Skip to content

สู่วิถีอสุรา 604

ตอนที่ 604 รักษาบาดแผล

ที่นี่เป็นห้องที่ไม่ใหญ่นัก มีพวกโต๊ะเตียงและเครื่องนอนเป็นต้น ทั้งยังมีฝุ่นเกาะเต็มไปหมด เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอยู่มานานมาก หลังจากจัดระเบียบเสร็จแล้ว ซูหมิงก็นั่งบนเตียง มองฟ้ามืดสลัวข้างนอก นัยน์ตาเป็นประกายวูบไหว

จากนั้นยกยิ้มมุมปากน้อยๆ

‘ที่นี่มีพลังฟ้าดินเข้มข้นจริงๆ!’ ตอนขึ้นเขามาซูหมิงก็สังเกตเห็นแล้ว ยามนี้นั่งอยู่ที่นี่ กลิ่นอายพลังโดยรอบเด่นชัดยิ่งกว่าเดิม

‘สมกับเป็นที่ตั้งของสำนักหนึ่ง…’ ซูหมิงมาสำนักวิญญาณอสูรนี้ หนึ่งคือเพื่อช่วยขจัดภยันตรายของครอบครัวเสี่ยวโฉ่วเอ๋อร์ สองคือช่วยนางหาสาเหตุการตายของพี่ชาย และสามคือเขาต้องฟื้นขั้นพลังกลับมาให้เร็วที่สุด

กลิ่นอายพลังเข้มข้นของที่นี่มีส่วนช่วยในการฟื้นขั้นพลังอย่างมาก เพียงแต่ว่า…

‘กลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นมากเกินมาก…’ ซูหมิงขมวดคิ้ว แม้พลังฟ้าดินที่นี่จะเข้มข้น ทว่ากลิ่นอายชั่วร้ายที่ปะปนอยู่ก็เข้มข้นเช่นกัน หากอยู่ที่นี่นานสภาพจิตใจจะต้องได้รับผลกระทบด้วยบางส่วน

เขาตรึกตรองพลางมองไปยังน้ำเต้า มองใบหน้าภูตผีที่รวมขึ้นจากหมอกดำ และมันก็กำลังมองตนเช่นกัน ราวกับกำลังแสยะยิ้มให้ มันคิดว่าซูหมิงไม่เห็นมัน ถึงอย่างไรในสายตามันซูหมิงก็เป็นเพียงคนธรรมดา

ซูหมิงไม่สนใจใบหน้าภูตผีหมอกดำอีก แต่เปิดฝาน้ำเต้าออก พลันมีกลิ่นอายชั่วร้ายที่เข้มข้นยิ่งกว่าโชยเข้ามากระทบใบหน้า กลิ่นอายชั่วร้ายนี้อบอวลอยู่ทั่วห้องในพริบตา ทำให้เขาเหมือนได้ยินเสียงคำรามเล็กแหลมข้างหู

ผ่านไปพักหนึ่ง ซูหมิงก็มีสีหน้านิ่งขรึม เทเม็ดยาจากน้ำเต้าออกมาหนึ่งเม็ด เม็ดยาเป็นสีม่วงอมดำ ภายในมีกลิ่นอายชั่วร้ายเข้มข้นจนน่าตกใจ ทว่าที่น่าแปลกคือตอนวางเม็ดยาตรงจมูกแล้วสูดดม กลับมีกลิ่นหอมสมุนไพรกลายเป็นความสดชื่นแทน

ซูหมิงเขย่าน้ำเต้านี้ พบว่าข้างในเหมือนมีเม็ดยาราวๆ หนึ่งร้อยกว่าเม็ด

เขาหลับตาอยู่นานก่อนลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นัยน์ตามีประกายครุ่นคิดวาบผ่าน

‘นี่คือยารักษาชั้นดีเยี่ยม หากคนธรรมดากินจะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง…ทั้งยังเติมเต็มเส้นเลือดในร่างกาย….จ้าวชงคนนี้วางแผนอะไรเอาไว้กันแน่’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนกินยานี้ลงไป

ซูหมิงชำนาญเรื่องสมุนไพรมาแต่เยาว์วัยแล้ว

มีประสบการณ์อย่างสูงในด้านเม็ดโอสถ สำหรับสรรพคุณยาตัวนี้ เพียงดมครั้งเดียวก็รู้คร่าวๆ ในเมื่ออ่านไม่ออกว่าจ้าวชงมีแผนการอะไร เช่นนั้นเขาก็จะกินไปหนึ่งเม็ด

