ตอนที่ 588 ร่างแยกตี้เทียน
ซูหมิงนำกระบี่เล็กสีดำปักบนทุ่งหญ้า จากนั้นหลับตาลงน้อยๆ เสียงระฆังกึกก้องอยู่ในตัวเขา ก่อนที่ระฆังเขาหานจะปรากฏขึ้นนอกกาย
หลังจากบินออกมาแล้วภาพจิ่วอิงบนตัวระฆังก็ดูสมจริงราวกับมีชีวิต เหมือนมีเสียงคำรามดังก้องฟ้าดิน
“จิ่วอิง…” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา
“จิ่วอิน….” วินาทีที่เขากล่าวคำนี้ งูน้อยจู๋จิ่วอินพลันบินออกมาจากคอเสื้อคลุม เคลื่อนตัววูบไหวมุดหายไปในทุ่งหญ้า ขณะเดียวกันระฆังเขาหานด้านบนขยายใหญ่อีกครั้ง ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุดอยู่เหนือซูหมิง เข้ามาแทนที่ผืนฟ้า ทั้งยังพุ่งเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเมฆดำ
นี่คือของขวัญใหญ่ชิ้นที่หกสำหรับมหาภัยพิบัติ!
“ยังมีชิ้นที่เจ็ดอีก…” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย มองภาพมังกรแดงฉานบนแขนตนแวบหนึ่ง ยามนี้มังกรแดงลืมตามองซูหมิงเช่นกัน นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
ไม่รอให้ซูหมิงเอ่ยปาก มังกรแดงฉานปรากฏตัวขึ้นจากแขน มันเงยหน้าคำราม ร่างใหญ่พุ่งขึ้นฟ้าแล้วพลันหายไปในชั้นเมฆ
ทว่ามันยังคงอยู่ ซูหมิงสัมผัสได้ว่าเพียงความคิดเดียวของตน มังกรแดงฉานก็จะใช้พลังแกร่งที่สุดบดขยี้ทำลายทุกอย่างในฟ้าดิน
นี่คือของขวัญชิ้นที่เจ็ด!
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ขณะยกสองมือขึ้น ผลึกผู้สืบทอดหมานอัสนีในร่างกายก็แผ่กระจายพลังสายฟ้าออกมา พลังนี้โอบล้อมทั้งในและนอกตัวซูหมิง
เขามองสายฟ้านับไม่ถ้วนที่ไหลเวียนก่อนหรี่ตา แล้วตบมือขวาที่หน้าอกหนึ่งที เมื่อตบลงไป ขณะที่สายฟ้าไหลเวียนรอบตัว ซูหมิงก็อ้าปากคายวัตถุสิ่งหนึ่งออกมา!
มันเป็นสิ่งของสีดำ มีลักษณะเป็นหม้อสามขาเก้ารู สิ่งนี้อยู่ในตัวซูหมิงมาโดยตลอด เป็นสมบัติประจำตัวที่สร้างขึ้นจากการสูบรับสายฟ้าตอนทะลวงขั้นชำระล้างในเมืองเขาหาน
สิ่งนี้ยังไม่เปลี่ยนไปมากในร่างกาย จนกระทั่งได้รับสืบทอดหมานอัสนีมาเขาก็รู้สึกถึงความต่าง ราวกับว่าระหว่างสิ่งนี้กับหมานอัสนีเชื่อมต่อกันอย่างแน่นแฟ้น
กระทั่งตอนนั้นที่ได้รับสืบทอดหมานอัสนีมา แม้เศษหินสีดำจะเป็นตัวช่วยหลัก ทว่าหากไม่มีสิ่งนี้ก็คงไม่มีการเหนี่ยวนำเกิดขึ้น
ทว่าของลักษณะหม้อสามขาเก้ารูนี้ ช่วงที่ซูหมิงคายสมบัติประจำตัวชำระล้างชิ้นนี้ออกมา สายฟ้าโดยรอบพลันตรงไปหามัน พริบตาเดียวก็หายเข้าไปข้างใน ทำให้หนึ่งในเก้ารูของหม้อถูกสายฟ้าอัดแน่น!
ซูหมิงหรี่ตาแล้วสะบัดแขนเสื้อ หม้อสามขาพุ่งขึ้นชั้นเมฆด้านบนในทันใด ทันทีที่มันเข้าสู่ชั้นเมฆก็มีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น สายฟ้านับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าต่างพากันรวมเข้าไปในวัตถุลักษณะหม้อเก้ารูจากรอบด้าน!
