ตอนที่ 607 เส้นทางหมื่นวิญญาณอสูร
วินาทีที่คุกเข่าอ้อนวอน ร่างกายจ้าวชงพลันระเบิดพลังเผาไหม้โอบล้อมโดยรอบในชั่วพริบตาเดียว ก่อนร่างระเบิดกระจายในทันใด นี่ไม่ใช่การระเบิดตัวเอง แต่คือการอาศัยจังหวะอ้อนวอนนี้ทำให้อีกฝ่ายเกิดความลังเลใจ แล้วชิงใช้วิชาอสูรที่รุนแรงที่สุดในการกลืนกิน
เขาอยากจะครองความคิดของอีกฝ่ายแล้วทำลายจิตวิญญาณเสีย เขารู้ว่าอีกฝ่ายมีขั้นพลังสูงกว่าตน และก็รู้ด้วยว่าสิ่งที่ตนทำอยู่นี้เป็นเรื่องยากยิ่ง แต่เขาก็มีความมั่นใจอยู่บ้างว่าจะทำสำเร็จ!
แทบเป็นวินาทีที่วิญญาณแรกของจ้าวชงระเบิดตัวเอง ในร่างกายซูหมิงมีวิญญาณเกือบร้อยตนเพิ่มเข้ามา วิญญาณทุกตนล้วนร้องคำรามเสียงแหลมเล็ก พวกมันก็คือศิษย์ที่ถูกจ้าวชงกินมาตลอดหลายปี
วิญญาณของพวกมันผสานรวมกับวิญญาณแรกของจ้าวชง ยามนี้พอกระจายตัวออกมาแล้วก็เท่ากับว่าไม่ได้มีเพียงจ้าวชงคนเดียวที่จะครองจิตใจซูหมิง แต่เป็นการบุกโจมตีพร้อมกับวิญญาณเกือบร้อยตน
นี่คือโอกาสที่เขาคิดว่าใช่!
ทว่าสิ่งที่ซูหมิงรออยู่ก็คือตอนนี้เอง ก่อนหน้านี้เขาเดาออกเรื่องอภินิหารของอีกฝ่ายแล้ว โดยเฉพาะศพแห้งรอบๆ ถ้ำ พวกเขาไม่ได้มีไว้ให้จ้าวชงชื่นชมอย่างแน่นอน
ที่นี่จะต้องมีเงื่อนงำอยู่ จากการวิเคราะห์ของซูหมิง เขามั่นใจว่าวิชาของจ้าวชงนั้น นอกจากสูบแก่นสารเลือดเนื้อและวิญญาณแล้วยังมีอีกอย่างคือใช้งานวิญญาณของทุกคน ควบคุมร่างกายพวกเขาและหลอมเป็นวัตถุคล้ายกับหุ่นเชิด
แม้หุ่นเชิดเหล่านี้ถือว่าไม่แกร่งนัก ทว่าในเมื่อจ้าวชงทำเช่นนี้ ดูแล้วจะต้องมีวิธีปรับเปลี่ยนอย่างแน่นอน
ดังนั้นวิญญาณของเฉินต้าสี่จะต้องอยู่ข้างใน บางที…อาจยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่!
หากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ซูหมิงคงลงมือสังหารจ้าวชงไปนานแล้ว คงไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้ ตอนนี้จ้าวชงถูกบีบบังคับให้ปล่อยวิญญาณทั้งหมด ช่วงที่พวกมันพุ่งไปยังความนึกคิดของซูหมิงเพื่อเตรียมกล่อมเกลาความคิดซูหมิงนั้น เสียงหัวเราะเย็นชาของซูหมิงก็ดังก้องอยู่ในวิญญาณทั้งหมด
แทบเป็นชั่วขณะที่จ้าวชงรวมถึงวิญญาณเหล่านั้นพุ่งเข้าไปในความนึกคิดซูหมิง ก็มีจิตใจแน่วแน่แก่กล้าลงมาเยือน
ความแข็งแกร่งของจิตใจนี้ประหนึ่งความน่าเกรงขามของฟ้าดิน ราวกับทะเลพิโรธไร้ที่สิ้นสุด อีกทั้งวิญญาณเหล่านั้นกับจ้าวชงเป็นเพียงมดปลวกในโลกใบนี้ เป็นเหมือนเรือโดดเดี่ยวกลางทะเลพิโรธ
ภายใต้จิตใจแน่วแน่ของซูหมิง วิญญาณเหล่านั้นจากวิญญาณแรกของจ้าวชงพากันสลายหายไป พวกเขาถูกกักขังมานานหลายปี ความเป็นตายเชื่อมกับจ้าวชงเอาไว้
