Skip to content

สู่วิถีอสุรา 620

ตอนที่ 620 ข้ามผ่านภัยพิบัติ

“ระฆังทะเลทรายรกร้างบูรพา…นี่คือของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานแห่งแดนรกร้างบูรพา….” เป่าชิวกล่าวเสียงแหบแห้งแว่วมาจากด้านหลังซูหมิงไม่หยุด

เสียงนั้นเบายิ่งนัก รูปปั้นมายาตรงหน้านางสั่นไหวเบาๆ ราวกับจะสลายไปได้ทุกเมื่อเพราะระฆังใบนั้น

ซูหมิงหายใจกระชั้นเล็กน้อย ผ่านไปพักหนึ่งถึงสงบลง สายตาที่มองระฆังรกร้างบูรพายักษ์บนฟ้าลุกเป็นไฟร้อนแรง!

ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าเสียงคล้ายเคาะทองคำเมื่อครู่คืออะไร มันคือเสียงจากระฆังใบนี้ แต่เพราะมีรอยแยกขวางอยู่และมีพลังวิญญาณในฟ้าดินหลั่งทะลักเข้าไปอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เสียงระฆังเพี้ยนไปเล็กน้อย

ทว่ายามนี้นึกย้อนไป เสียงนั้นก็คือเสียงระฆังนั่นเอง!

แทบจะเป็นวินาทีที่ระฆังรกร้างบูรพามาเยือน ในสำนักอสูรทั้งแดนรกร้างบูรพา แต่ละสำนักล้วนปรากฏหญิงสาวอาภรณ์ขาวแปดคน!

สำนักวิญญาณอสูรก็เช่นกัน มีหญิงสาวสวมอาภรณ์สีขาวแปดคนลอยตัวขึ้น ดูจากสีหน้าพวกนางแล้วคล้ายว่าจะไม่ได้รับผลอะไรจากแรงกดดันและระฆังรกร้างบูรพามากนัก

หญิงสาวแปดคนนี้ล้วนมีใบหน้างดงามหยาดเยิ้ม ยามนี้ในตัวมีกลิ่นอายพลังที่บรรยายไม่ถูกวนเวียนอยู่รอบๆ พวกนางลอยอยู่กลางอากาศ ตรงหน้าทุกคนมีขวดเล็กสีแดงหนึ่งขวด

เพียงแต่ยามนี้ในขวดเล็กแปดขวดนั้นมีโลหิตแปดหยดลอยออกมา โลหิตเหล่านี้ประทับลงตรงกลางระหว่างคิ้วหญิงสาวแปดคน ช่วงที่ประทับลงดุจดั่งจุดสีแดงสดนั้น หญิงสาวทั้งแปดหลับตาลง ก่อนจะมีแสงสีโลหิตสว่างจ้าตาเปล่งมาจากร่างพวกนาง

ภายใต้แสงโลหิต อาภรณ์สีขาวของพวกนางราวกับกลายเป็นสีโลหิต ชั่วขณะที่สีโลหิตนี้อาบไปรอบๆ ก็เข้าปกคลุมยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร ทว่าการปกคลุมเช่นนี้ไม่ใช่การปกคลุมฟ้าแดนหมานเพื่อไม่ให้ระฆังรกร้างบูรพาตรวจพบ แต่ผลของแสงสีแดงนี้คือให้ระฆังรกร้างบูรพาแผ่พลังใส่ผู้มาเยือนทุกคนตามขีดจำกัดและขั้นพลังซึ่งต่างกัน

กล่าวได้ว่าแสงโลหิตนี้เหมือนกับการคัดกรอง ทุกการเปลี่ยนแปลงจะปิดซ่อนกลิ่นอายพลังของคนอื่นเอาไว้ จะเผยออกมาเพียงคนเดียว และเปิดโอกาสให้บุคคลนั้นรับมือกับระฆังรกร้างบูรพาเพียงลำพัง!

อีกทั้งแสงโลหิตนี้ยังสามารถเปลี่ยนกลิ่นอายพลังของผู้เปิดเผยขั้นพลังได้ ทำให้กลิ่นอายพลังต่ำกว่าของจริงสองส่วน ฉะนั้นด้วยวิธีนี้ทุกคนจึงบรรลุการฝึกฝนได้อย่างแท้จริง!

