Skip to content

สู่วิถีอสุรา 589

ตอนที่ 589 อนาถ!

กลิ่นอายพลังของเลี่ยซานซิวเดิมทีไม่น่ามีอานุภาพขนาดนี้ เพราะกลิ่นอายพลังนี้ไม่ได้แกร่งมากนัก แต่กลับเบาบาง ถึงอย่างไรก็สืบทอดมาแล้วสามรุ่น ย่อมเหลือน้อยเป็นธรรมดา

ทว่าอานุภาพของสิ่งนี้คือหากใช้กับเซียนที่เคยตัวสั่นเพราะความน่าเกรงขามของเลี่ยซานซิวมาก่อน ประโยชน์ของกลิ่นอายพลังนี้จะบรรลุถึงจุดน่าสะพรึงอย่างยิ่ง

นี่ไม่ใช่การจำกัดพลัง ไม่ใช่การโจมตีทางกายภาพ แต่เป็นการโจมตีจิตใจ เป็นความน่าเกรงขามจากจิตวิญญาณ!

ความน่าเกรงขามนี้จะส่งผลอย่างรุนแรงกับคนที่เคยถูกเลี่ยซานซิวเขย่าขวัญจนตัวสั่นมาก่อน เหมือนกับลูกนกตื่นตกใจ ลูกนกตัวนั้นเพียงเคยถูกลูกธนูโจมตีจนบาดเจ็บ ตอนที่ได้ยินเสียงสายธนูอีกครั้งมันเลยบินต่ำลงทันที ตี้เทียนในตอนนี้เป็นแบบนั้น!

ก่อนที่เขาจะมีชื่อเสียงโด่งดังก็เคยเห็นเทพหมานรุ่นหนึ่งบุกเผ่าเซียนมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือกลิ่นคาวเลือดอันน่าสะพรึงกลัวก็เป็นดั่งฝันร้ายให้กับเขามาเนิ่นนาน

ยามนี้วินาทีที่สัมผัสถึงกลิ่นอายพลังของเลี่ยซานซิว ตี้เทียนใจสั่นไหวอย่างพบเห็นได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สีหน้าดูสับสนไปชั่วครู่ ความสับสนชั่วพริบตาเดียวนี้สำหรับซูหมิงแล้วคือโอกาสหายาก และก็เป็นจุดมุ่งหมายที่เขามอบของขวัญชิ้นใหญ่นี้ให้กับตี้เทียน!

ชั่วขณะที่ตี้เทียนกำลังสับสน ซูหมิงกดสองมือไปทางพื้นดิน ทุ่งหญ้าสีแดงพลันตื่นขึ้น ทั้งยังมีหมอกแดงม้วนตลบมาจากทุ่งหญ้าสีแดงในทะเลในระยะมากกว่าหลายร้อยจั้ง ช่วงที่หมอกแดงอบอวล ซูหมิงก็คว้าจับกระบองใบเรือแล้วปักลงบนทุ่งหญ้าสีแดงอย่างแรง

จังหวะที่ปักธงใบเรือลงทุ่งหญ้า หมอกแดงจากรอบๆ พลันรวมขึ้นกลายเป็นร่างมายายักษ์ มันร้องคำรามพร้อมกับตรงไปหาตี้เทียน ขณะเดียวกันทุ่งหญ้าทั้งหมดก็ยังลอยขึ้นตามมือขวาซูหมิงที่พลิกลง ก่อนเข้าปกคลุมรอบตัวตี้เทียน

“ระเบิด!” ซูหมิงตะโกนเสียงต่ำ ช่วงที่ทุ่งหญ้าโอบล้อมตี้เทียนในสภาวะสับสนก็เกิดเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว พวกมันระเบิดระจายพร้อมกันกลายเป็นแรงปะทะเข้าใส่ตี้เทียน

แทบเป็นขณะเดียวกับที่ทุ่งหญ้าสีแดงระเบิดและร่างมายาหมอกแดงโอบกอดตี้เทียนเหมือนจะกลืนกินด้วยความดุร้าย ตี้เทียนมีสีหน้าดิ้นรน เห็นได้ชัดว่ากำลังจะตื่นจากความกลัวต่อเทพหมานรุ่นหนึ่งแล้ว

โอกาสที่หาได้ยากนี้ซูหมิงจะสิ้นเปลืองได้อย่างไร เขายืนอยู่บนเกาะ สองมือทำสัญลักษณ์แล้วชี้ไปด้วยความเร็ว!

