Skip to content

สู่วิถีอสุรา 593

ตอนที่ 593 กระบี่ยมโลก

ไม่ใช่ว่าซูหมิงไม่คิดหนี แม้ฟ้าจะกว้างใหญ่ ทว่าเขาจะหนีไปที่ใดได้อีก เขาจะหลบไปจนถึงเมื่อไร อย่าว่าแต่ความยากในการหนีตี้เทียนเลย เพียงแค่ระหว่างมหาภัยพิบัติครั้งนี้เขาก็ไม่มีโอกาสหนีรอดแล้ว

นี่คือภัยพิบัติที่หลีกหนีไม่พ้น ซูหมิงเองก็ไม่อยากหลีก ภัยพิบัตนี้ใช่ว่าจะทำลายไม่ได้ ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสต่อต้านเลย เขายังโจมตีสวนกลับได้

กระทั่งทำให้ตี้เทียนบาดเจ็บ!

กระทั่งขาดอีกเสี้ยวเดียวเมื่อครู่นี้ก็เกือบสร้างบาดแผลสาหัสให้กับตี้เทียนได้แล้ว บางทีโอกาสนี้อาจไม่มีอีก แต่ซูหมิงจะถอยไม่ได้!

“ความตายมีอะไรน่ากลัว ต่อให้ตาย จิตใจแน่วแน่หลังจากวัฏจักรก็จะตื่นอีกครั้ง ต่อให้ต้องตาย สักวันหนึ่งข้าก็จะต้องมายืนอยู่ตรงนี้และต่อสู้กับโชคชะตา!” วินาทีที่ม่านแสงถูกทำลายหายไป เสียงคำรามของซูหมิงกลายเป็นคลื่นเสียงต่อต้านโชคชะตา ในคลื่นเสียงนั้นแฝงไว้ด้วยจิตใจแน่วแน่ แฝงไว้ด้วยชีวิต และความไม่ยอมศิโรราบไปชั่วชีวิต!

ด้วยเสียงคำรามนี้ ตี้เทียนหยุดชะงักไปชั่วครู่ อาภรณ์ทั่วกายโบกสะบัด เส้นผมยังปลิวไสว สิ่งที่เขย่าตัวเขาไม่ใช่พลังจากเสียงคำราม แต่เป็นพลังที่ไม่ยอมศิโรราบภายในนั้น!

“ไม่ยอมอย่างนั้นรึ…รอเจ้าตกอยู่ในบ่วงก่อน หลังจากเจ้าเชื่อฟังแล้ว ข้าจะให้เจ้ายอมเอง…” ตี้เทียนหรี่ม่านตา ก่อนก้าวเดินไปหาซูหมิง ตอนนี้เขารำคาญแล้ว เขาตั้งใจว่าจะรีบจบการต่อสู้นี้สักที!

ต้องใช้ความเร็วสูงสุดกำราบซูหมิง ทำให้เขาจิตใจสงบลง จากนั้นจะได้ไปร่วมสู้กับร่างแยกอีกตนเพื่อรับมือกับศัตรูคู่อาฆาต…สำนักอสูรรกร้างบูรพา!

ขณะเดียวกับที่ก้าวเดิน ใต้เท้าเขาปรากฏทะเลเพลิงสีดำ ทะเลเพลิงนี้ลุกโชติช่วงลามเลียไปรอบๆ จุดที่ผ่านมวลอากาศจะเผาไหม้ ทะเลมรณะด้านล่างก็ยังเดือดปุดๆ อบอวลไปด้วยไอน้ำดุจหมอก

ท่ามกลางทะเลเพลิงสีดำลุกลาม ตี้เทียนตรงเข้ามาหาซูหมิงทีละก้าวพร้อมกับกลิ่นอายพลังบ้าอำนาจ กลิ่นอายพลังนี้ดุจดั่งสายรุ้ง คล้ายกับว่ายามนี้ไม่มีพลังใดหยุดมันได้!

ซูหมิงยกมือซ้ายกดฝ่ามือไปบนฟ้า จากนั้นนัยน์ตาพลันเปล่งประกายอย่างผู้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน พลางนึกไปถึงมือซ้ายอบอุ่นของเทพหมานรุ่นสอง

“เทพหมาน…เส้นลายมือ” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา ตอนที่กล่าวตี้เทียนกำลังตรงเข้ามาพอดี ตรงกลางระหว่างสองคน ภายในทะเลเพลิงสีดำลุกโชติช่วงพลันเกิดลายเส้นสีดำขึ้นจำนวนหนึ่ง ลายเส้นเหล่านี้ตัดสลับกันคล้ายกับเส้นถี่สีดำ จนสร้างขึ้นมาเป็นลายมือยักษ์!