ยังไม่จบเท่านั้น ซูหมิงทำสัญลักษณ์สองมือ จิตแรกปกคลุมทั่วกาย เขาในตอนนี้กำลังใช้เก้าแปรเปลี่ยนจากวิชาเก้าแปรสิบเปลี่ยนเสียงรวมเป็นหนึ่งของเผ่าเซียน!
เปลี่ยนครั้งที่หนึ่ง เปลี่ยนครั้งที่สอง เปลี่ยนครั้งที่สาม การเปลี่ยนทุกครั้ง หลังจากซูหมิงเปลี่ยนสัญลักษณ์มือแล้วจะต่อยขึ้นฟ้า ทุกการเปลี่ยนจะเพิ่มจำนวนสายฟ้าด้านบนขึ้นสูงมาก และทำให้หม้อสามขาเก้ารูถูกสายฟ้าอัดแน่นในรูที่สอง และรูที่สามก็ค่อยๆ เติมเต็มขึ้นมา
จนกระทั่งซูหมิงเปลี่ยนถึงเจ็ดครั้ง ด้วยขั้นพลังเขาในตอนนี้จึงถึงขีดจำกัดแล้ว อีกทั้งหม้อสามขาเก้ารูในเมฆหมอกด้านบนก็มีสี่รูถูกสายฟ้าอัดแน่น
นี่คือของขวัญชิ้นที่แปดสำหรับมหาภัยพิบัติ!
“ยังมีอีกชิ้น…” ซูหมิงมองมือซ้ายตัวเอง ขณะมองอยู่มือซ้ายก็ค่อยๆ กลายเป็นสีดำทึบ ไม่นานสีดำก็อัดแน่นเต็มทั้งฝ่ามือ จากนั้นไม่นานสีดำทึบบนฝ่ามือก็ค่อยๆ หายไป เหลือไว้เพียง…เส้นลายมือซ้าย มันยังคงเป็นเส้นสีดำทึบอยู่ เมื่อเทียบกับผิวหนังปกติแล้วดูค่อนข้างน่าตกใจ
“คำสาป… ซูหมิงกล่าวเสียงเบาพลางมองมือขวาตัวเอง ยามนี้มือขวามีแสงดำวูบวาบ ทว่าไม่นานก็หายไป เหมือนกับซ่อนอยู่ด้านใน
“ของขวัญชิ้นที่เก้า…ตี้เทียน หวังว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะเป็นเจ้าจริงๆ…ข้าเตรียมของขวัญเก้าชิ้นไว้รอเจ้าแล้ว!” ซูหมิงหลับตาลง ลมหายใจสงบนิ่งและรอคอยอย่างเงียบๆ
หลังจากวางหลุมพรางเสร็จ ซูหมิงจะไม่ออกจากที่นี่เด็ดขาด หากมหาภัยพิบัติเป็นตี้เทียนจริงๆ เขาจะต้องมาแน่นอน
ซูหมิงรอมาสามวัน สามวันนี้เขาไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ยังคงหลับตานั่งฌานให้สภาพตนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนบรรลุถึงจุดสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
มหาภัยพิบัติครั้งนี้ ซูหมิงรู้ว่ามันต้องยากยิ่ง ทว่าเขาจะถอยไม่ได้ และก็ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว มีแต่ต้องสู้เท่านั้น!
สู้ต่อไป!
สังหารกฏเกณฑ์ที่กุมชะตาชีวิตตัวเอง สังหารเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
สู้!
ในดวงตาซูหมิงขณะหลับตาเริ่มปรากฏเส้นสีแดง จิตสังหารและความกระหายต่อสู้มหาศาลผุดขึ้นในตัวเขา ประหนึ่งพายุคลั่งม้วนตลบไปรอบๆ
เขาต้องสู้ สู้กับตี้เทียน สู้กับโชคชะตา สู้กับความสับสน สู้กับภพนี้ของเขา!
ครั้นวันที่ห้ามาถึง ช่วงที่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของซูหมิงบรรลุถึงจุดสูงสุด บนฟ้าไกลออกไป มวลอากาศบริเวณนั้นบิดเบี้ยว ก่อนปรากฏร่างเงาหนึ่งเดินออกมา
ร่างนั้นสวมเสื้อคลุมและมงกุฎจักรพรรดิ สีหน้าเย็นชา
เขาเดินออกมาพลางมองซูหมิงซึ่งอยู่บนเกาะด้วยสายตาเย็นเยียบ เขาก็คือตี้เทียน!
