Skip to content

สู่วิถีอสุรา 595

ตอนที่ 595 ทัณฑ์สวรรค์โชคชะตา

ภัยพิบัติ ภัยธรรมชาติ….ความรุ่งโรจน์จากความสามารถ

การทำลายล้างคือดอกไม้งดงามที่สุดในโลก วินาทีที่โลกพังพินาศ ทุกอย่างจะเป็นภาพดุจนิจนิรันดร์ ผู้คนที่มีคุณสมบัติมองความงามในชั่วพริบตา จะได้มองเห็นความทรงจำในชีวิตกลายเป็นนิรันดร์ขณะความตายมาเยือน

ผิวทะเลในขอบเขตหลายร้อยลี้ ยามนี้ลดลงไปหลายสิบจั้ง ที่นี่ถูกแรงปะทะทำลายล้าง กลายเป็นความเศร้าอันว่างเปล่า

ทั้งโลกในตอนนี้เป็นสีขาว สีขาวนั้นก็คือหมอก คือแสงตะวัน ทั้งยังเป็นการปะทะกันของพลังแห่งฟ้าดิน เมื่อน้ำทะเลลดต่ำลง ด้วยแรงปะทะ ผิวทะเลตรงริมฝั่งจึงไม่อาจหลั่งเข้าไปเติมเต็ม ทำให้ทะเลผืนนี้กลายเป็นหลุมเว้าลงไป

บนท้องฟ้า เด็กสาวคนนั้นหน้าซีดขาว ร่างชิดตัวมังกรเหลือง มังกรเหลืองตัวนี้ก็พานางบินไกลออกไปจากโลกสีขาวไร้สิ้นสุดนี้

‘ข้าทำได้เท่านี้…ที่นี่คือแดนมายาแห่งมรณะหยิน ขั้นพลังข้าถูกจำกัดเอาไว้อย่างมาก…สหายเผ่ายมโลก จะมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่ก็ต้องดูที่โชคชะตาของเจ้าแล้ว’ เด็กสาวหลับตาแล้วหายไปจากท้องฟ้าห่างไกล ออกจากพื้นที่สีขาวซีดนี้ การโจมตีเมื่อครู่ นางช่วยซูหมิงต้านพลังไปมากกว่าครึ่ง ยามนี้จึงอ่อนแอลง จะต้องรีบฟื้นฟูโดยเร็ว

เมื่อนางจากไป สีขาวในขอบเขตนี้ยังคงอยู่ ตรงกลางสีขาวยังมีเสียงโครมดังต่อเนื่อง ร่างตี้เทียนถอยไปหลายก้าวก่อนกระอักเลือดมาหนึ่งกอง เขาหน้าซีดขาว มงกุฎจักรพรรดิบนศีรษะฉีกขาด เสื้อคลุมจักรพรรดิมีรอยเสียหาย ตรงมุมปากมีโลหิตไหล สีหน้ามืดทะมึน

ชั่ววินาทีก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ว่าแรงต่อต้านจากซูหมิงพลันเพิ่มขึ้น ทั้งยังมีพลังจากที่อื่นร่วมต้านอภินิหารของตนด้วย

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร เพราะเมื่อครู่นี้ตี้เทียนยังรู้สึกถึงพลังจากบนฟ้าด้วย ฉะนั้นก็เท่ากับว่าเขารับมือกับสามฝ่าย!

โชคดีที่พลานุภาพอภินิหารนี้น่าสะพรึงกลัว หลังจากปะทะกันเมื่อครู่แล้วก็ฝืนใจถอยมา ทว่าเขาต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง แสงทองบนตัวหายไปเพราะหยกล้ำค่าแตกเป็นเสี่ยงๆ แล้ว

“ซูหมิง!” นัยน์ตาตี้เทียนเผยจิตสังหาร หลังจากถอยมาหลายก้าวก็สะบัดแขนเสื้อ สีขาวรอบตัวเขามืดครึ้มอย่างรวดเร็ว ก่อนพุ่งตัวตรงไปข้างหน้า

เขารู้สึกได้ว่าคนที่ส่งพลังลงมาจากบนฟ้าจากไปไกลแล้ว แม้ไม่รู้ว่าเป็นใคร ทว่าสำหรับตี้เทียนแล้วการสังหารซูหมิงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ฉะนั้นเลยไม่สนใจ ห้อเหยียดมายังจุดที่จิตสัมผัสตรวจพบซูหมิง