ทว่าวิญญาณเหล่านั้นมีอยู่ดวงหนึ่ง หลังจากถูกแสงอุ่นวนเวียนแล้วก็สลายอยู่ในขบวนแห่งความตาย ภาพที่ปรากฏในความนึกคิดซูหมิงไม่ก่อระลอกคลื่นอะไรมากนัก ความเป็นตายของที่นี่กลับไม่ต่างจากโลกภายนอก
จิตใจแน่วแน่ของซูหมิงคือพลังที่แกร่งที่สุดในนี้ ด้วยการกำราบ สิ่งต่อต้านทุกอย่างล้วนต้องดับสูญ รวมถึงจ้าวชงด้วย ร่างเขาสลายเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเสียงร้องโหยหวน ก่อนจะหายไปทั้งหมด
แทบเป็นขณะเดียวกับที่เขาตายลง ก็มีพลังแห่งวิญญาณแรกที่มีความบริสุทธิ์อย่างยิ่งเผยอยู่ในความนึกคิดซูหมิง ความบริสุทธิ์ของมันก็คือต้นกำเนิดที่จ้าวชงรวมขึ้นจากการกินมาหลายปี แล้วรวมไว้ในวิญญาณแรกเพื่อเตรียมทะลวงไปยังขั้นพลังต่อไป
ทว่ายามนี้พอเขาสิ้นลง พลังนี้เลยกระจายอยู่ในความนึกคิดซูหมิงแล้วจึงถูกจิตแรกของเขาสูบกินไป ทำให้วินาทีนี้จิตแรกของซูหมิงก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้การฟื้นฟูห้าส่วนรวมถึงจิตแรกฟื้นฟูมาได้ราวๆ ครึ่งหนึ่งแล้ว ยามนี้หลังจากสูบพลังแห่งวิญญาณแรกของจ้าวชงไป พลังงานบริสุทธิ์นั้นและยังมีพลังฟ้าดินเลยทำให้จิตแรกของซูหมิงฟื้นฟูมาอีกเล็กน้อย แม้แต่กระดูกหมานในร่างกาย พอสูบพลังชีวิจจากจ้าวชงมาแล้วมันก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยเช่นกัน
ทำให้ขั้นพลังซูหมิงจากห้าส่วนฟื้นกลับมาเป็นหกส่วน!
ภายในถ้ำแห่งนี้ เวลาค่อยๆ ผ่านไปโดยไม่รู้ตัว พริบตาเดียวก็หลายวัน ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ จนกระทั่งวันนี้ด้านนอกเป็นยามโพล้เพล้อีกครั้ง เขาถึงลืมตาขึ้น
นัยน์ตามีประกายวูบผ่าน ซูหมิงพ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนึ่งครา สีหน้ายังคงปกติ หลังจากมองไปรอบๆ แวบหนึ่งแล้วก็มองไปยังร่างของเฉินต้าสี่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลจากตรงหน้าเขา
กายเนื้อยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เพียงแต่ซูบผอมไปเล็กน้อย พลังชีวิตมีไม่มาก อีกทั้งยังไร้วิญญาณปานเปลือกเปล่า
หากซูหมิงไม่กินเม็ดยาของจ้าวชงจนอีกฝ่ายปวดใจและเกิดความแค้นลุ่มลึก กระทั่งลงมือจะกินซูหมิงก่อนล่วงหน้าละก็ อีกหลายเดือนต่อจากนี้ เฉินต้าสี่ก็จะกลายเป็นเหมือนกับศิษย์พี่รอบๆ ตัวเขา ทว่าซูหมิงทำให้แผนการจ้าวชงเปลี่ยนไป เขาไม่สนที่จะสูบกินเฉินต้าสี่ก่อน นี่จึงทำให้เฉินต้าสี่มีโอกาสฟื้นคืนชีพอยู่
ซูหมิงมองเฉินต้าสี่ ตรงหน้าเขาลอยขึ้นมาเป็นใบหน้ารอยยิ้มน่ารักของเสี่ยวโฉ่วเอ๋อร์ เขาพลันยกมือขวาขึ้นมา ในฝ่ามือค่อยๆ ปล่อยแสงอบอุ่น ในแสงนี้จะเห็นได้ว่ามีวิญญาณสับสนอยู่ดวงหนึ่ง
รูปร่างหน้าตาวิญญาณนี้ก็คือเฉินต้าสี่!