พอเม็ดยาเข้าปากกลับกลายเป็นความอบอุ่นไหลเวียนทั่วร่าง ครู่ต่อมานัยน์ตาก็เป็นประกายวูบไหว หลังจากหยิบเม็ดยาออกมากินอีกหลายเม็ดแล้ว ขั้นพลังในร่างก็ฟื้นคืนเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

จนกระทั่งข้างนอกเข้าสู่กลางดึก ซูหมิงนอนอยู่บนเตียง โคจรขั้นพลังไปพลางงีบหลับไปพลาง จวบจนถึงยามเที่ยงคืน ด้านนอกเงียบสงัด ทันใดนั้นห้องของซูหมิงก็พลันหนาวเยือก ก่อนมีร่างเงาสีดำตนหนึ่งลอยออกมาจากผนังห้องข้างๆ

ร่างเงานี้ปานวิญญาณ มันลอยมาอยู่ข้างเตียงซูหมิงแล้วเหมือนมองพิจารณาเขา ไม่นานในผนังห้องทั้งหมดโดยรอบก็มีวิญญาณลักษณะนี้ลอยออกมาอีก ผ่านไปอีกไม่นาน ห้องซูหมิงก็มีวิญญาณหลายสิบตัว พวกมันลอยอยู่รอบๆ เข้าๆ ออกๆ ในห้องนี้ ทว่ากลับไม่ส่งเสียงใดๆ

ซูหมิงหรี่ตานอนอยู่บนเตียงและเห็นภาพนี้ หากเขาเป็นเด็กน้อยจริงๆ ตอนที่เห็นภาพนี้จะต้องตกใจจนตัวสั่นแน่นอน

ทว่าเขาคือซูหมิง จึงเพียงหรี่ม่านตามองอย่างเย็นชา พวกนี้เป็นวิญญาณจริงๆ เพียงแต่ว่าลักษณะของพวกมันเหมือนจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว วนเวียนไปมาไม่หยุด ไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร

เป็นอย่างนี้ไปหลายชั่วยามจนฟ้าด้านนอกเริ่มสว่าง วิญญาณทั้งหมดที่ล่องลอยในห้องพลันหยุดนิ่งแล้วพากันหันมามองซูหมิงพร้อมกัน นัยน์ตาพวกมันฉายแววดุร้าย ช่วงที่มองซูหมิงสายตาเหล่านั้นดูสมจริงมาก แทบทันทีที่พวกมันมองมา วิญญาณเหล่านั้นก็พากันขยับตรงมาหาซูหมิง

นัยน์ตาซูหมิงมีประกายวาบผ่าน เขานอนนิ่งปล่อยให้วิญญาณพวกนั้นโอบล้อมรอบตัว จากนั้นก็เห็นว่าวิญญาณเหล่านั้นสูบร่างกายเขาไปพร้อมกัน

ซูหมิงรู้สึกชัดเลยว่าพลังชีวิตถูกสูบไปเล็กน้อย นัยน์ตาเขามีประกายเย็นชา เห็นว่าวิญญาณสูบพลังชีวิตไปเล็กน้อยแล้ว พวกมันก็ถอยไปอย่างช้าๆ แล้วหายไปในผนังห้องอีกครั้ง

และยามนี้เอง ฟ้าก็สว่างพอดี

“ห้องนี้น่าสนใจนัก…” ซูหมิงลืมตาขึ้น แววตายังคงเย็นชาอยู่เล็กน้อย เมื่อมองผนังห้องโดยรอบแล้วก็ละสายตากลับ ก่อนหยิบน้ำเต้าบนพื้นขึ้นมาเทเม็ดยากินไปหลายเม็ด

เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็สิบวัน ในสิบวันนี้ตั้งแต่ซูหมิงเข้ามาในห้องก็ไม่เคยออกไปเลย จ้าวชงก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรมาให้ ทุกอย่างเงียบสงบ

เพียงแต่ว่าเมื่อค่ำคืนมาถึงจะมีวิญญาณร้ายปรากฏตัว และทุกครั้งก่อนฟ้าสว่าง พวกมันจะมาอยู่ข้างซูหมิงเพื่อสูบพลังชีวิตไป