เพราะอภินิหารของระฆังรกร้างบูรพาจะปลดปล่อยพลังที่ต่างกันตามขั้นพลังที่มันตรวจพบ จะไม่มากและไม่น้อยอย่างเด็ดขาด

แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ระฆังรกร้างบูรพาก็ไม่ใช่สมบัติธรรมดา มันคือของศักดิ์สิทธิ์เผ่าหมานแห่งแดนรกร้างบูรพา เป็นสมบัติล้ำค่าที่เทพหมานรุ่นหนึ่งฝากเอาไว้เพื่อปกป้องเผ่าหมาน!

มันมีพลังทำลายล้างในครั้งเดียว ไม่ว่าอีกฝ่ายมีพลังระดับใดก็จะใช้พลังในระดับเดียวกันโจมตี ทว่าหากศัตรูตรงหน้ามันอยู่จุดสูงสุดของขั้นพลังนั้นและสามารถทำล้ายล้างทุกคนได้ มันก็จะใช้พลังที่แกร่งที่สุดในขั้นพลังนั้นโจมตีเช่นกัน!

แต่ต่อให้สำนักอสูรเตรียมตัวเช่นนี้ ภัยพิบัติหมานทุกห้าสิบปีจะมีคนสำนักเซียนอสูรผู้มาเยือนต้องตายด้วยน้ำมือระฆังรกร้างบูรพาอยู่บ้าง!

การควบคุมระฆังรกร้างบูรพาแบบทางอ้อมเช่นนี้ ทั้งยังมีการปรับวิธีของหญิงแห่งโชคชะตา ผู้คิดค้นคนแรกแห่งสำนักอสูรคือจี๋อั้น แม้วิธีนี้จะบ้าบิ่นแม้จะอันตราย ทว่ากลับทำให้คนสำนักอสูรรู้คุณค่าของเวลา ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่งและเข่นฆ่ากับสำนักเซียน เพราะว่าภัยพิบัติหมานนี้สามารถใช้ของวิเศษช่วยได้

ม่านแสงโลหิตที่จี๋อั้นปรับแก้เวลานี้ปกคลุมอยู่เหนือสี่สำนักอสูร แทบเป็นชั่วขณะที่ม่านแสงโลหิตก่อรูปขึ้น ณ สำนักวิญญาณอสูร คนแรกที่รับการทดสอบภัยพิบัติหมานคือผู้แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก หรือก็คือผู้อาวุโสสูงสุดเซินตง!

ซูหมิงจ้องม่านแสงโลหิตด้วยนัยน์ตาวาววับ สายตามองหญิงสาวแปดคนนั้นและยังมีขวดเล็กสีโลหิตตรงหน้าพวกนางอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าซับซ้อน

เขานึกไปถึงหญิงแห่งโชคชะตาผู้สับสนในถุงเก็บวัตถุของเขา…

ยามนี้มีเสียงหึเย็นเยียบแว่วมาจากยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร ภายในม่านแสงโลหิต เป่าชิวมีสีหน้าผ่อนคลายลง ราวกับว่าแรงกดดันหายไปจนหมด ทว่านางยังคงจริงจัง กระทั่งยังตึงเครียดอยู่ลึกๆ ใบหน้าขาวซีดขณะมองแผ่นหลังของซูหมิง

นางรู้ดีว่าการทดสอบที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

เสียงหึเย็นชาแว่วมา ทำให้ผู้ส่งเสียงนั้นกลายเป็นผู้เผยขั้นพลังเพียงหนึ่งเดียวภายใต้ม่านแสงโลหิต พลังแก่กล้าปะทุขึ้นโดยพลัน ระลอกคลื่นสั่นสะเทือนฟ้าดิน

ซูหมิงพลันหรี่ม่านตาแล้วเงยหน้ามองขึ้นไป

เขาเห็นว่าควันดำลอยโชยขึ้นฟ้ากลายเป็นเงามายายักษ์ เงามายามีความสูงพันจั้ง ทุกส่วนเลือนรางเล็กน้อย คล้ายว่าลมพัดก็ปลิวหายไป แต่ตอนนี้ต่อให้มีสายลมแรงกว่านี้ก็ไม่อาจสลายเงามายาควันดำไปได้ เว้นแต่จะเป็นผู้มีขั้นพลังเหนือกว่าวิญญาณหมานสมบูรณ์หรือเหนือกว่าขั้นทรงอำนาจของเผ่าเซียน

เงามายานี้เหมือนบุรุษคนหนึ่ง เพียงแต่ด้วยความที่มันเลือนรางจึงเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่ากลิ่นอายพลังจากร่างนั้นกลับทำให้ซูหมิงหรี่ม่านตาลง

คนผู้นี้มอบความรู้สึกถึงพลังที่คล้ายกับซือหม่าซิ่นหลังรับมรดกเทพหมานรุ่นสองและมีอภินิหารมากมาย!

