ตอนที่ 594 ผู้สูงศักดิ์
กระบี่ยมโลก ความหมายก็ตามชื่อของมัน ดุจกระบี่ที่มาจากยมโลก กระบี่เล่มนี้ผ่าผืนฟ้า ฉีกแยกอากาศ เมื่อข้ามหมอกหนาทึบไร้ที่สิ้นสุดด้านหลังผืนฟ้าไร้พรมแดนไปจะเป็นฟ้ากระจ่างดาว!
ฟ้ากระจ่างดาวนี้เป็นที่อยู่ของเผ่าเซียน เป็นท้องฟ้าแห่งแสงสว่างหยาง ที่นี่มีดาราแท้จริงอยู่นับไม่ถ้วน ลอยอยู่จำนวนมากด้วยพลังมหาศาล ที่นี่…ซูหมิงเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นคือบนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์!
ที่นี่ จิตเขาก็เคยมาครั้งหนึ่ง นั่นคือตอนสังหารซือหม่าซิ่น
ยามนี้ที่นี่ ณ ผืนฟ้ากระจ่างดาว ในน้ำวนวงโคจรดาราที่ไม่รู้ขยายไปไกลเพียงใด มีเสียงลากยาวอันน่าตะลึงดังแว่วมาจากภายใน จากนั้นหมอกก็หมุนตลบอย่างรุนแรง มีปราณกระบี่เส้นหนึ่งบินออกมา ปราณกระบี่นี้…..ก็คือกระบี่ที่ตี้เทียนใช้ฟันท้องฟ้าเมื่อครู่ มันข้ามผ่านฟ้า ข้ามผ่านหมอกหนาทึบ ข้ามผ่านสิ่งกีดขวางทุกอย่าง บินออกจากน้ำวนมาปรากฏอยู่ในฟ้ากระจ่างดาว!
ช่วงที่มันปรากฏตัวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย…
ณ แดนหมาน บนทะเลมรณะ ตรงชายแดนรกร้างบูรพา ยามนี้ซูหมิงอยู่กลางอากาศ ตรงหน้าเขาเป็นปราณกระบี่แบบเดียวกันที่กำลังตรงเข้ามาใกล้ ปราณกระบี่นี้รวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็เข้าประชิด!
ช่วงที่ปราณกระบี่นี้เข้ามาใกล้ ซูหมิงหลับตายกฝ่ามือขวาขึ้นด้านบน ส่วนหลังมือซ้ายกดลงข้างล่าง วินาทีที่หลับตา รอบตัวเขาพลันปรากฏพายุหมุนขึ้น พายุหมุนนี้ซ่อนร่างเงาซูหมิงเอาไว้ คนอื่นจึงมองไม่เห็นภายใน ร่างกายเขากลายเป็นเด็กหนุ่ม เส้นผมกลายเป็นสีม่วงกับสีขาว บนตัวในตอนนี้เผยกลิ่นอายของโชคชะตา!
เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าดิน ปราณกระบี่เข้าปะทะกับพายุหมุน พายุหมุนนี้ฉีกแยกออกและถอยไปในทันใดโดยไม่มีแรงต่อต้านแม้แต่น้อย ปล่อยให้ปราณกระบี่ทะลวงเข้ามายังซูหมิง
ทว่าเหตุการณ์ต่อมากลับสร้างความตื่นตะลึงให้กับตี้เทียนเป็นครั้งแรกตั้งแต่สู้กันมาจนถึงตอนนี้ ความตื่นตะลึงที่ว่ามากกว่าตอนเผชิญหน้ากับหนามเทพหมานไม่รู้กี่เท่า!
เขาเบิกตากว้าง ฉายแววเหลือเชื่อ เห็นกับตาว่าปราณกระบี่ทะลวงผ่านพายุหมุนไปหาซูหมิง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดพายุหมุนถึงกลับมารวมกันใหม่ ปราณกระบี่ที่ทะลวงเข้าไปจึงกระเด็นกลับมา!
ราวกับทุกอย่างเมื่อครู่นี้ย้อนเวลากลับ!
