ตอนที่ 587 ซุ่มจู่โจม
แทบจะทันทีที่ซูหมิงบินออกจากเกาะนี้ ในทะเลมรณะพลันปรากฏใบหน้าภูตผีขึ้นบนผิวน้ำ ใบหน้าภูตผีนี้คือศพที่ซ่อนอยู่ใต้ทะเล มันนี้ไม่มีศีรษะ ใบหน้าภูตผีนั้นปรากฏบนหน้าอกเปลือย
ขณะเดียวกันบนทะเลมรณะ ณ ชายแดนแผ่นดินรกร้างบูรพา มีศพใบหน้าภูตผีแบบนี้มากกว่าหลายสิบคน ใบหน้าภูตผีบนตัวพวกเขาเปล่งแสงหม่นพร้อมกัน ทั้งยังส่งเสียงคำรามแหลมเล็กที่คนอื่นไม่ได้ยินดังกึกก้อง ต่อมา ตี้เทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงชายแดนรกร้างบูรพาพลันลืมตาขึ้น มีแสงเย็นชาวาบผ่านนัยน์ตา
เขายกยิ้มมุมปากอย่างไร้ความรู้สึก
“ในที่สุดก็ออกมาแล้ว บุตรของข้า” เขาค่อยๆ ยืนขึ้น ขณะกำลังจะเดินขึ้นฟ้ากลับขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่แล้วก็นั่งลงไปใหม่
‘ซ่อนกลิ่นอายซู่มิ่งเอาไว้หมด ทำให้ก่อนหน้านี้ข้าหาไม่เจอ หากเป็นคนทำ เช่นนั้นบุคคลผู้นี้ต้องมีขั้นพลังไม่ธรรมดา
เต้าเฉิน…’ นัยน์ตาตี้เทียนขยับประกายก่อนยิ้มเยาะ
ซูหมิงในยามนี้กำลังห้อเหยียดอยู่บนฟ้า เขามีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่าความเศร้าเป็นอารมณ์ที่ไม่อาจปกปิด มันวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ห้ามคนอื่นเข้ามาใกล้ มิเช่นนั้นจะสับสนอยู่ในโลกของเขา ถูกความเศร้าย้อมจนเป็นธุลีแดง
‘มหาภัยพิบัติ…แดนหมานจากมายาแห่งมรณะหยินแห่งนี้ มีคนเดียวที่เรียกว่าเป็นมหาภัยพิบัติสำหรับข้า นั่นคือตี้เทียน!’ ซูหมิงหรี่ม่านตาลง แต่กลับเผยจิตสังหารออกมา
‘คำนวณเวลาดูแล้วก็น่าจะเป็นช่วงที่ร่างแยกของตี้เทียนมาพอดี ภัยพิบัติครั้งนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมาจากตี้เทียน’
จิตสังหารในแววตาซูหมิงวูบวาบ ความกระหายต่อสู้อันเข้มข้นผุดขึ้นในใจ สำหรับเขาแล้วตี้เทียนคือมหาภัยพิบัติ ทว่าขณะเดียวกันเขาก็มีความคิดว่าจะต้องสังหารตี้เทียนให้ได้เช่นกัน!
หากตี้เทียนไม่ตาย เขาก็ยากจะควบคุมตัวเอง ศัตรูเช่นนี้คือแรงผลักดันให้เขากระตุ้นตัวเอง มีแต่ต้องสังหารร่างแยกตี้เทียนเท่านั้นถึงจะคุมชะตาชีวิตตัวเองในแดนหมานได้
‘ร่างจริงตี้เทียนอาจจะแข็งแกร่งมากนัก แต่หลายปีมานี้ส่งเพียงร่างแยกมา บางทีทุกอย่างอาจเป็นเพราะร่างจริง…..ลงมาเองไม่ได้!
ทว่านี่ก็เป็นแค่การคาดเดา หากครั้งนี้ข้าเจอกับร่างแยก เช่นนั้นการคาดเดาของข้าก็มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นจริง! หากเป็นร่างแยกจริงๆ ข้าก็สู้สักครั้งได้!’