พอแสงสีขาวมืดสลัว โดยรอบเลยชัดเจนขึ้น ตี้เทียนมองเห็นในแวบแรกว่าบนอากาศห่างไปหลายร้อยจั้งมีซูหมิงในร่างเด็กหนุ่มนอนหมดสติอยู่ แต่กลับไม่ตกลงพื้น ใต้ร่างเขามีซวินกระดูกยักษ์อยู่อันหนึ่ง ซวินกระดูกนี้ใหญ่สามจั้งกว่า ขณะนี้มันส่งเสียงเพลงซวิน อีกทั้งยังมีแสงอาคมเคลื่อนย้ายวนเวียนอยู่ ตอนนี้แสงขยับวูบวาบเด่นชัดขึ้น เห็นได้ชัดว่าอีกไม่นานก็จะทำการเคลื่อนย้าย!

หากอาคมเคลื่อนย้ายเปิดซูหมิงก็จะหายไปต่อหน้าต่อตาตี้เทียนอีกครั้ง นั่นก็เท่ากับรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ กระทั่งตี้เทียนยังคิดได้ว่าหากให้อีกฝ่ายหนีไปด้วยวิธีนี้ก็จะมีโอกาสสูงมากที่จะเหมือนกับครั้งก่อน คือตามหาไม่เจออีกในระยะเวลาสั้นๆ

หากเป็นก่อนต่อสู้กับซูหมิง ตี้เทียนจะไม่เอาเรื่องนี้มาใส่ใจมากนัก เพราะไม่ช้าก็เร็วก็ต้องหาซูหมิงพบในแดนหมาน ทว่าการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ตี้เทียนเห็นการพัฒนาของซูหมิง การพัฒนานี้ทำให้เขารู้สึกว่าหากให้เวลาอีกฝ่าย เกรงว่าการกำราบครั้งหน้าคงจะยากกว่าตอนนี้!

ที่สำคัญคือเขาเห็นซู่มิ่ง นั่นเป็นภาพที่ตี้เทียนเห็นแล้วต้องตื่นตกใจจนแทบจะตัวสั่น ไม่ว่าอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่า ซู่มิ่งจะตื่นก่อนเวลาอันควร นี่ไม่ใช่แผนของเขา มันหลุดจากการคาดเดาของเขาไปอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะตอนนึกถึงมหาภัยพิบัติของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมในตอนนั้น นึกถึงตำนานน่าสะพรึงกลัวในครั้งนั้น นึกถึงว่าบางทีทุกอย่าง…อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งในภายภาคหน้าไม่นานนี้ อีกทั้งทุกอย่างเป็นเพราะเขาสร้างขึ้น นี่ยิ่งทำให้เขาตื่นกลัว!

ยามนี้เห็นซูหมิงหมดสติ เสียความสามารถในการต่อสู้ทุกอย่าง กำลังจะถูกซวินกระดูกเคลื่อนย้ายออกไป นัยน์ตาตี้เทียนพลันฉายแววเย็นชา ก่อนก้าวเดินหนึ่งก้าวหมายจะไปขวางทุกอย่าง

ก่อนมาหาซูหมิงในครั้งนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะรับมือยากเช่นนี้ จนทำให้เขามีสภาพอย่างตอนนี้และต้องจ่ายไปมาก

‘จะให้โอกาสเขาไม่ได้อีก!’ ตี้เทียนยกมือขวาสะบัดไปบนฟ้า จากนั้นท้องฟ้าด้านบน ทะเลด้านล่าง และพื้นที่ทุกอย่างรอบๆ ดุจดั่งถูกผนึก ท่ามกลางเสียงดังสนั่นก็ผนึกพลังแห่งอาคมเคลื่อนย้ายทุกอย่างที่จะออกจากที่นี่

“ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำอย่างไร…” ตี้เทียนยกยิ้มเย็นชา ช่วงที่ก้าวเดินเขาหายวับไป พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าซวินกระดูกของซูหมิง ทว่าวินาทีที่เขาปรากฏตัว ตี้เทียนพลันหรี่ม่านตา สีหน้าดูเหลือเชื่อ

สีหน้าแบบนี้พบเห็นได้ยากยิ่งจากตัวเขา เขาเห็นว่าโดยรอบถูกผนึกแล้วแท้ๆ ทว่าแสงอาคมเคลื่อนย้ายจากซวินกระดูกกลับไม่ลดน้อยลง ในทางตรงกันข้ามกลับเปล่งแสงสว่างจ้าในช่วงที่เขาเข้ามาใกล้พอดี ภายใต้แสงวิบวับ ตี้เทียนเบิกตาเห็นร่างซูหมิงที่นอนอยู่บนพื้นเป็นกึ่งโปร่งใสแล้ว!