หากเพียงเท่านี้บางทีตี้เทียนอาจไม่ตื่นตกใจมากนัก สิ่งที่เขาตื่นตะลึงจริงๆ คือในพายุหมุนตอนนี้…..มีกลิ่นอายพลังที่ทำให้เขาจิตใจสั่นไหวอยู่!
กลิ่นอายพลังนี้เขาไม่น่าจำผิด เขาไม่มีทางลืมมันเด็ดขาด กลิ่นอายพลังนี้ทำให้เขาแทบเสียสติ!
“โชคชะตา!”
ขณะเดียวกับที่เอ่ยคำนี้อีกครั้ง ในน้ำวนของซูหมิงมีร่างเงาซูบผอมเดินออกมา จนกระทั่งเดินออกจากน้ำวนแล้วก็ยกมือขวาสะบัดไปด้านหลัง พายุหมุนจึงค่อยๆ หายไป
ตรงหน้าตี้เทียนคือซู่มิ่งในร่างเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เขามีเส้นผมครึ่งหนึ่งสีขาว อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีม่วง!
“เป็นไปไม่ได้ เจ้ายังไม่ตื่นในเขาแดนหมาน เจ้ายังถูกผนึกอยู่ จะ….เจ้าไม่มีทางกลายเป็นซู่มิ่งก่อนเวลาอันควร! นี่ไม่ใช่เจ้า นี่ไม่ใช่ซูหมิง เจ้าไม่ใช่ซู่มิ่งที่ข้าต้องการ!” ตี้เทียนปานคลุ้มคลั่ง ยามนี้มีสีหน้าเหี้ยมโหดประหนึ่งแผนการที่เตรียมมาเนิ่นนานเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรง ยังผลให้เขารับไม่ได้กับเรื่องกะทันหันเช่นนี้!
“นี่ไม่ใช่เส้นทางของเจ้า!” ตี้เทียนก้าวเดินมาด้วยความเร็วปานสายฟ้า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยจิตสังหารมหาศาล ก่อนหน้านี้แม้จะลงมือ ทว่าก็ไม่คิดสังหารซูหมิง เพียงอยากกำราบก็เท่านั้น
ทว่าตอนนี้จิตสังหารกลับชัดเจนยิ่งนัก!
“นี่ไม่ใช่เส้นทางที่เจ้าต้องเดิน ไม่ใช่แผนที่ข้าวางไว้มานาน แม้จะล้มเหลวหลายครั้ง ทว่าก็มีหวังว่าจะสำเร็จในโชคชะตา!
นี่ไม่ใช่เจ้า!” ตี้เทียนตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนเข้ามาใกล้ซูหมิงในพริบตาเดียว แล้วยกมือขวาหมายจะกดตรงลำคอซูหมิง เขา…..จะสังหาร!
ซูหมิงที่กลายเป็นซู่มิ่งมีสีหน้าสงบนิ่ง มองตี้เทียนเข้ามาใกล้อย่างเย็นชา วินาทีที่นิ้วมือตรงเข้ามานั้น เขาไม่หลบหลีกไปไหน แต่ยังไม่ทันที่ตี้เทียนจะกดนิ้วลงไป ก็พบว่าร่างอีกฝ่ายถอยไปต่อหน้าซูหมิงราวกับย้อนเวลา
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ตี้เทียนหรี่ตา นัยน์ตาฉายแววโกรธระคนตกใจเป็นครั้งแรก!
ที่เขาตื่นกลัวไม่ใช่เพราะไม่อาจช่วงชิงการโคจรของเวลา แต่เป็นเพราะส่วนลึกในใจเขา เมื่อนานมาแล้วในเผ่าเซียน เคยเกิดภัยพิบัติที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่ายุคสมัยของเทพหมานรุ่นหนึ่ง!
สำหรับทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว ภัยพิบัติครั้งนั้นเป็นฝันร้ายน่าสะพรึงกลัว…และเพราะภัยพิบัตินั้น ทำให้เผ่าเซียนที่ยังไม่ฟื้นปราณก่อกำเนิดกับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมถูกเทพหมานรุ่นหนึ่งเหยียบย่ำในหลายปีต่อมา
ช่วงที่ร่างตี้เทียนถูกย้อนเวลาถอยไป ซูหมิงเดินหน้ามาหนึ่งก้าว ยกมือขวาขึ้นกดตรงระหว่างคิ้วฝ่ายตรงข้าม เสียงโครมครามดังกังวาน ทั้งตัวตี้เทียนเปล่งแสงทองวิบวับ ตอนที่จะเข้ามาต่อต้าน นัยน์ตาซูหมิงก็เป็นประกาย แสงทองวูบวาบรอบตัวตี้เทียนพลันหายไป จึงทำให้ตอนนี้เขาไร้ซึ่งเกราะป้องกันแสงทอง ทันใดนั้นเองซูหมิงก็ยกเท้าเตะร่างตี้เทียนอย่างแรง
เสียงโครมดังขึ้น ตี้เทียนกระเด็นถอยไป ฝ่ายซูหมิงห้อเหยียดตามเข้ามา พริบตาเดียวก็ตามไปทันแล้วสะบัดมือซ้าย ขณะกาลเวลาเปลี่ยนอีกครั้ง เขากดนิ้วมือตรงระหว่างคิ้วตี้เทียน เป็นแบบนี้ติดต่อกันหลายครั้งจนอีกฝ่ายกระอักเลือด สีหน้าพลันได้สติกลับมา
“ข้ายอมทิ้งแผนของข้าดีกว่าให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป! ข้าจะทำลายจิตของเจ้าให้สิ้นซากตรงนี้!” ตี้เทียนยกมือขวาคว้าห้านิ้วมือไปข้างหน้า ตอนที่ซูหมิงเข้ามาใกล้ก็กดมือลงไป
เสียงคล้ายกระจกแตกดังขึ้น กาลเวลาที่วนเวียนอยู่รอบๆ ตี้เทียนพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างไร้รูป ก่อนจะกำหมัดขวาชกไปข้างหน้า
“ตะวันขาวขึ้นนภา!”
ตี้เทียนเอ่ยอย่างเนิบๆ อีกร่างแยกหนึ่งในตอนนั้นก็เคยใช้วิชารูปแบบนี้ ยามนี้เมื่อใช้อีกครั้ง มือขวาเขาเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้า ความสว่างของแสงสีขาวอาบย้อมทั้งฟ้าดิน
หลังจากกำหมัดชี้ขึ้นฟ้าก็ปรากฏดวงตะวันสีขาวดวงหนึ่งบนฟ้าโดยพลัน!
ดวงตะวันสีขาวนี้ปานดาวตก ส่งผลให้ผิวทะเลด้านล่างเกิดเสียงโครมพร้อมกับเว้าลึกลงไป น้ำทะเลกระจายออกเป็นวงกว้าง ทั้งผืนฟ้าดินกลายเป็นสีขาวโพลน!
แสงตะวันนี้กลายเป็นแสงที่สว่างจ้าที่สุดในโลกนี้!
ตะวันขาววันสิ้นโลก!
เขายกมือซ้ายซึ่งหมายถึงการลอยขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นเข้าไปใกล้มือขวาที่หมายถึงตะวันขาว ขั้นตอนนี้ก็คือการลอยขึ้น!
ซูหมิงในร่างซู่มิ่งยืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าเขาสงบนิ่ง ดวงตาเย็นชาและเด็ดขาด และยังมีความอาลัยอาวรณ์ต่อชีวิตเล็กน้อย รวมถึงความเสียใจอย่างลึกล้ำต่อบ้านเกิดที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำและยอดเขาลำดับเก้า
‘ความลับภูเขาทมิฬ…ชาติหน้าหากข้ายังจำได้ ข้าจะไปตามหา…’
‘อาจารย์ ข้าต้องไปแล้ว…ยังหาท่านไม่เจอเลย นี่คือสิ่งที่ข้าเสียใจในชีวิตนี้’
‘ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง…หากมีชาติหน้า พวกเรามาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันอีก ข้า…ต้องไปก่อนแล้ว!’
‘หู่จื่อ…ศิษย์พี่สาม…..’ ซูหมิงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ตอนนี้ตัวเขาแผ่กระจายกลิ่นอายพลังแห่งการทำลายล้าง นั่นคือการเผาผลาญชีวิตตัวเอง นั่นคือทั้งหมดที่เขามี เขาใช้มันกระตุ้นเส้นผมเทพหมานที่มีอยู่ไม่มากบนนิ้วชี้มือขวาตน!
