหนที่เหมือนสวมเสื้อคลุมงูเหลือมก็เข้ามาใกล้ ระหว่างสะบัดแขนเสื้อพลันมีมังกรวารีมายาเก้าตัวอ้าปากกว้างตรงไปหาซูหมิง จังหวะที่จะเขมือบ พวกมันพันรอบซูหมิงพร้อมกันแล้วออกแรงเพื่อฉีกทึ้งร่าง!
ซูหมิงไม่ขยับ ไม่ว่ามังกรวารีเก้าตัวจะร้องคำรามอย่างไร เขาก็เพียงหน้าซีดขาวเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าตัวเขายังยืนตรงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ฉีกขาดออก
“การโจมตีนี้…ตัดมิตรภาพในวัยเยาว์…” ซูหมิงก้มหน้ากล่าวเสียงเบา ช่วงที่เอ่ยประโยคนี้ร่างกายพลันระเบิดแสงทอง ยามซูหมิงยกมือขึ้น มังกรวารีเก้าตัวร้องคำรามเสียงแหลมเล็ก จากนั้นก็มีเสียงปุดๆ ดังกังวาน มังกรวารีเก้าตัวสลายไปพร้อมกัน ขณะกระเด็นไปรอบๆ ก็กลายเป็นเศษผ้าเสื้อคลุมลายงูเหลือมหลายชิ้น
คำพูดซูหมิงเข้าหูเป่ยหลิง แต่สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย กลับเย็นชามากขึ้น อภินิหารรูปแบบที่สามหรือใบหน้ายักษ์จากน้ำทะเลเข้ามาใกล้ซูหมิงแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมเขารวมถึงยอดเขาลำดับเก้าเอาไว้ทั้งหมด
หากมองจากไกลๆ จะมองไม่เห็นยอดเขาลำดับเก้า แต่จะเห็นเพียงศีรษะยักษ์ ศีรษะนี้มีความสูงหลายพันจั้ง ตั้งตระหง่านอยู่บนผิวทะเล ข้างในนั้นก็คือยอดเขาลำดับเก้า!
“น้ำทะเลนี้กลบความทรงจำในภูเขาทมิฬระหว่างข้ากับเจ้า เป่ยหลิง จากนี้เจ้าคือเป่ยหลิง…ข้าซูหมิงไม่ติดค้างอะไรเจ้าอีก ตอนนั้นไม่ติดค้าง ตอนนี้ก็เช่นกัน…..เจ้าทำร้ายศิษย์พี่ของข้า ตอนนี้เจ้ากับข้ามาคิดบัญชีกัน!” ช่วงที่เสียงซูหมิงแว่วมาจากเสาน้ำทะเล ฉับพลันนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นฟ้าดิน เห็นเพียงว่าเสาน้ำทะเลนี้มีระลอกคลื่นรุนแรงกระจายมาจากข้างใน มันระเบิดกระจายท่ามกลางเสียงดังสนั่น น้ำทะเลกลายเป็นวงแหวนพุ่งกระจายออกไปรอบๆ
ในเวลาเดียวกัน ชั่วขณะที่น้ำทะเลระเบิดออกเป็นวงกว้างและเผยให้เห็นยอดเขาลำดับเก้าอย่างชัดเจน เศษเสี้ยวเงาเส้นหนึ่งห้อเหยียดออกมา พริบตาเดียวก็เข้าใกล้เป่ยหลิง ตอนที่กดนิ้วเข้ามามีกลิ่นอายพลังสร้างชะตาวนเวียนอยู่รอบๆ ปลายนิ้วนั้น
กลิ่นอายพลังสร้างชะตานี้คือพลังแห่งรูปแบบชะตาที่สามารถเขย่าขวัญวิญญาณให้สลายไป เหตุที่การสร้างชะตาแก่กล้าเป็นเพราะว่ามันสามารถปรับรูปแบบชะตาของคนอื่น และปรับรูปแบบโชคชะตาของตัวเอง สามารถย้อนฟ้าดินและพลิกกลับทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติ!
ในตัวซูหมิงมีเสี้ยวกลิ่นอายพลังสร้างชะตาอยู่ ทว่ากลิ่นอายพลังนี้กลับมัวหมองเพราะความสับสน ยุ่งเหยิงเพราะเขาลังเลใจ แต่แม้จะเป็นอย่างนั้นก็ยังน่าสะพรึงอยู่ดี
ทว่าตอนนี้ หลังจากซูหมิงตื่นขึ้น แม้เขายังไม่ได้คำตอบอย่างครบถ้วนในสภาวะการตระหนักรู้ แต่กลับมีความเข้าใจบางอย่าง แม้ยังบอกไม่ถูกแต่ก็สัมผัสได้ว่ามีอยู่
นั่นคือความเข้าใจในคำว่าโชคชะตา!
และเพราะเหตุนี้เอง ยามนี้กลิ่นอายพลังสร้างชะตาจากตัวซูหมิงถึงทำให้เป่ยหลิงหน้าเปลี่ยนสี ทำให้สีหน้าเย็นชาดูตื่นตระหนกอย่างพบเห็นได้ยาก เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าวิญญาณของตนสั่นไหวเพราะนิ้วนั้น
“นิ้วนี้คือบทลงโทษที่เจ้าเหยียบยอดเขาลำดับเก้า!”
ในเวลาเร่งด่วน เป่ยหลิงขบคิดไม่ทัน เขาจึงถอยหลังไปอย่างร้อนรน ตอนที่ยกมือขวาขึ้นรูขุมขนทั้งตัวเขาเปิดออก ก่อนมีปราณกระบี่ปะทุมาจากในรูขุมขนนั้นแล้วตรงไปหานิ้วซูหมิงเพื่อต่อต้าน
เสียงโครมครามดังกึกก้อง เป่ยหลิงกระอักโลหิต ร่างซวนเซถอยไปหลายสิบก้าว รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว ส่วนปราณกระบี่จำนวนมากแหลกสลายไปอย่างต่อเนื่องด้วยนิ้วมือของซูหมิง
ตรงข้อนิ้วมือซูหมิงเกิดเป็นรอยแผลเส้นเล็กหนึ่งเส้น มีโลหิตไหลริน ทว่าเขากลับไม่หยุด ยังคงก้าวเท้ายาวไปหาเป่ยหลิง
ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อเมื่อเข้ามาใกล้ กำหมัดขวาชกเป่ยหลิง หนึ่งหมัดพุ่งออกไป แสงทองทั้งตัวเขาเหมือนรวมอยู่ในหมัด หากมองไกลๆ จะเหมือนว่าหมัดขวากลายเป็นตะวันสีทอง ชั่วขณะที่หมัดเปล่งแสงสะท้อนทุกอย่างโดยรอบ มันก็พุ่งตรงไปยังฝ่ายตรงข้าม
เป่ยหลิงเช็ดคราบโลหิตไม่ทัน ความหยิ่งยโสทำให้เขาไม่อาจยอมแพ้เช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เมื่อแพ้ให้กับซูหมิง เขาจึงยกมือขวาขึ้นกดตรงกลางกระหม่อม ทันใดนั้นเขาตัวสั่นเทา เห็นด้วยตาเนื้อว่ามีกระบี่เล่มหนึ่งโผล่ออกมาจากในร่างกาย กระบี่เล่มนี้อยู่ในตัวเขา มีขนาดเท่าฝ่ามือ พอเป่ยหลิงตบตรงกลางกระหม่อมก็บินออกมา