ตอนที่ 591 ยาก!
หนามเทพหมานอันนั้นเป็นสีดำทึบ มันปล่อยไอหนาวเยือกและยังมีหยดน้ำแข็งซึมออกมา ภายในแฝงไว้ด้วยความแค้นและความบ้าคลั่ง
ความแค้นนี้มาจากเทพหมานรุ่นสอง ส่วนความบ้าคลั่งก็มาจากความเจ็บปวดและไม่ยินยอมตอนถูกแยกร่างออกเป็นส่วนๆ หนามกระดูกอันนี้แฝงไว้ด้วยความแค้นและบ้าระห่ำของเทพหมานรุ่นสอง มีพลานุภาพน่าสะพรึง ยามนี้ซูหมิงพลันใช้มันปักหน้าอกตี้เทียนโดยไม่สนสิ่งใด
อีกทั้งยังทะลวงผ่านเสื้อคลุมจักรพรรดิลึกถึงสามชุ่น เข้าไปถึงเนื้อของตี้เทียน!
วินาทีนี้เอง ความแค้นและบ้าคลั่งจากหนามเทพหมานก็พรั่งพรูเข้าสู่ร่างตี้เทียน ทำให้อีกฝ่ายตัวสั่นและยังมีเสียงอื้ออึงแว่วออกมา ใบหน้าเขาพลันซีดขาวในทันที
ตาเนื้อมองไม่เห็น ทว่าจิตสัมผัสเห็นว่าในตัวตี้เทียนตอนนี้มีร่างเงามายาเพิ่มเข้ามาหนึ่งคน ร่างเงามายานั้นเลือนราง ยามนี้วนเวียนรอบตัวตี้เทียน สองมือทะลวงผ่านร่างเขาปานจะคว้าจับวิญญาณเพื่อดึงออกจากร่าง
ร่างมายานั้นก็คือร่างแปลงจากความแค้นของเทพหมานรุ่นสอง มันไม่มีจิตใจ แต่กลับแค้นตี้เทียนฝังใจอย่างชัดเจน ขณะวนเวียนรอบๆ ก็ส่งเสียงคำรามที่มีเพียงจิตสัมผัสที่ได้ยิน
หนามเทพหมานยังละลายด้วยความเร็วระดับสายตา แล้วมุดเข้าไปในแผลตรงหน้าอกตี้เทียน ทว่าวินาทีที่จะมุดเข้าไปนั้น บนร่างตี้เทียนกลับมีแสงทองสว่างจ้าขยับวูบออกโดยรอบในฉับพลัน
ภายใต้แสงวูบวาบจะเห็นได้ว่าตรงหน้าอกตี้เทียนมีหยกชิ้นหนึ่ง หยกชิ้นนี้มีทุกส่วนเป็นสีทอง และเป็นมันเองที่เปล่งแสงทองสว่างจ้า สีทองนี้ขยับวูบวาบแล้วระเบิดพลังที่สร้างความตื่นตกใจให้กับซูหมิงออกมา
ตรงกลางแสงสีทองนั้น หนามเทพหมานที่ละลายม้วนตัวและถูกบีบกลับมา วิญญาณจากความแค้นของรุ่นสองที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตี้เทียนก็เช่นเดียวกัน ขณะแสงทองวูบวาบออกเป็นวงกว้างก็ถูกบีบจนถอยออกมาทีละชั้น
ซูหมิงถูกแสงสีทองส่องสะท้อน พลันเกิดเสียงโครมในความคิด ร่างซวนเซถอยหลายก้าว เขากัดปลายลิ้นให้ตนตื่นขึ้นในทันใด พร้อมกันนั้นก็เอามือคว้าอากาศจนปรากฏกระบองเขี้ยวขึ้นในมือ จากนั้นก็หมุนควงแล้วฟาดใส่ตี้เทียนอย่างแรง
ดวงตาเขาเป็นสีแดงก่ำ สภาพดูจนตรอกอย่างยิ่ง แต่กลับมีพลังอำนาจที่ไม่ยอมศิโรราบหมุนวนรอบกาย เขาควงกระบองเขี้ยวแล้วฟาดใส่ตี้เทียนพร้อมเสียงแหวกอากาศสะเทือนแก้วหู
เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว กระบองเขี้ยวทุบใส่ตี้เทียนอย่างรุนแรง ทว่า…ตี้เทียนกลับใช้มือซ้ายรับเอาไว้ได้!
