Skip to content

สู่วิถีอสุรา 619

ตอนที่ 619 แม่น้ำภูเขา ทะเลทรายเหลืองอร่าม

มิใช่สำนักวิญญาณอสูรที่เป็นเช่นนี้

ตอนนี้บนแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา สำนักธุลีอสูร สำนักกระหายอสูรต่างเป็นเช่นนี้ ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังของผู้มาเยือนม้วนตลบขึ้นสู่ฟ้า

ราวกับว่ากลัวของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานแห่งแดนรกร้างบูรพาจะไม่เห็น ภายใต้การม้วนตลบของกลิ่นอายพลัง บนแผ่นดินทั้งภาคตะวันออกของแดนรกร้างบูรพาเกิดปรากฏการณ์เมฆลมเปลี่ยนสี ฟ้าดินมีเสียงฟ้าผ่าดังสนั่น

ในช่วงที่ฟ้าดินเกิดการเปลี่ยนแปลง ภาคตะวันออกของแผ่นดินรกร้างบูรพา ณ สำนักเซียนอสูร ใจกลางของสำนักอสูรทั้งปวง เวลานี้มีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากแผ่กลิ่นอายพลังขึ้นสู่ฟ้า

“อะไรคือสำนักอสูร ท่ามกลางภัยพิบัติแห่งหมาน ตอนที่คนจากทุกสารทิศล้วนไร้ความสำคัญ มีเพียงคนสำนักอสูรของข้าที่ยืนอยู่บนผืนปฐพี และกล้ารับมือกับภัยพิบัติหมาน!

ในเวลานี้ จงให้คนจากทุกสารทิศได้เห็นว่าเรื่องที่พวกเขาไม่กล้าทำ สำนักอสูรของข้า…ไม่เพียงแต่กล้าทำ แต่ยังกล้าเผชิญหน้า! ในเมื่อมาแดนหมาน หากกลัวภัยพิบัติหมานจนต้องหลบหนี เช่นนั้นสู้ไม่มาเสียจะดีกว่า!”

เสียงเย็นเยียบกระจายทั่วในสำนักเซียนอสูร ดังกังวานรอบๆ กลายเป็นเสียงฟ้าผ่าสั่นที่สะเทือนทุกสำนักอสูรในแดนรกร้างบูรพา!

เมื่อเทียบกับทางตะวันออกของแดนกร้างบูรพาแล้ว สี่ทิศอื่นๆ ดูต่างออกไปอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นสำนักชุมนุมเซียนที่ตี้เทียนอยู่หรือสำนักเซียนอื่นๆ ยามนี้ล้วนไม่เผยกลิ่นอายพลังเลยแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าต้องการจะเลี่ยงหนึ่งวันนี้ในทุกห้าสิบปี แล้วรอให้ของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานหลับใหลอีกครั้ง

บางทีการเลือกของพวกเขาอาจถูกต้อง บางทีวิธีของสำนักอสูรอาจบ้าคลั่ง ทว่าเพียงแค่เรื่องแบบนี้ก็มองออกแล้วว่าความคิดระหว่างพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง!

หนึ่งต่อสู้กับภัยพิบัติหมานอย่างสง่าผ่าเผย อีกหนึ่งมีดวงตาเย็นชา พอหลบภัยพิบัติพ้นแล้วก็จะเผยความดุร้ายอีกครั้ง!

เหมือนกับพยัคฆ์ร้ายและฝูงหมาป่า!

เวลาพยัคฆ์ร้ายเจอศัตรูจะพุ่งกระโจนใส่ด้วยพละกำลัง น้อยครั้งที่จะเห็นมันถอย! แต่เวลาฝูงหมาป่าเจอศัตรู ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่รอบๆ บ้างก็ลอบโจมตี

แทบเป็นขณะเดียวกับที่สี่สำนักอสูรทางภาคตะวันออกของแดนรกร้างบูรพาแผ่กลิ่นอายพลัง พลันมีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวบนท้องฟ้า รอยแยกยักษ์ปรากฏขึ้น ผืนฟ้าถูกฉีกออกทันใด!

เหมือนว่าบนฟ้านั้นมีของมีคมแก่กล้าอยู่ ของมีคมนี้กรีดฟ้าออก จึงเผยเป็นรอยแยกยักษ์ยาวหนึ่งแสนกว่าจั้ง!