“พลังแห่งกฎ!” ตี้เทียนมีสีหน้าตื่นตะลึง เขารู้แน่ชัดแล้วว่าการผนึกของร่างแยกยังไม่พอจะหยุดอาคมเคลื่อนย้าย มีเพียงพลังแห่งกฎเท่านั้น พลังนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อก้าวสู่ขั้นบรรลุชะตาแล้วเข้าใจระลอกคลื่นของกฎเกณฑ์ฟ้าดินเท่านั้น!

เพราะว่า…ร่างจริงของเขาก็ทำได้เช่นกัน!

ทว่าร่างจริงลงมาเองไม่ได้ ด้วยขั้นพลังของร่างแยกจึงทำไม่ได้ถึงระดับนั้น ยามนี้เห็นซูหมิงค่อยๆ หายไป ตี้เทียนก็ร้องคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว!

เขารู้ว่าขวางอาคมเคลื่อนย้ายที่มีพลังเหนือกว่าตนไม่ได้ กระทั่งยังมองออกว่าระลอกคลื่นพลังที่พาซูหมิงไปนี้ไม่ใช่ของแผ่นดินหมาน แต่เหมือนมาจากอีกโลกหนึ่ง ลงมาทำลายแผนการของเขา และยังผลให้ภัยพิบัติต่อซูหมิงในครั้งนี้….หายไป

ทว่าตี้เทียนไม่ยอม ขณะร้องคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาปรากฏเส้นเลือดฝอย แทบทันทีที่ซูหมิงจะหายตามซวินกระดูกไป เสียงของตี้เทียนก็ดังกึกก้องฟ้าดิน

เสียงเขาดั่งสายฟ้าและยังแฝงไว้ด้วยจิตใจแน่วแน่ จิตใจแน่วแน่นี้แผ่กระจายออกมา ทำให้ท้องฟ้าโลกหมานสั่นสะเทือน!

“ด้วยความคิดของข้า เปิดของวิเศษแห่งเผ่าเซียน ลงมาเยือนแดนมายาแห่งมรณะหยิน ทัณฑ์สวรรค์โชคชะตา!” ทันทีที่ตี้เทียนเอ่ย มวลอากาศบนฟ้าปรากฏน้ำวนยักษ์ขึ้น น้ำวนนี้เผยให้เห็นอย่างชัดเจน ส่งผลให้หมอกเมฆโดยรอบไกลๆ ล้วนม้วนตลบถอยไป หากเงยหน้ามองจะเหมือนกับท้องฟ้าเกิดปรากฏการณ์ประหลาด!

บนฟ้าไกลออกไปเป็นหมอกขมุกขมัว หมอกนี้กว้างไร้ที่สิ้นสุด ตอนนั้นซูหมิงก็เคยผ่านมันมาแล้ว นั่นคือตอนอยู่บนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์

ทว่าตอนนี้ด้านหลังน้ำวนเป็นหมอกกลุ่มนั้น กระทั่งน้ำวนยังเกิดขึ้นจากการรวมหมอก เหมือนกับว่าผืนฟ้าในเขตนี้โปร่งใส บางทีอาจกล่าวได้ว่ามันเผยขึ้นเป็นอุโมงค์ยักษ์

ด้านหลังหมอกไร้ที่สิ้นสุดเป็นฟ้ากระจ่างดาวที่ซูหมิงเคยเห็นมาก่อน นั่นคือผืนฟ้าดาวระยิบระยับ! หากยืนอยู่กลางหมู่ดาวแล้วมองมายังแดนมรณะหยินจะเห็นเป็นน้ำวนหมอกไร้สิ้นสุด และยังมีดาราแท้จริงเก้าดวงนอกน้ำวน