ร่างเส้นลายมือเป็นเค้าโครงฝ่ามือหนึ่ง นั่นคือฝ่ามือของเทพหมาน!

วินาทีที่ตี้เทียนเข้ามาใกล้ ในระหว่างที่ทะเลเพลิงสีดำกำลังลุกลาม มือที่มีเส้นลายมือยักษ์บนฟ้าพลันกดมายังตี้เทียนด้วยความเร็วในพริบตาเดียว

หากมองไกลๆ ภาพนี้จะดูน่าตะลึงยิ่งนัก มีฝ่ามือหนึ่งกดลงมาด้านล่าง ด้านล่างของมันก็เป็นทะเลเพลิง และคนที่เดินออกมาจากทะเลเพลิงก็คือตี้เทียน!

เขาไม่มองฝ่ามือบนฟ้าแม้แต่หางตา ตอนที่เดินมาหาซูหมิงก็ปล่อยให้ฝ่ามือเข้ามาใกล้ เพียงแต่ว่าทะเลเพลิงข้างกายเขายามนี้โหมซัดไปมาเป็นลูกคลื่น ก่อนลอยขึ้นสู่ฟ้าเข้าไปปะทะกับฝ่ามือยักษ์

นี่คือการปะทะกันระหว่างฝ่ามือเทพหมานกับทะเลเพลิง คือเสียงที่ดังสนั่นอย่างถึงที่สุด คือการปะทะกันของพลังสองชนิด ชั่วขณะที่พวกมันพุ่งเข้าใส่กันก็เกิดเป็นเสียงโครมครามดังสนั่นหวั่นไหว ก่อเป็นแรงปะทะม้วนทะเลมรณะด้านล่างให้กระจายออกไป ทำให้ผิวทะเลด้านล่างซูหมิงกับตี้เทียนเกิดเป็นน้ำวนยักษ์

น้ำวนหมุนโคจร ตรงส่วนลึกข้างในจะเห็นว่าเป็นแผ่นดินที่ถูกฝังอยู่!

“แม้จะเติบโตเร็วจนเหนือความคาดหมายของข้า ทว่า…ก็ยังอ่อนแอเกินไป!”

ตี้เทียนก้าวเดิน เส้นลายมือบนฟ้าพลันพินาศลงจากแรงปะทะของทะเลเพลิง ส่วนซูหมิงตรงมุมปากมีโลหิตไหล ในขณะที่ร่างซวนเซถอย ตี้เทียนก็หายไปอีกครั้งแล้วมาปรากฏอยู่ด้านหลังเขา ก่อนยกมือขวาสะบัดแขนเสื้อ ม้วนซูหมิงตรงเข้ามาหาโดยที่ซูหมิงควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

“การต่อสู้ครั้งนี้ จบสิ้นแล้ว”

ทว่าทันใดนั้นเอง ตี้เทียนกลับหรี่ม่านตา เขาถอยหลังไปสี่ก้าวอย่างไม่ลังเล ในระหว่างที่ถอยทั้งตัวซูหมิงกลับมีเปลวเพลิงลุกขึ้นมา!

นี่คือการเผาเส้นเลือดทั้งตัว คือการเผาผลาญขั้นพลังตัวเอง เหมือนกับที่ซือหม่าซิ่นเคยทำในตอนนั้น เผาเส้นเลือดและการหมุนเวียนโลหิตเพื่อกระตุ้นพลังที่แกร่งที่สุดของเทพหมานรุ่นสองในมรดกที่รับมา เรียกกันว่าเปลี่ยนเทพหมาน!

การผสานรวมกับโอสถมอบจิตจะได้รับเพียงมรดกเท่านั้น จึงใช้อภินิหารของเทพหมานได้ แต่หากอยากจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริง

ซูหมิงจำเป็นต้องใช้เวลาเหมือนซือหม่าซิ่น หากฝืนปลดปล่อยพลัง สิ่งที่จำเป็นคือ..เปลี่ยนเทพหมาน!

เผาผลาญเส้นเลือดให้กลายเป็นเทพหมาน!