แทบจะเป็นช่วงที่ตี้เทียนรับกระบองเขี้ยวไว้ ซูหมิงตะโกนหนึ่งคำอย่างไม่ลังเล
“ระเบิด!” ซูหมิงฝืนกลั้นความปวดใจ กระตุ้นจิตสัมผัสที่ฝังไว้ในกระบองเขี้ยวให้มันระเบิดกลายเป็นแรงปะทะตรงเข้าใส่ตี้เทียน
แรงปะทะถาโถมเข้าไป ซูหมิงจึงไม่อาจเดินหน้าต่อ ต้องถอยหลังมาหลายก้าว ขณะเดียวกันนั้นตี้เทียนก็มีสภาพย่ำแย่เช่นกัน เขารับแรงปะทะจากกระบองเขี้ยวไว้ทั้งหมด ทว่าเพราะการแผ่ขยายของแสงสีทอง จึงทำให้ตัวเขาหลุดจากแสงทองโดยสมบูรณ์ ตอนนี้เขายังยืนอยู่กลางอากาศโดยมีแสงทองโอบล้อม แต่ตรงหน้าอกกลับมีรอยแผลลึก ใบหน้าภายใต้แสงทองวูบวาบยังเห็นว่าซีดขาว
“เจ้ารนหาที่ตาย!” ตี้เทียนคำรามเสียงต่ำ ก่อนเดินหนึ่งก้าวไปหาซูหมิงพร้อมกับแสงทองทั้งตัว ทันทีที่ก้าวเดินก็มีเสียงโครมดังมาในหัวใจซูหมิงจนแทบแหลกสลาย หากมิใช่เพราะกระดูกเซ่นไหว้ทั้งตัว ด้วยหนึ่งก้าวนี้หัวใจเขาคงระเบิดกระจุยไปแล้ว
ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้น ซูหมิงก็ยังคงโซเซถอยไปหลายก้าว ทันใดนั้นตี้เทียนเข้ามาอยู่ตรงหน้าแล้ว อีกฝ่ายไม่ใช้อภินิหารอะไร เพียงยกมือขวาคว้าไปทางคอซูหมิง
ด้วยความเร็วของเขา พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ ตอนที่จะใกล้สัมผัสกับคอซูหมิงนั้น ซูหมิงกลับยกมือขวาขึ้นมาต้าน แต่ก็ถูกตี้เทียนจับเอาไว้แล้วบดขยี้กระดูกจนป่นปี้ ทั้งร่างถูกยกขึ้นเหวี่ยงไปทางเกาะด้านล่าง
ร่างซูหมิงกลายเป็นดาวตก เสียงโครมดังขึ้นเมื่อร่างกระแทกลงบนเกาะ เกาะนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ตรงขอบทั้งหมดแตกกระจายออกแล้วจมลงสู่ทะเล
“หรือเจ้าคิดจริงๆ ว่าข้าจะไม่ฆ่าเจ้า!” ตี้เทียนมองหน้าอกตัวเองแวบหนึ่ง ความเจ็บปวดตรงนั้นยังคงอยู่ ชั่วพริบตาเมื่อครู่นี้ซูหมิงสร้างเงามืดแห่งความตายให้แก่เขา หากมิใช่เพราะก่อนมาเยือนครั้งนี้ร่างจริงมอบสมบัติปกป้องกายไว้ให้ ด้วยหนามเทพหมานเมื่อครู่นี้ ต่อให้เขาไม่ตายก็ต้องเจ็บสาหัส
แม้ขั้นพลังซูหมิงไม่มีอำนาจคุกคามต่อเขามากนัก ทว่าวัตถุนอกกายและกลอุบายเหล่านี้กลับทำให้เขาตะลึงงัน