ดาราแท้จริงเก้าดวงนี้โอบล้อมอยู่รอบๆ น้ำวนปานอารักขา ขณะเดียวกับที่เสียงตี้เทียนดังกึกก้องทะเลมรณะ ก็เหมือนกระตุ้นอภินิหารอะไรบางอย่าง ฉับพลันนั้นมีลำแสงเส้นหนึ่งพุ่งมาจากดาราแท้จริงดวงหนึ่งในนั้น ลำแสงนี้มีสีม่วง ส่องสะท้อนผืนฟ้าโดยรอบชั่วครู่

กลิ่นอายพลังที่น่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจบรรยายแผ่มาจากในแสงม่วงนั้น ในเวลาเดียวกัน ดาราแท้จริงดวงนั้นก็กลายเป็นของวิเศษยักษ์ชิ้นหนึ่งก่อนรวมเป็นแสงม่วง ชั่วขณะที่แสงม่วงขยับวูบวาบก็เกิดเสียงดังสนั่นผืนฟ้ากระจ่างดาว ท่ามกลางเสียงดังโครมครามนั้น ลำแสงม่วงพุ่งเข้าปะทะน้ำวนในชั่วพริบตาเดียว ทำให้น้ำวนหมอกหยุดชะงักไปชั่วครู่ แล้วถูกแสงม่วงทะลวงผ่านตรงเข้ามายังส่วนลึก!

นี่คือพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ดาราแท้จริงจำนวนมากในผืนฟ้ากระจ่างดาวกับคนบนแผ่นดินใหญ่ล้วนตื่นจากฌานสมาธิทั้งหมด แล้วพากันมองไปยังจุดที่มีพลังน่าพรั่นพรึง

เห็นได้ชัดว่าดาราแท้จริงนอกแดนมรณะหยินไม่ใช่แค่ถูกจัดเรียงเอาไว้ พวกมัน…มีหน้าที่เฝ้าสมบัติล้ำค่าเผ่าเซียนของแดนมรณะหยิน! หน้าที่ของพวกมันมีหนึ่งเดียวคือสังหารวิญญาณทุกตนที่จะออกจากแดนมรณะหยินไป!

แต่หากซูหมิงตื่นอยู่แล้วได้เห็นภาพนี้เขาจะต้องลังเลแน่นอน เพราะตอนกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์จากไป เขา…ไม่เห็นดาราแท้จริงดวงนี้

อีกอย่างลำแสงสีม่วงที่มีกลิ่นอายทำลายล้างยังทะลวงผ่านน้ำวนหมอกด้วยความเร็วสูงสุด ก่อนลงมายังท้องฟ้าเหนือสนามต่อสู้ของตี้เทียนกับซูหมิง ลำแสงนี้ไร้สิ้นสุด ตอนที่มองขึ้นฟ้ามันดูไม่ใหญ่นัก ทว่าพอเข้ามาใกล้แล้วกลับมีขนาดหลายพันลี้!

ตี้เทียนรู้ดีว่าต่อให้ใช้อาคมเคลื่อนย้ายจากไป เว้นแต่จะเป็นระยะทางสั้นๆ เท่านั้น หากเป็นระยะทางไกลมันจะดูเหมือนหายไปก็จริง แต่ยังทิ้งร่องรอยเอาไว้ แม้ไม่อาจตรวจสอบและทำลายล้าง ทว่า…หากเขายอมทุ่มทุกอย่างเพื่อใช้งานของวิเศษเผ่าเซียนแล้ว มันย่อมเปลี่ยนทุกอย่างได้แน่นอน

“ซู่มิ่ง จงตายเสีย!” ตี้เทียนคำรามเสียงต่ำ เสียงเขาถูกเสียงระเบิดจากลำแสงสีม่วงกลบมิด ก่อนพบว่าลำแสงม่วงทะลวงผ่านผืนฟ้าตกลงบนทะเลมรณะ น้ำทะเลในระยะหลายพันลี้พลันระเหยกลายเป็นไอ

แม้แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทะเลระยะหลายพันลี้ยังสูญสิ้นกันไปทั้งหมดในพริบตาเดียว!

น้ำทะเลเหือดหาย ก้นทะเลเดิมทีเป็นแผ่นดินใหญ่ ยามนี้ภายใต้ลำแสงสีม่วง แผ่นดินแตกกลายเป็นเสี่ยงๆ แล้วถูกทะลวงผ่านไป…

นี่คือพลังแห่งการทำลายล้างโลก!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!