ขณะซูหมิงแผดเผา เส้นผมก็กลายเป็นสีขาวดำไม่เสมอกัน ร่างสั่นไหวพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายแววเย็นชาและคลุ้มคลั่ง ครั้นหนึ่งก้าวเหยียบลง พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตี้เทียนแล้วชกหมัดเข้าใส่ ทันใดนั้นตี้เทียนขมวดคิ้ว เขายกเท้าขึ้นถีบไปยังขาซูหมิง เสียงโครมดังขึ้น ตัวซูหมิงกระเด็นถอยไปหลายก้าว ทว่าหมัดกลับชกใส่ตี้เทียนแล้ว

เพียงแต่ว่าตอนที่ชกหมัดไป บนตัวฝ่ายตรงข้ามมีแสงสีทองวูบวาบ ตัวเขาจึงไม่เป็นอะไรเลย!

ตี้เทียนหรี่ตาแล้วเดินไปหาซูหมิง เขาพลันรู้สึกชอบซูหมิงในสภาพนี้มาก ยิ่งไม่ยอมศิโรราบเขาก็ยิ่งตื่นเต้น อยากจะกำราบอีกฝ่ายเสีย

ความรู้สึกนี้ทำให้เขารู้สึกดียิ่งนัก ยามนี้จังหวะก้าวไม่เร็ว ทว่าทุกก้าวจะทำให้มวลอากาศเกิดระลอกคลื่น ประดุจผืนฟ้ากลายเป็นผิวน้ำ

ตอนที่ซูหมิงถอยไปเขาก็ยกมือขวา ใช้ฝ่ามือกดตรงหน้าอก โลหิตที่กระอักออกมาถูกปลายแขนเสื้อสะบัดลอยขึ้นฟ้า

“เปลี่ยนตะวันจันทราและดาราแห่งเทพหมาน ภัยพิบัติดารา!”

เมื่อซูหมิงเอ่ยคำ ฟ้ามืดสลัวกลางชั้นเมฆพังพินาศลง พลันปรากฏดวงดารากลุ่มหนึ่ง แสงดาราระยิบระยับปกคลุมทั่วฟ้า จากนั้นแสงดาวเหล่านั้นก็ตกลงมาดุจดั่งมีดาวตก ยังผลให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน กลิ่นอายชั่วร้ายจากฟ้ากระจ่างดาวพลันอบอวลอยู่โดยรอบ

ครั้นปรากฏกลิ่นอายชั่วร้าย แสงดาราตัดสลับกันอย่างสมจริง ขณะเดียวกับที่ส่องสะท้อนผืนปฐพีก็ปรากฏภาพประหลาดขึ้น ในภาพนั้น ดวงดาราทั้งหมดบิดเบี้ยวแล้วพุ่งตรงมายังตี้เทียนดุจลูกธนู

หากมองไปฟ้าจะเต็มไปด้วยแสงดารา ลูกธนูจากแสงดาราเหล่านี้ให้ความรู้สึกตาลาย ทั้งยังถูกกลิ่นอายชั่วร้ายทะลวงเข้าสู่ร่างกาย ทำให้พลังแข็งค้าง

ตี้เทียนหรี่ตาลง เขาอ้าปากแทบจะในวินาทีที่กลิ่นอายชั่วร้ายกับลูกธนูดาราเข้ามาใกล้

“ดารามีวงโคจรของตัวเอง แสงดาราก็มีจุดที่ส่องสว่างไม่ถึง ด้วยคำสั่งของข้าตี้เทียน ขอกำหนดให้ที่นี่เป็นแดนไม่ต้อนรับแสงดารา ด้วยสิ่งนี้…กฎสวรรค์ซ่อนในปาก!”

เมื่อสิ้นเสียง ทุกตัวอักษรจากปากล้วนกลายเป็นอักขระบินออกมาแล้วหายไปในอากาศ ตอนที่กล่าวจบ อภินิหารภัยพิบัติดาราของซูหมิงรวมถึงกลิ่นอายชั่วร้ายพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย แสงดารามืดดับ แม้แต่ดวงดาวบนฟ้ายังเลือนราง

เหมือนกับกฎถูกเปลี่ยน ทำให้อภินิหารของซูหมิงถูกหยุดไว้!

“ทำให้ข้าต้องใช้พลังแห่งกฎได้ เจ้าจงภูมิใจเสีย ตอนนี้ยังมีวิชาอภินิหารอะไรอีกก็ใช้มาได้เลย ให้ข้าได้เห็นหน่อยว่า…ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เจ้าเรียนรู้อะไรมาบ้าง”

ตี้เทียนเดินมาหาซูหมิงอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งพลางเอ่ยออกไป

ในใจซูหมิงขมขื่น เขามองตี้เทียนเดินเข้ามาก่อนกัดฟัน ยกมือขวาขึ้นตบศีรษะตัวเองหนึ่งที จากนั้นก็มีเสียงดังมาจากกระดูกหมานในร่างกาย ตอนที่ปล่อยพลังมาก็ยกสองมือขึ้นประกับกันเป็นสัญลักษณ์ดวงจันทร์!