“ภาพมายาต้าอวี๋!” พอชี้นิ้วไป จิตแรกของเขาพลันออกมาผสานรวมกับทุ่งหญ้าที่ระเบิดกระจุย และยังมีเศษราชวังต้าอวี๋ เศษนี้เปล่งแสงหม่นเด่นตาวูบวาบก่อนเข้าโอบล้อมตี้เทียนในพริบตาเดียว ระหว่างที่ตี้เทียนเพิ่งจะมีเค้าลางได้สติกลับมา เขากลับสับสนอีกครั้ง

ความสับสนนี้เนื่องด้วยตอนนี้เขาตกอยู่ในภาพมายาต้าอวี๋ หลังจากซูหมิงเห็นราชวงศ์ต้าอวี๋กับตาตัวเองแล้ว ก็ใช้ความคิดสร้างภาพมายานี้ขึ้นมา สมจริงจนไม่มีสิ่งใดเปรียบ!

ในเวลาเดียวกับตี้เทียนสับสนอีกครั้ง ซูหมิงก็ตะโกนเสียงต่ำ พลันปรากฏแสงดำขึ้นจากมวลอากาศ แสงดำนี้ก็คือคนเล็กสีดำอาวุธสังหารที่เขาเตรียมเอาไว้!

คนเล็กผู้นี้มีความพิลึก ประวัติเป็นมาก็ยากจะคาดเดา ความอ่อนแข็งยิ่งไม่อาจตัดสิน ทว่าตอนนี้พอมันปรากฏตัวแล้ว คนเล็กก็ทะลวงเข้าสู่ร่างตี้เทียนโดยพลัน

ทันทีที่มันเข้ามาในร่าง ซูหมิงก็ใช้มือขวาคว้าอากาศไปทางพื้นดิน ตัวเขาบินขึ้นในทันใด ขณะเดียวกันกระบี่สีดำบนพื้นก็ตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขากำมันไว้แล้วเข้าประชิดตัวตี้เทียนด้วยความเร็วชั่วพริบตาเดียว!

กระบี่ในมือมีกลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาล ปราณกระบี่คลุกเคล้าอยู่ข้างใน ซูหมิงวาดกระบี่ใส่ร่างตี้เทียน ทว่าทันใดนั้นเอง ในดวงตาสับสนของตี้เทียนกลับฉายแววเย็นชา ทั้งยังชัดเจนขึ้น….ไม่มีความสับสนใดๆ เลย!

“ภาพมายาต้าอวี๋…ตอนนั้นข้าร่วมทำลายล้างราชวงศ์ต้าอวี๋ด้วยตัวเอง ทั้งยังพาเจ้าออกมาจากที่นั่น ภาพมายานี้…..อ่อนแอเกินไป!” ตี้เทียนกล่าวนิ่งเรียบพลางทำสัญลักษณ์มือขวาแล้วกดไปยังกระบี่

“ข้าคือสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าต้องอยู่ใต้ข้า สวรรค์มอบวิญญาณต่างกันให้กับทุกสรรพสิ่ง หากข้าไม่ยินยอม ก็จะชิงเอาวิญญาณกลับมา…วิญญาณแห่งสวรรค์ช่วงชิง” คำเอ่ยเรียบๆ ไม่มีคลื่นอารมณ์ดังมาจากปากตี้เทียน จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้มือขวากดปราณกระบี่

วินาทีที่นิ้วมือสัมผัสกับปราณกระบี่ ซูหมิงได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังมาจากกระบี่เล็กสีดำ อีกทั้งตัวกระบี่ยังมัวหมองในทันใด เหมือนกับวิญญาณในนั้นกำลังหายไปอย่างเร็ว

อีกทั้งนิ้วนั้นยังทะลวงผ่านปราณกระบี่ตรงมาหาซูหมิง!