พอเงยหน้ามองรอยแยกนี้ มันเหมือนกับรอยแผลเป็น และคล้ายว่าจะฉีกแยกฟ้าทั้งหมด

หลังจากปรากฏรอยแยกก็มีแรงกดดันมหาศาลถาโถมลงมาสู่ผืนดินจากรอยแยกนั้น แรงกดดันกระจายไปรอบๆ เข้าปกคลุมแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพาอย่างสมบูรณ์!

ณ สำนักวิญญาณอสูร ซูหมิงพลันลืมตาเงยหน้ามองรอยแยกบนฟ้า เขารู้สึกถึงแรงกดดัน กระทั่งความแกร่งของแรงกดดันนั้น ในสายตาเขามันมากกว่าง้าวยาวของศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนอรุณใต้เสียอีก!

เป่าชิวข้างๆ ยามนี้ตัวสั่น ใบหน้าซีดขาว ซูหมิงไม่ได้เกรงกลัวแรงกดดันอะไรมากนัก เพราะร่างกายเขาเป็นหมานทั้งหมด!

ทว่าเป่าชิวต่างออกไป นางไม่ใช่คนเผ่าหมาน นางมาจากโลกภายนอก ยามนี้พอรอยแยกปรากฏบนผืนฟ้าแล้ว วินาทีที่นางสัมผัสได้จิตใจก็สั่นไหวโดยพลัน ความหวาดกลัวถาโถมเข้ามาโดยที่นางไม่อาจควบคุมได้ ประหนึ่งมียอดเขาไม่อาจพังทลายกำลังกดทับนาง

ภายใต้แรงกดดันนี้ นางไม่อาจต่อต้านอะไรมากนัก คล้ายกับทุกอย่างถูกกำหนดไว้หมดแล้วว่าจะต้องถูกของศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนรกร้างบูรพาบดขยี้จนตาย!

‘เพียงเพิ่งเผยแรงกดดันก็มีพลานุภาพขนาดนี้แล้ว….ทว่าคนสำนักอสูรที่มาเยือนเหล่านี้ก็ใช่ว่าจะต่อต้านแรงกดดันไม่ได้เลยเสียทีเดียว มิเช่นนั้นผู้มาถึงก่อนหน้านี้คงตายด้วยมือของศักดิ์สิทธิ์ไปนานแล้ว

จี๋อั้นแห่งสำนักอสูรก็ไม่น่าจะใช้สิ่งนี้เป็นการทดสอบคนสำนักอสูร’ ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้ลงมือช่วยแต่อย่างใด ยามนี้เป่าชิวตัวสั่นพลางทำสัญลักษณ์สองมืออย่างรวดเร็ว ไม่นานก็มีแสงบริสุทธิ์อาบตัวนาง

ซูหมิงยืนขึ้นออกจากฌาน เวลานี้พลังฟ้าดินของที่นี่ปั่นป่วนเพราะปรากฏการณ์พิลึกบนฟ้า จึงไม่เหมาะจะใช้ฝึกฝน ครั้นยืนขึ้นแล้วก็เดินมาอยู่ข้างหน้าต่าง เงยหน้ามองฟ้าพลางหรี่ตา

เขารู้สึกรางๆ ว่าพอปรากฏรอยแยกบนท้องฟ้า พลังวิญญาณฟ้าดินของยอดเขาแห่งนี้เหมือนถูกสูบและคายออก ก่อนม้วนตรงไปยังรอยแยกนั้นทั้งหมด

ไม่เพียงแค่ภูเขาลูกนี้ ตามจริงคือทั้งแผ่นดินรกร้างบูรพาเป็นเช่นนี้ทั้งหมด พลังวิญญาณไร้รูปนับไม่ถ้วนพรั่งพรูขึ้นฟ้าแล้วถูกรอยแยกสูบกินเข้าไป ประดุจว่าของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานในรอยแยกนั้นต้องการพลังวิญญาณมหาศาลสำหรับการตื่นขึ้น

ซูหมิงยืนมองอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ

เป่าชิวด้านหลังยังคงนั่งตัวสั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนต่อต้านความตาย!