เวลานี้ ร่างมายานั้นทะลวงผ่านม่านแสงโลหิตมาปรากฏอยู่กลางฟ้า ฉับพลันนั้นระฆังรกร้างบูรพาส่งเสียงอื้ออึงดังสนั่นหวั่นไหว ภายใต้เสียงอื้ออึง ระฆังใบนี้กลับไม่ได้ใช้อภินิหารใดๆ เลย เพียงแต่ใช้ตัวระฆังยักษ์กดลงมายังพื้นดิน

การกดครั้งนี้เพิ่งลดระดับลงมาหนึ่งจั้ง ก็พลันเกิดระลอกคลื่นปานน้ำกระเพื่อมกระจายสู่พื้นดิน ทั้งแผ่นดินส่งเสียงดังเลื่อนลั่น กระทั่งยอดเขาสำนักวิญญาณอสูรยังสั่นไหว มีเศษหินจำนวนมากร่วงหล่น ขณะเดียวกันก็เกิดรอยร้าวบนผืนดินและลุกลามไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

พร้อมกันนั้น ร่างมายายักษ์ยกสองมือขึ้นราวกับค้ำยันแรงกดดันจากฟ้าเอาไว้ เพื่อต่อต้านแรงกดทับจากระฆังรกร้างบูรพา

เสียงคำรามต่ำดังก้องดุจคนกลั้นหายใจหนึ่งเฮือกไว้ แล้วผ่านไปพักใหญ่ถึงปะทุออกมา เสียงนั้นดังกังวานดั่งสายฟ้าผ่า ร่างเลือนรางเหมือนจะรับแรงกดดันไม่ไหว เกิดเสียงดังโครมขึ้น สองมือของร่างเงาพลันระเบิดกระจุย ขณะเสียงคำรามยังคงดังอยู่ทั่ว ร่างเงามายาก็ระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ต่อหน้าซูหมิงปานแก้วแตก ทว่าขณะมันระเบิดออก ภายในร่างมายาสีดำกลับมีอีกร่างหนึ่งร้องคำรามขึ้นฟ้า เขาเป็นชายวัยกลางคนเส้นผมค่อนข้างยาว สวมอาภรณ์ฟ้า มีนัยน์ตาเป็นแสงดูอึมครึม

“นี่คือพลังสูงสุดของขั้นทรงอำนาจตอนปลายอย่างนั้นรึ มันยังไม่พอจะทำลายล้างข้าหรอก!” ชายวัยกลางคนผู้นั้นคือเซินตง เขาเอ่ยพร้อมกับบินขึ้นฟ้าไปยังระฆังรกร้างบูรพา!

‘เทียบเท่าขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์…หรือขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ของเซียน!’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย มองร่างของผู้อาวุโสสูงสุดเซินตงพลางกล่าวในใจ

‘กลิ่นอายพลังที่เขาเผยออกมากลับไม่ใช่ระดับสมบูรณ์ แต่เป็นตอนปลายที่ลดลงไปหนึ่งขั้น เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับม่านแสงของหญิงแห่งโชคชะตา…..’ ซูหมิงหรี่ม่านตาลง มองเล่ห์เหลี่ยมที่สำนักอสูรใช้ต่อต้านภัยพิบัติหมานออกแปดถึงเก้าส่วน และด้วยเรื่องนี้เขาจึงคาดเดาออกว่าพลังที่ระฆังรกร้างบูรพาปลดปล่อยออกมาน่าจะเป็นขีดจำกัดของขั้นพลังนี้

ซูหมิงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาแวววาว มองเซินตงบนฟ้าที่เข้าไปใกล้ระฆังรกร้างบูรพามากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงที่จะไปเข้าใกล้กลับมีระลอกคลื่นชั้นหนึ่งขยายมาจากตัวระฆัง กลายเป็นแม่น้ำภูเขามายาอยู่นอกระฆังรกร้างบูรพา!