ภยันตรายมาถึง ซูหมิงพลันยกกระบี่ในมือขึ้นแล้วกัดนิ้วชี้มือซ้าย ขณะเดียวกับที่ตี้เทียนกดนิ้วมา ก็ใช้ปลายนิ้วมือซ้ายป้ายบนตัวกระบี่

ในขณะที่วาดเป็นรอยโลหิตตี้เทียนกดนิ้วบนกระบี่เล่มนี้แล้ว เสียงแกรกดังกังวาน ตัวกระบี่เกิดรอยร้าวจำนวนมาก พลังพิลึกปานแยกวิญญาณออกจากร่างได้ม้วนตรงเข้าหาซูหมิง

จังหวะเดียวกับที่ซูหมิงป้ายโลหิตบนตัวกระบี่อย่างไม่ลังเล เขาก็ดีดนิ้วบนตัวกระบี่ ฉับพลันนั้นมีเสียงร้องกระบี่แหลมเล็กดังก้อง ทั้งยังมีคลื่นเสียงกระจายมาจากตัวกระบี่ตรงไปหาตี้เทียน

กระบี่เล่มนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ คามือซูหมิง ทว่าเศษเหล่านั้นกลับม้วนตรงไปหาตี้เทียนทั้งหมด แล้วเข้าปะทะกับนิ้วของอีกฝ่าย

เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว ซูหมิงกระอักเลือด ร่างกระเด็นถอยไป ส่วนตี้เทียนมีสีหน้ามืดทะมึนเล็กน้อย

“มีกลอุบายไม่น้อย ทว่าตอนนี้เจ้ายังมีกลอุบายอะไรอีกหรือไม่!”

ตี้เทียนเอ่ยด้วยความเย็นชา ก่อนเดินไปหาซูหมิงหน้าซีดขาวซึ่งกำลังถอยไปไม่หยุด ทว่าพอเดินก้าวที่สอง ซูหมิงพลันหยุดชะงัก นัยน์ตาเป็นประกายแสงอ่อน

ตี้เทียนขมวดคิ้ว มีเสียงคำรามดังลงมาจากชั้นเมฆด้านบน นั่นคือเสียงคำรามจากมังกร มันคือเสียงคำรามของมังกรแดงฉาน มังกรหนึ่งพันจั้งตัวหนึ่งโผล่ศีรษะมาจากชั้นเมฆ จ้องตี้เทียนตาเขม็ง มันไม่รู้จักตี้เทียน แต่มันรู้สึกได้ว่าในตัวอีกฝ่ายเปื้อนกลิ่นอายสังหารเจ้านายคนก่อนของมัน!

ยามนี้มันร้องคำรามพร้อมกับพุ่งลงมายังฝ่ายตรงข้าม ตี้เทียนมีสีหน้าสงบนิ่ง เพียงยกมือขวาสะบัดไป

“วิญญาณมังกรจากอภินิหารปราณปฐพีของหงหลัว…ธุลีคืนสู่ธุลี ดินคืนสู่ดิน เทพเจ้าไม่มีผู้ใดเหนือกว่า!” เขากล่าวอย่างสงบนิ่ง ทว่าตอนเอ่ยร่างกายเขาพลันสั่นไหวและมีสีหน้าเหลือเชื่อ

อภินิหารของเขานี้ไม่ได้ออกสู่ภายนอก แต่….ปรากฏวิชาอภินิหารที่ใช้เมื่อครู่ในร่างกายของเขาเอง มันเหมือนกับทำลายตัวเอง เหมือนกับมีคนอยู่ตรงหน้าแล้วใช้วิชาแบบเดียวกันกับตัวเขา จากนั้นก็พบว่าร่างกายเขาเลือนรางไปเล็กน้อย!

มังกรแดงฉานคำรามเสียงต่ำ อาศัยจังหวะนี้เข้าใกล้ตี้เทียน มันอ้าปากกว้างร้องคำรามพร้อมกับดิ่งลงมา ยามนี้นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตี้เทียน เพราะว่าเมื่อครู่นี้เขารู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังของคนเล็กสีดำ ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดว่าคนเล็กสีดำทำได้อย่างไร โอกาสนี้เขาจะสิ้นเปลืองไม่ได้!

ยามนี้เข้าประชิด ซูหมิงยกมือขวากำลังจะกดนิ้วตรงระหว่างคิ้วตี้เทียน ทว่าเพิ่งกดไปกลับถูกพลังสะท้อนกลับรุนแรงจู่โจมเข้าสู่ร่างกาย มุมปากมีโลหิตไหล ร่างกระเด็นถอยออกไป

มังกรแดงฉานก็เช่นกัน พอพุ่งเข้าปะทะกัน ภายใต้ระลอกคลื่นสายเลือดมังกรปราณปฐพี มันไม่อาจสร้างบาดแผลให้กับตี้เทียนได้ แต่ตัวมันกลับถูกสะท้อนกลับอย่างรุนแรง เป็นอย่างนั้นอยู่หลายครั้งจนตัวมันหดเล็กลงไม่น้อย ทั้งยังเหี่ยวเฉา