เส้นผมนี้สังหารร่างแยกตี้เทียนในตอนนั้นได้ ทว่าตอนนี้เหลืออยู่ไม่มากแล้ว
ซูหมิงรู้ว่ามันทำไม่ได้ ฉะนั้นเขาจึงหาวิธีสู้กับตี้เทียนอย่างสุดกำลัง เพื่อให้ตี้เทียนบาดเจ็บและอ่อนแอลง
น่าเสียดาย…ขั้นพลังเขากับตี้เทียนต่างกันเกินไป จึงทำได้แค่ให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ไปไม่ถึงขั้นให้อ่อนกำลัง
“ช่างเถอะ!” มือขวาที่ยกอยู่พลันลุกไหม้ เวลานี้ชีวิตทั้งหมดของเขารวมอยู่ในมือขวา รวมอยู่ในเส้นผมเทพหมานที่มีอยู่น้อยนิด เส้นผมนี้พลันแผดเผา กลิ่นอายพลังของเทพหมานรุ่นหนึ่งพลันระเบิดออกมาจากตัวซูหมิงในพริบตานั้น
ครั้งนี้แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียว ทว่ากลับรุนแรงยิ่งกว่าตอนนั้น เพราะว่าครั้งนี้แฝงไว้ด้วยชีวิตของซูหมิงและยังมีพลังจากซู่มิ่ง!
พลังของซู่มิ่งนี้คือการซ้อนทับกันระหว่างอดีตและอนาคต ขณะเส้นผมและชีวิตของเขาแผดเผา พลังนี้ก็เพิ่มขึ้นและรวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั่วร่างมีระลอกคลื่นพลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผืนฟ้าเป็นสีขาว ดวงตะวันสีขาวดวงนั้นส่องสะท้อนทุกสิ่งอย่างและปกคลุมทั้งหมด ครั้นตี้เทียนส่งเสียงตะโกน สองมือเข้ามาใกล้ แสงสีขาวไร้ขีดจำกัดก็ระเบิดพลังที่แกร่งที่สุดในอภินิหารนี้ออกมา!
เวลานี้เอง ซูหมิงไม่สั่งสมพลังในนิ้วชี้มือขวาอีก แต่พุ่งดัชนีปานดาวตกไปทางแสงสีขาวตรงตี้เทียน!
และตอนนี้เอง ฟากเด็กสาวที่ซ่อนอยู่ในชั้นเมฆบนท้องฟ้าสีขาว ใบหน้างดงามของนางดูจริงจัง ราวกับกำลังลังเลบางอย่าง ก่อนจะกัดฟัน
“ช่างเถอะ ช่วยเขาสักครั้งก็แล้วกัน!” นางกล่าวพลางยกมือขวาขึ้น ใบหน้าพลันซีดขาว ก่อนปรากฏแสงสีดำในมืองาม จากนั้นจึงค่อยกดมือลงไปข้างล่าง
ภายในโลกสีขาว ตี้เทียนไม่สังเกตเห็น เด็กสาวคนนั้นก็ไม่สังเกตเห็นเช่นกันว่าหลังจากซูหมิงชี้ดัชนีแห่งชีวิตไปแล้ว ข้างกายเขามีเสียงเพลงซวินดังกึกก้อง เพลงซวินนี้มีเพียงเขาที่ได้ยิน อีกทั้งจังหวะเดียวกับที่เกิดเสียงเพลงซวิน ก็มีซวินกระดูกอันหนึ่งลอยออกมาจากตัวเขา
ซวินนี้คือซวินที่ชายชราผู้สร้างซวินมอบไว้ให้…
“อะไรคือโชคชะตา ผู้เยาว์ นี่คือเส้นทางที่เจ้าเลือก เจ้า…เข้าใจหรือไม่?” นี่คือเสียงสุดท้ายที่ซูหมิงได้ยินก่อนหมดสติไป
เสียงระเบิดดังสนั่นฟ้าดิน ก่อเป็นเสียงกึกก้องกระจายออกไปบนทะเลมรณะนอกแดนรกร้างบูรพาอยู่นานไม่เลือนหาย