ซูหมิงก้มหน้ามองนิ้วชี้มือขวาตัวเองแวบหนึ่ง บนนิ้วมือตอนนี้ยังมีเส้นผมของเทพหมานรุ่นหนึ่งพันอยู่น้อยมาก
‘ตอนนั้นข้าสังหารร่างแยกตี้เทียนไปหนึ่งคน ตอนนี้…ก็ต้องสังหารได้สอง!’
‘ข้าในตอนนั้นมองไม่เห็นถึงความแกร่งของตี้เทียน มองขั้นพลังหงหลัวไม่ออก รู้เพียงว่าพวกเขาข้ามผ่านขั้นวิญญาณหมานของเผ่าหมานไปแล้ว
วันนี้มานึกๆ ดู ขั้นพลังของหงหลัวเทียบเท่ากับเส้นทางการสร้างชะตา ดูแล้วเหมือนยังไม่รู้ว่าในชะตาชีวิตตนขาดอะไร ฉะนั้นก็น่าจะยังไม่ถึงขั้นขาดชะตา! เพียงก้าวเข้าสู่ช่วงของรูปแบบชะตาเท่านั้น บางทีขั้นพลังตอนเขาสมบูรณ์อาจต่างออกไป ทว่าตอนนั้นมันเป็นอย่างนี้!’
‘ส่วนร่างแยกตี้เทียน ตอนนั้นสามารถสังหารหงหลัว เห็นได้ชัดว่ามีระดับพลังอยู่เหนือขอบเขตรูปแบบชะตา แต่น่าจะยังไม่ถึงบรรลุชะตา บรรลุชะตาคือการเข้าใจการแปรเปลี่ยนของทุกสิ่ง รู้ถึงความผิดหวังของนภา เข้าใจพลังแห่งกฎ หากเขาบรรลุถึงขั้นบรรลุชะตา เช่นนั้นคงสังหารหงหลัวได้โดยไม่รับบาดเจ็บอะไร!
ข้ามั่นใจว่าร่างแยกในตอนนั้นจะต้องอยู่ที่ขาดชะตา!’
‘รูปแบบชะตา ขาดชะตา บรรลุชะตา โลกชะตา…สี่ขอบเขตพลังใหญ่ของการสร้างชะตา ตอนนี้ข้าเข้าใจมุมหนึ่งของรูปแบบชะตาแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่บรรลุถึงขั้นวิญญาณหมาน ฉะนั้นเลยมีแต่กลิ่นอายพลัง ไม่อาจก้าวเข้าสู่เส้นทางสร้างชะตาได้
ทว่า…จะต่อสู้กับร่างแยกก็ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้!’
ซูหมิงรวดเร็วอย่างยิ่ง ขณะห้อเหยียดอยู่บนผิวทะเลนัยน์ตาก็ขยับวูบไหว ฉายประกายขบคิด
‘นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า หากครั้งนี้ร่างจริงตี้เทียนมาเอง ภัยพิบัติครั้งนี้คงผ่านไปไม่ไหว อีกทั้งหากร่างแยกแกร่งกว่าครั้งก่อนมาก การต่อสู้ครั้งนี้…ก็ไม่มีอะไรมากมายให้ต้องคิดอีก
มหาภัยพิบัติ…’ ซูหมิงบินออกจากเส้นแบ่งเขตขมุกขมัวของแดนอรุณใต้จนมาอยู่บนทะเลมรณะนอกดินแดน ตลอดทางมานี้นัยน์ตาเขาค่อยๆ เผยความเหี้ยมโหด
ขณะนัยน์ตาขยับประกายก็บินตรงไปยังผิวทะเล
ตรงหน้าเขามีเกาะเล็กแห่งหนึ่ง เกาะนี้ไม่นับว่าใหญ่มาก ทว่าก็ไม่ได้เล็กมาก ดูแล้วคล้ายกับเกาะเผ่าชะตาชีวิตของซูหมิงพอควร
เกาะนี้เหมือนกับเกาะอื่นๆ ที่เขาเจอมาระหว่างทาง ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ เลย เป็นพื้นที่กว้างโล่ง ด้านบนไม่มีต้นไม้ โล่งเตียนราวกับเนินดินบนหลุมศพ
ซูหมิงบินลงมาเหยียบบนเกาะนี้ นัยน์ตาเขาประกายวูบไหว ก่อนใช้จิตสัมผัสปกคลุมเกาะนี้เอาไว้ จากนั้นเดินมาตรงกลางเกาะแล้วนั่งขัดสมาธิลง