บนเกาะ ตอนที่ร่างซูหมิงตกลงบนพื้น เขายกมือขวาขึ้นกดพื้นดิน ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ตรงมุมปากมีโลหิตไหล พยายามฝืนต้านเอาไว้ มือขวาบิดเบี้ยวไร้รูปส่งความเจ็บปวดรวดร้าวเข้ามา ทำให้มีเหงื่อผุดตรงหน้าผาก ครั้นสลายแรงเหวี่ยงของตี้เทียนจนหมดแล้ว ซูหมิงก็กระอักเลือดอีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่าเดิมจนดูคล้ายกับคนตาย
ด้วยความต่างของขั้นพลังอย่างใหญ่หลวงนี้ ทำให้ซูหมิงไม่อาจเอาชนะร่างแยกตี้เทียนคนนี้ได้เลย ตอนนี้ขณะถอย ตี้เทียนผู้มีสีหน้าทะมึนก็เข้ามาใกล้อีกครั้ง นัยน์ตาเขาฉายแววน่าเกรงขามและไร้ปรานี
ทว่าซูหมิงไม่มีสีหน้าสิ้นหวัง กลับบินขึ้นพร้อมกับความมุ่งมั่นในการต่อสู้ที่มากกว่าเดิม ดวงตาดุจดั่งแผดเผาด้วยเปลวเพลิง วินาทีที่ตี้เทียนเข้ามาใกล้ เขาร่อนตัวลงก่อนยกมือขวาขึ้นสะบัดไปข้างหน้าแทบจะทันใด แสงสว่างไหลอาบมือขวาเขา จากนั้นมือบิดเบี้ยวก็กลับคืนสภาพเดิม
นี่ไม่ใช่การรักษา แต่เขาฝืนใช้พลังจากกระดูกหมานนำกระดูกป่นปี้ตรงมือขวาให้กลับคืนที่เดิม ความเจ็บปวดนี้มากกว่าตอนบาดเจ็บมากนัก
“ถ้าอยากได้ชีวิตข้าซูหมิง เจ้าต้องจ่ายในราคาที่รับไม่ไหว!” ซูหมิงกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ยกมือขวาสะบัดแขนเสื้อไปทางตี้เทียน
“เบิกตะวัน!” ครั้นสะบัดมือก็พลันเกิดสายลมบนฟ้าชั้นเมฆหนา สายลมนี้ส่งเสียงลากยาวและเข้าโอบล้อมโดยรอบ แล้วจึงก่อตัวเป็นน้ำวนยักษ์ตรงไปหาตี้เทียน
“ฝังศพจันทรา!” ซูหมิงกดมือซ้ายลงบนพื้นประดุจคว้าปฐพี จากนั้นพลิกมือทันควัน ทันใดนั้นก็ปรากฏน้ำวนกลุ่มที่สองขึ้นตรงใจกลางพื้นเกาะ ม้วนตลบโดยรอบ ทำให้น้ำทะเลนอกเกาะถอยไปและเกิดพายุกระหน่ำขึ้น
ตรงกลางสายลมจากผืนดินและสายลมจากท้องฟ้าก็คือตี้เทียน เวลานี้พายุหมุนสองลูกตรงเข้ามาประกับกัน
ทันทีที่พวกมันกำลังจะประกบกัน ตี้เทียนแค่นเสียงเย็นชาหนึ่งครั้ง
“ด้วยคำสั่งของข้า ให้นภามีดวงตาเป็นหนึ่ง ให้ปฐพีมีด้านเป็นหนึ่ง นั่นคือจักรพรรดิมีคำสั่งเป็นหนึ่ง! ธุลีทุกสิ่งอย่าง เมฆลมทุกสิ่งอย่าง อากาศทุกสิ่งอย่าง จงสลายไปตามบัญชา!” ตี้เทียนเอ่ยพลางทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไปด้านบน เสียงดังสนั่นตรงมาจากบนฟ้าในทันที
เสียงสั่นสะเทือนแก้วหูปานท้องฟ้าคำราม ดุจเสียงร้องตะโกนของทุกสิ่งมีชีวิต ในเสียงนั้นมีเพียงคำเดียว!
“สลาย!”