แม่น้ำภูเขานั้นเป็นภาพมายา แต่ก็สมจริงขึ้นอย่างรวดเร็ว ประหนึ่งว่ามีแม่น้ำและภูเขาใหญ่บนท้องฟ้า!

แม่น้ำภูเขานี้คือรูปแกะสลักที่นูนมาจากตัวระฆังรกร้างบูรพา รูปเดิมมันเป็นเก้าภูเขาเก้าแม่น้ำ เก้าทะเลทรายรกร้าง!

ยามนี้แม่น้ำหนึ่งภูเขาหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ไม่มีทะเลทรายรกร้าง! ตอนที่พวกมันเผยออกมา ซูหมิงเห็นว่าเซินตงมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง พอแม่น้ำภูเขาเข้ามาใกล้ก็กลับกลายเป็นมังกรยาวตัวหนึ่งพุ่งตรงไปหาเซินตง เกิดเสียงโครมดังสนั่น ชั่วพริบตาเดียวมันก็มาปรากฏอยู่เหนือศีรษะเซินตงแล้วกดทับลงไปอย่างรุนแรง

กล่าวไปแล้วเหมือนช้า ทว่าความจริงตั้งแต่ปรากฏแม่น้ำและภูเขาจนถึงตอนนี้ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ท่ามกลางเสียงโครมครามดังกังวาน แม่น้ำภูเขาหายไป เซินตงกระอักโลหิตกองใหญ่ แต่ก็ยังหัวเราะเสียงดังพร้อมกับกระเด็นถอยไป

ม่านแสงสีโลหิตของสำนักวิญญาณอสูรเปลี่ยนไปตามการขยับเท้าของหญิงแห่งโชคชะตาแปดคน มันเข้าปกคลุมกลิ่นอายพลังของเซินตงโดยทันที มีระลอกคลื่นพลังจากอีกคนหนึ่งเผยมาอย่างชัดเจน จากนั้นภัยพิบัติหมานรกร้างบูรพาก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง ซูหมิงเห็นว่าในสำนักอสูรรวมถึงเผ่าหมานที่ปรับสายเลือดล้วนถูกบีบให้ออกมาทีละคนตามการแปรเปลี่ยนของม่านแสงโลหิต บ้างก็ข้ามผ่าน บ้างก็…..ตาย

เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง…

“นี่คือคนที่เก้า…” เสียงเป่าชิวดังมาจากด้านหลังซูหมิง นางหน้าซีดขาวยามมองฟ้าด้านนอก

ซูหมิงไม่กล่าวอะไร สีหน้าเขาเริ่มเศร้าโศก เหตุที่เศร้าไม่ใช่เพราะผู้มาเยือนหรือหมานปรับสายเลือด แต่เป็นเพราะความยึดมั่นไม่แปรเปลี่ยนมาแต่โบราณกาลของของศักดิ์สิทธิ์รกร้างบูรพา…

ต่อให้ยึดมั่นมาจนถึงตอนนี้ แต่ก็ถูกสำนักอสูรใช้เป็นภัยพิบัติหมานเพื่อฝึกฝนสำนักของพวกเขา

ซูหมิงมองระฆังรกร้างบูรพาโจมตีบุคคลนอกเผ่าที่เผยกลิ่นอายพลังอย่างแจ่มชัดไปเรื่อยๆ เป็นเวลาหนึ่งวันในทุกห้าสิบปีก็จะเสร็จภารกิจของมัน แม้การเสร็จสิ้นภารกิจจะยากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็ยังคงยึดมั่นทำต่อไป

ซูหมิงหลับตาลง เขาเพิ่งหลับตาไม่นาน หอที่เขาอยู่ก็พลันมีไอหนาวอบอวลอยู่รอบๆ ในเวลาเดียวกันภัยพิบัติหมานของเป่าชิวก็มาถึง!

แรงกดดันมหาศาลถาโถมลงมายังหอแห่งนี้ กดทับร่างเป่าชิวเอาไว้ นางตัวสั่นสะท้านพลางกัดฟันต่อต้าน

ส่วนซูหมิงยังคงหลับตา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!