‘ในเมื่อภัยพิบัติกำหนดไว้แล้วว่าต้องมา เช่นนั้นข้าจะขอสู้ รออยู่ที่นี่…รอให้ภัยพิบัติมาเยือน!’ ดวงตาซูหมิงฉายประกายเย็นเยียบ พอยกมือขวาคว้าอากาศแล้วก็กดไปทางผืนดินด้านล่าง แผ่นดินพลันสั่นสะเทือน จุดที่ฝ่ามือซูหมิงสัมผัสกับผืนดินปรากฏเป็นสีแดงสว่างจ้าตา
มันคือทุ่งหญ้าสีแดง หลังจากปรากฏมาแล้วก็ขยายออกโดยรอบอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กว้างหลายสิบจั้ง ซูหมิงกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตลงบนทุ่งหญ้านั้น มันพลันขยับไหวอย่างน่าประหลาด ก่อนขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ปกคลุมทั้งเกาะในชั่วพริบตา ทั้งยังลุกลามไปถึงผิวทะเลด้วย
นี่คือครั้งแรกที่ซูหมิงใช้งานทุ่งหญ้าสีแดงอย่างเต็มที่ ให้มันสูบโลหิตและชีวิตให้มากพอ โดยเฉพาะเมื่อมันขยายเข้าไปในทะเล แรงสูบกินก็จะบรรลุถึงจุดสูงสุด
พื้นดินทั้งเกาะกลายเป็นสีแดงแล้ว
ซูหมิงยกมือขวาขึ้น กระบองใบเรือสีดำท่อนหนึ่งปรากฏในมือ เขาไม่ได้ใช้สิ่งนี้มานานมาก มันคือหนึ่งในสมบัติที่ได้มาจากเมืองเขาหานและเป็นของบรรพบุรุษเขาหาน
ซูหมิงไม่รู้การใช้งานโดยละเอียด แต่การใช้งานง่ายๆ ก็คือ…ให้มันระเบิดตัวเอง!
นี่คือการเตรียมโจมตีสวนกลับครั้งแรกต่อมหาภัยพิบัติ!
ซูหมิงวางกระบองใบเรือเอาไว้ข้างๆ จากนั้นก็ตบถุงเก็บวัตถุ พลันมีศิลาหินยักษ์ลอยมาจากในถุง ศิลาหินนี้ก็คือมรดกของเทพหมานรุ่นหนึ่ง
สิ่งนี้ไม่อาจมอบเป็นมรดกให้กับเผ่าหมานได้อีก ทว่ามันก็ยังมีประโยชน์น่าสะพรึง สร้างความหวาดหวั่นให้กับเผ่าเซียนทั้งหมด หากตี้เทียนมาจริงๆ ตอนเห็นศิลาหินนี้จะต้องตื่นตะลึงอย่างแน่นอน!
นี่คือการโจมตีสวนกลับครั้งที่สองสำหรับตี้เทียน!
ซูหมิงวางศิลาหินไว้บนเกาะ แววตาวาววับ ครั้นมือขวาตบถุงเก็บวัตถุ ก็พลันมีหินภูเขาโปร่งใสก้อนหนึ่งลอยมาจากในถุง สิ่งมีชีวิตในหินก้อนนี้ก็คือคนเล็กสีดำซึ่งเสียนิ้วมือไป
คนเล็กกำลังหลับตาดุจดั่งหลับใหล
“ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน จะเอาด้วยหรือไม่!” ซูหมิงมองมันพลางกล่าวเสียงเบา
คนเล็กสีดำไม่ขยับ ทว่าหลายลมหายใจต่อมาก็ลืมตาขึ้น จ้องซูหมิงด้วยแววตาประหลาดใจ
“ข้อแลกเปลี่ยนอะไร!” เสียงมันแหลมเล็กแสบแก้วหูเล็กน้อย
“ใช้พลังทั้งหมดของเจ้าช่วยข้าสังหารคนคนหนึ่ง เรื่องนี้สุดท้ายแล้วไม่ว่าข้าตายหรือรอด ข้าจะปล่อยเจ้าไป!”
คนเล็กสีดำขบคิดอยู่ชั่วครู่แล้วถามขึ้นอีก
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร!”