“เปลี่ยนตะวันจันทราและดาราแห่งเทพหมาน จันทราสังหาร!” ทันทีที่ซูหมิงกล่าว ฟ้ากระจ่างดาวเลือนรางพลันไม่ใช่ภาพมายาอีก ดวงดาวทั้งหมดมืดสลัวทันที จันทร์เสี้ยวดวงหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฟ้ายามค่ำคืน

แทบจะเป็นวินาทีที่ปรากฏจันทร์เสี้ยว โดยรอบตี้เทียนก็มีเงามายาแสงจันทร์เช่นกัน!

เงามายานั้นปกคลุมรอบตัวเขา ทำให้หยุดชะงักไปชั่วครู่ และเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์บนฟ้าแวบหนึ่ง

“ไม่เลว วิชานี้ยังพอใช้ได้” ขณะกล่าวผิวหนังเขาเกิดรอยร้าวหลายเส้น การเกิดรอยร้าวนี้ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่แสงจันทร์ด้านบนมีเค้าลางจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

นัยน์ตาตี้เทียนวาววับ เขายกมือขวาคว้าอากาศ พลันมีแสงสีม่วงเส้นหนึ่งปรากฏอยู่ในมือ แสงม่วงนั้นขยับวูบวาบแล้วรวมขึ้นเป็นกระบี่ยาวสีม่วงเล่มหนึ่ง!

กระบี่เล่มนี้ยาวเก้าฉื่อหนาเก้าชุ่น ตรงคมกระบี่แฝงไว้ด้วยความคมกริบ ทั้งยังมีความน่าเกรงขามปานจักรพรรดิ ตอนที่ปรากฏกระบี่เล่มนี้ ราวกับว่าจุดที่มันอยู่ เหล่ากระบี่ในโลกล้วนต้องคารวะ เพราะว่ามัน…คือจักรพรรดิในหมู่กระบี่!

ยามกระบี่ปรากฏขึ้น ซูหมิงพลันเจ็บปวดในใจ เขาเบิกตากว้างมองกระบี่เล่มนั้น และมีความรู้สึกชัดว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ใช่ของตี้เทียน แต่เป็นของเขา…ซูหมิง!

ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทว่ากลับเด่นชัดอย่างยิ่ง ราวกับว่ากระบี่เล่มนี้คือส่วนหนึ่งในชีวิตเขา!

ทว่ายามนี้กระบี่ตกไปอยู่ในมือร่างแยกตี้เทียนแล้ว ตี้เทียนมองซูหมิงพลางหัวเราะ ก่อนยกมือขวาฟันกระบี่แบบสบายๆ ไปทางดวงจันทร์บนฟ้า!

หนึ่งกระบี่ฟันฉับลง ท้องฟ้าส่งเสียงคำราม ดวงจันทร์หยุดชะงักก่อนระเบิดกระจุยในทันใด แม้แต่ฟ้ากระจ่างดาวยังแตกเป็นเสี่ยงๆ หนึ่งกระบี่ผ่าท้องฟ้า ทั้งยังมีปราณกระบี่ตรงเข้ามาฟันใส่ศีรษะซูหมิง!

“กระบี่ยมโลก!” ยามนี้เอง แม้แต่ร่างแยกตี้เทียนยังไม่ทันสังเกตเห็นว่า ตรงมุมหนึ่งในหมอกเมฆบนท้องฟ้า ในเมฆพังพินาศ มีเด็กสาวผู้มีใบหน้างดงามอย่างยิ่งอยู่คนหนึ่ง เดิมทีนางกำลังแทะเมล็ดทานตะวันไปพลาง ดูการต่อสู้ด้านล่างไปพลาง แต่ยามนี้กลับเบิกตากว้างมองกระบี่ในมือตี้เทียน

ข้างกายนางยังมีมังกรเหลืองขนาดย่อส่วนตัวหนึ่ง มันกำลังมีใบหน้ากลัดกลุ้ม ทว่าปราดเปรียวอย่างยิ่ง กินเปลือกเมล็ดแตงโมที่เด็กสาวโยนทิ้งทั้งหมด ไม่ปล่อยผ่านไปแม้แต่เมล็ดเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!