ตี้เทียนมีสีหน้าทะมึน เขาปล่อยให้ซูหมิงกับมังกรแดงฉานโจมตีอย่างนั้นโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ก่อนยกมือขวาตบหน้าอกตัวเองทีหนึ่ง มีเสียงร้องโหยหวนดังมาจากในตัว พบว่าบริเวณหลังมีคนเล็กสีดำแยกเป็นชิ้นๆ ถูกบีบออก อีกไม่นานก็จะถูกบีบออกมาอย่างสมบูรณ์

“จิ่วอิง!” ซูหมิงส่งเสียงตะโกน ชั้นเมฆด้านบนพลันเกิดเสียงระฆังดังสนั่นหวั่นไหว ตอนที่เสียงระฆังดังอีกครั้ง ชั้นเมฆด้านบนม้วนตลบ ระฆังขนาดหลายร้อยจั้งลอยลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนปกคลุมตี้เทียนเอาไว้ข้างใน

พร้อมกันนั้นปรากฏเงามายาจิ่วอิงบนฟ้า เศียรที่ตื่นขึ้นล้วนพ่นวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนไปยังระฆังเขาหาน วิญญาณร้ายเหล่านั้นอบอวลอยู่เต็มฟ้าดิน วนเวียนอยู่รอบๆ ระฆังเขาหาน ทั้งยังทะลวงร่างตี้เทียนข้างในระฆัง!

ตี้เทียนในยามนี้เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า คนเล็กสีดำพลันแหลกละเอียดและถูกบีบออกมาอย่างสมบูรณ์ แต่ขณะเดียวกันนั้นเอง แม้แต่ตี้เทียนยังไม่สังเกตเห็นว่ามีแสงสีแดงพุ่งมาหาตัวเขาจากในระฆังเขาหาน แสงสีแดงนี้เร็วยิ่งนัก

พริบตาเดียวก็ห่างจากเขาไม่ถึงสามฉื่อ ตี้เทียนสะบัดแขนเสื้อ ทว่าแสงสีแดงกลับบิดเบี้ยว ใช้ร่างเข้าต้านแรงจากการสะบัดแขนเสื้อแทน

เสียงโครมดังสนั่น แสงสีแดงนั้นระเบิดออก เลือดเนื้อเป็นแผลเหวอะหวะ มัน…ก็คืองูน้อย!

แม้ร่างมันจะระเบิด ทว่าศีรษะยังคงอยู่ มันใช้ปากกัดฝ่ามือตี้เทียน ทำให้มือซ้ายข้างนั้นกลายเป็นสีดำทึบ!

ตี้เทียนมีสีหน้าโกรธแค้น เขาไม่เคยตกที่นั่งลำบากแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะเมื่อระดับพลังของเขาเหนือกว่าซูหมิงมาก แต่กลับบาดเจ็บจากกลอุบายต่างๆ ของอีกฝ่าย!

“การโจมตีกำราบของมนุษย์ สวรรค์ทำแทนได้ นี่คือกฎสวรรค์แทนมนุษย์!” เสียงตี้เทียนดังกังวาน ระดับพลังในตัวเขาเพิ่มทะยานขึ้นในทันใด ขณะเดียวกับที่จะบดขยี้งูน้อยตัวที่สร้างบาดแผลให้กับเขา เศียรที่ตื่นอยู่ของร่างมายาจิ่วอิงขยับตัวพร้อมกัน วินาทีที่งูน้อยจะถูกบดขยี้จนตาย จิ่วอิงก็พุ่งเข้ามาในระฆังเขาหานด้วยความเร็วปานสายฟ้าแล้วอ้าปากเขมือบไปทางตี้เทียน เสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว กึกก้องฟ้าดินอยู่นานไม่เลือนหาย แต่กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระฆังเขาหานเกิดรอยร้าวเป็นวงใหญ่ครั้งแรกก่อนระเบิดกระจายออก แม้หลังจากระเบิดแล้วจะกลับมารวมอีกครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีพลังวิญญาณเหมือนแต่ก่อน

ส่วนจิ่วอิงก็ร้องโหยหวนแล้วระเบิดกระจุย กลายเป็นควันลอยไปรอบๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!