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ แรงกดดันก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงที่สุดแล้วแทบจะสมจริง ผืนฟ้าในสายตาซูหมิงบิดเบี้ยว ทั้งยังขมุกขมัวในพริบตา

ฉับพลันนั้น ฟ้าด้านบนมีเสียงหนึ่งคล้ายเสียงเคาะทองคำแต่ก็คล้ายมิใช่ มันเหมือนจะไพเราะและยาวเหยียด คล้ายๆ กับการเคาะตี ยามดังแว่วมาก็ก้องกังวานไปทั้งแดนรกร้างบูรพา

ทำให้ยากจะแยกออกว่ามันเป็นเสียงสิ่งใดกันแน่ แทบจะเป็นวินาทีที่เสียงเคาะตีดังก้อง เป่าชิวหยุดชะงัก มุมปากมีโลหิตไหล ใบหน้าขาวซีดยิ่งกว่าเดิม สองมือเปลี่ยนสัญลักษณ์อย่างต่อเนื่อง แล้วกดบนตัวติดกันหลายครั้งถึงจะปรับสมดุลขั้นพลังในร่างกายที่ปั่นป่วนเพราะเสียงนั้นได้

ยามนี้ในสำนักวิญญาณอสูรเงียบสงัด วินาทีที่เสียงนั้นดังก้อง เผ่าหมานปรับสายเลือดจำนวนมากต่างกระอักโลหิต และยังมีบางคนตัวสั่นจนหมดสติไป

มีเพียงผู้มาเยือนสำนักอสูรซึ่งมีสายเลือดสะอาดบริสุทธิ์เท่านั้นถึงจะกัดฟันยืนหยัดต่อไปได้ท่ามกลางเสียงก้องกังวาน แต่ละคนก็มีขั้นพลังต่างกัน ฉะนั้นจึงมีการต่อต้านต่างกันไป

ส่วนเซินตงผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังนั่งฌานอยู่ในควันดำบนยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้าผู้นี้มีสีหน้าเช่นปกติ ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ประหนึ่งว่าเสียงที่สร้างความหวาดหวั่นกับคนจำนวนมากเป็นเพียงเสียงธรรมดาสำหรับเขา

แทบเป็นช่วงที่เสียงดังก้องกังวานฟ้าดิน สี่สำนักอสูรทั้งแดนรกร้างบูรพาก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกัน ผู้มาเยือนทั้งหมดเข้าต่อต้าน ส่วนเผ่าหมานปรับสายเลือด บางคนอาจต้องการมีชีวิตรอด บางคนอาจแสวงหาความแกร่ง บางคนอาจมีเหตุผลต่างกัน ทว่าพวกเขาปรับสายเลือดแล้วเลยสามารถฝึกวิชาของสำนักอสูรได้ แต่ราคาที่ต้องจ่ายก็สูงยิ่งนัก!

ราคานี้ทำให้พวกเขาไม่คู่ควรจะถูกเรียกว่าเผ่าหมานอีก ในสำนักอสูรก็อยู่เป็นอันดับรอง โดยเฉพาะท่ามกลางภัยพิบัติหมานในทุกๆ ห้าสิบปี พวกเขาต้องรับการโจมตีที่รุนแรงกว่าผู้มาเยือนเหล่านั้นมาก

คล้ายกับว่าของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานรังเกียจคนอย่างพวกเขายิ่งนัก ภัยพิบัติหมานทุกครั้งเลยจะให้คนครึ่งหมานปรับสายเลือดจำนวนมากตายด้วยน้ำมือมัน

นอกจากสำนักอสูรแล้ว เสียงคล้ายเคาะตีนี้ยังส่งไปถึงสำนักเซียนอื่นๆ บนแดนรกร้างบูรพา แต่ก็มิได้ส่งผลอะไรมากนักต่อผู้มาเยือนจากเผ่าเซียนในสำนักที่ซ่อนตัวอยู่ ถึงกระนั้นการโจมตีทางจิตใจก็ยังทำให้พวกเขาสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และลึกลับของเผ่าหมานลึกซึ้งไปอีกขั้น

นอกจากนี้ ภายในสำนักที่ไม่ต่อต้านอย่างบ้าคลั่งเท่าสำนักอสูรเหล่านี้ล้วนมีเสียงพึมพำแว่วมา เสียงเหล่านั้นล้วนเป็นของสตรี ในระหว่างที่เสียงพวกนางดังอ้อยอิ่ง ก็มีม่านแสงสีโลหิตปกคลุมแต่ละสำนักเอาไว้ภายใน

ม่านแสงสีโลหิตเหล่านี้คล้ายปกคลุมฟ้าทั้งเผ่าหมาน ทำให้ของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานบนฟ้ายากจะหาร่องรอยของพวกเขาเจอ ม่านโลหิตนี้ก็คือสิ่งที่สำนักเซียนผู้มาเยือนในเผ่าหมานทุกสำนักต้องมี

นี่คืออภินิหารของหญิงแห่งโชคชะตา และก็เป็นประโยชน์ของพวกนาง!