นี่คือวิญญาณเฉินต้าสี่ ก่อนจ้าวชงจะดับสูญ ซูหมิงหาเฉินต้าสี่จากหมู่วิญญาณจำนวนมากพบ แล้วนำวิญญาณดวงนี้เก็บไว้ในจิตแรกของตน ฉะนั้นเขาจึงไม่ตายจากการดับสูญของจ้าวชงด้วย
ซูหมิงมองวิญญาณดวงนี้พลางลอบถอนหายใจ พลังชีวิตของวิญญาณดวงนี้มีไม่มากแล้ว กายเนื้อก็เช่นกัน หากผสานรวมกัน ต่อให้เฉินต้าสี่ตื่นขึ้นก็เกรงว่าจะอยู่ได้ไม่ถึงสิบปี
ซูหมิงยกมือขวากดไปข้างหน้า แสงอบอุ่นพลันพาวิญญาณสับสนของเฉินต้าสี่ตรงไปยังร่างกายเขา ทันทีที่จะผสานรวมกับร่างกาย วิญญาณเฉินต้าสี่ไม่สับสนอีกแต่ได้สติกลับมา เขาหมุนตัวเหมือนมองซูหมิงแวบหนึ่ง แต่ยังไม่ทันมองเห็นหน้าชัดก็ผสานรวมกับกายเนื้อไปแล้ว
“เดิมทีเจ้าเป็นคนตาย…ข้าทำได้เพียงช่วยเจ้าชิงอายุขัยมาสิบปี ใช้เวลาสิบปีนี้…อยู่กับบิดามารดาและน้องสาวของเจ้าเสีย…”
เสียงซูหมิงดังกึกก้องอยู่ในถ้ำและยังเข้าไปในความคิดของเฉินต้าสี่ เพียงแต่ว่าตอนนี้เฉินต้าสี่ยังคงหมดสติ วิญญาณเขากำลังผสานรวมกับร่างกายอย่างช้าๆ
ซูหมิงยืนขึ้นมองศพแห้งโดยรอบ สะบัดแขนเสื้ออย่างเงียบๆ
“ธุลีกลับคืนสู่ธุลี ดินกลับคืนสู่ดิน…พวกเจ้าตายในมือจ้าวชง ร่างศพยังต้องถูกผนึกอยู่ที่นี่……แม้ข้าซูหมิงไม่ใช่คนจิตใจดี ทว่าจะช่วยพวกเจ้าสักครั้ง” ตอนที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบาก็มีพายุหมุนวนรอบตัวเขาแล้วพัดออกไปข้างนอกเบาๆ จุดที่สายลมผ่าน ศพแห้งทั้งหมดล้วนกลายเป็นธุลีลอยผสานกับสายลมนั้นแล้วลอยเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ช่วงที่ศพเหล่านั้นสลายเป็นผุยผง บางทีอาจเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนของร่างกาย จึงทำให้รูบนใบหน้าเหมือนเผยความรู้สึกหลุดพ้นก่อนจะสลายไป
ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเดินเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ มุ่งหน้าไปยังจุดที่เศษธุลีลอยไป ถ้ำนี้มีลักษณะเป็นรูปน้ำเต้า เมื่อซูหมิงมาถึงอีกช่วงหนึ่ง เขาก็เห็นว่ามีชายชราสวมเสื้อคลุมดำอยู่คนหนึ่ง ชายชราคนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิ ทั้งตัวซูบผอม ในตัวไม่มีพลังชีวิตใดๆ
เขาตายแล้ว
ธุลีจากศพที่ลอยมาอยู่ตรงนี้ เวลานี้โปรยลงกองเป็นชั้นๆ เหมือนจะปกคลุมร่างชายชรา จนกระทั่งปกคลุมหลายชั้นเข้า บางทีศพที่อยู่ที่นี่มาตลอดทั้งปีอาจมีพลังกัดเซาะ ต่อให้กลายเป็นเถ้าธุลี ตอนที่โปรยลงก็ทำให้ร่างชายชราค่อยๆ ผุกร่อน
กลิ่นอายความแค้นเข้มข้นปล่อยมาจากเถ้าธุลีจากศพเหล่านั้น ซูหมิงมองอย่างเงียบๆ เขาเดาออกว่าชายชราคนนี้คือร่างจริงของจ้าวชง ศิษย์ที่ถูกเขาสังหารเหล่านั้น แม้จะไม่มีวิญญาณอยู่อีก ทว่ากลิ่นอายความแค้นก่อนตายก็ทำให้ก่อนพวกเขาสลายไปมีความตั้งใจว่าจะต้องกัดเซาะอาจารย์ของพวกเขาให้ตายให้จงได้!