ดีที่สูบพลังชีวิตไปเพียงเล็กน้อย สำหรับซูหมิงแล้วไม่ส่งผลอะไร อีกทั้งด้วยเม็ดยาเหล่านั้นจึงมากพอจะเติมเต็มกลับคืน เวลาส่วนใหญ่ของซูหมิงจะใช้ไปกับการสูบพลังฟ้าดินของที่นี่ อาศัยมันในการฟื้นอาการบาดเจ็บ

วันนี้ซูหมิงกินเม็ดยาในน้ำเต้าหมดแล้ว

เขามองน้ำเต้าแวบหนึ่งก่อนเก็บมันขึ้นมา หลังจากเข้ามาในห้องนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปิดประตูห้องเดินออกไปยืนอยู่ตรงลานบ้าน

ตอนนี้เป็นยามโพล้เพล้ ฟ้าด้านนอกเป็นสีแดงจัด แสงสุดท้ายส่องลงมา มองไปแล้วดูงดงามอย่างยิ่ง ซูหมิงหิ้วน้ำเต้ามาอยู่หน้าห้องของจ้าวชง แล้วประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม

“ศิษย์คารวะอาจารย์ ข้ากินเม็ดยาหมดแล้วขอรับ” ในสายตาซูหมิง เม็ดยานี้มีประโยชน์อยู่บ้าง ส่งผลให้ความเร็วในการรักษาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย แม้ว่าไม่มาก แต่ในเมื่อมีเม็ดยามาให้แบบนี้ เขาย่อมไม่ปล่อยไปอยู่แล้ว

ในห้องจ้าวชงเงียบสงัด จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่งถึงมีเสียงแหบแห้งแว่วออกมาอย่างเนิบช้า

“กินหมดแล้ว? นั่นเป็นเม็ดยาบำรุงวิญญาณหนึ่งร้อยเม็ด เจ้ากินหมดในสิบวันอย่างนั้นรึ? ข้าให้เจ้ากินวันละเม็ดไม่ใช่หรือไร!” นี่เป็นครั้งแรกที่ในน้ำเสียงมีคลื่นอารมณ์แฝงอยู่

“พอกินเม็ดยานี้แล้วข้ารู้สึกสบายตัวยิ่งนัก เลยอดใจไม่ไหวกินไปอีกเล็กน้อย”

ซูหมิงกล่าวขึ้น

ไม่รู้ว่าตอนนี้จ้าวชงนึกคิดอย่างไร หลังจากเงียบไปสักครู่ก็มีหมอกลอยมาจากในห้องแล้วกลายเป็นแขนแห้งเหี่ยวข้างหนึ่งตรงหน้าซูหมิง คว้ามือขวาเขาเอาไว้

ซูหมิงยิ้มเยาะในใจ ทว่าสีหน้าภายนอกกลับซีดขาว หลังจากปล่อยให้มือนั้นจับมือขวาตนแล้ว เขาก็รู้สึกถึงไอหนาวที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกาย เมื่อวนโคจรครบหนึ่งรอบแล้วถึงหดกลับไป

“ในนี้มีสามร้อยเม็ด เจ้า….อย่ากินมากเกินไปอีก!” เมื่อไอหนาวถอยกลับไป หมอกดำก็หดหายตามไปด้วย ก่อนจะมีน้ำเต้าสามอันลอยจากในเรือนมาตกอยู่ตรงหน้าซูหมิง

“ขอบคุณมากอาจารย์” ซูหมิงเก็บน้ำเต้าสามอันนั้นขึ้นมา จากนั้นเดินไปยังห้องของตนโดยไม่สนจ้าวชงอีก

‘คนผู้นี้จะต้องมีแผนอะไรบางอย่าง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ต้องเอาให้มากกว่านี้’ หลังจากกลับมาถึงห้อง ซูหมิงนั่งลง เปิดน้ำเต้าออกมองดูอย่างละเอียด ก่อนกินลงไปหนึ่งเม็ด

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่นานก็ยี่สิบวัน…..