“ในตัวเจ้ามีผนึกของข้าอยู่ จะเชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า ข้อตกลงนี้มีแค่ครั้งนี้เท่านั้น หากไม่ตกลงก็จะไม่มีอีก!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
คนเล็กสีดำคับข้องใจอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาถึงฉายแววบ้าระห่ำ แล้วพยักหน้าให้ซูหมิง
ซูหมิงยกมือขวาตบหินภูเขาโปร่งใสทีหนึ่ง ทันใดนั้นผนึกบนหินภูเขาหายไป เขารวมจิตสัมผัสไว้กับตัวคนเล็กสีดำในเวลาเดียวกันนั้น ตอนที่ขยายผ่านไป คนเล็กสีดำก็บินออกมาจากหินโปร่งใสแล้ว
วินาทีที่มันบินออกมาก็เงยหน้าคำรามเสียงแหลมก่อนมองซูหมิง ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ มองคนเล็กสีดำด้วยความเย็นชา
คนเล็กสีดำเงียบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นประสานมือคารวะซูหมิง
“ข้าเชื่อที่เจ้าพูด และก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้าด้วย เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเหมือนกันคือออกจากแดนมรณะหยินแห่งนี้!” ขณะกล่าวมันก็ขยับวูบไหว ร่างค่อยๆ หายไปกับอากาศ
ต่อให้ใช้จิตสัมผัสกวาดผ่าน หากไม่ทิ้งจิตไว้ที่ตัวมันก่อนหน้านี้ประหนึ่งผนึก ตอนนี้ก็คงยากจะหาเจอ
นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่เขาเตรียมไว้ให้ตี้เทียน
“ตี้เทียน…..” ซูหมิงยกมือขวาสะบัดแขนเสื้อ เศษวังราชวงศ์ต้าอวี๋ชิ้นหนึ่งปรากฏตรงหน้าทันที เศษนี้เขาได้มาจากโลกน้ำแข็ง ตอนนี้พอหยิบขึ้นมาแล้วก็ใช้มือขวากดไปด้านบน ทุ่งหญ้าโดยรอบปกคลุมเศษหินนี้ในทันใด จิตสัมผัสของซูหมิงเชื่อมต่อกับเศษหินแผ่นนี้ ตอนต่อสู้กับชายชราหมัวหลัวบนเกาะหมัวหลัวเขาก็เคยตกตะลึงกับวิชามายาต้าอวี๋มาแล้ว หลังจากนั้นเขาเลยศึกษา บวกกับเคยไปราชวงศ์ต้าอวี๋จริงๆ หากใช้ภาพมายานี้ อานุภาพของมันย่อมไม่ธรรมดาแน่
นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่อันที่สี่
หลังจากทำเสร็จ ซูหมิงก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบกระบี่เล็กสีดำออกมา เขามองกระบี่เล่มนี้ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรณ์น้อยๆ แต่ความรู้สึกนี้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้มือขวาถือกระบี่เล่มนี้ด้วยสีหน้าจริงจัง มือซ้ายลูบตัวกระบี่เบาๆ หลังจากนั้นนัยน์ตาเขาก็ฉายแววพิลึก ปากพึมพำภาษาซับซ้อนอีกเล็กน้อย ทั้งยังขยายจิตแรกออกไป หลังจากซูหมิงค่อยๆ ลูบมือมันก็ผสานรวมกับกระบี่เล็ก
กระบี่เล็กแสงดำสั่นไหว ทั้งยังส่งเสียงร้องแหลมเล็ก ผ่านไปพักหนึ่งตัวกระบี่ก็เปล่งแสงจ้าแสบตา กลิ่นอายความเศร้าลอยมาจากตัวกระบี่ ในกลิ่นอายนั้นมีความอาลัยอาวรณ์ต่อซูหมิง…..
นี่คือของขวัญชิ้นใหญ่อันที่ห้าที่เตรียมไว้ให้กับตี้เทียน ด้วยวิธีการพิเศษของหงหลัว การเซ่นไหว้กระบี่เล่มนี้จะทำให้มันระเบิดพลังแห่งวิญญาณกระบี่ออกมา ทำให้สามารถรองรับอานุภาพดัชนีของซูหมิงได้!