คำนี้ประหนึ่งเป็นจิตใจของทั้งผืนฟ้า เสมือนคำสั่งของจักรพรรดิ ไม่ยอมให้ผู้ใดซักถามสงสัย เหมือนกับว่ายามนี้ทุกสิ่งมีชีวิตร้องคำรามพร้อมกัน วินาทีที่เสียงนั้นดังขึ้นก็เป็นจังหวะเดียวกับที่สายลมจากฟ้าดินเข้าประกบกัน ทว่ายังไม่ทันส่งเสียงระเบิด พายุสองลูกนั้นกลับหายไปต่อหน้าต่อตาซูหมิง
สิ่งที่หายไปพร้อมกันยังมีเกาะที่ซูหมิงอยู่ แผ่นดินของเกาะนี้กลายเป็นความว่างเปล่า ทั้งผืนฟ้าก็หายไปด้วย ทุกสิ่งหายไปในวินาทีนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่
สามรูปแบบแยกวายุไม่มีโอกาสได้ใช้ สองรูปแบบแรกก็สลายไปตั้งแต่เริ่ม หลังความว่างเปล่าของตี้เทียนมาเยือน ขณะเดียวกันฝ่ามือหนึ่งก็โผล่มาจากความว่างเปล่า กดตรงกลางกระหม่อมซูหมิง เสียงแหบแห้งน่าเกรงขามกึกก้องอยู่ในโลกที่ว่างเปล่า
“ร่องรอยทุกอย่างที่ถูกเปลี่ยนจงถูกลบไป…”
ซูหมิงไม่มีวิธีต่อต้านแม้แต่น้อย ร่างกายเขาถูกหยุดนิ่งกลางอากาศ ต่อให้มีอภินิหารมากมายก็ยังไม่อาจดิ้นรน ฝ่ามือนั้นวางตรงกลางกระหม่อมซูหมิงแล้ว
“เส้นทางผิดพลาดทุกอย่างของเจ้าจงปรับให้ถูกต้อง…”
มีเสียงโครมดังในความคิด พลังมหาศาลหลั่งทะลักเข้าสู่สมองเข้าไปผนึกทุกอย่าง กวาดล้างทุกอย่าง และจัดระเบียบความยุ่งเหยิง!
“ความทรงจำทุกอย่างในชาตินี้จง…..หายไป…”
ภาพต่างๆ ในความทรงจำซูหมิงค่อยๆ เลือนราง ประดุจว่าพลังนี้รบกวนทุกสิ่งอย่าง ทำให้พวกมันออกจากจิตของซูหมิงท่ามกลางความยุ่งเหยิง ทำให้สมองซูหมิงถูกผนึกลงหลายชั้นแล้วกลับมาขาวโพลนอีกครั้ง
“ข้าจะมอบ…..หืม?!” มีเสียงดังมาจากตี้เทียน ทว่ายังกล่าวไม่จบก็ส่งเสียงอุทาน สิ่งที่เขาตื่นตกใจไม่ใช่อื่นใด แต่ตอนที่กำลังจะลบความทรงจำซูหมิงกลับปรากฏเป็นภาพต่างๆ ในโลกอมตะของจู๋จิ่วอิน!
ในโลกอมตะ การต่อต้านของจิตใจที่แน่วแน่ ความปรารถนาในชีวิต เสียงคำรามที่ว่าอย่าลืมตัวเอง และยังมีตัวอักษรหลายหมื่นที่เขียนบนศิลาหินยักษ์จู๋จิ่วอิน คำพูดที่ว่าข้าคือซูหมิงและทุกสิ่งอย่าง ยามนี้ปะทุออกมาเป็นการต่อต้านอย่างแรงกล้าในชั่วขณะที่กำลังจะถูกตี้เทียนลบความทรงจำ
การต่อต้านนี้คือจิตใจแน่วแน่ของซูหมิง คือการไม่ยอมศิโรราบต่อทุกสรรพสิ่งในโลกอมตะ ทั้งยังเป็นการต่อสู้ดิ้นรนและจิตใจแน่วแน่ที่ไม่ลืมตัวเองในวัฏจักรนั้น อีกทั้งเป็น…เสียงคำรามด้วยความโกรธกริ้วต่อโชคชะตา!
“ข้าคือซูหมิง ใครก็ลบความทรงจำข้าไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่มีวันให้ข้าตกอยู่ในบ่วงอีก ไม่ว่าใครก็ไม่มีวัน…ชิงทุกอย่างไปจากมือข้า!” เสียงสนั่นดังในความคิดซูหมิง เวลานี้เขาตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แล้ว โลกตรงหน้าแหลกสลายไป ท้องฟ้าว่างเปล่ากลับมาเป็นเมฆ เกาะที่หายไปก็กลับมาอยู่ใต้เท้าอีกครั้ง เสียงคลื่นทะเลดังก้องข้างหูอีกครั้งหนึ่ง ทุกอย่างโดยรอบฟื้นคืนกลับมาเว้นแต่พายุหมุน!