ซูหมิงมาสำนักวิญญาณอสูรครบหนึ่งเดือนแล้ว ในหนึ่งเดือนนี้ขั้นพลังเขาฟื้นคืนมากกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด เมื่อใช้คู่กับยาตัวนี้บวกกับแอบสูบพลังฟ้าดินของที่นี่ไป จึงส่งผลให้ขั้นพลังฟื้นมาจะได้หนึ่งส่วนครึ่งแล้ว

วันนี้เม็ดยาก็หมดลงอีกครั้ง ซูหมิงบิดขี้เกียจ ยืนขึ้นหิ้วน้ำเต้าสามอันไปยังหน้าประตูของจ้าวชงอีกครั้ง

“อาจารย์ เม็ดยาหมดอีกแล้วขอรับ”

ในห้องของจ้าวชง ครั้งนี้เงียบนานกว่าครั้งก่อนมาก น้ำเสียงแหบแห้งที่แว่วออกมายิ่งมีความเหลือเชื่อด้วยน้อยๆ

“นั่นมันสามร้อยเม็ดเชียวนะ!”

“ขอรับ ข้ากินหมดแล้ว” ซูหมิงพยักหน้า

“เจ้ากินวันละกี่เม็ด?” น้ำเสียงจ้าวชงเย็นชาขึ้นไม่น้อย

“บางครั้งก็ไม่กิน บางครั้งก็กินวันละหลายสิบเม็ด อย่างมากสุดก็กินร้อยเม็ด” ซูหมิงเอ่ยไปตามความจริง

ในห้องจ้าวชงเงียบไปอีกครั้ง ผ่านไปอีกพักใหญ่ถึงมีเสียงหึเย็นชาดังแว่วออกมา

“ในเมื่อเจ้าชอบยาตัวนี้ ไม่ว่าจะเท่าไร อาจารย์ก็จะให้เจ้ากินเสียให้พอ!” ตอนที่เอ่ยคำ มีน้ำเต้ายักษ์สูงราวครึ่งตัวคนลอยมาจากประตูใหญ่ที่เปิดอ้าอยู่ แล้วตกลงตรงหน้าซูหมิงดังปึง

“ในนี้มีสองพันเม็ด หากเจ้าสามารถ ก็กินให้หมดในหนึ่งเดือน!”

ซูหมิงแสยะยิ้ม หลังจากลากน้ำเต้ากลับเข้าไปในห้องตนแล้วก็ปิดประตูก่อนตรวจสอบสักครู่ จากนั้นเริ่มฟื้นฟูขั้นพลังต่อ

‘ก็ดี จะคอยดูว่ามีเม็ดยาเท่าไรกันเชียว’

วันเวลาผ่านไปเหมือนดังแต่ก่อน พริบตาเดียว….ก็ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน

“อาจารย์ เม็ดยาหมดแล้วขอรับ” ซูหมิงยืนอยู่ในลานนอกประตูห้องของจ้าวชง วางน้ำเต้ายักษ์ว่างเปล่าเอาไว้ตรงหน้า และยังเอามือตบๆ ด้านบนส่งเสียงว่าข้างในว่างเปล่า

ห้องจ้าวชงเงียบสนิทอยู่ตลอด จนกระทั่งผ่านไปเกือบครึ่งก้านธูปจึงมีน้ำเต้ายักษ์ลอยมาจากในห้องอีกสามอัน ทุกอันมีเม็ดยาราวๆ สองพันเม็ด

ครั้งนี้จ้าวชงไม่ยอมเอ่ยอะไรด้วยซ้ำ

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน

“อาจารย์ ยาหมดแล้วขอรับ”

ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน…..

“อาจารย์ ยังมีอีกหรือไม่ขอรับ?”

จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปี ครึ่งปีมานี้แทบทุกเดือนซูหมิงจะเอาเม็ดยาจากจ้าวชงไปจำนวนมาก จำนวนของมันก็หลายหมื่นเม็ดแล้ว ยิ่งซูหมิงกินมากเท่าไร การฟื้นคืนขั้นพลังก็จะยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ พอใช้คู่กับพลังฟ้าดินของที่นี่ ในครึ่งปีนี้ขั้นพลังก็ฟื้นฟูกลับมาเกือบสี่ส่วนแล้ว!

การฟื้นฟูนี้ทำให้ซูหมิงมองเห็นความหวัง เพียงแต่ผลของเม็ดยาในตอนนี้น้อยจนแทบไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงแล้ว

“อาจารย์ เปลี่ยนเม็ดยาเถอะขอรับ” วันนี้ซูหมิงมาอยู่หน้าห้องจ้าวชงอีกครั้ง ก่อนส่งเสียงเข้าไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!