หลังจากรอมาหลายวัน เขาก็สังเกตเห็นว่าซูหมิงไม่มุ่งหน้ามายังแดนรกร้างบูรพาเสียที จึงลังเลอยู่ชั่วครู่แล้วเลือกจะไม่รออีก แต่มุ่งหน้ามาด้วยตัวเอง ในความรู้สึกของเขา การเปลี่ยนวงโคจรของโชคชะตาซู่มิ่งไม่ใช่เรื่องยากอะไร…แม้ว่าหลายปีมานี้จะไม่เห็นการเคลื่อนไหวของซูหมิงเลยก็ตาม
แต่เขาเชื่อว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น มันก็ยังไม่พอจะทำลายแผนการทั้งหมดของเขา!
วินาทีที่เห็นซูหมิง ตี้เทียนไม่กล่าวใดๆ เขาเดินหน้าหนึ่งก้าวไปยังเกาะของฝ่ายตรงข้าม ใบหน้าเย็นชาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ และตอนนี้มันก็แสดงความบ้าอำนาจของเขาอย่างแจ่มชัด!
ทั้งยังมีทะนงตนแผ่กระจายออกมา บวกกับเสื้อคลุมจักรพรรดิบนร่าง ยิ่งทำให้ตี้เทียนเหมือนกับจักรพรรดิของโลก ราวกับราชาปกครองใต้หล้า ประดุจผู้มีอำนาจอยู่เหนือผู้ใดทั้งปวง ครั้นหนึ่งก้าวเหยียบลง ฟ้าดินดังสนั่น ทะเลมรณะด้านล่างไหลเชี่ยว ม้วนถอยออกไปดุจไม่อาจรับมาเยือนของตี้เทียนได้!
ตี้เทียนในยามนี้มีกลิ่นอายพลังเหมือนกับร่างแยกที่ซูหมิงเห็นตอนสู้กับหงหลัว!
“ไม่ใช่ร่างจริง…” ชั่วขณะที่ตี้เทียนย่างเดินเขย่าฟ้าดิน ซูหมิงลืมตาก่อนไหวตัวบินขึ้นไป เกราะฝังอสูรก่อตัวขึ้นทั่วร่าง พอปกคลุมทุกส่วนแล้วทวนฝังอสูรก็ปรากฏในมือเขา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก พริบตาเดียวซูหมิงก็สวมเกราะฝังอสูรแล้ว ตี้เทียนไม่สนใจเกราะนี้ หลังจากก้าวเดินลงไปก็ยกมือขวาสะบัดอากาศ มีหมอกจำนวนมากม้วนตลบเข้ามาประหนึ่งจะปกคลุมรอบทิศ ก่อนม้วนตรงไปหาซูหมิง!
ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชา เขาบินขึ้นพร้อมกับเดินหน้าไปหนึ่งก้าว เมื่อเหยียบลงมวลอากาศส่งเสียงโครมคราม นี่ไม่ใช่ย่างก้าวธรรมดา
แต่มันคือ…เจ็ดก้าวเทพหมานของซูหมิง!
ก้าวแรก!
ก้าวที่หนึ่งเหยียบลง ชั้นเมฆเหนือศีรษะตี้เทียนปรากฏฝ่าเท้ายักษ์ข้างหนึ่งเหยียบลงมาพร้อมเสียงแหลมลากยาว
ส่วนซูหมิง หลังจากก้าวแล้วก็เดินหน้าอีกก้าวหนึ่ง เขาไม่หยุดเท่านั้น เดินต่อไปจนครบหกก้าว เมื่อเหยียบก้าวที่หกลงไป เหนือศีรษะตี้เทียนปรากฏรอยเท้าใหญ่ยักษ์ขึ้นทีละระลอกรวมหกครั้ง บดบังทุกสิ่งอย่าง รอยเท้ายักษ์เหล่านี้เหยียบลงมาพร้อมกับเสียงดังสนั่น ก่อนปะทะกับหมอกมหาศาลจากการสะบัดแขนเสื้อของตี้เทียน
ทันทีที่เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นฟ้า ซูหมิงเดินก้าวที่เจ็ด ก้าวนี้สร้างรอยเท้าใหญ่ที่สุดขึ้น ทำให้เสียงกระหึ่มนี้ดังขึ้นอีกหลายเท่า!