ซูหมิงมองศพค่อยๆ เน่าเปื่อยจนกระทั่งหายไปจากสายตา ในใจเขารู้สึกปลงอนิจจังเล็กน้อย จากนั้นหมุนตัวกลับแล้วจากไป
หลังจากกลับมาถึงจุดที่อยู่ก่อนหน้านี้ ซูหมิงยกมือขวาชี้ไปยังเฉินต้าสี่ที่กำลังหมดสติอยู่ ร่างเฉินต้าสี่พลันลอยมาทางซูหมิง หลังหนีบร่างอีกฝ่ายไว้ใต้วงแขนแล้วก็เดินหน้าไป จนกระทั่งมาถึงวงแหวนอาคมบนพื้นที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาก้มหน้ามองอยู่หลายที วินาทีที่ก้าวเข้าไป วงแหวนอาคมพลันเปล่งแสงเคลื่อนย้าย ชั่วพริบตาเดียวแสงก็หายวับไป แม้แต่ร่างซูหมิงกับเฉินต้าสี่ก็ยังหายไปด้วย
ณ ยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร หลังจากผ่านยามโพล้เพล้ไป ฟ้ากลับไม่มืดสลัว บนแผ่นดินใหญ่ยังเห็นรางๆ ว่ามีร่างเงาอยู่เล็กน้อย ห้องตรงกลางในสามห้องของลานบ้านจ้าวชงมีแสงขยับวูบวาบบางๆ เป็นซูหมิงที่หนีบเฉินต้าสี่เอาไว้เดินออกมา
หลังจากออกจากอาคมเคลื่อนย้าย ซูหมิงก็หันไปมองรอบๆ แวบหนึ่ง เขาเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนเก็บถุงเก็บวัตถุในตัวเฉินต้าสี่กับของเล็กๆ น้อยๆ ไป จากนั้นตัวเขาค่อยๆ แผ่กระจายหมอกดำออกมา หมอกดำนี้หมุนวนรอบตัวทำให้ร่างดูขมุกขมัว
ซูหมิงในตอนนี้เหมือนกับจ้าวชงก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน
อีกทั้งตอนสูบวิญญาณแรกของจ้าวชง ชั่ววินาทีนั้นซูหมิงเห็นความทรงจำเกี่ยวกับบุคคลนี้ไม่น้อย ในความทรงจำนั้น จ้าวชงฝึกฝนวิชาขนานหนึ่งเรียกว่าวิชาเส้นทางหมื่นวิญญาณอสูร วิชานี้ชั่วช้ายิ่งนัก ทว่าเมื่อฝึกฝนถึงระดับสูงแล้วจะดูถูกพลานุภาพมันไม่ได้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ผู้ฝึกฝนวิชานี้ที่ก้าวสู่ระดับสูงทุกคนล้วนฝึกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้วต้องตายอย่างน่าประหลาด จ้าวชงก็ได้วิชานี้มาโดยบังเอิญ ถ้ำนั้นเขาไม่ได้เป็นคนสร้างขึ้น แต่มันมีอยู่ก่อนแล้ว หลังจากเขาหาเจอโดยบังเอิญก็พบกับวิชาอสูรในนั้น
จากนั้นมาก็แอบฝึกฝนวิชานี้…..
‘แม้บุคคลนี้จะเป็นผู้อาวุโสสำนักวิญญาณอสูร ทว่าฐานะไม่สูงส่ง อีกทั้งพอฝึกวิชานี้แล้วก็ไม่ยอมสัมผัสกับคนอื่น การตายของเขาไม่น่าจะสร้างความสนใจอะไรมากนัก’ เดิมทีซูหมิงมีความคิดอยากจะปลอมเป็นจ้าวชง แต่พอตรึกตรองอยู่ชั่วครู่ก็ส่ายศีรษะ
‘เขาเป็นผู้ฝึกฌานขั้นวิญญาณแรกซึ่งเทียบเคียงขั้นวิญญาณหมานตอนต้น ต่อให้ร่างจริงเป็นเผ่าหมานที่ปรับมาฝึกฝนวิชาอสูร แม้การตายของเขาจะไม่ดึงดูดความสนใจนัก แต่ก็น่าจะมีคนมาตรวจสอบ’ มือขวาซูหมิงขยับประกายวูบไหว ร่างเฉินต้าสี่พลันหายวับไป ตอนนี้ในมือเขายังถือถุงเก็บวัตถุกับของเล็กๆ น้อยๆ ของจ้าวชง เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่แล้วหมุนตัวกลับเข้าไปในวงแหวนอาคมอีกครั้ง