ในบรรดาสำนักเซียนผู้มาเยือน ตอนนี้ล้วนมีสตรีสวมเสื้อคลุมขาวเจ็ดแปดคน สตรีพวกนี้มีใบหน้างดงาม เวลานี้กำลังหลับตาอยู่ กางมือสองข้างออก ตรงหน้าพวกนางล้วนมีขวดเล็กสีแดงหนึ่งขวด ในนั้นบรรจุโลหิตล้ำค่าอย่างยิ่งสำหรับพวกนางและทั้งเผ่าเซียนเอาไว้

เหตุที่ปกคลุมผืนฟ้าเผ่าหมานได้ ต้นสายปลายเหตุทุกอย่างเป็นเพราะโลหิตนี้!

อีกทั้งหญิงแห่งโชคชะตาเหล่านี้ยังเป็นกลุ่มคนเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถแผ่พลังแห่งโลหิตได้เล็กน้อยเพื่อปกคลุมฟ้า มีเพียงพวกนางเท่านั้นถึงทำเช่นนี้ได้ คนอื่นๆ ทำไม่ได้

สำนักอสูรก็มีหญิงแห่งโชคชะตาเช่นกัน เพียงแต่ว่าหญิงแห่งโชคชะตาของสำนักวิญญาณอสูรไม่ได้ใช้เพื่อปกปิดผืนฟ้าหมาน แต่ใช้งานอย่างอื่นตามความต้องการของจี๋อั้น เวลานี้เสียงบนฟ้าค่อยๆ หายไป ทว่าต่อมาก็มีเสียงเคาะตีดังลงมาอีกครั้ง เสียงนี้เหมือนอยู่ไกลยิ่งกว่าเดิม จากนั้นรอยแยกบนฟ้าพลันเปล่งแสงหม่น ภายใต้แสงหม่นขยับวิบวับเหมือนมีของบางสิ่งกำลังเผยตัวจากรอยแยก!

เสียงระลอกสองดังสนั่นหวั่นไหว ผู้มาเยือนแห่งสำนักอสูรตัวสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม เป่าชิวทำสัญลักษณ์สองมือแล้วชี้ไปข้างหน้า ตรงหน้านางพลันปรากฏภาพมายาขึ้น มันเป็นรูปปั้นที่เหมือนกับกับสตรีบนฐานดอกบัวตรงชั้นหนึ่งทุกประการ!

ครั้นปรากฏรูปปั้นแล้ว เป่าชิวมีสีหน้าดีขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว เสียงระลอกสาม ระลอกสี่ ระลอกห้าก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากบนฟ้า

วินาทีที่เสียงดังขึ้น แสงหม่นในรอยแยกยักษ์พลันแรงกล้าขึ้นไม่รู้กี่เท่า ส่องสะท้อนแผ่นดิน ทั้งผืนฟ้าประหนึ่งถูกปกคลุมไว้ ภายใต้แสงนี้จึงมองไม่เห็นรอยแยก ไม่เห็นฟ้าคราม เห็นเพียงวัตถุลักษณะกลมตรงกลางแสงหม่นกำลังลดระดับลงมาจากฟ้า!

มันคือ…ระฆังยักษ์ ลักษณะเหมือนกลม แต่นั่นเป็นเพียงขอบนอกเท่านั้น พอมันลงมาและซูหมิงเห็นมันอย่างแจ่มชัดแล้ว ก็มีเสียงโครมดังลั่นในความคิด ทั้งยังก้าวเดินหนึ่งก้าว หากไม่ใช่ว่าควบคุมจิตใต้สำนึกเอาไว้ เขาคงเดินออกจากหอไปแล้ว!

‘ระฆังเขาหาน!’ ซูหมิงเบิกตากว้าง มีสีหน้าเหลือเชื่อ ลมหายใจกระชั้น ของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานบนฟ้ามีลักษณะคล้ายกับระฆังเขาหานยิ่งนัก

ทว่าก็มีความแตกต่างกันคือ บนของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานชิ้นนี้ไม่มีภาพจิ่วอิง!

แต่ครึ่งหนึ่งเป็นภาพแม่น้ำภูขาไร้ที่สิ้นสุด…อีกครึ่งหนึ่งเป็นภาพทะเลทรายกว้างใหญ่สีเหลืองอร่าม!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!