ในเวลาเดียวกัน ชั่วขณะที่วิชาเจ็ดก้าวเทพหมานของซูหมิงมาถึงช่วงสุดท้าย ความเร็วของเขาบรรลุถึงระดับที่ไม่อาจจินตนาการ เสียงลากยาวแหลมเล็กยังคงดังก้อง มวลอากาศฉีดขาดอย่างต่อเนื่อง ซูหมิงถือทวนฝังอสูรทะลวงผ่านไปปานสายรุ้งยาวแหวกอากาศมาปรากฏอยู่ตรงหน้าตี้เทียน ก่อนใช้หนึ่งทวนแทงไปตรงระหว่างคิ้ว!
นี่ก็คือซูหมิง!
บุกโจมตีก่อน ไม่ได้เอาแต่ตั้งรับเหมือนในอดีต หนึ่งทวนนี้หมายถึงการต่อต้านโชคชะตา หมายถึงความเด็ดเดี่ยวในใจ และยังแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นต่อตี้เทียน!
จากถูกกระทำมาเป็นฝ่ายกระทำ ความหมายของมันยิ่งใหญ่ดุจพลิกฟ้าดิน!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวที่กลบทุกสิ่งอย่างกระจายออกไปโดยพลัน นัยน์ตาตี้เทียนยังเป็นปกติ สีหน้ายังคงสงบนิ่ง ไม่มีเค้าลางการเปลี่ยนแปลงใดๆ กระทั่งยังไม่ถอยสักก้าว เพียงยกมือขวากดปลายนิ้วไปยังปลายทวนของซูหมิง
ท่ามกลางเสียงเลื่อนลั่น ซูหมิงกระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ร่างโซเซกระเด็นถอย กลายเป็นเส้นโค้งลอยไปตกบนเกาะ การโจมตีครั้งนี้ เขา…พ่ายแพ้!
ไม่อยากเชื่อว่าร่างแยกตี้เทียนจะแกร่งถึงขั้นเพียงนิ้วเดียวก็สร้างบาดแผลให้ซูหมิงได้ ทว่า…ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีราคาที่ต้องจ่ายเลย ข้อต่อนิ้วตี้เทียนเกิดรอยแผลเล็กๆ ขึ้นเส้นหนึ่ง
“ทำให้ร่างแยกข้าบาดเจ็บได้ ดูแล้วหลายปีมานี้เจ้าคงก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย…ทว่าก็ยังต้องเดินอยู่ในวงโคจรของเจ้าต่อไป ถึงจะไม่ทำให้ผู้อาวุโสผิดหวัง”
ตี้เทียนกล่าวพลางเดินเข้าไปใกล้เกาะที่ซูหมิงกระเด็นตกลงไป หากแต่ตอนที่เข้าใกล้ ซูหมิงที่ตกถึงพื้นแล้วก็ยกยิ้มพิลึกที่มุมปาก
เหตุที่เขาลงมือก่อน ด้านหนึ่งคือการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและการแปรเปลี่ยน อีกด้านหนึ่งคือเขาอยากทดสอบร่างกายตัวเองว่าจะรับอาการบาดเจ็บได้มากเพียงใด และยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ…ล่อตี้เทียนให้เข้ามาในเขตของเกาะนี้!
และตอนนี้ตี้เทียนก็เข้ามาแล้ว!
“ตี้เทียน” ซูหมิงคำรามเสียงต่ำ ยกมือขวาขึ้นกดบนศิลาหินที่ดูธรรมดาสามัญ ศิลาหินนี้เทพหมานรุ่นหนึ่งทิ้งเอาไว้และมีมรดกของเขาอยู่ข้างใน ทว่ากลับส่งต่อได้เพียงแค่สามรุ่นเท่านั้น!
ทันทีที่ซูหมิงวางมือลง แผ่นศิลาหินพลันส่งเสียงวิ้ง ชั่วพริบตาเดียวก็มีกลิ่นอายพลังของเทพหมานรุ่นหนึ่งแผ่กระจายออกมา ทำให้ตี้เทียนหน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก!
“นี่มัน…กลิ่นอายพลังของเลี่ยซานซิว!”